บทที่ 2
มินท์รัตน์พูดจบก็ผลักศุภมณีออกไปอย่างแรง แล้วหันหลังเดินจากไป
“หยุดนะ ห้ามไป!” จันทร์จรีพุ่งเข้ามาคว้าข้อมือของเธอไว้ “เซ็นชื่อ!”
แคมป์ก็มองเธอด้วยใบหน้าบึ้งตึง “ใช่ ถ้าเธอไม่เซ็น วันนี้ก็ห้ามก้าวขาออกจากที่นี่!”
มินท์รัตน์ยิ้มเย็นชา นี่น่ะเหรอพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ!
บังคับขู่เข็ญให้เธอต้องบริจาคไตให้ลูกบุญธรรมคนหนึ่ง
คนที่ไม่รู้เรื่อง คงนึกว่าเธอต่างหากที่เป็นลูกบุญธรรม!
มินท์รัตน์สะบัดมือของจันทร์จรีออกอย่างแรง “ฝันไปเถอะ! ฉันไม่มีทางเซ็นเด็ดขาด ไตของฉันต่อให้เอาไปทิ้ง หรือเอาไปให้หมากิน ก็ไม่มีวันให้ยัยนั่น!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ศุภมณีก็หน้าซีดเผือด น้ำตาคลอเบ้า “ทำไมคะ? พี่คะ มณีไปทำอะไรให้พี่ไม่พอใจเหรอคะ พี่ถึงได้เกลียดมณีขนาดนี้?”
ท่าทางที่โอนเอนเหมือนจะล้มลงได้ทุกเมื่อ กับใบหน้าซีดขาวที่ดูบอบบางน่าสงสาร ทำให้จันทร์จรีเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง!
จันทร์จรีโอบกอดศุภมณีพลางจ้องมองมินท์รัตน์ด้วยสายตาเคียดแค้น “ไม่นึกเลยว่าแกจะเป็นเดรัจฉานอกตัญญู ไม่เห็นหัวพ่อแม่แบบนี้!”
“ถ้ารู้ว่าแกจะเป็นคนแบบนี้ ตอนนั้นฉันไม่น่าให้แกเกิดมาเลย!”
มินท์รัตน์รู้สึกเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจ เธอมองแม่ผู้ให้กำเนิดของตัวเองอย่างเย็นชา แล้วพูดด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกว่า “คุณคิดว่าฉันอยากเกิดมาเป็นลูกคุณนักหรือไง? การมีแม่แบบคุณ ทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยง!”
พูดจบเธอก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง!
ข้างหลัง แคมป์ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “อีสารเลว ถ้าวันนี้แกกล้าเดินออกไปล่ะก็ ต่อไปก็อย่าคิดจะเหยียบเข้ามาในบ้านตระกูลศรีวรรณอีก!”
มินท์รัตน์ยังคงไม่หันกลับมา!
จันทร์จรีโกรธจนต้องกุมหน้าอก ศุภมณีประคองเธอด้วยสีหน้าเป็นห่วง “คุณแม่คะ อย่าโกรธเลยค่ะ เป็นความผิดของมณีเอง! ที่มณีทำตัวไม่ดีพอ พี่สาวถึงไม่ชอบ มะม๊าคะ พวกคุณอย่าไปบังคับพี่สาวเลยค่ะ ถ้าพี่เขาไม่เต็มใจก็ช่างเถอะค่ะ มณีไม่เป็นไร ถึงแม้การฟอกไตจะลำบากมาก แต่มณีทนได้ค่ะ!”
ยิ่งเธอพูดแบบนี้ จันทร์จรียิ่งรู้สึกสงสาร และความรังเกียจที่มีต่อมินท์รัตน์ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น!
“มณี ลูกนี่ช่างใจดีเหลือเกิน! ลูกวางใจเถอะ ต่อให้ต้องมัด แม่ก็จะมัดมันมาเซ็นชื่อให้ได้!”
แคมป์ปลอบอยู่ข้างๆ “ไม่ต้องห่วงหรอก คนไร้ประโยชน์อย่างมัน ออกจากตระกูลศรีวรรณไปก็อยู่ไม่รอดแม้แต่วันเดียว! คอยดูเถอะ อีกไม่นานมันก็จะร้องไห้ซมซานกลับมาอ้อนวอนพวกเรา! ถึงตอนนั้น พ่อจะให้มันคุกเข่าขอโทษลูกให้ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ มณีไม่โกรธพี่สาวหรอกค่ะ ขอแค่พี่เขายอมกลับมา การที่ครอบครัวเราได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาก็สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดแล้วค่ะ!” ศุภมณีทำหน้าว่านอนสอนง่าย
จันทร์จรีโอบกอดเธอแล้วแค่นเสียงเย็นชา “คนเห็นแก่ตัวพรรค์นั้นน่ะเหรอ จะคู่ควรมาเป็นครอบครัวเดียวกับเรา!”
ศุภมณีแสร้งพูดปลอบอีกสองสามประโยค แต่ในใจกลับดีใจจนเนื้อเต้น!
มินท์รัตน์ ถึงแกจะเป็นลูกแท้ๆ แล้วยังไงล่ะ สุดท้ายก็ต้องคอยรับใช้ฉันอย่างเชื่อฟังอยู่ดี
มินท์รัตน์เดินออกจากโรงพยาบาล และรีบโทรออกไปยังเบอร์ที่คุ้นเคยทันที
ระหว่างที่รอสาย หัวใจของเธอก็เต้นรัว
จนกระทั่งมีเสียงทุ้มต่ำเย็นชาดังมาจากปลายสาย “คุณมินท์ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรอีกหรือครับ?”
ด้วยความตื่นเต้น มินท์รัตน์จึงพูดอย่างรวดเร็ว “คุณธนัทคะ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันตกลงจะแต่งงานกับคุณค่ะ!”
ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ!
ในขณะที่มินท์รัตน์กำลังกระวนกระวายใจว่าตัวเองพูดช้าไปจนหมดโอกาสแล้ว เสียงของผู้ชายคนนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ขอเหตุผลด้วยครับ!”
เหตุผลเหรอ?
มินท์รัตน์เม้มริมฝีปาก “ถ้าฉันบอกว่า เมื่อคืนฉันได้คิดทบทวนอย่างรอบคอบแล้ว และรู้สึกว่าข้อเสนอของคุณดีมาก ฉันเลยอยากจะกลับมาคุยกับคุณธนัทอีกครั้ง คุณจะยังให้โอกาสฉันอีกสักครั้งได้ไหมคะ?”
ปลายสายเงียบไปอีกครั้ง
มินท์รัตน์กัดริมฝีปากรอคำตอบจากเขา
ในที่สุด เมื่อปลายสายพูดขึ้นอีกครั้ง คำตอบของเขาก็ทำให้หัวใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของมินท์รัตน์หล่นลงมาอยู่ที่เดิมทันที!
“พรุ่งนี้เก้าโมงเช้า เจอกันที่สำนักงานเขต!”
มินท์รัตน์ส่งเสียงเชียร์อย่างตื่นเต้น แม้ว่าเธอจะรู้ตัวทันและรีบเอามือปิดปาก แต่เสียงนั้นก็ยังเล็ดลอดผ่านโทรศัพท์ไปถึงหูของคนปลายสายจนได้
หลังจากวางสาย นิ้วเรียวยาวได้รูปของธนัทก็เคาะโต๊ะทำงานเป็นจังหวะ
“เรื่องที่ให้ไปสืบประวัติของคุณมินท์รัตน์ก่อนหน้านี้ เป็นยังไงบ้าง?”
วีร์ ผู้ช่วยของธนัทรีบตอบ “คุณมินท์รัตน์โตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าครับ พออายุสิบแปดก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้และออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพทั้งหมดของเธอมาจากการทำงานพิเศษช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนและทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียน เธอได้พบกับพงษ์ แฟนของเธอที่ที่ทำงานพิเศษ ฐานะทางบ้านของพงษ์ก็ไม่ค่อยดี มาจากต่างจังหวัด และเรียนมหาวิทยาลัยด้วยเงินกู้เพื่อการศึกษา ทั้งสองคบกันมาสองปี ความสัมพันธ์ลึกซึ้งมาโดยตลอด จนกระทั่งคุณมินท์รัตน์ถูกตระกูลศรีวรรณตามตัวกลับไป ดูเหมือนว่าตระกูลศรีวรรณจะดูถูกแฟนของคุณมินท์รัตน์ที่มาจากต่างจังหวัดคนนี้มาก คิดว่าเขาไม่คู่ควรกับตระกูลศรีวรรณ ทั้งสองจึงเกิดความขัดแย้งกัน ครั้งล่าสุดที่ทะเลาะกันคือเมื่อครึ่งเดือนก่อนครับ”
วีร์พูดพลางยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้
หน้าปกของเอกสารเป็นรูปถ่ายใบหนึ่ง
ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ของคนสองคน เด็กสาวมีเครื่องหน้าที่ดูอ่อนหวาน ในดวงตาที่สดใสฉายแววแห่งความสุขอย่างเห็นได้ชัด
เด็กหนุ่มดูสดใสหล่อเหลา กำลังทำปากจู๋เพื่อจะหอมแก้มเด็กสาว ดูเหมือนเด็กสาวจะพยายามหลบ แต่ก็ถูกเด็กหนุ่มโอบเอวรั้งตัวกลับมา
กล้องจับภาพช่วงเวลาที่มีชีวิตชีวานี้ไว้ได้พอดี เผยให้เห็นบรรยากาศของรักบริสุทธิ์ที่อบอวลไปทั่ว
สายตาของธนัทจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าที่งดงามโดดเด่นของมินท์รัตน์ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ทันใดนั้นวีร์ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเสริมว่า “ได้ยินมาว่าลูกสาวบุญธรรมของตระกูลศรีวรรณตรวจพบภาวะไตวายเฉียบพลันเมื่อหนึ่งปีก่อน หลังจากนั้นไม่นาน ตระกูลศรีวรรณก็รับคุณมินท์รัตน์กลับบ้าน หลังจากที่คุณมินท์รัตน์กลับบ้าน เธอก็ต้องให้เลือดแก่ลูกสาวบุญธรรมของตระกูลศรีวรรณมาโดยตลอด ยังมีข่าวลืออีกว่า ดูเหมือนตระกูลศรีวรรณตั้งใจจะให้คุณมินท์รัตน์บริจาคไตให้กับลูกสาวบุญธรรมของตระกูลศรีวรรณด้วยครับ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของธนัทก็ลุ่มลึกขึ้นเล็กน้อย
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ธนัทก็สั่งวีร์ว่า “ให้ฝ่ายกฎหมายร่างสัญญาก่อนสมรสฉบับหนึ่ง!”
วีร์ตกใจ
เจ้านายจะฟังคำพูดของคุณย่า แล้วแต่งงานกับคุณมินท์จริงๆ เหรอเนี่ย?
เมื่อได้รับคำตอบจากธนัท มินท์รัตน์ก็รีบกลับไปที่บ้านตระกูลศรีวรรณเพื่อเอาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของเธอทันที
และถือโอกาสย้ายข้าวของของตัวเองออกมาให้หมด
บ้านตระกูลศรีวรรณ... เธอไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกแม้แต่วินาทีเดียว!
โชคดีอย่างยิ่งที่ตอนเธอถูกตระกูลศรีวรรณรับกลับมา ตระกูลศรีวรรณอ้างว่าศุภมณีสุขภาพไม่ดี รับเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจไม่ได้ จึงไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านของเธอกลับเข้ามาที่ตระกูลศรีวรรณ
ไม่เช่นนั้น หากเธอต้องการจะแยกตัวออกจากตระกูลศรีวรรณเพื่อไปแต่งงานกับธนัท ก็คงต้องลำบากอีกไม่น้อย
มินท์รัตน์มองทะเบียนบ้านในมือ พลางจมดิ่งลงสู่ห้วงความทรงจำ
เธอรู้จักกับคุณย่าของธนัทที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย เธอใช้ช่วงวันหยุดจากการทำงานพิเศษช่วงปิดเทอมกลับไปเยี่ยมผู้อำนวยการและเด็กๆ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และบังเอิญเจอคุณย่าที่เกิดอาการหัวใจวายกะทันหันระหว่างทาง
ตอนนั้นรถของคุณย่าเสีย คนขับรถกำลังโทรศัพท์ขอความช่วยเหลืออยู่ข้างทาง เลยไม่ทันได้สังเกตอาการของคุณย่า
เป็นเธอที่เดินผ่านไปแล้วเห็นเข้าพอดี จึงอุ้มคุณย่าลงมาจากรถและทำ CPR ให้
จากนั้นก็ผลัดกับคนขับรถแบกคุณย่าส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด จนในที่สุดก็ช่วยชีวิตคุณย่าไว้ได้
ตอนนั้นเธอไม่รู้ฐานะของคุณย่า ตอนจะกลับจึงได้แลกช่องทางการติดต่อกันไว้ หลังจากนั้นคุณย่าก็นัดเจอเธอบ่อยๆ
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่คุณย่านัดเจอเธอ ธนัทก็อยู่ด้วย
นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับธนัท!
ชายหนุ่มอยู่ในชุดสูทสั่งตัดราคาสูง ผมถูกจัดทรงอย่างไม่มีที่ติ เครื่องหน้างดงามราวกับรูปสลัก ดวงตาสีดำลุ่มลึก เวลาที่มองคนอื่นก็แผ่ไอเย็นเยียบออกมาจนน่าหวาดหวั่น
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเผลอมองไปที่ใบหน้าของเขา เพราะใบหน้านั้นช่างดูดีเหนือใครจริงๆ!
ตอนนั้นเธอไม่เข้าใจเจตนาของคุณย่า จนกระทั่งนั่งลงได้ไม่กี่นาที คุณย่าก็หาข้ออ้างขอตัวแยกไป เธอถึงได้รู้ตัวว่าคุณย่าต้องการจับคู่เธอกับธนัท!
ตอนนั้นทั้งหัวใจของเธอมีแต่พงษ์ แน่นอนว่าเธอไม่ตกลง ทำให้คุณย่าผิดหวังมาก
ต่อมาธนัทติดต่อเธอเป็นการส่วนตัว บอกว่าคุณย่าป่วยหนัก มีเวลาเหลืออีกไม่มาก ความปรารถนาเพียงอย่างเดียวคือการได้เห็นเขาแต่งงานมีลูก! และบังเอิญว่าเธอเป็นคนที่คุณย่าถูกใจ เขาจึงหวังว่าเธอจะแต่งงานกับเขา โดยให้เธอเสนอเงื่อนไขได้ตามใจชอบ พร้อมทั้งสัญญาว่าหลังจากที่คุณย่าเสียชีวิตแล้ว ขอเพียงเธอต้องการ เขาก็พร้อมจะหย่าให้ทุกเมื่อ และจะจ่ายค่าชดเชยให้ตามสมควร
ถึงอย่างนั้น มินท์รัตน์ที่กำลังหลงความรักจนหน้ามืดตามัวในตอนนั้นก็ยังคงปฏิเสธไป
และในไม่ช้าก็ถูกตระกูลศรีวรรณและพงษ์เกลี้ยกล่อมให้บริจาคไตแก่ศุภมณี อีกทั้งหลังผ่าตัดยังไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม จนเกิดภาวะแทรกซ้อน และต้องการเงินจำนวนมากเพื่อรักษา
แต่ตอนนั้นศุภมณีหายดีแล้ว เธอหมดประโยชน์แล้ว ตระกูลศรีวรรณไม่ยอมดูแลเธอ ส่วนพงษ์ก็ทอดทิ้งเธอไป
สุดท้าย เป็นคุณย่าที่รู้เรื่องของเธอ และมาหาเธอที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง บอกว่าจะให้เงินเธอรักษาตัว และเพราะกลัวว่าเธอจะไม่ยอมรับ จึงใช้ข้ออ้างว่าเป็นการซื้อบุญคุณที่เธอเคยช่วยชีวิตไว้
ผลคือหลังจากที่เธอรักษาตัวจนหายดีแล้ว ร่างกายของศุภมณีก็เกิดอาการต่อต้านไตขึ้นมากะทันหัน และจำเป็นต้องผ่าตัดอีกครั้ง
ตระกูลศรีวรรณมาหาเธออีกครั้ง ตอนนั้นเธอได้เห็นธาตุแท้ของคนในครอบครัวนี้แล้ว จึงปฏิเสธคำขอของพวกเขาที่ต้องการให้เธอบริจาคไตให้ศุภมณีอีกครั้ง
ผลสุดท้ายก็คือ เธอถูกศุภมณีจับตัวไป บังคับให้เข้ารับการผ่าตัด และตายอย่างน่าอนาถในที่สุด
















































































