บทที่ 1 1
เทียนหอมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้า ในมือคือกล้องที่มีสายคล้องคอไว้ เธอใส่เสื้อยืดกับกระโปรงทรงพลีทยาวคลุมเข่า ผมยาวมัดรวบปล่อยเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง เปิดเผยดวงหน้าเรียวรูปไข่ที่ประกอบไปด้วยเครื่องหน้าสวยเฉี่ยว ดวงตาโตเรียว ปากอิ่ม จมูกโด่งรั้น เธอแต่งหน้าอ่อนๆ ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ได้เสริมแต่งจุดไหนมากเป็นพิเศษ โดยรวมแล้วเธอแต่งตัวเรียบร้อยตามกาลเทศะ แต่แม้จะแต่งเรียบง่าย ทว่าใบหน้าสวยหวานของเธอก็ยังดูผุดผาดโดดเด่นอยู่ดี
เธอมีกระเป๋าสะพายข้างคล้ายถุงย่าม ในนั้นมีทั้งสมุดสำหรับจดบันทึก และปากกา
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเปลี่ยนจากทำข่าวอาชญากรรมมาอยู่ฝ่ายบันเทิง และงานแรกของเธอก็ไม่ใช่การหาข่าวของดารานักร้องหรือบุคคลสาธารณะทั่วไป แต่เป็นการสัมภาษณ์มหาเศรษฐี
นนทิวรรธน์ รดิศไชยนันท์ อายุ 32 ปี มีบิดาเป็นเจ้าของนิคมอุตสาหกรรม ทำธุรกิจนำเข้า – ส่งออกสินค้าและอสังหาริมทรัพย์หลายพันล้าน และมีมารดาเป็นเจ้าของธุรกิจเพชร สตาร์ไดมอนต์
เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวที่จะต้องสานต่อธุรกิจของพ่อและแม่ โดยเขาเรียนจบปริญญาโทจากประเทศออสเตรเลีย และตอนนี้ก็อยู่ในช่วงรับงานต่อจากพ่อแม่ เขาจึงเป็นผู้ชายที่เนื้อหอมที่สุดในช่วงนี้ เป็นคนที่ผู้หญิงร้อยละแปดสิบต่างใฝ่ฝัน ติดอันดับ 1 ใน 10 สามีในฝันที่ผู้หญิงทั่วประเทศพากันโหวตให้
และในตอนนี้เขากำลังคบหาดูใจอยู่กับวิมลิน นางเอกสาวดาวรุ่ง จึงยิ่งเป็นที่จับตามองมากขึ้น เธอเองก็มาที่แห่งนี้เพื่อสัมภาษณ์เขาในฐานะที่เขาเป็นนักธุรกิจไฟแรงและเป็นคู่หมั้นของวิมลิน
กว่าจะติดต่อขอสัมภาษณ์ได้ช่างยากเย็น รอนานเป็นเดือนกว่าทางเขาจะตอบรับยอมให้เธอไปทำข่าวได้ ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะเป็นนักข่าวคนแรกที่ได้รับอนุญาต
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อีกครั้ง แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา เธอยืนนิ่งอยู่หน้าห้องมาพักใหญ่แล้ว
“เชิญสิครับ คุณนนท์ว่างแค่ชั่วโมงเดียวนะครับ เดี๋ยวก็ต้องเข้าประชุมแล้ว” พิพัฒน์ ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะหน้าห้อง ในตำแหน่งเลขาได้เอ่ยเตือนสติ
“อ่า...นั่นสินะคะ คงเพราะฉันตื่นเต้นมากเกินไป” เธอกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ มีเวลาแค่ชั่วโมงเดียว ดังนั้นเธอต้องทำให้ดีที่สุด จะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด
มือเรียวเคาะประตูตามมารยาท
ก๊อกๆ
“ดิฉันนักข่าวไทยนิวสตาร์ค่ะ ที่มาขอนัดสัมภาษณ์คุณในวันนี้”
“...” ไม่มีเสียงตอบรับจากคนในห้อง เธอหันไปมองหน้าพิพัฒน์ ซึ่งฝ่ายนั้นก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะบอกว่า
“เข้าไปได้เลยครับ ผมบอกคุณนนท์ไว้ให้แล้วล่ะ”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้า ก่อนผลักประตูเปิดแล้วเดินเข้าไป...ภายในห้องเย็นฉ่ำ แต่นั่นกลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะตรงก้อนเนื้อที่อกข้างซ้าย
บรรยากาศในห้องอึมครึม ออกสลัวๆ เพราะไม่ได้เปิดไฟ พื้นที่กว้างขวาง มีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ตั้งตระหง่านกลางห้อง ที่ริมผนังห้องด้านหนึ่งเป็นโซฟาตัวยาว
“มาแล้วเหรอ รออยู่พอดี” เสียงห้าวดังจากทางเบื้องหลัง ทำเอาเธอสะดุ้ง ครั้นหันไปมองตามเสียงก็เห็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ยืนอยู่....เธอเองก็พอจะเคยเห็นหน้าเขาผ่านทางสื่ออยู่บ้าง แต่พอได้มาเจอตัวจริงในระยะใกล้ถึงได้รู้...ความหล่อที่มากเกินไปจนอยู่ในจุดอันตราย มันเป็นแบบนี้นี่เอง
ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลัก คิ้วเข้มดำยาวพาดขนานดวงตาสีดำสนิทที่จ้องมองมาเหมือนจะกลืนกินตัวเธอ
“ระ เริ่มงานกันเลยไหมคะ”
“ได้สิ” พูดจบก็คว้าเอวเล็กกระชากจนตัวเธอปลิวมาปะทะลำตัวแกร่ง ก่อนที่ริมฝีปากกระด้างจะทาบทับลงมาที่กลีบปากบาง...หญิงสาวตาโต ดิ้นขลุกขลัก ในสมองปั่นป่วนพอๆ กับช่วงท้อง นี่มันสถานการณ์อะไรกัน เธอไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้
บ้าสิ... นี่เธอโดนเขาจูบอย่างนั้นเหรอ !
โดนท่านประธานที่ใครๆ พากันบอกว่าเลือดเย็นยิ่งกว่ามัจจุราชจูบเนี่ยนะ
พลันนั้น...เรี่ยวแรงที่เธอมีก็อ่อนกำลังลงดวงตาคู่สวยหรี่ปรือ เมื่อปลายชิวหาสากสอดเข้ามาในโพรงปากเธออย่างสำรวจและจาบจ้วง...จูบแรกของเธอโดนขโมยไปโดยไม่ทันตั้งตัว ทว่าเธอกลับไม่รังเกียจ ซ้ำยังวาบไหวไปกับรสสัมผัสแปลกใหม่ที่ไม่เคยคุ้น
จุ๊บ...~
อา... หัวสมองของเธอขาวโพลน ขาสั่น หากแขนแข็งแกร่งไม่โอบเอวเธอไว้ มีหวังตัวเธอคงรูดลงไปกองที่พื้นแน่ๆ
