บทที่ 1 ตอนที่ 1
สภาพทางเท้าที่เต็มไปด้วยร้านค้าแผงลอยคึกคักไม่น้อยในยามเย็นย่ำแบบนี้ พนักงานออฟฟิศ รวมไปถึงผู้ใช้แรงงานที่หาเช้ากินค่ำต่างมุ่งหน้าพากันมาจับจ่ายซื้อหาสิ่งที่ตัวเองต้องการกันแน่นถนัด อาจจะเป็นเพราะราคาสินค้าที่ค่อนข้างจะถูกกว่าที่อื่นก็เป็นได้
“ลูกชิ้นได้แล้วค่ะ”
แพรไหมที่ยังคงอยู่ในชุดนักศึกษาส่งถุงลูกชิ้นที่ราดน้ำจิ้มแล้วพร้อมกับถุงใส่ผักที่ประกอบไปด้วยแตงกวาและกะหล่ำปลีหั่นให้กับลูกค้า
“ขอบคุณมากค่ะ อย่าลืมมาอุดหนุนอีกนะคะ”
หญิงสาวรับเงินจากลูกค้ามาใส่ตะกร้าไม้ไผ่ใบเก่าๆ บนรถเข็น ก่อนจะหันไปสนใจลูกค้าอีกสองสามคนซึ่งกำลังเลือกลูกชิ้นที่เสียบไม้เอาไว้แล้วในตู้กระจกตรงหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส หล่อนไม่เคยบ่น ไม่เคยรังเกียจกับภาระหน้าที่นี้เลย ตรงกันข้าม หล่อนกลับดีใจเสียอีกเพราะได้ช่วยเหลือแม่แบบนี้
“ไม้นั้นสิบบาทค่ะ อร่อยมากเลยนะคะ กินแล้วจะติดใจ”
ลูกค้าสาวร่างท้วมยิ้มกว้างมองแพรไหมอย่างถูกชะตา พลางหันไปคุยกับแม่ของหล่อนที่ยืนทอดลูกชิ้นอยู่ใกล้ๆ ด้วยความชื่นชม
“น้าโชคดีจังเลยมีลูกสาวขยันขันแข็ง แถมยังสวยอีกด้วย”
ภูษา ปรีชาโชค รีบหันมายิ้มกับลูกค้าที่ชวนคุย พลางเหลือบมองหน้าบุตรสาวด้วยความภาคภูมิใจเป็นที่สุด
“ขอบคุณจ้ะ ก็ได้ไหมมันนี่แหละ ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้จะมีเงินพอจ่ายค่าเช่าบ้านในแต่ละเดือนหรือเปล่า”
ลูกค้าสาวหันไปมองแพรไหมพลางเอ่ยปากชวน
“หน้าตาสะสวยแบบนี้ อยากทำงานในวงการหรือเปล่า พี่รู้จักโมเดลลิ่งอยู่บ้าง เอาไว้ถ้าเขามีงานพี่จะแวะมาบอกนะ”
แพรไหมยิ้มกว้างด้วยความดีใจ รีบยกมือขึ้นไหว้
“ขอบคุณมากค่ะพี่คนสวย ไหมทำได้ทุกอย่างนะคะ ขอแค่ให้ได้เงินก็พอ”
“ขยันๆ แบบนี้ ชีวิตไม่มีลำบากหรอกเชื่อพี่สิ”
แพรไหมยังคงมีรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้า ในใจลิงโลดด้วยความยินดีเมื่อได้ยินว่าอาจจะมีคนหยิบยื่นงานมาให้อีก หล่อนต้องทำงาน ทำงานให้มากกว่านี้ เพื่อที่แม่จะได้มีความสุข แม่ของหล่อนจะได้มีรอยยิ้มเหมือนกับคนอื่นเสียที
“เสร็จแล้วค่ะ สี่สิบบาทค่ะ”
ถุงลูกชิ้นพร้อมกับผักแกล้มถูกส่งไปให้กับลูกค้าตรงหน้า ก่อนจะรับธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทมา แพรไหมกำลังจะหยิบเงินทอนแต่ได้รับคำปฏิเสธเสียก่อน
“ถือว่าพี่ให้ก็แล้วกัน”
“ไม่ได้หรอกค่ะพี่คนสวย ไหมค้าขาย ไม่อยากเอาเปรียบลูกค้าน่ะค่ะ”
แล้วแพรไหมก็หยิบเงินทอนส่งให้ลูกค้าจนได้ ลูกค้าคนนั้นยิ้มให้หล่อนอีกครั้งก่อนจะเดินจากไป แพรไหมระบายยิ้มบางๆ ให้กับตัวเอง ก่อนจะให้บริการลูกค้าท่านอื่นต่อไป จนลูกค้าซาแล้วนั่นแหละหล่อนถึงได้หันมาพูดคุยกับแม่ถึงเรื่องโมเดลลิ่ง
“แม่จ๋า แม่คิดว่าพี่คนนั้นเขาพูดจริงหรือเปล่าจ๊ะ”
ภูษาที่กำลังเสียบลูกชิ้นใส่ไม้เพิ่มเพราะในตู้กระจกร่อยหรอใกล้หมดแล้ว ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้ประจำนั้นแหละ หากวันไหนมีแพรไหมมาช่วยขาย ลูกสาวของหล่อนยิ้มเก่ง ขยัน และรู้จักวิธีการขายเป็นอย่างดี แถมหน้าตาก็น่ารักน่าเอ็นดู ลูกค้าส่วนใหญ่ถึงได้แวะเวียนมาซื้อซ้ำเสมอ
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่รู้ๆ คือแม่ไม่อยากให้ไหมไปน่ะ แม่ว่ามันอันตราย”
“อันตราย?”
แพรไหมมองหน้ามารดาอย่างแคลงใจ
“แม่เคยได้ยินมาว่าพวกนี้มันต้มตุ๋นกันบ่อย แม่ไม่อยากให้ไหมถูกหลอก และที่สำคัญแค่นี้ไหมก็มีงานล้นมืออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แม่ไม่อยากให้ไหมเหนื่อยเกินไป”
แพรไหมยิ้มกว้าง ขยับเข้ามาใกล้แม่ มองท่านด้วยความรัก
“ไหมไม่เหนื่อยหรอกนะแม่ ไหมยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน...”
สาวสวยผิวขาวสะอาดที่สองแก้มมีลักยิ้มชวนมองคว้ามือแห้งกร้านของบุพการีขึ้นมากุมเอาไว้ พลางบีบแผ่วเบา
“แม่จ๋า... ไหมอยากเห็นแม่สบายนะจ๊ะ”
ดวงตาของภูษารื้นไปด้วยหยาดน้ำตา แต่ก็พยายามไม่หลั่งรินมันออกมา
“แค่นี้แม่ก็สบายมากแล้วล่ะไหม แม่อยากให้ไหมได้พักผ่อนบ้าง อยากให้ไหมได้มีโอกาสใช้ชีวิตเหมือนเพื่อนๆ ในมหา’ลัยบ้าง”
“ถ้าไหมเหนื่อย ถ้าไหมไม่ไหว ไหมจะพักนะจ๊ะ”
“สัญญากับแม่นะ”
“จ้ะ”
แพรไหมยิ้มทั้งน้ำตา มองมารดาด้วยความรักเทิดทูน ตั้งแต่จำความได้ก็มีแต่สองมือของผู้หญิงคนนี้นี่แหละที่คอยอุ้มชูฟูมฟักหล่อนให้เติบใหญ่ขึ้นมา คำว่าพ่อไม่เคยมีอยู่ในหัวของหล่อนแม้แต่วินาทีเดียว ถึงแม้ว่าบางครั้งจะสงสัยว่าพ่อเป็นใคร แต่หยาดน้ำตาของแม่ยามที่ถูกหล่อนถามถึงพ่อก็ทำให้หล่อนไม่ต้องการจะรับรู้ถึงผู้ชายใจร้ายคนนั้นอีก ผู้ชายคนนั้นจะเป็นใครก็ช่าง ขอแค่ในชีวิตนี้มีแม่อยู่ข้างๆ ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ
“ไหมรักแม่มากนะ”
“แม่ก็รักไหม” ภูษาก้มหน้าเสียบลูกชิ้นใส่ไม้ต่อ หยาดน้ำตาไหลพรากอาบแก้ม นี่ถ้าหล่อนไม่ใจง่าย และเชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดามารดา แพรไหมก็คงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องมาลำบาก รับจ้างทำงานทุกอย่าง เหนื่อยสายตัวแทบขาดเช่นนี้
หล่อนมันเลวเหลือเกิน...
“ซื้อลูกชิ้นค่ะ”
ลูกค้าเดินเข้ามาอีกแล้ว และนั่นก็ทำให้แพรไหมต้องรีบหันไปต้อนรับแทน ภูษาเองก็รีบป้ายน้ำตาทิ้ง เตรียมพร้อมกับลูกชิ้นที่ลูกค้าเลือกมาใส่หม้อทอด
“พี่ไม่ลองฮอทดอกรมควันเหรอคะ อร่อยนะคะ ไหมกินแล้วยังติดใจเลย ต้องแอบหยิบมากินบ่อยๆ”
“จริงเหรอ งั้นพี่ลองดูสักไม้ก็ได้”
“จริงค่ะ ไหมไม่โกหกหรอกค่ะ”
