บทที่ 4 ตอนที่ 4

คำพูดประชดประชันของบิดาทำให้สไบนางหน้าเจื่อนลงมาอีกอย่างรู้สึกผิด

“สไบขอโทษค่ะพ่อ ต่อจากนี้ไปสไบจะพยายามนับหนึ่งถึงร้อยก่อนที่จะมีเรื่องกับใคร”

“นับให้ถึงยี่สิบพ่อก็ดีใจแล้ว สไบเอ๋ย”

คนฟังได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ เพราะสำนึกผิด

“เอ่อ พ่อ... พ่อไปที่ไร่เสี่ยอ้วนมาพอจะรู้หรือเปล่าคะว่าเสี่ยอ้วนขายไร่ให้ใคร”

ในที่สุดสไบนางก็ฉวยโอกาสเปลี่ยนเรื่องใหม่ทันที อัสกรรู้ทันบุตรสาวแต่ก็ไม่อยากจะกดดันอะไรมากนัก

“เห็นว่าเป็นคนจากกรุงเทพฯ น่ะ ว่าแต่สไบมีอะไรหรือเปล่า”

มีสิ มีมากด้วย สไบนางคิดอย่างขุ่นเคือง หล่อนหรือสู้อุตส่าห์ขอซื้อไร่ส้มต่อจากเสี่ยอ้วนเป็นเจ้าแรกตั้งแต่เสี่ยอ้วนประกาศขาย แต่ดูสิ ดูเสี่ยอ้วนทำสิ ขายให้คนอื่นตัดหน้าหล่อนไปซะอย่างนั้น มันน่าเจ็บใจนัก

“ว่าไงล่ะ พ่อถามว่ามีอะไรหรือเปล่า”

เมื่อเห็นลูกสาวยืนนิ่งก็อดที่จะย้ำถามอีกครั้งไม่ได้

“จะว่ามีมันก็มีนั่นแหละพ่อ ก็อย่างที่พ่อรู้นั่นแหละ สไบเข้ามาคุมไร่ส้มต่อจากคุณแม่เต็มตัวเกือบปีแล้ว และก็มีความคิดที่จะขยายอาณาเขตไร่ของเราออกไปให้ได้มากที่สุด และพอสไบรู้ว่าเสี่ยอ้วนจะขายไร่สไบก็รีบไปติดต่อ แต่ดูสิพ่อ เสี่ยอ้วนหักหน้าสไบขายให้กับคนอื่นไปซะงั้น มันน่าเจ็บใจไหมคะพ่อ”

อัสกรเข้าใจความรู้สึกของบุตรสาวดี แต่ก็พยายามที่จะอธิบายในแง่บวก

“แล้วถ้าสไบเป็นเสี่ยอ้วนล่ะ มีคนมาเสนอราคาให้มากกว่า สไบจะตัดสินใจยังไง”

“สไบก็ต้องให้คนที่มาติดต่อก่อนอยู่แล้ว” สไบนางตอบโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา แต่ก็ถูกผู้เป็นบิดาทักท้วง

“ในความถูกต้องมันคือแบบนั้น แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้สวยงามแบบนั้นหรอกสไบ เงินใครๆ ก็อยากได้ ถ้ามีคนมาเสนอให้มากกว่าเป็นใครก็ต้องรับ แถมสไบยังไปกดราคาของเสี่ยอ้วนด้วยไม่ใช่เหรอ อย่าคิดว่าพ่อไม่รู้นะ”

คนที่กำลังจะอ้าปากโต้แย้ง ต้องรีบหัวเราะกลบเกลื่อน

“สไบไม่ได้กดราคาสักหน่อย แค่ต่อรองลดลงมานิดหนึ่งเท่านั้นเอง”

“ลดทีครึ่งล้านใครจะขายให้ลูกล่ะ”

“ก็สไบอยากมีที่ดินเพิ่มนี่คะพ่อ อยากขยายไร่ส้มที่ตารักให้กว้างใหญ่ไพศาลมากกว่านี้” คนพูดทำเสียงน้อยอกน้อยใจ อัสกรจึงต้องยกมือขึ้นตบไหล่ลูกสาวเบาๆ

“แค่สิบไร่ก็เกินตัวเด็กสาวตัวเล็กๆ อย่างสไบแล้วนะ และอีกอย่างพ่อกับแม่ก็ไม่ได้เข้ามาช่วยดูแลด้วย พ่อไม่อยากให้สไบเหนื่อยมากไปกว่านี้รู้ไหมลูก”

“สไบยอมเหนื่อยพ่อก็รู้นี่คะ”

“พ่อรู้สิว่าสไบของพ่อน่ะขยัน แถมยังเก่งมาก แต่ยังไงซะในสายตาของพ่อกับแม่สไบก็เป็นแค่เด็กผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชายอกสามศอกอย่างที่สไบกำลังสวมหัวโขนอยู่”

หญิงสาวก้มหน้าซ่อนน้ำตาเอาไว้ หล่อนจะไม่มีวันอ่อนแอ สไบนางคนนี้จะเข้มแข็งให้ได้อย่างที่ทุกคนคาดหวัง

“ใครว่าล่ะคะพ่อ สไบอาจจะกำลังค้นพบตัวเองก็เป็นไปได้”

“ไม่จริงหรอก ลูกสาวของพ่อเป็นผู้หญิง และก็ชอบผู้ชาย”

คนฟังหัวเราะร่วน ขบขัน เพราะไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้

“เอาจริงๆ เลยนะคะพ่อ ตั้งแต่สไบจำความได้ นอกจากพ่อแล้ว สไบไม่เคยถูกชะตากับผู้ชายคนไหนเลย เห็นแล้วก็หมั่นไส้ตลอด ขนาดไอ้ส้มจุกบางครั้งสไบยังไล่เตะมันเพราะหมั่นไส้เลย”

“ก็คู่หมั้นของลูกไง สไบ”

ริมฝีปากอิ่มเต็มสีแดงระเรื่อที่กำลังคลี่ยิ้มอยู่ชะงักค้างในทันที

“นั่นคือนรกที่สุดของสไบเลยพ่อก็รู้นี่ สไบสวดมนต์ทุกคืนขอให้หมอนั่นดื่มน้ำแล้วติดคอตายไปซะ จะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับสไบ”

อัสกรแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่กับความแก่นแก้วของบุตรสาว

“งั้นที่เขาประสบอุบัติเหตุก็เพราะลูกน่ะสิสไบ”

แทนที่สไบนางจะตกใจ เสียใจ หรือรู้สึกผิดกลับกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ “เขาตายแล้วใช่ไหมคะพ่อ”

“ไม่ตาย แค่สาหัส”

“ว้า... เสียดาย”

“ทำเป็นพูดดีเข้าไปเถอะ ถ้าเขาพิการขึ้นมาลูกนั่นแหละจะต้องเป็นคนดูแลไปตลอดชีวิต” อัสกรตำหนิบุตรสาวอย่างหมั่นไส้

“จ้างให้ก็ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ สมประกอบสไบยังไม่อยากได้เลย แล้วถ้ามาแบบพิการ สไบผูกคอตายดีกว่า”

หญิงสาวทำหน้าสยดสยอง และส่ายหัวดิก

“คำสั่งของคุณตาลูกขัดได้หรือ สไบ”

คนที่ส่ายหัวอยู่ชะงัก แล้วก็หน้าเจื่อนลง “คุณตาจะรู้ไหมเนี่ยว่าสมัยนี้เขาไม่มีการคลุมถุงชนกันแล้ว”

“อย่าบ่นเลยสไบ ยังไงก็หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอก”

สไบนางถอนใจออกมาอย่างหมดหวัง ความจริงหล่อนรู้มาตั้งนานแล้วล่ะว่าจะต้องแต่งงานกับคนที่คุณตาหมั้นหมายเอาไว้ให้ แต่พอใกล้เวลาเข้าจริงๆ หล่อนกลับรู้สึกเหมือนจะรับไม่ได้ แล้วนี่จะทำยังไงดีนะ

หล่อนเกลียดผู้ชายจะตายไป!

“แต่แต่งแล้วหย่าได้ใช่ไหมคะ”

อัสกรจ้องหน้าบุตรสาวอย่างตกใจ ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ “ถ้าสไบอยากเป็นแม่หม้ายตั้งแต่ยังสาวก็ทำไปเถอะลูก เอาที่สบายใจก็แล้วกัน”

ผู้เป็นบิดาพูดขึ้นอย่างเอือมระอาใจ

“พ่อเข้าบ้านก่อนนะ สไบหิวข้าวก็ตามเข้าไปล่ะ”

สไบนางมองแผ่นหลังของเกษตรอำเภอวัยกลางคนที่เดินจากไปจนลับสายตา ก่อนจะพึมพำออกมาด้วยความห่อเหี่ยวใจ

“นี่แกต้องแต่งงานจริงๆ เหรอ ไอ้สไบ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป