บทที่ 2 ตอนที่ 2
ลูกค้ารีบหยิบฮอทดอกรมควันที่แพรไหมแนะนำมาใส่จาน ก่อนจะส่งให้กับภูษาเพื่อลงทอดในหม้อร้อนๆ ที่ติดไฟรออยู่ก่อนหน้าแล้ว
“ไหมเห็นพี่เดินผ่านทุกวันเลย ดีใจที่วันนี้แวะเข้ามาซื้อค่ะ”
“พี่กำลังควบคุมน้ำหนักน่ะ แต่วันนี้หิวมากอดใจไม่ไหว ก็เลยตบะแตก”
แพรไหมคุยกับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง จนลูกค้าหิ้วถุงลูกชิ้นเดินจากไปแล้วนั่นแหละถึงหันกลับมาหามารดาอีกครั้ง
“แม่เหนื่อยหรือยังจ๊ะ กลับไปก่อนได้นะ เดี๋ยวไหมเก็บร้านแล้วจะรีบตามกลับไปจ้ะ”
“แม่ยังไม่เหนื่อยหรอก เดี๋ยวรอกลับพร้อมไหมนั่นแหละ”
“แต่แม่ทำงานมาทั้งวันแล้วนะจ๊ะ ไหมเป็นห่วง”
ภูษามองลูกสาวอย่างซึ้งใจ
“แล้วไหมล่ะ ไม่เหนื่อยหรือไงลูก ตีสี่ก็ตื่นไปซื้อของให้แม่ เช้าก็รีบไปเรียน แถมเย็นๆ ยังต้องมาช่วยแม่ขายลูกชิ้นอีก”
“ไหมไม่เหนื่อยหรอกแม่ แค่ได้ทำเพื่อแม่ไหมก็ดีใจแล้ว”
สองแม่ลูกมองหน้ากันด้วยความรักความอาทรที่มีให้กัน ภูษาน้ำตาไหลออกมา ก่อนจะรีบยกหลังมือขึ้นป้ายหยาดน้ำตาทิ้ง
“งั้นวันนี้เราเก็บร้านกันเถอะ ขายเกือบหมดแล้วนี่”
“แต่ไหมว่ารออีกนิดก็ได้นะจ๊ะ พึ่งสามทุ่มครึ่งเอง”
นาฬิกาเรือนเล็กๆ บนข้อมือกลมกลึงถูกยกขึ้นมาจ้อง
“พรุ่งนี้ไหมมีเรียนแต่เช้า แม่ไม่อยากให้ไหมไปหลับในห้องเรียน”
“ถึงกลับไปไหมก็ยังนอนไม่ได้อยู่ดีจ๊ะ ไหมต้องทำรายงานให้เพื่อนด้วย”
ภูษาผ่อนลมหายใจออกมาจากริมฝีปากแผ่วเบา มองบุตรสาวอย่างสงสารจับหัวใจ ตั้งแต่แพรไหมเกิดมาไม่มีวินาทีไหนเลยที่ลูกสาวของหล่อนจะอยู่นิ่งเฉย งานทุกอย่างที่ทำแล้วได้เงินแพรไหมรับหมด ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนแพรไหมก็ทำ จนบางครั้งหล่อนต้องแอบร้องไห้เพราะสงสารลูกสาว
“เพื่อนคนเดิมอีกล่ะสิ ทำไมไหมไม่บอกให้เค้าทำเองล่ะ”
แพรไหมอมยิ้มพลางอธิบาย
“เค้าเป็นคนรวยน่ะแม่ เค้าแค่มาเรียนตามคำสั่งของที่บ้าน ไม่ได้อยากจะเรียนเหมือนไหมหรอก ดังนั้นเค้าก็เลยใช้เงินที่มีมาจ้างให้ไหมทำรายงานให้ แต่มันก็ดีนะแม่ ไหมได้ทั้งเงินค่าจ้างแถมยังได้ทบทวนบทเรียนไปในตัวอีกด้วย”
แพรไหมพูดถึง พรวดี แบนเดอราส นักศึกษาสาวไฮโซที่อยู่ห้องเดียวกับตัวเอง
“แต่ไหมจะเหนื่อยเกินไปนะลูก”
“ก็บอกแล้วไงคะแม่ ถ้าไหมเหนื่อย ไหมจะบอกแม่”
หญิงสาวยิ้มกว้างพลางชะเง้อมองหาลูกค้า ก่อนจะพบว่าผู้คนเริ่มบางตาลงแล้ว ดังนั้นจึงทำตามที่มารดาบอกดีกว่า
“งั้นเก็บร้านเลยนะจ๊ะแม่ ลูกค้าไม่น่าจะมีแล้ว”
“แม่ก็บอกแล้วนี่”
สองแม่ลูกช่วยกันจัดการงานตรงหน้าด้วยความเคยชิน ใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถเข็นรถเข็นคู่กายมุ่งหน้ากลับห้องเช่าได้สำเร็จ
“แม่จ๊ะ พรุ่งนี้ตอนเย็น ไหมคงไม่ได้มาช่วยแม่ขายลูกชิ้นนะจ๊ะ”
แพรไหมบอกมารดาระหว่างทางเดินกลับห้องเช่า
“ไปทำงานอีกล่ะสิ อย่ากลับมืดค่ำนักนะไหม”
คนฟังอมยิ้มพลางแกล้งหยอกมารดา
“ไหมเคยกลับก่อนสี่ทุ่มที่ไหนกันคะแม่”
“ดูพูดเข้าสิไหม”
“ไหมล้อเล่นน่ะค่ะ เอาเป็นว่างานเสร็จเมื่อไหร่ ไหมจะรีบกลับทันทีเลยนะคะ แต่ถ้าเลิกเร็วก่อนที่แม่จะกลับห้อง ไหมจะแวะไปหาแม่ที่ตลาดก่อนดีไหมจ๊ะ”
“ตามใจไหมเถอะ แต่ต้องสัญญากับแม่นะว่าจะระวังตัว”
“ไหมสัญญาจ๊ะ”
ภูษาลอบถอนใจออกมา และก็อดที่จะแอบมองลูกสาวด้วยความสงสารไม่ได้ แพรไหมลำบากเหลือเกิน ลำบากเพราะมีแม่อย่างหล่อน
หลังจากกลับมาถึงห้องเช่า แพรไหมก็เข็นรถเข็นเข้ามาไว้ภายในด้วยเพราะเคยเอาไว้นอกห้องแล้วมันหาย จากนั้นหล่อนกับแม่ก็แยกย้ายกันอาบน้ำอาบท่า ซึ่งหล่อนเสียสละให้ท่านได้อาบก่อน ส่วนตัวเองก็ปลีกตัวไปนั่งอีกมุมหนึ่งของห้องที่มีโต๊ะไม้ญี่ปุ่นเล็กๆ ตั้งรออยู่
รายงานของหล่อนเสร็จและส่งอาจารย์ไปได้เกือบสองวันแล้ว แต่ของพรวดียังไม่เสร็จ เพราะพรวดีพึ่งจะมาว่าจ้างให้หล่อนทำให้ในวันนี้ โดยมีราคาค่าจ้างอยู่ที่หนึ่งพันบาท แม้สำหรับคนรวยจะมองว่ามันเป็นแค่เศษเงินแต่สำหรับคนจนๆ หาเช้ากินค่ำแบบหล่อน มันมีค่ามากมายเลยทีเดียว หล่อนใช้ทั้งอาทิตย์ก็ไม่หมด
หญิงสาวยิ้มบางๆ ก่อนจะหยิบเอกสารสีขาวที่ตัวเองเลคเชอร์เอาไว้ขึ้นมากางบนโต๊ะ ก่อนจะหยิบโน๊ตบุ๊คคู่ชีพที่หล่อนเก็บหอมรอมริบมาเกือบปีกว่าจะได้มันมาครอบครองขึ้นมาเปิดออก และเริ่มต้นทำงาน
นิ้วเรียวเล็กจิ้มลงบนแป้นอย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่สายตาจับจ้องอยู่กับตัวอักษรในกระดาษด้านข้าง หล่อนไม่เคยเบื่อกับงานพวกนี้เลย ตรงกันข้ามมันกลับทำให้หล่อนมีเงินพอที่จะนำมาจ่ายค่าโสหุ้ยต่างๆ ในแต่ละเดือนได้อย่างพอดิบพอดี
“อย่านอนดึกมากนะไหม”
ภูษาที่อาบน้ำเสร็จแล้วอดไม่ได้ที่จะเดินมาหาลูกสาว และกล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่ทุกครั้งแพรไหมก็จะยิ้มแย้มสดใสและบอกว่าไม่เหนื่อยเสียทุกครั้งไป
“เสร็จปุ๊บนอนปั๊บเลยจ้ะ”
“ให้มันจริงเถอะ”
แพรไหมละมือจากแป้นพิมพ์หันมามองมารดา
“ฝันดีนะจ๊ะแม่”
“ขอบใจจ้ะไหม ลูกก็รีบนอนนะ”
“จ้ะ”
