บทที่ 4 ตอน เขาคงปล่อยนางไปไม่ได้แล้ว !

“กรี๊ดดด อย่านะ...”

เสียงกรีดร้องดังขึ้น ร่างงดงามบริสุทธิ์ของเจ้าสาวในคืนวิวาห์ ถูกชายที่เจ้าตัวไม่เคยรู้จักสัมผัสไปทั้งตัว

“ฮือ ปล่อยข้า ฮือ ปล่อยข้าเถอะ...”

คำอ้อนวอนนั้นไร้ผล คนฟังไม่สนใจ อีกทั้งยังปิดปากของนางไว้ ด้วยริมฝีปากของเขา จูบจนนางไร้เสียงร้อง

ทรวงอวบถูกมือของเขาเคล้นคลึงลูบไล้ ไม่มีพื้นที่ใดหลุดรอดรอยมือไปได้ ริมฝีปากถูกบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนบวมเจ่อ

ริมฝีปากร้อนผ่าว เคลื่อนไปบนลำคอขาวผ่อง ขบเม้มจนเกิดรอยจ้ำแดงเป็นจุด ดั่งต้องการประทับตราเป็นเจ้าของเรือนกายนี้

หลิวซืออินน้ำตาไหลริน ยิ่งดิ้นรนมากเพียงใด เขายิ่งแกล้งรังแกนางรุนแรงขึ้น เขาครอบครองทรวงอวบ

ใช้ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดยอดทรวง ดูดเม้มจนเกิดเสียงดัง น่าอับอาย

ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปทั่วทรวงทั้งสองข้าง สลับไปมาไม่ยอมหยุด ลูบไล้ โลมเล้า คลึงเคล้า ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย

หลิวซืออินบิดกายหนีแต่ไม่อาจหลุดพ้น ร่างกายของนางไม่อาจต้านทานเขาไหว ความหวาดกลัวครอบคลุมหัวใจ แรงต่อต้านลดน้อยลง เรี่ยวแรงหมดลงไปทุกที

“กรี๊ดดด”

เสียงกรีดร้องดังขึ้น เมื่อบางสิ่งรุกล้ำแทรกผ่านเข้ามาทำลายพรหมจรรย์ สร้างรอยราคีที่มิอาจลบล้างได้ เขากำลังขยับกายบดขยี้ตีตราบาปบนร่างกายของนาง

เวลาราวกับผ่านไปอย่างเชื่องช้า สภาพของสตรีบนเตียง มิต่างจากบุปผาที่ถูกบดขยี้จนชอกช้ำ

หลิวซืออินนอนนิ่ง น้ำตาไหลรินเจ็บร้าวทั้งกายใจ นางไม่เคยก่อกรรมทำเข็ญ เหตุใดต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้

อยากจะกลั้นใจตายให้หลุดพ้นไปจากความอดสูนี้ แต่ภาพของท่านย่าวาบเข้ามาในหัว

หากนางตายไป คงไม่ได้กลับไปพบท่านย่าอีก หลิวซืออินข่มความเจ็บช้ำไว้ในอก ปลอบประโลมตัวเองให้เข้มแข็งขึ้น

นางถูกข่มเหงไม่อาจเรียกคืนความสาว แต่ชีวิตและลมหายใจของนางยังมีอยู่ นางยังมีความหวังจะรอดกลับไป

"ข้าทำผิดอันใด เหตุใดเจ้าถึงทำกับข้าเช่นนี้"

หลิวซืออินเอ่ยถาม ด้วยน้ำเสียงขมขื่น นางไม่เคยรู้จักเขา ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า เหตุใดเขาจึงทำร้ายนางอย่างไร้ความปรานี

"ผิดสิ ผิดที่เจ้าเป็นเจ้าสาวของหยวนจงเหลียง ถ้าเจ้าไม่แต่งกับมัน ข้าคงไม่เอาตัวเจ้ามา"

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากับหยวนจงเหลียง มีความแค้นอันใดกัน เจ้าได้ฆ่าเขาตายไปแล้ว เหตุใดถึงฉุดข้ามา”

นางเอ่ยเสียงเจือสะอื้นน่าเวทนา ชุดเจ้าสาวสีแดงขาดวิ่น ถูกใช้ปิดบังความเปลือยเปล่าที่ถูกเขาสร้างรอยราคีจนเป็นรอยช้ำไปทั้งกาย

เยี่ยเหวินเจ้าละสายตาจากภาพนั้น ในใจรู้สึกผิดขึ้นมา สตรีนางนี้มิได้มีความผิดอันใด เขาบุกเข้าไปในขบวนแต่งงาน

เพียงเพื่อต้องการสังหารหยวนจงเหลียง โดยมีสหายจากสำนักคุ้มภัยคอยช่วยเหลือ คนในขบวนถูกฆ่าปิดปากจนหมด เหลือนางเพียงคนเดียวที่เขาขอชีวิตไว้

"สหายทุกท่าน สตรีนางนี้ข้าจะนำตัวไปเป็นภรรยาของข้า"

เหล่าสหายจึงปล่อยให้เขาพาตัวนางขึ้นเรือมาด้วย หากปล่อยนางไว้อาจถูกสหายของเขาข่มเหง นางงดงามเพียงนี้คงไม่อาจรอดพ้นจากชายกลัดมันกลุ่มนั้นได้

ก่อนแยกย้ายเหล่าสหายมอบสุรามงคลให้เขาไว้ดื่ม เยี่ยเหวินจ้าวไม่ทันคิดว่าสหายคิดส่งเสริม

ใส่ยาปลุกกำหนัดในสุราให้เขา เมื่อนำมาดื่มฤทธิ์ยาทำให้ขาดสติ พลั้งเผลอข่มเหงนาง

เขาคงปล่อยนางไปไม่ได้แล้ว !

“เจ้าเจ็บมากหรือไม่”

เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยถาม แต่นางกลับนอนนิ่งไม่ยอมตอบ เขาจึงแก้เชือกมัดมือ รวมถึงผ้าคาดตานางออก

หลิวซืออินจึงได้เห็น ใบหน้าของโจรชั่วที่ข่มเหงนาง คนผู้นี้มีใบหน้าหล่อเหลา

รูปลักษณ์ราวกับคุณชายผู้สง่างาม ต่างจากภาพโจรในความคิดของนาง ว่าจะต้องมีใบหน้าอัปลักษณ์ท่าทางโหดเหี้ยม

เขาหน้าตาดีแล้วอย่างไร คนหน้าตาดีใช่ว่าจะเป็นโจรไม่ได้

นางเมินหน้าหนีไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย ไม่อยากจดจำคนเลว ที่ข่มเหงสร้างรอยราคีให้นาง

หากมีชีวิตรอดกลับไป จะขอลืมคืนวันเลวร้ายนี้ไปให้ได้

“มองหน้าข้า!”

เขาจับปลายคางบังคับให้มองหน้า หลิวซืออินหลับตาไม่ยอมมองหน้า นางเกลียดชังคนผู้นี้ ไม่อยากมองให้เสียสายตา

"ถึงเจ้าจะชิงชังรังเกียจข้า ตอนนี้เจ้าก็เป็นของข้าแล้ว มันไม่มีทางย้อนกลับไปได้อีก"

"แล้วอย่างไร ข้าไม่ได้เต็มใจ เจ้ามันแค่โจรชั่วข่มเหงคนไร้ทางสู้" นางก่นด่าเขา

"สวมเสื้อผ้า เราจะกราบไหว้ฟ้าดินกัน"

เยี่ยเหวินจ้าวรู้ดีว่านางเกลียดชังเขา แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องรับผิดชอบชีวิตนาง ด้วยการรับนางเป็นภรรยา

"ไม่ ข้าไม่ทำ ฝันไปเถอะ"

หลิวซืออินแม้ภายนอกจะดูเป็นคนอ่อนหวาน แต่ยามดื้อรั้นขึ้นมา นางก็ไม่ยอมถูกบังคับง่ายๆ

"สวมเสื้อผ้า แล้วกราบไหว้ฟ้าดินกับข้า"

เขาเอ่ยย้ำ แต่หลิวซืออินไม่ยอมขยับตัว เยี่ยเหวินจ้าวมองสตรีจอมดื้อดึงคนนี้แล้ว รู้สึกอยากปราบพยศนางขึ้นมา

ตกเป็นของเขาแล้วยังไม่ยอมกราบไหว้ฟ้าดินด้วย อยากจะรู้นักว่า

จะดื้อรั้นได้ถึงไหน เขายื่นมือไปกระชากชุดเจ้าสาวที่คลุมร่างของนางออก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป