บทที่ 1 เกาะประหลาด(1)
ท่ามกลางกระเเสข่าวลือมากมาย ที่บอกว่าเกาะพิศวงโผล่ขึ้นมาท่ามกลางมหาสมุทรเมื่อสามปีก่อนนั้น เป็นดั่งสวรรค์ของนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบความตื่นเต้น
เเต่ก็มีอีกกระเเสหนึ่งออกมาพูดถึงเรื่องหมอกปริศนา ที่มาบดบังเกาะเเห่งนั้นเอาไว้อย่างน่าประหลาด สอดคล้องกับคำเตือนหนึ่งที่ว่า"อย่าเข้าไปในหมอก" ให้รีบหันหัวเรือกลับออกมาทันที ก่อนที่จะถูกหมอกปริศนากลืนกิน ไม่เช่นนั้นจากเกาะสวรรค์จะกลายเป็นเกาะนรกในชั่วพริบตา
ไม่มีใครรู้ว่าข่าวลือนั้นมีมูลมากน้อยเเค่ไหน นั่นก็เป็นเพราะว่าบรรดาเรือที่หลงเข้าไปทั้งหมด ไม่มีเรือลำไหนเคยได้ออกมาเล่าขาน ว่าเบื้องหลังม่านสีขาวพวกนั้นมีอะไรซ่อนอยู่กันเเน่
เเต่มันก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นบ่อยๆเสียหน่อย เพราะตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา มีเรือหายเข้าไปในหมอกเเค่เพียงสามลำเท่านั้น เเม้กองทัพจะช่วยตามหาเรือที่สูญหาย
เเต่สุดท้าย...ก็ไร้ซึ่งวี่เเวว
ดังนั้นผู้คนจึงเลือกที่จะเดินทางกันในวันที่ฟ้าเปิดเเละไม่มีเเววของเมฆหมอกมาบดบัง อีกทั้งคนที่ได้ไปเที่ยวที่นั่นต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าที่เกาะเเห่งนั้นคือสรวงสวรรค์บนโลกมนุษย์
มันสวยงามราวกับภาพวาดที่ไม่น่ามีอยู่จริงบนโลกใบนี้ เเละด้วยเหตุผลนั้นเอง ที่ทำให้ เพิร์ล การ์เร็ต ลูกชายของคนรองของมาเฟียอันดับต้นๆของโลก เเทบจะควบคุมความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ไหว ถึงกับต้องจองตั๋วล่วงหน้าถึงสี่เดือนด้วยกัน
ทว่าสิ่งที่เขาอยากพบเจอกลับไม่ใช่ความงามบนเกาะเเต่อย่างใด เพราะเเท้ที่จริงเเล้วสิ่งที่เขาสนใจคือความลึกลับเบื้องหลังม่านหมอกนั่นต่างหาก เขาอยากรู้เหลือเกินว่ามันจะน่ากลัวสักเพียงไหน ข่าวลือที่ได้ยินมาจะเป็นจริงหรือเปล่า เพราะถ้าที่นั่นมันมีอะไรเเปลกใหม่ อาจทำให้เขาหลงลืมเรื่องราวจากโลกภายนอกก็ได้
"เราหันหัวเรือกลับกันเถอะครับ อย่าฝ่าเข้าไปเลย ถือว่าผมขอร้อง"
"....."
ดวงตาสีน้ำตาลเรียวสวยเหลือบไปมองกัปตันเรือที่มีสีหน้าหวาดหวั่นเเละเนื้อตัวสั่นเทาราวกับพวกขี้ขลาด เเต่นั่นมันก็ไม่น่าสนใจเท่ากับม่านหมอกหนาทึบที่อยู่ห่างจากเรือไปไม่เท่าไหร่ ทั้งๆที่ไม่กี่นาทีก่อนอากาศยังคงเเจ่มใสเเละเห็นเกาะพิศวงอยู่ไม่ไกลด้วยซ้ำ
เเต่อยู่ๆท้องฟ้าด้านบนก็เเปรปรวนกระทันหัน เมฆสีเทาเคลื่อนมาบดบังเเสงอาทิตย์จนทำให้บรรยากาศในตอนนี้อึมครึม พร้อมกับทางหัวเรือเองก็มีกำเเพงหมอกขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นที่สิ้นสุดราวกับทะเลหมอกมาบดบังทัศนียภาพของเกาะจนหมดสิ้น
ในคราเเรกที่ทุกคนเห็นมันก็ต่างตกตะลึง เเต่ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องระงม พร้อมกับเสียงของเจ้าหน้าที่ป่าวประกาศให้เเขกทุกคนกลับเข้าห้องดังกระหึ่ม
เเละภายในไม่กี่นาทีความกลลาหลก็บังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ในตอนนี้บนดาดฟ้าเหลือเพียงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กับเพิร์ล การ์เซีย ทายาทลำดับที่สองของมาเฟียผู้ทรงอิทธิพล
"กลับกันเถอะครับ"
"....."
"คลื่นลมในทะเลก็ยังไม่มีสักนิด ทั้งๆที่ด้านบนนั่นเหมือนพายุจะเข้า มันไม่ธรรมดาเเล้วนะครับเเบบนี้"
ชายหนุ่มหลุบตาลงไปมองผืนน้ำเบื้องล่างก็พบว่ามันผิดปกติอย่างที่กัปตันเรือว่าจริงๆ เพราะมันไม่มีคลื่นเเม้เเต่ลูกเดียว ไม่มีความเคลื่อนไหวใดใดทั้งสิ้น มีเพียงเรือลำใหญ่ที่ลอยเคว้งอยู่กลางทะเลเท่านั้น ทุกอย่างมันดูเงียบสงบเกินไปจนน่ากลัว
พลันก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายของชายหนุ่มก็เต้นระส่ำด้วยความตื่นเต้น เขาเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมจนเห็นเขี้ยวเล็กๆทรงเสน่ห์ ก่อนที่จะหันกลับไปพูดกับกัปตันเรืออีกครั้ง
"เลือกเอาว่าจะเข้าไปเสี่ยงตายในหมอกบ้าๆ หรือจะถูกยิงตายตรงนี้"
"...!!"
ดวงตาสีน้ำข้าวเบิกโพลงขึ้นมาทันทีที่ชายหนุ่มยกปืนขึ้นมาจ่อบริเวณกลางหน้าผากของตน พร้อมกับชายชุดดำนับสิบบริเวณรอบๆที่ชักปืนขึ้นมาจ่อบรรดาลูกเรือเอาไว้เหมือนกัน เเละการกระทำดังกล่าว ก็เล่นเอากัปตันเรือวัยกลางคนถึงกับหน้าซีดปากสั่น
"ผะ ผมยอมเเล้ว ผมจะไม่หันเรือกลับ"
"ดี ดีมาก หึ หึ"
"...."
กัปตันเรือเหลือบมองปืนที่ถูกลดลงช้าๆด้วยความหวาดกลัว พรางคิดว่าทำไมชายหนุ่มที่เพรียบพร้อมทั้งรูปโฉมเเละสมบัติถึงอยากจะเผชิญหน้ากับความยากลำบากเเละเรื่องราวลี้ลับนัก เเต่เมื่อผินหน้าหันกลับไปมองหมอกนั่นอีกครั้ง กัปตันวัยกลางคนก็เเทบจะร้องไห้ออกมาทันที
ในขณะที่เรือกำลังเเล่นเข้าหาหมอกหนาด้วยความเร็วคงที่ เพิร์ลก็ท้าวเเขนลงกับระเบียงดาดฟ้าด้วยสีหน้าเหม่อลอย เส้นผมยาวสีบลอนด์ทองพริ้วไสวไปตามเเรงลม เผยให้เห็นใบหน้างดงามราวเทพโรมันของทายาทมาเฟียลำดับที่สอง เเต่ทว่าภายใต้ความงดงามที่เเสนจะเย้ายวนนั้นกลับมีอันตรายถึงชีวิตเเฝงอยู่ ทำให้บรรดาหญิงชายไม่กล้าเข้าหาเขามากนัก
"อีกหนึ่งร้อยเมตร เราจะเข้าเขตหมอกเเล้วครับคุณเพิร์ล"
"....."
ชายชุดดำคนหนึ่งวิ่งมารายงานด้วยน้ำเสียงกระหืดกระหอบ เเต่ทว่าคนเป็นเจ้านายก็ยังคงนิ่งค้างอยู่ท่าเดิม จนกระทั่งหัวเรือค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่ทะเลหมอกหนาทึบ พลันขนทั้งร่างก็ตั้งชันขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน
"คุณเพิร์ลครับ/คุณเพิร์ล/นายน้อย"
บรรดาบอดี้การ์ดต่างส่งเสียงเรียกผู้เป็นนาย เมื่อหมอกหนาทึบกลืนกินเรือทั้งลำจนเเทบจะมองไม่เห็นทัศนียภาพโดยรอบ อีกทั้งใจกลางของหมอกหนายังมีความหนาวเย็นจนเนื้อตัวสั่นเทา
"เงียบๆ!"
"คะ ครับ"
เมื่อบรรยากาศกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ดวงตาเรียวสีอ่อนจึงค่อยๆหรี่ลงช้าๆเพื่อปรับโฟกัส จนกระทั่งเขาสมารถเห็นภาพโดยรอบได้เลือนรางเท่านั้น เเต่เพิร์ลก็ไม่ยอมเเพ้ ชะโงกหน้าลงไปมองพื้นน้ำเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว เมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างเเปลกไป มันเกิดเกลียวคลื่นบริเวณโดยรอบลำเรือ คล้ายกับว่ามีสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังเคลื่อนไหวรุนเเรง
ครืนนน!
โครม!
