บทที่ 4 4
พีระดานั่งจ๋อยอยู่บนแคร่ที่ตั้งไว้ข้างทาง เบื้องหน้าเป็นขนมครกที่เธอเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆวางเรียงรายไว้หลายห่อ เธอนั่งมองดูผู้คนที่เดินผ่านไปคนแล้วคนเล่าอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมา
ในระหว่างที่รอลูกค้า...เธอนั่งแต่งนิยายไปพลางๆก่อนดีกว่า
พอคิดได้แบบนี้แล้ว พีระดาก็หยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาเปิด สมองเริ่มแล่น จินตนาการเริ่มไปไกลส่งผลให้นิ้วเรียวเริ่มเคาะบนแป้นพิมพ์ไปอย่างราบรื่น ก่อนที่นิ้วของเธอจะชะงักลงเมื่อสมองเริ่มตัน...
บทเลิฟซีนของพระเอกกับนางเอกนี่เธอจะแต่งยังไงดีนะ หญิงสาวคิดไปก็หน้าแดงไป แต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดต่อ เสียงรถยนต์คันหรูราคาแพงหลุดโลกก็แล่นเข้ามาจอดบริเวณหน้าร้านของเธอ
พีระดากระวีกระวาดลุกขึ้นก่อนจะเดินออกมาหยุดยืนที่หน้าร้าน สายตากลมโตบ๊องแบ๊วมองผู้ชายร่างสูงเพรียวที่สวมชุดสูทสีดำหล่อเต็มยศลงมาจากรถยนต์อย่างสงสัย
“ติดใจรสชาติขนมครกเหรอไงคะ” หญิงสาวกอดอกเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงยียวน
“ติดใจคนขายมากกว่า” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่กวนอวัยวะเบื้องล่างไม่ต่างไปจากเธอ ลำแขนแข็งแรงยกขึ้นมากอดอกเมื่อหลุบตาลงมองผู้หญิงร่างเล็กหน้าตาเหมือนเด็กม.ต้น
“ขอโทษด้วยนะคะ คนขาย...ห้ามซื้อ” หญิงสาวตอบกลับ รู้สึกหน้าร้อนวูบวาบเมื่อเห็นสายตาองเขามองเธอราวกับจะกลืนกิน
“แล้วถ้าผมอยากซื้อล่ะ” ดวงตาคู่คมเชื่อมเหมือนคนเจ้าชู้ดูเหมือนจะมีร่องรอยขบขันนิดๆในแววตา
“ยังไงก็ไม่ขายค่ะ ฉันขายขนมครกนะคะ ไม่ได้ขายตัว” เธอตอบด้วยเสียงที่เริ่มสูงขึ้น รู้สึกผิดหวังอยู่พอสมควรที่นิสัยของชายหนุ่มช่างแตกต่างจากบุคลิกและหน้าตาราวฟ้ากับเหว
“เหรอ” ภีรวัทน์เลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงพร้อมกับดึงกระเป๋าหนังขึ้นมาหยิบธนบัตรใบสีเทาออกมานับๆๆแล้วเก็บเอาไว้เหมือนเดิม
“ผมอยากจ้างคุณมาเป็นเจ้าสาวของผม”
“อะไรนะคะ!!” คราวนี้พีระดาดูเหมือนจะหูอื้อตาลายกับคำว่าเจ้าสาว....มีอาชีพแบบนี้ในโลกด้วยเหรอไง
“ผมจะจ้างคุณมาเป็นเจ้าสาวให้ผม1ปี หลังจากนั้นเราก็เลิกกัน” เขาพูดต่อไปเรื่อยๆราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วๆไป
“คุณจะบ้าเหรอไงคะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณมีความจำเป็นอะไรถึงต้องมาจ้างฉันไปเป็นเจ้าสาว แต่ฉันเป็นผู้หญิง ฉันเสียหายนะคะ”
“ผมจ้างคุณแสนนึง”
“ห๋า” คราวนี้หน้าเล็กๆเหมือนงบน้ำอ้อยเหวอขึ้นมาทันที ดวงตาแทบจะเห็นเงินแบงค์พันปลิวว่อนลอยอยู่ต่อหน้า แต่ถ้าได้เงินพวกนั้นมาเพื่อแลกกับศักดิ์ศรีของเธอ1ปี เธอไม่เอาดีกว่า
“ผู้ชายหล่อๆอย่างคุณ คงมีผู้หญิงมากมายที่อยากจะทำหน้าที่นี้ คุณไปหาคนอื่นเถอะ” หญิงสาวเลยตอบปฏิเสธไปอย่างไม่สนใจ เล่นเอาชายหนุ่มต้องยิ้มที่มุมปาก ดวงตาทั้งสองข้างสว่างวาบอย่างพึงพอใจ
“ก็เพราะอย่างนี้ไงล่ะ ผมถึงเลือกคุณ”
“ทำไม” คราวนี้เธอเงยหน้าขึ้นมาประสานสายตากับเขาตรงๆอย่างฉงนใจ
“เพราะคุณไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น คุณไม่ได้ต้องการที่จะจับผม เพราะฉะนั้นหลังจากจบ1ปีนี้ เราจะได้เลิกกันได้ง่ายๆยังไงล่ะ”
“คุณเห็นแก่ตัวที่สุด” หญิงสาวต่อว่าเขา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่มีทีท่าว่าจะโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย ภีรวัทน์เพียงแค่ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะเดินอ้อมไปทรุดลงนั่งบนแคร่ที่พีระดาเพิ่งลุกมา
“แต่งนิยายด้วยเหรอ ฝันเฟื่องชะมัด” เขาบ่นเมื่อเห็นหน้าจอโน๊ตบุ๊คที่หญิงสาวเปิดทิ้งเอาไว้
“มันเรื่องของฉัน” พีระดาขึงตาใส่ พร้อมกับเดินมานั่งบนแคร่อีกฝั่งหนึ่งแล้วปิดโน๊ตบุ๊คลง
“ผมอยากให้คุณพิจารณาข้อเสนอของผม แค่คุณขายขนมไปวันๆ รายได้คุณไม่พอกินหรอกนะ” เขาพยายามจูงใจต่อไปพลางเท้าแขนเอนตัวไปด้านหลัง มองตรงไปยังถนนที่มีผู้คนผ่านไปมาพอสมควร
“ฉันไม่ต้องการงานที่แลกมากับศักดิ์ศรี” หญิงสาวเชิดคอขึ้น จนชายหนุ่มที่หันมาเห็นเข้าพอดี รู้สึกอยากจับคอเล็กๆนั้นบีบให้หักคามือ จะได้เลิกทำท่าหยิ่งใส่เขาเสียที
“คุณก็อย่าคิดว่ามันเป็นงานสิ”
“หมายความว่าไง” คราวนี้พีระดาหันมามองเขาอย่างเต็มตาอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มกลับเบนสายตากลับไปมองยังถนน
“มีมากมายหลายคู่ที่แต่งงานกันไปแล้วก็หย่าร้างกันเพราะไปไม่รอด คุณก็คิดแบบนั้นบ้างสิครับ คิดเสียว่าเราแต่งงานกัน แต่พอหมด1ปีนี้แล้วเราก็เลิกกันเหมือนหลายๆคู่ที่เคยเป็นมา” เขาชี้แจงเหตุผล ซึ่งเธอก็เห็นด้วย แต่ว่า..เป็นเจ้าสาวของเขา เธอก็ต้องเสียความบริสุทธิ์ไปด้วยน่ะสิ
แค่คิด เธอก็หน้าแดงฉ่าจนภีรวัทน์ที่เหล่ตามามองต้องหัวเราะในลำคออย่างรู้เท่าทันความคิดของหญิงสาว
“คิดทะลึ่งอยู่ล่ะสิ” เขาเปรยขึ้นมาเบาๆ เล่นเอาเธอต้องค้อนขวับทันที
