บทที่ 1
ในห้องที่สะอาดสว่างสดใส บนเตียงใหญ่มีชายหญิงคู่หนึ่งเปลือยกายพัวพันกัน!
มิณท์รัตน์ที่ถูกตัดแขนขาและยัดใส่แจกัน ถูกจงใจย้ายมาไว้กลางห้อง เพื่อให้มองดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนเตียง!
คนหนึ่งคือน้องสาวของเธอ อีกคนคือคู่หมั้นที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก
แต่พวกเขาก็คือต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องกลายเป็นแบบนี้!
ขาเปลือยเปล่าของผู้หญิงพันรอบเอวของผู้ชายราวกับงู ดวงตาเย้ายวนที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ยจับจ้องไปที่ใบหน้าของมิณท์รัตน์
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ พี่สาวที่รักของฉัน!”
“อือ... อือ... อือ...”
ทันทีที่เห็นเธอ มิณท์รัตน์ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงครวญครางด้วยความโกรธและไม่ยอมแพ้ออกมา
ในปากที่อ้ากว้าง มีแต่ความมืดมิดมองไม่เห็นลิ้น
เพราะลิ้นของเธอ ถูกผู้หญิงคนนั้นดึงออกไปอย่างโหดเหี้ยมแล้ว!
“อยากด่าฉันเหรอ?!” ศุภมณีหัวเราะ “ลืมไปแล้วหรือไง ว่าเป็นเพราะเธอด่าฉันจนร้องไห้ พี่พงษ์ถึงได้ถอนลิ้นของเธอออกมาทั้งราก! เธอยังกล้าด่าฉันอีกเหรอ?”
มิณท์รัตน์เบิกตากว้างจนแทบปริ
นังสารเลว!
นังผู้หญิงใจอสรพิษ!
ถ้าไม่ใช่เพราะฉันบริจาคไตให้เธอ ป่านนี้เธอก็ตายไปนานแล้ว แต่นี่คือวิธีที่เธอตอบแทนฉันงั้นเหรอ?!
ศุภมณีเมินสายตาเคียดแค้นของเธอและแค่นเสียงเย็นชา
“เป็นไงล่ะ ที่ต้องมองผู้ชายที่เธอรักที่สุดมีอะไรกับฉันต่อหน้าต่อตาแบบนี้ คงอยากจะฆ่าฉันใจจะขาดเลยสินะ?! น่าเสียดายนะ ที่ระหว่างเราสองคน คนที่ไม่ได้รับความรักถูกกำหนดไว้แล้วว่าเป็นเธอ คนที่ถูกไล่ออกจากตระกูลศรีวรรณก็คือเธอ สุดท้ายคนที่ต้องตายก็มีแต่เธอเท่านั้น! แม้แต่ผู้ชายที่เธอรักที่สุด ก็ยังอยากจะตายคาอกฉัน มากกว่าที่จะชายตามองเธอด้วยซ้ำ!”
มิณท์รัตน์มองใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความสะใจของเธอ ความเกลียดชังในใจก็พลุ่งพล่าน ส่งเสียงอู้อี้อย่างไม่ยอมแพ้ออกมา
เมื่อเห็นท่าทางของเธอ ศุภมณีก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งและสะใจ!
ผู้ชายกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรงอยู่หลายครั้ง จนศุภมณีหอบหายใจอย่างยั่วยวน อดไม่ได้ที่จะทุบหน้าอกเขาเบาๆ
“โธ่ ต่อหน้าพี่สาว คุณก็สงวนท่าทีหน่อยสิคะ ไม่อย่างนั้นเธอจะเสียใจแค่ไหนกัน!”
พงษ์ไม่เพียงไม่หยุด แต่กลับยิ่งกระแทกกระทั้นอย่างบ้าคลั่งมากขึ้น
มือของเขาบีบเอวของศุภมณีแน่น ในดวงตาเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้หลงใหลในตัวเธอ “นังสารเลวนั่น คุณค่าเดียวที่มันมีอยู่ก็คือบริจาคไตให้เธอ จะมีสิทธิ์อะไรมาให้ฉันต้องสงวนท่าทีเพื่อมัน มีแต่เธอเท่านั้นที่ฉันยอมตายถวายชีวิตให้ได้!”
“พูดถูกค่ะ แต่ตอนนี้ฉันหายดีแล้ว ไม่มีอาการต่อต้านไตเลย ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บเธอไว้อีกแล้ว”
“ได้ เดี๋ยวฉันจะกรอกยาพิษให้มันสักแก้ว รับรองว่าชาตินี้มันจะไม่ได้มาเกะกะลูกตาเราอีก!”
มิณท์รัตน์เบิกตากว้าง มองดูชายหญิงใจหมาคู่นี้ ความเกลียดชังเอ่อล้นเต็มดวงตา
จนกระทั่งถูกพวกเขากรอกยาพิษร้ายแรง เลือดไหลทะลักออกจากทวารทั้งเจ็ด เธอก็ไม่ยอมหลับตา ยังคงจ้องเขม็ง
เธอจะจ้องมองใบหน้าอันชั่วร้ายของชายหญิงคู่นี้ให้ชัดๆ
หากมีชาติหน้า เธอจะต้องฉีกกระชากหน้ากากจอมปลอมของพวกเขา และทำให้พวกเขาชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป!
“มิณท์ เซ็นชื่อเถอะนะ อาการของมณีไม่ดีเลย ในฐานะพี่สาว การบริจาคไตให้เธอหนึ่งข้างก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“หลายปีมานี้ มณีเป็นคนทำหน้าที่ลูกกตัญญูแทนแกมาตลอด ตอนนี้แกพอกลับมาก็แย่งทุกอย่างไปจากน้อง บริจาคไตช่วยชีวิตน้อง ก็ถือเป็นการตอบแทนและชดเชยให้น้องแล้วกัน”
“แค่ไตข้างเดียว แกไม่ตายหรอก ทำไมต้องทำตัวเรื่องมากแบบนี้ ฉันผิดหวังในตัวแกจริงๆ!”
มิณท์รัตน์ถูกเสียงพูดไม่หยุดที่ข้างหูปลุกให้ตื่นขึ้น เมื่อลืมตาก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้
ตรงหน้าคือชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่ง กำลังขมวดคิ้วจ้องมองเธอด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ
ในอ้อมแขนของผู้หญิงคนนั้น มีเด็กสาวในชุดผู้ป่วยคนหนึ่งอยู่
เด็กสาวหน้าซีดขาว ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของผู้หญิงราวกับแจกันที่เปราะบาง ดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยการวางแผนกำลังจับจ้องมาที่เธอไม่วางตา
เมื่อเอ่ยปาก น้ำเสียงกลับอ่อนแออย่างบอกไม่ถูก “คุณพ่อคุณแม่คะ อย่าบีบคั้นพี่สาวอีกเลยค่ะ ถ้าพี่เขาไม่เต็มใจช่วยหนู ก็ช่างเถอะค่ะ ยังไงหนูก็เป็นแค่คนแปลกหน้าที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับคุณพ่อคุณแม่ พี่เขาไม่มีหน้าที่ต้องช่วยหนูอยู่แล้ว หนูไม่เป็นไรค่ะ แค่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการฟอกไตต่อไปอีกหน่อย หนูทนได้ค่ะ!”
ท่าทางที่ดูใจดีและมีน้ำใจของเธอ ทำให้จันทร์จรีรู้สึกสงสารจับใจในทันที
จันทร์จรีโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน เรียกขวัญแก้วตาดวงใจอยู่หลายครั้ง จากนั้นก็หันมาตำหนิด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “มิณท์รัตน์ ทำไมแกถึงได้เห็นแก่ตัวแบบนี้! มณีอุตส่าห์หาเนื้อเยื่อที่เข้ากันได้สำเร็จ มองเห็นความหวังที่จะหายดี แต่แกในฐานะพี่สาว กลับลังเล แกยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”
แคมป์ถึงกับออกคำสั่งโดยตรง “ผมเป็นผู้ปกครองของเธอ มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนเธอได้ทุกเรื่อง! ใบยินยอมผ่าตัด ผมจะเซ็นเอง!”
เมื่อได้ยินคำพูดบีบบังคับทางศีลธรรมที่เหมือนกับชาติที่แล้วทุกประการ มิณท์รัตน์จึงมั่นใจว่าตัวเองได้เกิดใหม่จริงๆ!
ขณะที่แคมป์กำลังหยิบปากกาเตรียมเซ็นชื่อ เธอก็ยื่นมือออกไปคว้าข้อมือของเขาไว้ทันที
“หนูบรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่มีใครมีสิทธิ์ตัดสินใจแทนหนูได้ทั้งนั้น!”
เธอมองพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดตรงหน้าอย่างเย็นชา และเปล่งวาจาประโยคแรกหลังจากการเกิดใหม่ออกมาทีละคำ
ชาติที่แล้ว หลังจากที่ศุภมณีถูกตรวจพบว่าเป็นโรคไตวายเฉียบพลัน และไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลศรีวรรณ ตระกูลศรีวรรณก็รีบตามหาเธอที่ยังอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และรับเธอกลับมาทันที
ตอนแรกเธอคิดว่า ในที่สุดเธอก็มีครอบครัวที่ใฝ่ฝันถึงมาตลอด ไม่เคยคิดเลยว่า ตลอดสิบกว่าปีที่อยู่ด้วยกันมา ตระกูลศรีวรรณได้มองศุภมณี ลูกสาวที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดคนนี้เป็นเหมือนลูกแท้ๆ ไปแล้ว และมองเธอที่เป็นลูกสาวแท้ๆ เป็นเพียงเครื่องมือที่เข้ากันได้กับไตของศุภมณีเท่านั้น
หลังจากที่รู้ว่าไตของเธอเข้ากับของศุภมณีได้ พวกเขาก็เริ่มใช้จิตวิทยาบงการเธอ ให้เธอบริจาคไตให้ศุภมณี
แค่ศุภมณีรู้สึกไม่สบายขึ้นมา ก็จะให้เธอถ่ายเลือดให้ทันที ทุกครั้งที่เธอลังเลแม้เพียงเล็กน้อย หรือแม้แต่ไม่อยากทำเพราะร่างกายไม่สบาย ศุภมณีก็จะพูดเป็นนัยว่า เป็นเพราะพวกเธอไม่มีสายเลือดเดียวกัน เธอถึงไม่ยอมช่วย ทำให้เธอดูเป็นคนเห็นแก่ตัวและใจร้าย
ก็เหมือนกับตอนนี้ ที่เธอขวางแคมป์ไว้ ศุภมณีก็รีบกุมหน้าอกทำท่าเหมือนได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง
“พี่คะ หนูทำอะไรไม่ดีตรงไหน พี่ถึงได้เกลียดหนูขนาดนี้ เกลียดจนอยากให้หนูไปตาย? พี่โกรธที่หนูแย่งคุณพ่อคุณแม่ไปใช่ไหมคะ? แต่หนูไม่ได้ตั้งใจนะคะ หนูไม่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของคุณพ่อคุณแม่ พอรู้ว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ หนูก็เจ็บปวดยิ่งกว่าใคร หนูเคยคิดจะไปแล้ว แต่คุณพ่อคุณแม่ให้หนูอยู่ต่อ ถ้าพี่ไม่พอใจ หนูไปก็ได้ค่ะ ขอร้องล่ะ อย่าทำร้ายคุณพ่อเลยนะคะ!”
ทำร้ายเหรอ?
ดูสิ เธอแค่จับมือของแคมป์ไว้เท่านั้น เธอก็สามารถบิดเบือนการกระทำของเธอให้กลายเป็นการทำร้ายได้แล้ว
และเมื่อดูจากใบหน้าที่เคร่งขรึมของแคมป์ ก็เห็นได้ชัดว่าเขาเชื่อคำพูดของเธอแล้ว
“มิณท์รัตน์ แกจะทำอะไรกันแน่?” แคมป์ทุบโต๊ะอย่างโกรธเกรี้ยว “หรือว่า แกจะทนดูมณีตายไปต่อหน้าต่อตางั้นเหรอ?!”
จันทร์จรีโกรธจนลุกขึ้นยืน เงื้อมือจะตบหน้าเธอ “ฉันคลอดลูกใจร้ายอย่างแกออกมาได้ยังไง ถ้ารู้อย่างนี้ ตอนนั้นน่าจะปล่อยให้แกโตแล้วตายไปเองที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่น่ารับแกกลับมาเลย!”
ขณะที่ฝ่ามือของเธอกำลังจะฟาดลงบนใบหน้าของมิณท์รัตน์ ในแววตาของศุภมณีก็ฉายแววสะใจออกมา
ต่อให้มิณท์รัตน์เป็นลูกแท้ๆ ของตระกูลศรีวรรณแล้วยังไงล่ะ อยู่ต่อหน้าเธอก็ไม่ต่างอะไรกับหมาตัวหนึ่ง
มีเพียงเธอเท่านั้นที่เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลศรีวรรณ มิณท์รัตน์อย่าหวังว่าจะมาแย่งชิงอะไรกับเธอได้เลย!
แต่ทว่า มือของจันทร์จรีที่ค้างอยู่กลางอากาศ ก็ถูกมือเล็กๆ ขาวผ่องข้างหนึ่งจับไว้
ดวงตาสีดำสนิทของมิณท์รัตน์สบตากับจันทร์จรี สายตาที่ไร้ซึ่งความอบอุ่นนั้นทำให้ในใจของจันทร์จรีรู้สึกโหวงๆ
นังเด็กนี่มันเป็นอะไรไป ทำไมจู่ๆ ถึงเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“แก... แกปล่อยฉันนะ คิดจะแข็งข้อแล้วรึไง ถึงกล้าต่อต้าน!” จันทร์จรีตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว
แคมป์โกรธจนทนไม่ไหว “อาละวาดพอรึยัง? แกจะทำอะไรกันแน่?!”
“หนูไม่บริจาคไตให้ศุภมณี ก็กลายเป็นคนใจร้ายแล้วเหรอ?” มิณท์รัตน์มองพวกเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “แล้วพวกคุณที่ไม่เคยเลี้ยงดูหนูเลยสักวัน แต่กลับอาศัยความสัมพันธ์ทางสายเลือดอันน้อยนิดมาบีบบังคับหนู แบบนี้เรียกว่าอะไรคะ?”
แคมป์ถึงกับพูดไม่ออก จากนั้นก็โกรธจนตัวสั่น “เราเป็นพ่อแม่แกนะ แกพูดกับพ่อแม่แบบนี้เหรอ? การอบรมสั่งสอนของแกล่ะ? หมาคาบไปกินหมดแล้วรึไง?”
“มีแม่ให้กำเนิด แต่ไม่มีพ่อคอยสั่งสอน คุณยังจะหวังให้หนูมีการอบรมที่ดีได้อีกเหรอ?” มิณท์รัตน์แค่นหัวเราะ สะบัดจันทร์จรีออก จากนั้นก็จ้องเขม็งไปที่ศุภมณี “ไม่มีไตของฉัน เธอจะตายใช่ไหม?”
ศุภมณีถูกสายตาของเธอทำให้ตกใจจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ใช่... ใช่ค่ะ เพราะฉะนั้นพี่คะ ได้โปรดเถอะค่ะ...”
“ถ้างั้นเธอก็ไปตายซะ!” มิณท์รัตน์พูดขัดจังหวะเธอทีละคำ
ศุภมณีม่านตาหดเล็กลง นังสารเลวนี่เป็นอะไรไป ทำไมจู่ๆ ท่าทีถึงได้แข็งกร้าวขึ้นมาขนาดนี้?
ชาติที่แล้ว เธอถูกพวกเขาบีบบังคับทางศีลธรรม ทำให้คิดว่าในฐานะพี่สาว เธอควรจะเสียสละเพื่อศุภมณี มิฉะนั้นก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นลูกสาวของตระกูลศรีวรรณ
เธอโหยหาการยอมรับจากพ่อแม่ โหยหาให้พวกเขารักเธอเหมือนที่รักศุภมณี ดังนั้นไม่ว่าคำขอจะเกินเลยแค่ไหน เธอก็จะกัดฟันทนยอมรับเสมอ
แต่ไม่คิดเลยว่า นั่นเป็นเพียงการผลักไสตัวเองไปสู่ทางตันทีละก้าวเท่านั้น
ในชาตินี้...
มิณท์รัตน์ยกยิ้มเย็นเยียบจนน่าขนลุก “ศุภมณี บัญชีแค้นระหว่างเรา ฉันจะค่อยๆ คิดกับเธอให้กระจ่างทีละเรื่อง!”
ตอนนี้ เธอยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องไปทำ
















































































