บทที่ 5 5
“ฮัลโหลค่ะบก... คือเรื่องที่ให้ไปสัมภาษณ์” เธอพูดไม่ทันจบก็ต้องตะลึงอ้าปากค้าง เมื่อฝ่ายนั้นสวนมาว่า
“ทำงามหน้าอะไรไว้”
“คะ คะ คือ....” เธอเสียงสั่น
“คุณนนท์เข้าห้องน้ำแค่แป๊บเดียว แต่เธอก็ไม่รอเนี่ยนะ ชิงกลับก่อน ทำไมถึงทำแบบนี้ พลอยเสียมาถึงผมด้วย”
“เอ่อ....” เธองง
“คุณต้องไปติดต่อขอโทษเขา แล้วขอสัมภาษณ์ใหม่ให้ได้ รู้ไหม” เจ้านายยื่นคำขาด
“ฉันขอเปลี่ยนไม่ได้เหรอคะ คือ....ฉันขอกลับไปทำสายอาชญากรรมตามเดิมไม่ได้เหรอ”
“เทียนหอม นี่เป็นงานนะ กรุณาจริงจังและมีสปิริตให้มากกว่านี้ด้วย”
หญิงสาวหน้าชาหนึบ นี่หมายความว่าเธอจะต้องเจอนนทิวรรธน์อีกหลายครั้งเลยงั้นสินะ...หากคิดจะลืมเรื่องทั้งหมดก็ต้องเริ่มจากการไม่ต้องเจอไม่ต้องเห็นเขาก่อนสิ
“ถ้างั้นฉันขอลาออกค่ะ”
ปลายสายนิ่งไปนาน ก่อนจะตะคอก “นี่มันใช่เวลาจะพูดเล่นไหมคุณเทียนหอม”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่นค่ะ เห็นฉันเป็นคนมีอารมณ์ขันขนาดนั้นเลยหรือไง” เธอพูดเสียงสูงขึ้นจมูก “ฉันขอลาออกค่ะ แค่นี้นะคะ” เธอยืนยันชัดเจน ก่อนกดตัดสายไป
“เทียน...ถึงขั้นลาออกเลยเหรอ” อิงฟ้าเสียงเบา
“อืม...ฉันไม่อยากยุ่งยากน่ะ เธอรู้ไหมว่าคุณนนท์น่ะเขามีแฟนอยู่แล้ว ขืนฉันไปเจอเขาอีก มันจะต้องเกิดปัญหาในอนาคตแน่ๆ เฮ้อ ทำไมตอนนั้นฉันไม่ใจแข็งให้มากๆ นะ ดูเถอะ ผลจากการรู้สึกสนุกชั่วคราว เลยต้องมานั่งทุกข์อยู่แบบนี้ไง งานก็หายากด้วย เฮ้อ”
“เธอวู่วามมากเลยนะ ค่อยๆ คิดสิ อย่าเพิ่งลนลาน”
“เฮ้อ...” เธอถอนหายใจยาว ก่อนปรายตามองเพื่อนรัก “วันนี้ไม่ปั่นต้นฉบับเหรอ”
“เพิ่งปิดต้นฉบับไปเมื่อวาน ส่งสำนักพิมพ์ไปแล้วล่ะ”
“เธอได้นอนบ้างป่ะเนี่ย โห...ดูใต้ตาดิ ดำปี๊ด”
อิงฟ้าชูนิ้วขึ้นมา 3 นิ้ว
“หือ ได้นอนแค่ 3 ชั่วโมงเองเหรอ”
“ไม่ได้นอนมา 3 คืนแล้วต่างหากล่ะ”
“เอิ่ม...เธอกลับไปนอนพักเถอะ ดูจากสภาพตาแล้วไม่น่าไหว โหมงานหนักเกินไปหรือเปล่า”
“เฮ้อ...บก.เร่งนี่ กลัวไม่ทันเลยต้องปั่นแบบพลีชีพถวายวิญญาณ ว่าแต่เธอไม่เป็นอะไรแล้วแน่นะ”
“แน่สิ ไม่ต้องห่วง มีอะไรเดี๋ยวโทรหา ขอบใจนะอิง”
“อืม มีอะไรต้องโทรมานะ ห้ามเกรงใจ อย่าลืมว่าเธอมีเพื่อนอย่างฉันกับโรสอยู่”
“รู้แล้วน่า ไม่ลืมหรอก”
“งั้นฉันกลับก่อน ไปหลับสักตื่น”
“เออ ไปเถอะ”
อิงฟ้ากลับไปแล้ว ในขณะที่เทียนหอมยังคงนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงตามเดิม หลายต่อหลายครั้งที่เธอถอนหายใจยาวอย่างหนักอก...มันจะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นแน่ๆ ใช่ไหมนะ
แล้วนี่เธอต้องตกงาน จะทำยังไงดี...!
นนทิวรรธน์ขมวดคิ้ว หลังจากได้รับแจ้งจากอดีตเจ้านายของเทียนหอม ว่าผู้หญิงคนนั้นขอลาออกจากงานแล้ว...รอยยิ้มประหลาดผุดขึ้นตรงมุมปากได้รูป
น่าสนใจดีนี่ เพิ่งมีเธอนี่แหละที่นอนกับเขาแล้วไม่เรียกร้องอะไรเลย
อย่างน้อยเธอควรเรียกเงินสักห้าแสนสิ ไม่ใช่เอาแต่หลบหน้า ทำเหมือนกับว่าเมื่อคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มือใหญ่ยกขึ้นรูปใบหน้าคมสัน จะว่าไป...เขาก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ต่อให้ได้ฤทธิ์ยารุนแรงแค่ไหน ก็ไม่หน้าจะหูตามืดมัวไปคว้าผู้หญิงแปลกหน้ามานอนด้วย
ปกติเขาเป็นคนที่เหม็นกลิ่นน้ำหอม...และผู้หญิงส่วนมากก็จะใช้น้ำหอมกันเกือบทุกคน
เพิ่งมีเธอที่เขาได้กลิ่นสบู่อ่อนๆ ผสมกลิ่นกายสาว มันกระตุ้นความต้องการได้อย่างไม่น่าเชื่อ
และเขาก็ปรารถนาอยากสัมผัสอีกสักครั้ง
หนีได้ก็หนีไป...ถ้าคิดว่าจะพ้นจากเงื้อมมือเขาได้ล่ะก็... เธอคิดผิด !
วิมลินร้อนใจจนต้องติดต่อหาพิพัฒน์อีกครั้ง นัดเจอกันที่ร้านอาหารข้างทางที่ไม่ค่อยสะดุดตาในช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้มืด
เธอสวมแว่นตาดำและหมวก เพื่อไม่ให้ใครจำได้ว่าเธอเป็นใคร ส่วนพิพัฒน์นั้นนั่งหน้าหมองเศร้า
“มีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับคุณวิ”
“ฉันรู้ว่าคุณเครียดที่ตกงาน ฉันจะจ้างคุณมาเป็นคนขับรถให้ฉัน สนใจไหมล่ะ”
ชายวัยกลางคนเบิกตากว้าง “พูดจริงๆ เหรอครับ”
“จริงสิ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”
“อะไรหรือครับ”
“ช่วยบอกรายละเอียดผู้หญิงที่นอนกับคุณนนท์หน่อยสิ”
พิพัฒน์เหลือบตามองนางเอกสาวตรงหน้า...ผู้หญิงนี่ ต่อให้สวยแค่ไหนก็ไม่พ้นความโลภและความริษยาสินะ แต่ก็ช่างเถอะ เขาสนใจแค่ผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ในเมื่อตอนนี้เขาไม่ได้ทำงานกับนนทิวรรธน์แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปแคร์อะไร
