บทที่ 2 วิญญาณเฮี้ยนของขุนแสนคำ (๑)

“บัวงาม นี่เอ็งจำแม่มิได้รึ!”

คุณหญิงจันทร์งามทำท่าลมจะจับอีกรอบเมื่อเห็นว่าหลังจากที่บุตรสาวนามว่า ‘บัวงาม’ ล้มป่วยหลังจากข่าวการตายของชายอันเป็นที่รัก นางก็นอนซมไม่ได้สติมาสามวัน จนวันนี้ที่ลูกฟื้นขึ้นมา ดันเกิดอาการความจำเลอะเลือน จนจำแม้กระทั่งมารดาที่เป็นคนเบ่งนางออกมามิได้

“ใครคือบัวงามอ่ะป้า ฉันเหรอ?” ว่าพลางชี้ไปที่ตนเอง คุณหญิงจันทร์งามถึงกับรับไม่ได้เดินหนีไปทางอื่นจนเด็กสาวที่นั่งอยู่รั้งไว้ไม่ทัน นางสาวบีขมวดคิ้วยุ่ง ไม่เข้าใจคุณป้าการละคร แต่กลับสากคอ หิวน้ำเหลือเกิน “นี่ พวกพี่ๆ น่ะ มีน้ำไหม ถ้ามีเอามาให้ฉันที”

“จะ... เจ้าค่ะคุณบัวงาม” ผู้หญิงผมสั้นนุ่งผ้ารัดอกเหล่านั้นมีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ยอมเอาน้ำใส่ขันมาให้หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงไม้สักแต่โดยดี แม้ว่านางสาวบีจะสงสัยในชื่อบัวงามที่หลุดออกมาจนนับคำได้ของทั้งสาวใช้และป้าคนเมื่อกี้ เลยได้แต่มองไปรอบๆ ห้องที่ตนอยู่ เครื่องตบแต่งดูไท๊ยไทย โบราณเสียจนต้องพลั้งปากถามออกไป

“นี่ ฉันอยู่ที่ไหนเหรอ”

“นะ... นี่คุณบัวงามจำกระไรมิได้จริงๆ หรือเจ้าคะ?” นั่นเป็นคำถามที่ดูจะตื่นตระหนกของพวกหล่อน แต่เธอก็พยักหน้ารับตามตรง

“อื้ม จำอะไรไม่ได้เลย” ซะที่ไหน จำได้โคตรแม่นเลยต่างหาก ก่อนหน้านี้เธอตายคาห้องผ่าตัดหลังจากไปศัลยกรรมหน้าอก วิญญาณหลุดออกจากร่าง ก่อนจะถูกคนที่คล้ายยมทูตโยนวิญญาณลงปากเหว

เอาเป็นว่านรกไม่ใช่แบบนี้ ต้องรู้ก่อนว่าที่นี่คือที่ไหน

“ท่านชื่อบัวงาม เป็นบุตรสาวหลวงศรีจันทร์ มีสามีชื่อขุนแสนคำ แต่หลังจากได้ทราบว่าสามีของท่านตายในการศึก และมาเข้าฝันว่าจักมาเอาชีวิตท่านแลลูกไปอยู่ด้วยในสภาพดาบปักคอ ท่านก็ตรอมใจจนป่วยหนักเจ้าค่ะ”

พรูดดดด

นางสาวบีพ่นน้ำออกมาจนเปรอะเต็มหน้าสาวใช้นางหนึ่ง

“เดี๋ยวพี่ นี่ยุคอะไร!!”

“อโยธยาเจ้าค่ะ” เด็กสาวแทบลมจับไปอีกรอบเมื่อได้รู้ความจริง งั้นก็ไม่แปลกล่ะที่ป้าคนนั้นจะเล่นละครโศกให้ดู ก็หล่อนอยู่ในร่างลูกสาวเขา แถมยังจำแม่บังเกิดเกล้าตัวเองไม่ได้อีก

นึกว่าจะมีแค่ในนิยายหรือละครไทยนะเนี่ย

นี่ฉันมาเกิดใหม่ในร่างของผู้หญิงยุคกรุงศรีหรือเนี่ย!

“แล้วขุนแสนคำนี่อะไร ทำไมอาฆาตฉันจังเลย” เธอตั้งคำถามถึงผีเฮี้ยน ที่เมื่อตายในสนามรบก็มาเข้าฝันเมียว่าจะเอาไปอยู่ด้วยจนเมียตรอมใจเกือบตายแบบขุนแสนคำ เป็นผัวประสาอะไร เป็นผีก็อยู่ส่วนผี ควรปล่อยวางให้นางบัวงามไปมีผัวใหม่ดิ

“ตอนที่ยังมีชีวิต ขุนแสนคำนั้นรักใคร่ท่านมากเจ้าค่ะ หมั้นหมายตบแต่งกันเรียบร้อย ท่านเองก็รักเขามาก แต่เมื่อสองปีก่อนท่านถูกเกณฑ์ไปรบ ท่านเองก็รอเขามาตลอด... จนตั้งครรภ์” ท้ายประโยคสาวใช้เลิ่กลั่กมองหน้ากันเองไปมา เหมือนรู้สึกว่าเรื่องที่เพิ่งโพล่งออกมาอาจไม่ควรพูด

เดี๋ยวก่อน...

พอถึงประโยคนั้นนางสาวบีจำเป็นต้องเบรกเพื่อทำความเข้าใจกับกราฟชีวิตของนางบัวงามที่ตนเองเข้ามาสิงสู่

สามีไปรบสองปี แต่ตัวเองเพิ่งตั้งท้อง

งี้มันไม่ใช่การนอกใจหรอกเหรอ!!

นางบัวงามนอกใจผัวที่ตบแต่งอยู่ไม่ใช่เหรอวะ คนบ้าอะไรผัวไปรบสองปีเพิ่งมาท้องอ่อนๆ ดูที่ท้องก็ยังไม่ป่องดีด้วย

อะ... อ้าว

สรุปตอนแรกที่คิดว่าผียึดติด มีสิทธิ์อะไรมาเข้าฝันจะไปเอาชีวิตคนอื่นทั้งที่ตัวเองตายไปแล้ว

สรุปคืออีหญิงร่างที่กูสิงอยู่นี่แหละคือคนเลว!!

“แล้วไงต่อพี่ เล่าต่อเลย” ถึงจะอยากขอยาดมมากกว่าก็ตาม คนอื่นเขาเกิดใหม่เข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายเชิ่ดๆ สวยๆ บางคนก็เข้าไปอยู่ในร่างนางเอก แต่นี่ฉันมาอยู่ในร่างของหญิงสองใจที่อาศัยจังหวะเหินห่างกับผัวไปมีซัมติงกับซัมวันจนท้องโต พอผัวตายเป็นผีรู้ว่าเมียนอกใจเลยเข้าฝันจะมาเอาชีวิตไปเป็นการแก้แค้น เออ ดี! แบบนี้จะแก้ไขชีวิตนี้ยังไงดีวะ

“ช่วงนี้ข่าวลือเรื่องผีขุนแสนคำเฮี้ยนกำลังกระฉ่อนไปทั่วพระนครเลยเจ้าค่ะ ว่ากันว่าเขามักจักมาตามหาท่านในช่วงยามสาม ร้องเรียกชื่อจักเอาชีวิตท่านแลลูกในท้องอยู่ทุกค่ำคืน ท่านเองก็ไม่กล้าหลับเพราะจักฝันถึงขุนแสนคำในสภาพน่ากลัวจักมาฆ่าเอาชีวิตอยู่ตลอด จนกระทั่งล้มป่วยไปสามคืนนี่ล่ะเจ้าค่ะ”

นางสาวบีนิ่งฟังแล้วก็เอนเอียงไปเข้าใจทางฝ่ายผี ก็ตายแล้วกลับรู้ว่าเมียตัวเองหักหลังแบบนี้ เป็นใครก็เฮี้ยนอยากเอาชีวิตไปทั้งนั้น

ยังไงก็อยากเจรจาก่อน

“งั้นคืนนี้ฉันจะนอนก็แล้วกัน แต่ไม่ต้องให้ใครมาเฝ้าฉันนะ”

ตกดึกสงัด สภาพเรือนโดยรอบวังเวงอย่าบอกใคร นางสาวบีนั่งอยู่ในห้อง หลังจากอาบน้ำผัดแป้งเรียบร้อยตามครรลองของสาวยุคกรุงศรี แม้จะลำบากไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่ ตามประสาคนทำอาชีพหมอผีมีบ้านร่ำรวยจนอาบน้ำด้วยฝักบัวใหญ่ แต่เพราะว่าอดีตเคยอยู่บ้านนา แก้ผ้าอาบน้ำต่างขันกับโอ่งมังกรมาตั้งแต่ยังเด็กเลยไม่ถือว่าเลวร้ายนัก

เธอออกไปสำรวจเรือนภายนอกมาแล้ว ดีกว่านั่งอุดอู้เป็นหญิงป่วยอยู่ในห้อง เหมือนว่าเรือนของแม่สาวบัวงามอะไรนี่จะใหญ่โตโอ่อ่าน่าดู ก็เป็นถึงลูกหลวงที่มีหน้ามีตา มีอำนาจ ไม่แปลกหรอกที่จะมีบ้านเรือนไทยหลังงามเช่นนี้

แต่ยังไม่รู้ที่มาของชายที่มาเป็นชู้เมียชาวบ้าน เห็นทีคงจะต้องสืบต่อไปเรื่อยๆ

ดวงตาของแม่หญิงบัวงามไม่สามารถเห็นภูตผีวิญญาณได้เหมือนอย่างร่างเก่าของนางสาวบีที่มีซิกส์เซ้นต์มาตั้งแต่เกิด สงสัยที่ฝันถึงผัวที่ตายไปแล้ว คงเพราะจิตพิศวาสที่สื่อถึงกันได้ แม่สาวนี่คงมีใจนึกคิดถึงผัวที่ไปรบอยู่บ้างกระมัง

“เอาล่ะ ฉันจะนอนแล้วน้า พ่อผีแสนคำเชิญมาเข้าฝันตามสบาย” ก่อนจะคลุมโปงหญิงสาวโพล่งขึ้นมาด้วยเสียงดังระดับหนึ่งเป็นเชิงท้าทายวิญญาณเฮี้ยนของนายแสนคำ หมอนั่นคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ แม่สาวนี่แหละ เพราะพอฟ้าเริ่มมืดมักรู้สึกหนาวๆ เย็นๆ หลังอยู่ตลอด บางครั้งก็รู้สึกเหมือนมีใครมามองผ่านช่องบานหน้าต่างอีกด้วย

นางสาวบีไม่สวดมนต์ ถอดสร้อยพระที่มีคนเอามาห้อยคอนางบัวงามออกไปวางไกลๆ ตัว ก่อนที่จะค่อยๆ ล้มตัวลงนอนบนฟูกนุ่ม หลับตาลง ค่อยๆ จมลงสู่ห้วงนิทราลึกลับ

สิ่งแรกที่พบเจอคือเพลิงกัลป์ พอมองชัดอีกทีคือเสียงเซ็งแซ่ของดาบเหล็ก เสียงฉีกเนื้อเถือหนังด้วยอาวุธ เสียงระเบิด เสียงกรีดร้องของผู้คน

ความฝันนิมิตให้นางสาวบียืนอยู่ท่ามกลางสงคราม ทัศนียภาพสับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเป็นภาพกองศพของทหารมากมายนอนจมกองเลือดอยู่ บ้างอวัยวะขาด ศีรษะขาด แขนขาด ลำไส้ไหลเกลื่อนกลาดจากแรงระเบิดหรือคมดาบ มีให้เห็นกันแบบไม่เซ็นเซอร์เลยทีเดียว

ปลายเท้าเล็กเดินตามกองเลือดที่ท่วมท้นไปด้วยซากศพ ปากก็สวดมนต์ไปด้วยเพื่อควบคุมสติอารมณ์ของตนเอง ยอมรับว่าครั้งแรกเหมือนกันที่ผีเฮี้ยนจนสร้างนิมิตอลังการแบบนี้ได้ แสดงว่าผู้ชายคนนี้ตอนมีชีวิตอยู่น่าจะมีคาถาอาคมพอตัว

แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวเผลออาเจียนออกมาใส่ซากศพเหล่านั้น เพราะกลิ่นเลือด กลิ่นน้ำหนองคาวคลุ้งเสมือนอยู่ท่ามกลางสถานที่นั้นจริงๆ

นางสาวบีเห็นผีมาก็เยอะ ปราบผีมาก็แยะ แต่ให้มาให้ศพเห็นเลือดขนาดนี้ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน

ตึก

ตึก

ตึก

แหมะ... เผละ

เมื่อหญิงสาวล้มลงอาเจียน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใหญ่ดังขึ้นอย่างหนักแน่น พร้อมกับเสียงเลือดที่หยดลงมาตามทางของร่างนั้นกำลังตรงมาทางหล่อนอย่างเชื่องช้าเป็นจังหวะขนหัวลุก เสียงเหยียบอวัยวะแหลกเหลวของพวกทหารดังจนนึกภาพตามได้

เอาเข้าแล้วไง หรือเราไม่ควรเอาตัวเองไปท้าผีเฮี้ยนสมัยโบราณแบบนี้วะ

นางสาวบีคิดได้แบบนั้นก็สายไปแล้ว ข้อมือเล็กถูกกระชากขึ้นจนลอยเคว้งกลางอากาศแต่ไม่รู้สึกเจ็บ ภาพตรงหน้านั้นชวนให้ตกตะลึง

ชายตัวใหญ่สูงราวๆ 190 เซนติเมตร ตัวใหญ่กำยำมาก สวมใส่โจงกระเบนเปรอะเลือด ดวงตาสีดำทมิฬไม่มีนัยน์ตาขาวกำลังจ้องมองร่างของเธอที่ห้อยต่องแต่งกลางอากาศอย่างเคียดแค้น ตามร่างกายมีบาดแผลเหวอะหลายจุด รวมถึงดาบขนาดใหญ่ที่ปักคอเกือบขาดวิ่น

‘หลับลงแล้วหรือ... อีหญิงชั่ว’ เสียงที่เปล่งออกมานั้นไม่ได้ลอดผ่านปาก แต่ลอดผ่านอวัยวะกล่องเสียงที่ลอดมาทางช่วงลำคอที่หวิดเกือบขาด เสียงนั้นอู้อี้ดูหลอนน่ากลัวมากๆ ‘มึงอย่าเผลอดวงตกเชียว... กูจักตามเอาชีวิตมึงกับเด็กในท้องมึงมาเป็นบริวารกู... อีแพศยา!!’

อย่างหลอน นี่ต้องตายด้วยความแค้นขนาดไหน ถึงได้อยากเอาชีวิตทั้งเมียที่รักและลูกที่ไม่ใช่ลูกตัวเองไปอยู่ด้วยขนาดนี้

แต่ด่ากันขนาดนี้ เอาดาบที่ปักคอมาแทงหนูเลยยังเจ็บน้อยกว่า

“ระ... เราคุยกันดีๆ ได้ไหมพี่ผี” เสียงที่เปล่งออกมานั้นเป็นเสียงของร่างที่ชื่อว่าบัวงาม แต่การใช้คำพูดแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ขุนแสนคำไม่ใช่คนโง่ตั้งแต่มีชีวิตอยู่แล้ว อีกอย่างเขารู้จักนังหญิงนั่นดีกว่าใคร เขากลอกตามองหญิงสาวตรงหน้า เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ดวงจิตของบัวงาม จึงรีบปล่อยร่างนั้นหล่นลงพื้นทันที

ตุบ!

“โอ้ยแม่!!” จะปล่อยลงก็บอกกันก่อนสิไอ้ผีนี่

‘มึงเป็นใคร’

บทก่อนหน้า
บทถัดไป