บทที่ 8 8

ทาสีครีม ภายในบ้านยิ่งหรูกว่าภายนอกเสียอีก แม้กระทั่งห้องโถงก็ยังเปิดแอร์

เธอนั่งบนโซฟา รอคอยอย่างใจเย็น...ท่องคำที่เตรียมจะพูดเมื่อเจอหน้าเขา ท่องอยู่ในใจซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ

แต่ทว่า...ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ก็ไม่เห็นแม้เงาของเขา น้ำดื่มสักแก้วก็ไม่มีมาเสิร์ฟ เธอเริ่มหงุดหงิด หันไปถามดาวเรืองที่ทำความสะอาดอยู่ใกล้ๆ

“เขายังไม่มาอีกเหรอ”

“กรุณารอสักครู่ค่ะ”

เธอจำใจต้องรอต่อ...จนผ่านไป 1 ชั่วโมงเต็มๆ

“นี่...ยังไม่มาอีกเหรอคะ”

“กรุณารอสักครู่ค่ะ”

เทียนหอมมาที่นี่ตั้งแต่ 5 โมงเย็น จนตอนนี้ 1 ทุ่มแล้ว ยังไม่เห็นแม้เงาเจ้าของบ้าน เธอลุกพรวด

“ฉันรอไม่ไหวแล้ว เสียมารยาทจริงๆ ที่ให้แขกรอนานขนาดนี้”

ดาวเรืองยักไหล่ ไม่ทันได้พูดอะไร เสียงห้าวทุ้มก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ให้รอแค่ 2 ชั่วโมงก็ทนไม่ไหวซะแล้วเหรอ”

ดาวเรืองรีบเร้นกายออกจากบริเวณนั้น ในขณะที่เทียนหอมค่อยๆ หันหน้าไปมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น

“แค่งั้นเหรอคะ คุณลองมาเป็นฝ่ายรอ 2 ชั่วโมงดูบ้างไหมล่ะ อยากรู้นักว่าจะยังใช้คำว่า ‘แค่’ ได้อีกไหม”

“ตอนที่คุณมา ผมกำลังนอนพักผ่อนอยู่น่ะสิ”

“อะไรนะ ! ” หญิงสาวตาวาว “คุณนอน เลยให้ฉันรอเนี่ยนะ”

“คุณมาโดยไม่ได้นัดไว้ก่อนก็จะเป็นแบบนี้แหละ ว่าแต่ที่มาหาถึงบ้านเนี่ย ต้องการกี่แสนล่ะ” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ในใจนึกเหยียดหยัน เห็นเธอหนีหายไป ก็นึกว่าเธอจะแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น ที่ไหนได้...ผ่านไปแค่วันเดียวก็บากหน้ามาหาเขาถึงที่บ้าน คงจะมาเรียกร้องเงินทองนั่นแหละ

“กี่แสนอะไร” เธองง

“เงินไง คุณมาเพราะอยากได้เงินไม่ใช่หรือไง ต้องการเท่าไหร่ล่ะ”

“นี่คุณ...” เธอกัดฟัน “คิดว่ารวยแล้วจะใช้เงินฟาดหัวใครก็ได้งั้นเหรอ”

“ปกติมันก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง ไม่ว่าใครก็ชอบเงินกันทั้งนั้น” ดวงตาคู่คมหรี่ลงมองเธอ “คุณบากหน้ามาหาผมถึงที่บ้านก็เพราะเงินไม่ใช่หรือไง จะเอาเท่าไหร่ล่ะ ค่าความบริสุทธิ์ของคุณน่ะ ผมยินดีจ่ายให้แพงๆ อยู่แล้ว”

เทียนหอมมือสั่นจนต้องกำไว้แน่น เล็บจิกเข้าอุ้งมือ เผื่อความเจ็บแปลบจะช่วยเตือนสติให้เธอใจเย็น ไม่เหวี่ยงมือไปตบหน้าหล่อๆ นั่น

“เก็บเงินของคุณไว้ซื้อโลงทองเถอะค่ะ ฉันมาที่นี่เพราะต้องการความปลอดภัย”

“ความปลอดภัย ? ” คราวนี้คนที่งงกลับเป็นเขาเสียเอง

“ช่วยห้ามปรามแฟนของคุณบ้าง เลิกรังควานฉันซะทีเถอะ ฉันไม่ได้คิดอยากจะแย่งคุณเลยสักนิด ฉันก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่บังเอิญซวยก็เท่านั้น ถ้ารู้ว่ามาสัมภาษณ์คุณแล้วจะเสียตัว ฉันคงไม่มาหรอก คุณก็ผิดเต็มๆ ที่ทำแบบนั้นกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่ฉันก็ผิดด้วยเหมือนกันที่ดันเผลอตัวเผลอใจไป มันเป็นครั้งแรกของฉัน ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อน พอมันเลยเถิดไปไกลขนาดนั้นแล้วก็แก้ไขอะไรไม่ได้ นอกจากทำเป็นลืมๆ แล้วดำเนินชีวิตต่อไป แต่นี่ฉันอยู่ไม่เป็นสุขเพราะแฟนคุณคนเดียว” เธอต่อว่าฉอดๆ ทำเอาชายหนุ่มถึงกับอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่ดวงตาคมที่เคยเฉยชาอยู่เป็นนิตย์จะมีร่องรอยความขบขันฉายพาดผ่าน

เธอช่างกล้าพูดนะ...กล้ายอมรับว่าตัวเองก็ผิดเพราะดันเผลอตัวเผลอใจไปกับเขาเนี่ยนะ...เป็นผู้หญิงที่แปลกและตลกจริงๆ

“แฟนผมนี่หมายถึงคุณวิมลินน่ะเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิคะ หรือว่าคุณมีแฟนหลายคนล่ะ” เธอค้อนขวับ

“ต้นเรื่องก็มาจากคุณวินั่นแหละ” เขาเล่าแผนการงี่เง่าของวิมลินให้เธอฟังอย่างคร่าวๆ แล้วตบท้ายด้วยการบอกว่า “ผมไม่คิดว่าคุณวิจะมีความคิดเด็กๆ แบบนั้น เลยทำให้คุณพลอยเดือดร้อนไปด้วย แต่คุณก็ต้องยอมรับนะว่าคุณไม่ได้ขัดขืน”

เธอกระแอมในลำคอ “ก็บอกแล้วไงว่าไม่เคยรู้สึกแบบนั้น แต่ เอ๊ะ” ดวงตากลมโตวาวจ้า “ตอนคุณจูบฉัน คุณส่งไวน์เข้าปากฉันตั้ง 2 คำนี่ นั่นอาจเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ฉันเคลิ้ม”

เขาพยักหน้า “ก็อาจเป็นไปได้ แล้วนี่คุณวิไปรังควานคุณยังไง”

เธอเล่าให้เขาฟังด้วยอารมณ์ เล่าจบก็หยุด แล้วสังเกตสีหน้าเขา...เขาเป็นคนที่นิ่งมากจริงๆ ตลอดเวลาที่รับฟัง สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว

“ยังงั้นหรอกเหรอ”

“อะไรนะ ฉันโดนคุกคาม แต่คุณพูดออกมาแค่นี้อ่ะนะ”

“แล้วจะให้ผมพูดยังไงล่ะ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ก็แล้วกัน...เอาล่ะ มาคุยเรื่องของเราต่อดีกว่า”

“อะไร คุยอะไร มีอะไรให้คุยอีกงั้นเหรอคะ” เธอมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง

“มีสิ” ชายหนุ่มขยับเท้าก้าวเข้าหา ในขณะที่เธอถอยหลังเรื่อยๆ จนแผ่นหลังติดกับผนังห้องที่เย็นเฉียบ “บอกตามตรงว่าผมอยากได้คุณอีก”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป