บทที่ 3 3
พีระดานั่งหน้าเหี่ยวอยู่บนแคร่ไม้ ที่ด้านหน้ามีโต๊ะขนาดกลางวางห่อขนมครกไว้มากมาย ทำไมเธอถึงขายขนมไม่ได้เลยนะ
หรือว่าเธอจะไม่เหมาะกับอาชีพนี้
พีระดานั่งนับนิ้วตัวเองพลางทำปากขมุบขมิบพึมพำว่า เธอเปลี่ยนอาชีพมาแล้วหลายครั้ง และก็ไม่เคยจะรุ่งเลยสักอาชีพเดียว ตอนนี้เธอกำลังพยายามที่จะแต่งนิยายขึ้นมาสักเรื่องนึง แต่ก็แต่งไม่จบสักที ความฝันที่จะได้ตีพิมพ์นิยายออกมาเป็นรูปเล่มก็ดูจะยากลำบาก แล้วเธอยังต้องแบ่งเวลามาหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองอีก จะเอาเวลาที่ไหนมานั่งสุนทรีย์แต่งนิยาย
“เฮ้อ” พีระดาถอนหายใจอย่างหนักใจ ก่อนจะตาเบิกกว้างเมื่อเห็นยายแก่ๆปั่นรถจักรยานมาจอดที่หน้าร้านของเธอ
“สวัสดีค่าคุณยาย จะรับขนมครกกี่ห่อดีคะ” หน้าตูมๆของเธอเปลี่ยนเป็นบานแฉ่งขึ้นมาทันที เมื่อคุณยายชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว
“2ห่อเหรอคะ ได้เลยค่ะ” หญิงสาวทำท่าจะหยิบขนมครกใส่ถุงให้ แต่คุณยายกลับคว้าห่อขนมไปแกะออก แล้วหยิบเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆอย่างเอร็ดอร่อย
“20บาทค่ะ” พีระดายื่นมือไปรอรับเงินเมื่อเห็นคุณยายแปลกหน้ากินจนหมดทั้งสองห่อแล้ว แต่...
คุณยายส่ายหัวแล้วตอบออกมาอย่างมั่นใจว่า “ไม่มีเงิน”
“อะไรนะคะ” พีระดาอ้าปากค้าง เจอคนกินฟรีเข้าให้แล้วสิ แล้วนี่เธอจะทำยังไงดี
“เดี๋ยวยายจะดูดวงให้เป็นค่าขนม” คุณยายพูดด้วยเสียงสุกใสแล้วเดินกระปรี้กระเปร่าผิดกับวัย70มาหาเธอแล้วจับมือเธอขึ้นมาดู
“หนูนี่ฐานะไม่ได้รวยอะไร ค้าขายเล็กๆน้อยๆพวกขนมใช่มั๊ยจ๊ะ”
“ใช่ค่ะ” พีระดาทำหน้าพะอืดพะอม ก็แหงล่ะสิ...คุณยายก็รู้ๆอยู่นี่นาว่าเธอมานั่งหน้ามันย่องขายขนมครกอยู่ จะให้มีฐานะรวยล้นฟ้าได้ไง
หญิงสาวส่ายหน้าไปมา รู้สึกไม่เชื่อถือเพราะคิดว่าคุณยายคนนี้คงคิดจะมาหลอกกินฟรีแน่ๆ มุกนี้มันเก่าไปแล้วล่ะ เธอไม่โง่พอที่จะโดนหลอกหรอกนะ
“ปีหน้าหนูจะต้องมีลูกกับสามี1คน” คุณยายเขม้นสายตามองเส้นฝ่ามือของเธอแล้วพูดออกมา ยิ่งทำให้เธอหมดศรัทธาเข้าไปใหญ่
“อย่าว่าแต่สามีเลยค่ะ ขนาดแฟน...หนูยังหาไม่ได้เลย”
“แต่หนูจะมีลูกจริงๆนะ” คุณยายยืนกรานอย่างหนักแน่น แล้วบอกอีกว่า
“หนูจะมีความรักที่มาพร้อมเงื่อนไข ขอให้หนูรอให้ดีๆ ในวันที่13 เนื้อคู่ของหนูจะมา ยายไปล่ะ” คุณยายรีบทิ้งมือของพีระดาลงอย่างรวดเร็วแล้วหันไปคว้าจักรยานปั่นกลับไปอย่างว่องไวจนหญิงสาวตาค้างเพราะทักท้วงไม่ทัน
“คุณยายจอมต้มตุ๋น” พีระดาหน้าหงิกพร้อมเริ่มลงมือเก็บของเตรียมกลับบ้าน
สงสัยอาชีพนี้ของเธอจะไม่รุ่งแล้วจริงๆ...
ร่างสูงนั่งอยู่ที่ขอบเตียงโดยมีสาวหุ่นอวบยืนอิงแอบคล้องแขนรอบคอของเขา ริมฝีปากที่ถูกเคลือบด้วยสีแดงสดของรุจิราขยับเปิดรอยยิ้มกว้างขวางอย่างเย้ายวน มือที่ถูกทาเล็บสีส้มกรีดไปตามแผงอกกำยำที่เปลือยเปล่าลูบไล้ไปทั่ว สายตาฉ่ำไปด้วยเสน่หาเหลือบขึ้นมองเสี้ยวหน้าคมคายของภีรวัทน์อย่างหลงใหล
“คุณมีอะไรเครียดหรือเปล่าคะ”
“...” ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่กลับยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันยกขึ้นมาจิบ สายตาที่มองตรงไปข้างหน้ามีแต่ความกังวล
“มีอะไรก็บอกรุจี้ได้นะคะ” รุจิราออดอ้อนเสียงหวาน มือไล้ลงต่ำจนถึงขอบกางเกงยีนส์ราคาแพงของชายหนุ่ม
ภีรวัทน์จับมือซุกซนของหญิงสาวเอาไว้ก่อนจะตอบออกมาเสียงเรียบว่า “แม่จะให้ผมหาเจ้าสาว”
“รุจี้เป็นเจ้าสาวให้ภีมได้นะคะ” รุจิราตาพองรีบเสนอด้วยหัวใจเต้นระรัวแล้วค่อยๆฟีบลงเมื่อชายหนุ่มพูดอย่างตัดเยื่อใยว่า
“เราเคยตกลงกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่มีการผูกมัด ผมไม่มีทางให้คุณมาเป็นเจ้าสาวของผมแน่ๆ แม่ผมอยากอุ้มหลานภายใน1ปี ผมก็จะต้องทำ สิ้นสุด1ปีเมื่อไหร่ ผมจะกลับมาเป็นโสดอีกครั้ง”
“ให้รุจี้ทำหน้าที่นั้นก็ได้นี่คะ รุจี้ท้องลูกให้คุณได้นะ”
ภีรวัทน์เบนสายตามามองหน้าสวยหวานที่ถูกแต่งจนสวยเข้มของรุจิรา ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่า...รุจิราเป็นผู้หญิงแบบไหน ถ้าเขายอมแต่งงานกับเธอ เธอจะต้องไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่ๆ ซึ่งเขาไม่ต้องการผู้หญิงเจนจัดอย่างเธอมาเป็นแม่ของลูกเขา พลัน!ใบหน้าใสๆซื่อๆไร้เครื่องสำอางมาโปะของผู้หญิงคนหนึ่งก็ลอยขึ้นมาซ้อนทับใบหน้าของรุจิรา
ผู้หญิงท่าทางไร้เดียงสาแบบผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่ดูจะไม่มีพิษภัย ที่สำคัญ...เหมาะกับการเป็นแม่ของลูกเขาที่สุด
ร่างสูงเพรียวผุดลุกขึ้นอย่างว่องไวจนรุจิราที่นั่งอิงแอบลูบไล้เนื้อตัวเขาอยู่แทบจะหน้าคะมำ
“ผมไปก่อนนะ” เขาบอกเมื่อคว้าเสื้อขึ้นมาสวมแล้วรีบติดกระดุมอย่างรวดเร็ว
“จะไปไหนคะ” เธอร้องถาม
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” เขาหันมาตอบหน้าตายแล้วก้าวเดินออกไปจากห้องโรงแรมสุดหรู ด้วยความคิดที่ล่องลอยออกไปถึงผู้หญิงที่เป็นเป้าหมายของเขาเสียนานแล้ว
