บทที่ 7 7
“ทำไมล่ะคะ หนูก็จ่ายค่าห้องเช่าตรงกำหนดทุกเดือน ไม่เคยค้างนี่” เธอถามเสียงสูง แววตาเต็มไปด้วยความร้อนใจ ในขณะที่หญิงวัยกลางคนหันหน้าหนีไปอีกทางหนึ่ง
“ก็รู้ว่าไม่เคยค้าง แต่ไม่ให้เช่าต่อแล้วล่ะ”
“คุณป้าต้องมีเหตุผลด้วยสิคะ”
คราวนี้อีกฝ่ายสะบัดหน้ามาจ้องเธอตาเขม็ง “เหตุผลน่ะเหรอ จะต้องมีทำไม ในเมื่อฉันเป็นเจ้าของ ฉันย่อมมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะให้ใครเช่าหรือไม่เช่าได้ แล้วเธอน่ะ...ยังสาวยังแส้อยู่แท้ๆ กลับไปยุ่งกับผู้ชายที่มีเจ้าของแล้วงั้นเหรอ ทำตัวไร้ค่าซะจริง”
หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ อย่างงุนงง “คุณป้าไปเอาเรื่องนี้มาจากไหนคะ”
“มีผู้ชายตัวใหญ่ๆ กล้ามโตสองคน ให้เงินฉันมา 3 หมื่น แลกกับการไม่ให้เธอพักที่นี่ต่อ แถมเขายังบอกอีกว่าเธอน่ะไปยุ่งกับผู้ชายมีเจ้าของ”
“ให้สามหมื่น แล้วคุณป้าก็ยอมงั้นเหรอคะ”
“ก็ยอมสิ เงินน่ะใครบ้างจะไม่อยากได้ ฉันเอาเงินก้อนนั้นมา แล้วเอาห้องไปให้คนอื่นเช่า มีแต่ได้เงินกับเงิน”
“คุณป้า...” เธอเสียงอ่อน
“ไม่ต้องมาเรียก เธอไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลานของฉัน ฉันไม่ใจอ่อนหรอกนะ ให้เวลา 2 ชั่วโมง ขนข้าวของออกไปซะ” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินจากไป
เทียนหอมเดินเข้าห้อง ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น ขาอ่อนจนไม่มีเรี่ยวแรงจะก้าวเดิน วันนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย...ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องไม่ดี
อยู่ดีๆ น้ำตาเธอก็ไหล หญิงสาวยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา ปากอิ่มขบเม้มจนแดงช้ำ...อย่านะ อย่าร้อง...
ยิ่งห้ามตัวเอง น้ำตากลับยิ่งไหล เธอได้แต่นั่งกอดเข่าแล้วร้องไห้เงียบๆ
ว่าจะเข้มแข็งแล้วนะ...แต่สุดท้ายเธอก็อ่อนแออีกจนได้7
เทียนหอมเก็บของออกจากห้องเช่าที่เคยอาศัยอยู่มาหลายเดือน แล้วบากหน้าไปขออยู่ที่บ้านของกุหลาบ เพื่อนของเธอยินดีให้เธอเข้าไปพักด้วยได้....อย่างเต็มใจ แต่เธอกลับไม่สบายใจสักนิด
จะรบกวนเพื่อนนานๆ ไม่ได้เด็ดขาด เธอต้องรีบหาที่พักใหม่ รวมทั้งงานใหม่ด้วย เงินเก็บที่มีเริ่มร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ
เธอซวยมาก...ซวยตั้งแต่วันที่ไปสัมภาษณ์นนทิวรรธน์ เป็นเพราะเขา เธอถึงต้องตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ขนาดนี้
ตอนเย็น เธอตัดสินใจขับรถไปที่บ้านของนนทิวรรธน์ เพราะเธอเคยเป็นนักข่าวมาก่อน เป้าหมายของเธอบ้านอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร ข้อมูลพื้นฐานทุกอย่าง เธอจึงมักจะศึกษามาเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เธอจะรู้จักบ้านเขาและมาถูก
เธอลงจากรถเก๋งคันกลางเก่ากลางใหม่ ก่อนจะกดกริ่งรัวๆ อย่างบ้าคลั่ง
“โอ๊ย ! จะกดรัวอะไรขนาดนั้น มารยาทน่ะมีบ้างไหม” หญิงรับใช้วัยกลางคนรูปร่วงอ้วนท้วน ผมหยิกสั้นแค่ติ่งหู ผิวสีดำแดง ใส่เสื้อคอกระเช้ากับผ้าถุงลายดอกสีแดง เดินแกมวิ่งตรงมาที่รั้ว
“มาพบคุณนนท์หรือคะ”
“ใช่ค่ะ” เทียนหอมมือเย็นเฉียบ พยักหน้ารับ เธอรู้ว่าเขาแยกตัวมาอยู่บ้านคนเดียว และมีคนรับใช้เพียงคนเดียวเท่านั้น ในขณะที่พ่อแม่ของเขาอยู่บ้านห่างจากที่นี่ไปประมาณ 3 กิโลเมตร ที่นั่นหลังใหญ่โตราคานับร้อยล้าน คนรับใช้เป็นสิบคน นนทิวรรธน์ไม่ชอบความวุ่นวายถึงได้ปลีกตัวมาสร้างบ้านอยู่แยกต่างหาก...แม้จะไม่ได้ใหญ่โตเป็นร้อยล้าน แต่เธอคาดคะเนจากสายตาแล้วคงไม่ต่ำกว่าห้าล้านแน่นอน
“ได้นัดไว้ก่อนหรือเปล่าคะ”
“ไม่ได้นัดค่ะ”
ดาวเรืองกวาดตามองผู้หญิงตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างสำรวจ...การแต่งกายดูบ้านๆ ไม่ได้ไฮโซอะไร คงไม่ใช่คนสำคัญนัก น้ำเสียงที่พูดจึงทั้งแข็งและกระด้าง “ถ้าไม่ได้นัดก็เชิญกลับไปเถอะค่ะ คุณนนท์ไม่ได้ว่างขนาดนั้น”
“แล้วป้าเป็นอะไรกับคุณนนท์เหรอ ถึงได้คิดแทนเขาน่ะ” เธอสวนกลับ...ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร เธอไม่ได้มาเพื่อประนีประนอม แต่มาเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม
หญิงวัยกลางคนหน้าซีด ไม่ทันได้พูดอะไร เทียนหอมก็พูดต่อเสียก่อน
“เป็นคนรับใช้ใช่ไหมคะ ดีจังนะ คนรับใช้ของที่นี่คิดแทนเจ้านายได้ ทำแบบนี้มันไม่ล้ำเส้นเกินไปหน่อยหรือคะ ไปบอกเขาค่ะว่าเทียนหอม อดีตนักข่าวจากนิวสตาร์มาขอพบ ถ้าเขาเป็นลูกผู้ชายจริงๆ ให้ออกมาคุยกัน แต่ถ้าไม่กล้าก็ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจว่าระดับเศรษฐีหมื่นล้านขี้ขลาดที่จะยอมเจอกับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไปบอกตามนี้แหละ”
ดาวเรืองเม้มปากแน่น ก่อนจะสะบัดหน้าเดินกลับเข้าไปในบ้าน
ประมาณห้านาทีต่อมา ดาวเรืองก็เดินออกมาบอกว่า
“คุณนนท์ให้นั่งรอที่ห้องรับแขกก่อนค่ะ” พูดพลางเลื่อนรั้วเปิดให้ แล้วเดินนำหญิงสาวเข้าบ้าน เธอเหลียวมองโดยรอบ...สวนสวย จัดแต่งเป็นระเบียบ ทั้งไม้ดอกไม้ประดับ ส่วนตัวบ้านหลังโอ่อ่าใหญ่โต
