บทที่ 7 Rocasander corporation Group London…
Rocasander corporation Group London…
แพททริกสันในวัย 35 ปี ยังคงความหล่อเหลาเอาไว้ไม่คลาย หยิบกล่องกำมะหยี่หรูขึ้นมาเปิดออกดูนาฬิกายี่ห้อ Hublot Big Bang(อูโบลท์ บิ๊ก แบง) ที่ตัวเรือนของนาฬิกาประกอบด้วยเพชรน้ำงามถึง 1,280 ชิ้น และแต่ละชิ้นมีขนาดถึง 3 กะรัต เจียระไนโดยช่างที่มีประสบการณ์มากกว่า 40 ปี สนนราคาอยู่ที่ 3 ล้าน 5 แสนปอนด์ หรือประมาณ 150 ล้านบาท ที่จะนำไปเป็นของขวัญให้กับมารดา...
ขณะที่แพททริกสันเดินออกมาจากห้องทำงานของบริษัท เตรียมตัวจะไปร่วมงานเลี้ยงที่คฤหาสน์โรคาซานเดอร์ จิมมี่เจมส์ก็เข้ามารายงานว่า เพิ่งได้รับคำท้าแข่งรถจากเจคอป ที่ตอนนี้ซิ่งรถมารออยู่ที่หน้าบริษัท โดยมีเดิมพันคือใครแพ้เสียรถ ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเดินออกจากลิฟต์ตรงมายังที่จอดรถด้านหน้า ก็เห็นน้องชายยืนกอดอกพิง Koenigsegg Agera อยู่ด้วยมาดกวนๆ ตามสไตล์ของอีกฝ่าย
“ไงป๋า!” เจคอปเอ่ยทักทายพี่ชายสุดที่รักด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ไงเจค! อยากได้บูกัตติหรือว่าอยากเสียอาเกร่าล่ะ”แพททริกสันถามน้องชายจอมก่อกวนอย่างอารมณ์ดี
“โว้ๆ ป๋าไม่ได้แข่งไม่ได้ซิ่งมากี่ปีแล้วล่ะ จับแต่ปากกาเซ็นนั่นเซ็นนี่ตลอด ผมก็เลยอยากจะรู้ว่ายังพอจะมีไฟอยู่หรือเปล่าน่ะ!” เจคอปแซวพี่ชาย
“งั้นเดี๋ยวนายจะได้รู้ ว่าฉันยังมีไฟอยู่ไหม!” แพททริกสันตอบกลับพร้อมยกยิ้มมุมปากนิดๆ ที่น้องชายถ่อมาให้เชือดถึงที่
จิมมี่เจมส์กับมาร์ค มือขวาของเจคอปแอบยิ้มให้กัน เพราะนานๆ จะได้เห็นเจ้านายโชว์ฝีมือซิ่งรถสักที
สิบนาทีต่อมา...Bugatti Veyron (บูกัตติ เวย์รอน) สีดำเงาป้ายทะเบียนR1111 ของแพททริกสันกับKoenigsegg Agera (โคนิกเซกก์ อาเกร่า) สีแดงสด ป้ายทะเบียน R3333 ของเจคอป ผลัดกันขึ้นนำไปมาตลอดเส้นทางสู่คฤหาสน์โรคาซานเดอร์ โดยมีขบวนบอดี้การ์ดขับตามอยู่ข้างหลัง เสียงเครื่องยนต์ราคาแพงหูดับดังกระหึ่มมาแต่ไกล ดึงสายตาของคนที่มาร่วมงาน ให้หันมามองกันอย่างสนใจ เมื่อรถซูเปอร์คาร์ทั้งสองคันกำลังขับแข่งกันเข้ามาในงานเลี้ยงวันเกิดแห่งนี้!
บูกัตติสีดำเงาแล่นเข้ามาจอดที่บ่อน้ำพุด้านหน้าคฤหาสน์ก่อนอาเกร่าสีแดงสดเพียง 10 วินาทีอย่างฉิวเฉียด!
แพททริกสันเปิดประตูรถออกมาถึงกับผิวปากอย่างอารมณ์ดีที่เอาชนะน้องชายตัวแสบได้ ‘สะใจเป็นบ้า เขาจะเอาอาเกร่าของมันไปจอดเก็บไว้ที่ไหนดี!’
เจคอปเปิดประตูรถออกมาอย่างหัวเสีย ‘ไม่น่าเลย คิดว่าจะชนะอยู่แล้วเชียว!’
“เจค อย่าลืมเอากุญแจรถของนายให้เจเจล่ะ!” แพททริกสันรีบเอ่ยทันทีที่เห็นสีหน้าบูดบึ้งของน้องชาย
“ครับบบบ คุณแพททริกสัน ได้ตามสั่งเลยครับบบ” เจคอปลากเสียงใส่พี่ชายอย่างหมั่นไส้
‘ให้ตายเถอะ! เขาเกลียดรอยยิ้มที่ยกแค่มุมปากของพี่ชายสุดๆ’คนที่แพ้หันไปส่งสายตาละห้อยให้รถคู่ใจ ก่อนจะส่งกุญแจรถให้มือขวาของพี่ชายอย่างเซ็งๆ
จิมมี่เจมส์ที่รับกุญแจมาเผลอยิ้มกว้างอย่างลืมตัว เมื่อเห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของเจคอป ซึ่งผิดไปจากตอนที่ท้าแข่งรถเมื่อสิบห้านาทีก่อน ลิบลับ
เลโอนาดท์และมะลิฉัตรรีบเดินมาหาลูกชายทั้งสอง หลังจากที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์มาแต่ไกล และสาวๆ ที่อยู่ในงานก็เริ่มขยับออกมาดูสองหนุ่ม ตระกูลโรคาซานเดอร์ตามๆ กัน ราวกับว่ากำลังมารอรับเจ้าชายเสด็จยังไงยังงั้น
“ไง! ไอ้เสือสบายดีนะ” เลโอนาดท์ทักทายบุตรชาย
“สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่ แพทสบายดีครับ” แพททริกสันยิ้มกว้างให้บิดาและมารดาอย่างอารมณ์ดี
“แต่ผมไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ครับ” เจคอปเอ่ยด้วยใบหน้าที่ มึนตึงนิดๆ
“หึ!” แพททริกสันกลอกตาอย่างเซ็งๆ รู้ว่าน้องชายกำลังจะเล่นบทดราม่า
“คือ... พอดีว่าขากลับผมไม่มีรถน่ะครับพ่อ รถผมเสีย! เลยฝากป๋าไปซ่อม พ่อจะใจดีให้ผมยืมรถไปใช้ก่อนสักคันได้ไหมครับ” เจคอปหันไปออดอ้อนผู้เป็นบิดา
“ได้อยู่แล้วเจค ก็รถของลูกเสียนี่! ไม่ได้แข่งแพ้แล้วโดนยึดรถ ซะหน่อยจริงไหม? ฮ่าๆๆ” เลโอนาดท์ประชดคนช่างอ้อนอย่างอดไม่ได้
“ฮ่าๆๆ” แพททริกสันหัวเราะชอบใจที่ผู้เป็นบิดารู้ทันน้องชาย
เจคอปกลอกตาอย่างเพลียๆ ในขณะที่ทุกคนต่างหัวเราะเยาะเขากันอย่างขบขัน แต่ก็ไม่ทำให้เขายอมละความพยายามง่ายๆ
“ว่าแต่ คันไหนก็ได้ใช่ไหมครับพ่อ”
“ใช่! คันไหนก็ได้ยกเว้น Ford Mustang Hennessey คันเดียวลูก ฮ่าๆๆ” เลโอนาดท์เอ่ยพร้อมกับหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆๆ” แพททริกสันยกกำปั้นขึ้นชนกับผู้เป็นบิดาอย่างถูกใจ ที่ดักทางคนเจ้าเล่ห์ได้อีกครั้ง
“โธ่! พ่ออะ ผมเล็งคันนั้นก่อนเลยนะ” เจคอปโอดครวญขึ้นทันทีที่ทุกคนรู้ทันตนไปหมดซะทุกอย่าง
มะลิฉัตรหัวเราะใส่คนที่หน้าบูดอย่างชอบใจ ก่อนจะถามไถ่เรื่องงานที่บริษัทกับโปรเจกต์ใหม่ที่กำลังจะมีขึ้น แพททริกสันบอกรายละเอียดคร่าวๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ เพื่อหาใครบางคน ที่ตั้งแต่เข้ามาในงานยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ
“แพท มองหาใครเหรอลูก?” มะลิฉัตรแกล้งถาม
“เอ่อ...ผมยังไม่เห็นน้องพิมเลยครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ
“อ๋อ! น้องพิมยังอยู่ข้างบนน่ะลูก สงสัยใกล้จะเสร็จแล้วมั้ง”มะลิฉัตรบอกพลางหันไปยิ้มให้สามี
“งั้นแพทขึ้นไปตามน้องเองครับ” แพททริกสันรีบอาสา
“รีบๆ ขึ้นไปเลยนะครับคุณแพททริกสัน ก่อนที่น้ำลายจะฟูมปาก ฮ่าๆๆ” คนที่แพ้พนันอดแขวะไม่ได้ หลังจากเสียอาเกร่าไปก็ดูเหมือนอะไรๆ จะดูขัดหูขัดตาไปหมด ‘หึ! ที่แท้โคแก่ก็อยากกินหญ้าอ่อน’
“ทำไมน้ำลายถึงต้องฟูมปากของฉันฮะเจค!” แพททริกสันหันมาถามด้วยสีหน้านิ่งๆ ทั้งที่รู้ว่าน้องชายหมายถึงอะไร
“นั่นสิ! ทำไมล่ะเจค” มะลิฉัตรถามต่อด้วยความสงสัย
“แม่เคยเห็นไหมครับเวลาที่โคแก่ๆ มันอยากจะเคี้ยวหญ้าอ่อนๆ น่ะ น้ำลายมันจะฟูมปากยังไงล่ะครับ ฮ่าๆๆ” เจคอปบอกเสร็จก็หัวเราะอย่างชอบใจที่ได้เอาคืน หลังจากที่ถูกหัวเราะเยาะมานาน
‘หึ! เขาไม่โกรธให้มันเห็นหรอก ทั้งๆ ที่เขาโคตรจะซีเรียสเรื่องนี้สุดๆ เขารู้ว่าน้องชายหงุดหงิดที่เสียรถ แต่ขอโทษ...วันนี้เขามีเรื่องที่สำคัญกว่ารออยู่’
“เจค! นี่นายเป็นวันนั้นของเดือนหรือเปล่าฮะ! ฉันแค่ 35 ไม่ใช่ 75 ซะหน่อย ที่สำคัญฉันยังหนุ่มยังแน่นและยังมีไฟ แล้วฉันก็คิดว่านายน่าจะรู้ดีนะ เพราะนายเพิ่งจะเสียอาเกร่าให้ฉัน อย่างนี้ใช่ไหมครับแม่ ที่คนไทยเขาเรียกว่าแพ้แล้วพาลน่ะครับ” แพททริกสันร่ายยาว
เลโอนาดท์และมะลิฉัตรพากันหัวเราะบุตรชายคนเล็ก ที่ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรก็ดูจะผิดไปหมด!
“โอเคๆ ผมคงจะเป็นวันนั้นของเดือนอย่างที่ป๋าบอกน่ะแหละ เชิญเลยครับคุณแพททริกสัน เมื่อกี้บอกว่ารีบอยู่ไม่ใช่เหรอ” เจคอปรีบบอก พร้อมกับยกมือขึ้นทั้งสองข้างเพื่อบอกว่ายอมแพ้
แพททริกสันยกยิ้มตรงมุมปากนิดๆ ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในคฤหาสน์ เพื่อหาใครบางคนที่อยู่ในห้วงความคิดของเขาตลอดหลายปี
ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าเดินตรงเข้าไปยังห้องแต่งตัว ด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก...สองปีที่ยาวนานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์ กำลังจะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว!
ขณะที่มะลิฉัตรเอ่ยชวนสามีและบุตรชายคนสุดท้องเข้าไปในงาน ก็พอดีกับที่เสียงเครื่องยนต์ของ Aston Martin (แอสตัน มาร์ติน) สีเเดงสวยเฉียบ ป้ายทะเบียน R8888 ดังกระหึ่มแล่นตรงเข้ามายังคฤหาสน์ และไม่ถึงสองนาทีก็เข้ามาจอดตรงลานน้ำพุด้านหน้า ใกล้ๆ กับที่ทุกคนกำลังยืนอยู่ แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากออร์แลนโด้ บุตรชายคนรองของตระกูล! ชายหนุ่มที่ได้ฉายาเจ้าชายน้ำแข็งแห่งปี
“สวัสดีครับพ่อ แม่! สบายดีนะครับ” ออร์แลนโด้เอ่ยพร้อมกับสวมกอดมารดา ก่อนจะเข้าไปกอดผู้เป็นบิดาต่อ
ทั้งสองกอดตอบและเอ่ยทักทายบุตรชายคนรองที่หายหน้าไปร่วมสี่เดือน
“สบายดีจ้ะ ว่าแต่ลูกผอมลงไปหรือเปล่าอลัน?” มะลิฉัตรมองบุตรชายไปมาอย่างสำรวจ
“ก็นิดหน่อยครับ ช่วงนี้ยุ่งมากครับแม่” ออร์แลนโด้ตอบยิ้มๆ
“ดูแลตัวเองด้วยนะ แม่เป็นห่วงรู้ไหม?” มะลิฉัตรยิ้มก่อนจะชวนบุตรชายและสามีเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง ท่ามกลางสายตาของสาวๆ ที่หันมองตามสองหนุ่มหล่อกันเป็นแถว














