บทที่ 9

ภคิณเหลือบมองที่รชาอย่างเย็นชาแล้วหันไปคุยกับชายคนนั้นราวกับว่าเขาไม่เห็นเธอ

เมื่อเห็นภคิณ รชาก็สาปแช่งในใจว่า "ฉันบังเอิญมาเจอคนที่ไม่อยากเจอที่สุดตอนออกมาทานมื้อค่ำได้ยังไง ภคิณดูเหมือนจะอยู่ไปทุกที่เลยนะ"

“คุณออกมาทานข้าวกับเพื่อนเหรอ” จู่ๆ เมธีก็ถามขึ้น

วรุตม์ขับรถมาพอดี รชารีบพูดว่า “เพื่อนของฉันมาแล้วค่ะ!”

เมธีมองดูวรุตม์ซึ่งนั่งอยู่ในรถแล้วถามว่า “แฟนเหรอ?”

"เปล่าค่ะ แค่... เพื่อนคนนึง" รชารีบปฏิเสธ

“รชา ทำไมหน้าแดงล่ะ ปกติคุณไม่เป็นแบบนี้นะ” เมธีมองดูรชาอย่างสนุกสนาน

รชาเงยหน้าขึ้นและบังเอิญสบตาภคิณ เธอรีบผลุบเปลือกตาลงและพูดว่า “ผู้จัดการ ฉันไปก่อนนะคะ!”

รชารีบนั่งบนเบาะผู้โดยสารอย่างรวดเร็ว มองผ่านกระจกไปยังภคิณเป็นครั้งสุดท้าย แล้วรถก็เลี้ยวและขับออกไป

ปกติแล้ว เธอเป็นคนตรงไปตรงมาและไม่ลังเลเลย วันนี้เธอเป็นอะไรไป? รชาถามตัวเองในใจ...

เช้าวันรุ่งขึ้น ทันทีที่รชาเข้ามาในห้องทำงาน เมธีก็มาหาเธอด้วยสีหน้าจริงจัง

“เมื่อหลายวันก่อน ฝ่ายการเงินทำพลาดอย่างร้ายแรงเรื่องการกำหนดงบประมาณของเราสำหรับโครงการพัฒนา ท่านประธานให้เราไปที่นั่น”

“ร้ายแรงขนาดไหนคะ?” รชาถามอย่างกังวล

งบประมาณของโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์หลังจากฝ่ายการเงินทำงานล่วงเวลากว่าครึ่งเดือน เธอมีหน้าที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่ในการจับตาดูเรื่องนี้

“ผมไม่รู้ เราจะรู้เมื่อเราไปถึงที่นั่น” เมธีเองก็กังวลมากเช่นกัน

ทันทีที่เมธีและรชาเดินเข้าไปในห้องทำงานของภคิณ เขาก็โกรธมากและโยนแฟ้มโปรเจ็กต์หนาสองนิ้ววางบนโต๊ะของเขา

"คุณทำอะไรลงไป ผมไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าจะเกิดความคลาดเคลื่อนสถิติพารามิเตอร์ขั้นต่ำในงบประมาณ คุณรู้ไหมว่าโครงการนี้มีความสำคัญต่อบริลเลียนซ์ กรุ๊ปแค่ไหน"

"ความคลาดเคลื่อนพารามิเตอร์? พารามิเตอร์ทั้งหมดลิสาเป็นคนดูแล ตอนนี้แม่ของเธอป่วยหนักและเธอยุ่งมากจนทำให้ละเลยไป"

"มีความคลาดเคลื่อนสถิติพารามิเตอร์ได้ยังไงครับ" เมธีถามด้วยความปะหลาดใจ

“หาว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับพารามิเตอร์ในครั้งนี้ นี่สร้างความเสียหายให้กับบริษัทมาก เรื่องนี้ต้องลงโทษขั้นร้ายแรง!” ภคิณโกรธมากจนปลดกระดุมคอเสื้อ

“ผมจะลองตรวจดูเดี๋ยวนี้ครับ…” เมธีเพิ่งเอ่ยปาก

รชารีบพูดขึ้นว่า "ท่านประธานคะ ฉันไม่คิดว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องหาว่าใครควรถูกตำหนิ แต่ต้องหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องงบประมาณต่างหากค่ะ"

ตอนนี้แม่ของลิสายังอยู่ในโรงพยาบาลและมีค่าใช้จ่ายมหาศาล ลิสายังต้องพึ่งพาเงินเดือนอยู่

"แก้ไข? ยังไง?" เสียงของภคิณดุร้าย ราวกับว่าเขากลืนดินปืนเข้าไป

เมธีก้มหัวลงและอธิบายให้รชาฟัง "วันจันทร์หน้าจะมีการประมูล เราไม่มีเวลาทำงบประมาณใหม่แล้ว"

รชาก้มหน้าลงและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น เธอเงยหน้าขึ้นอย่างแน่วแน่และพูดว่า "ยังมีเวลาอีกหกวันก่อนวันจันทร์หน้า ฉันจะรับผิดชอบในการปรับงบประมาณใหม่ค่ะ"

ภคิณจ้องที่รชาด้วยความแปลกใจ เมธีขมวดคิ้วและพูดว่า “รชา ช่วงนี้แผนกการเงินมีหลายเคส ผมไม่สามารถย้ายใครให้มาช่วยคุณได้นะ”

“ฉันทราบค่ะ ฉันแน่ใจว่าฉันจะทำงบประมาณให้เสร็จก่อนวันจันทร์หน้า!” รชาพูดอย่างหนักแน่น

ลิสาจะเสียงานนี้ไปไม่ได้ รชารู้ว่าต้องใช้เวลามากในการปรับงบประมาณใหม่ แต่เธอก็ยังอยากจะพยายามให้สุดความสามารถ

ใบหน้าของภคิณเต็มไปด้วยความดูถูก "คุณคิดว่าคุณสามารถทำงบประมาณให้เสร็จได้ด้วยตัวเองภายในเวลาเพียงหกวันเหรอ คุณคิดว่าตัวเองเร็วกว่าคอมพิวเตอร์อีกเหรอ"

“คอมพิวเตอร์ผลิตด้วยกำลังคนไม่ใช่เหรอคะ” รชาพึมพำ

ประโยคนี้ทำให้ออฟฟิศเงียบลงทันใด ภคิณจ้องเธออย่างเย็นชา และเธอก็ก้มหัวลงทันที เธอเกลียดที่เธอไม่สามารถควบคุมคำพูดของตัวเองได้

ไม่กี่อึดใจต่อมา ภคิณพูดกับรชาอย่างจริงจังว่า "เอาล่ะ ถ้าคุณทำงบประมาณให้เสร็จไม่ทันวันจันทร์หน้า คุณจะถูกไล่ออกทันที!"

เมธีมองที่รชาอย่างกังวลใจ แต่รชาไม่ได้เปลี่ยนท่าทีของเธอ เธอเอื้อมมือไปหยิบงบประมาณและพูดว่า "เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะพยายามแก้ไขค่ะ"

หลังจากนั้น เธอเดินออกจากห้องทำงานประธาน ทิ้งให้ภคิณและเมธีประหลาดใจ

อย่างไรเธอก็ไม่ได้ทิ้งความประทับใจที่ดีใดๆ ไว้ต่อหน้าภคิณอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะได้เลื่อนตำแหน่งและขึ้นเงินเดือนในอนาคต คงจะดีกว่าที่ให้ลิสาอยู่ที่นี่ ถ้าเธอทำงานไม่สำเร็จ เธอจะไปที่อื่นเพื่อเสี่ยงโชค

บทก่อนหน้า
บทถัดไป