บทที่ 2 มีสามีแถมมาอีกหนึ่งคน 1
นางหยิบวัสดุบางอย่างมาวางพร้อมหินไฟสองก้อนถูกันไปมาจนเกิดประกายไฟ จากนั้นก็เอาเศษไม้เล็ก ๆ มาใส่เมื่อเห็นไฟเริ่มติดเศษไม้แล้ว จึงหยิบท่อนไม้ใหญ่มาวาง ทุกการกระทำคล่องแคล่วราวกับมาหลายครั้งแล้ว
จากนั้นจึงมองข้าวของในมิติ ซึ่งมีไม่มากนัก มันเหลือแค่ผักที่กลายพันธุ์ที่กินได้เท่านั้น ผักกาดขาวหัวใหญ่ปรากฏขึ้นบนมือนาง วันนี้ผัดผักแบบง่าย ๆ ไปก่อนพร้อมทั้งเผามันหวานไปด้วย เด็ก ๆ ร่างกายต้องการเนื้อสัตว์แต่เวลานี้นางไม่มีจริง ๆ
ฟางเหนียงผัดผักง่าย ๆ เครื่องปรุงรสไม่มี ทำให้มีเพียงรสชาติหวานของผักเท่านั้น เพียงไม่นานก็ทำเสร็จเรียบร้อยจึงได้ยกมาให้เด็กน้อย ซึ่งรออยู่บนพื้นอย่างเรียบร้อย โต๊ะอาหารบ้านนี้ไม่มีน่าจะกินข้าวที่พื้นกัน
ทันทีที่เห็นอาหารบนโต๊ะเด็กน้อยก็ ตาวาวอย่างตื่นเต้น น่าเสียดายที่ไม่มีข้าวสวยด้วย
แต่วันสิ้นโลกข้าวมันก็หมดไปนานแล้ว ที่นางปลูกไว้ก็ต้นใหญ่ที่กลายพันธุ์ อีกทั้งนางยังไม่ได้เกี่ยวเก็บเมล็ดข้าว ดังนั้นคงต้องให้นางมีเวลาไปจัดการข้าวของในมิติเสียก่อน เจ้าก้อนแป้งน้อยกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยแม้จะไม่มีข้าวก็ตาม
เด็กน้อยกินอย่างไม่ปริปากบ่น และยังมีแบ่งมาให้นางกินด้วย เจ้าก้อนแป้งน้อยน่ารักขนาดนี้ จะเป็นลูกนางจริง ๆ หรือ
ฟางเหนียงร่วมกินอาหารไปกับเด็ก ๆ ด้วยเพราะร่างนี้อ่อนแอเกินไปต้องบำรุงเยอะ ๆ แล้วหากปล่อยไว้อย่างนี้แรงฆ่าไก่ก็คงไม่มี!
หลังจากเจ้าก้อนแป้งกินจนอิ่มแล้ว จึงไปเล่นกันอยู่หน้าบ้าน ฟางเหนียงได้มีโอกาสสำรวจใบหน้าตัวเอง ใบหน้าที่ยังอ่อนเยาว์เดาได้ว่าน่าจะยี่สิบปีเท่านั้น ใบหน้านี้งดงามไม่น้อย เพียงแต่ตอนนี้ยังซีดเซียวทำให้เหมือนผีดิบไปจริง ๆ เมื่อดูใบหน้าจนพอใจแล้ว นางจึงถือโอกาสเดินสำรวจแถวบ้านที่มีพื้นที่ประมาณสองจุดสี่หมู่ (1ไร่) เท่านั้น
และบ้านก็เป็นกระท่อมที่ทรุดโทรม หากฝนตกลมแรงคงได้ปลิวหายไปกับพายุฝนเป็นแน่ ห่างออกไปเป็นเพื่อนบ้าน ซึ่งนางก็ไม่รู้ว่าเป็นใครอีกเช่นเคย
“แม่นางฟาง เจ้าอยู่นี่เอง ข้านำเงินเดือนงวดนี้ของพี่ฟาง- เหยียนอวี้มาให้”
ฟางเหนียงมองบุรุษที่สวมใส่ชุดข้าราชการ ซึ่งนั่งเกวียนม้าเข้ามาหานาง พร้อมยื่นถุงใส่เงินอันเล็กมาให้ มองด้วยตาเปล่าก็ดูหนักไม่น้อย
“เดือนนี้จะเยอะหน่อย เห็นว่าพี่ฟางเหยียนอวี้ได้เลื่อนขั้น”
บุรุษผู้ส่งเงินเดือนเอ่ยบอก เมื่อเห็นสายตาที่มองมา เขาแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทางของนาง ปกติเมื่ออีกฝ่ายเห็นตนจะวิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจ และยังชอบส่งสายตาเชิญชวนมาให้อย่างเปิดเผย หากไม่ใช่เพราะตนนับถือพี่ฟางเหยียนอวี้คงรับไมตรีนี้ไปแล้ว แต่ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งสงสารพี่ฟางเหยียนอวี้ที่ได้สตรีเช่นนี้มาเป็นภรรยา
“ขอบคุณท่านมาก”
ฟางเหนียงเอ่ยบอก พร้อมรับถุงเงินมาเก็บอย่างเงียบ ๆ เวลานี้นางไม่รู้จักคนตรงหน้ายิ่งกระโดกกระดากไม่ได้
หากมีคนรู้ว่านางไม่ใช่ฟางเหนียงแม่ของเจ้าก้อนแป้งนั่น อาจถูกนำตัวไปเผาก็เป็นได้ แต่สายตาที่ดูถูกที่มองมานั่นก็ทำให้สับสนไม่น้อย ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมมีนิสัยอย่างไร
“เจ้าเหมือนจะเปลี่ยนไป”
ตงห่าวพูดขึ้นอย่างสับสน ท่าทางสงบของนางเวลานี้ ทำให้คิดว่าตัวเองตาฝาดไปเสียอีก
“ข้าเปลี่ยนไปยังไง แล้วเมื่อก่อนข้าเป็นเช่นไรหรือ”
ฟางเหนียงถือโอกาสสอบถาม ทว่าสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็พอจะทำให้นางเดาได้ เพราะผ่านโลกที่โสมมและเห็นแก่ตัวมามาก ทำให้นางอ่านสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายออก
“เมื่อก่อนข้าอาจทำให้ท่านลำบากใจ ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว ท่านก็อย่าถือโทษโกรธข้าเลยนะ” ฟางเหนียงเอ่ยบอก แสดงท่าทางจริงใจและสำนึกผิดจริง ๆ
“ไม่ใช่ ๆ แม่นางฟาง เอ่อ... คือข้ามีธุระที่อื่นต่อยังไงก็ขอตัวก่อนนะ”
ตงห่าวเอ่ยบอกอย่างร้อนรน ท่าทางน่าสงสารและความจริงใจของนาง เขาก็ไม่อยากจะถือสาหรอก เพียงแต่หลายอย่างเขาไม่อาจพูดออกไปได้ เขายังเป็นสุภาพบุรุษจะให้พูดว่าร้ายสตรีได้อย่างไร
ฟางเหนียงมองส่งร่างสูงโปร่งที่ขับเกวียนม้าไปไกลลิบ แววตาใสซื่อเมื่อครู่กลับมาเย็นชาเช่นเดิม เห็นทีนางต้องสืบความเป็นมาของร่างนี้บ้างแล้ว ดวงตาคู่งามมองถุงเงินแล้วเปิดออกดู ซึ่งมีก้อนเงินรวมแล้วร้อยตำลึงเงิน
ซึ่งค่าเงินที่นี่ต่างจากโลกเดิมมาก หนึ่งพันอีแปะเท่ากับหนึ่งตำลึงเงิน หนึ่งหมื่นตำลึงเงินเท่ากับหนึ่งตำลึงทอง หากใช้อย่างประหยัด ก็จะอยู่ได้อีกหลายเดือน แต่เมื่อมองสภาพบ้านและที่อยู่อาศัยแล้ว เงินจำนวนนี้ไม่น่าจะพอ ยังไงนางค่อยหาวิธีอีกที
แต่เรื่องสำคัญตอนนี้คือนางมีสามี! เกิดมาชาตินี้ราวกับสวรรค์จะชดเชยให้สาวขึ้นคานอย่างนาง ครั้งนี้มีทั้งสามีและยังมีก้อนแป้งคู่นี้แถมมาอีก
เหอะ ๆ ไม่รู้ว่าควรจะซาบซึ้งใจดีหรือไม่ เรื่องนี้เอาไว้ก่อน เพราะก่อนอื่นนางต้องหาเสบียงมาเข้าบ้าน แต่ว่าเมืองอยู่ที่ไหนแล้วไปยังไง และเจ้าเด็กน้อยนี่ฝากไว้กับใครได้ ไม่มีความทรงจำของโลกนี้ เหมือนกับนางโดนปิดหูปิดตาไปด้วย
ฟางเหนียงไม่ชอบอะไรที่ตัวเองไม่รู้ เพราะฉะนั้นนางต้องไปสอบถามเสียก่อน ซึ่งคนแรกที่นางนึกถึงก็คือคนข้างบ้าน แต่กระทั่งชื่อนางก็ไม่รู้จักแล้วจะไปคุยได้อย่างไร
