บทที่ 5 5
“ฉันไม่ได้คิดนะ” หญิงสาวปฏิเสธจนลิ้นแทบพันกัน
“แต่หน้าคุณมันฟ้องนี่”
“อีตาบ้า”
“ผมไม่ได้บ้า”
“คุณน่ะบ้า อยู่ๆก็จะมาเที่ยวจ้างให้คนอื่นไปแต่งงานด้วย แค่ภรรยาน่ะ หาเองไม่ได้เหรอไงคะ”
“ก็ผมกำลังหาอยู่นี่ไง” เขาลอยหน้าลอยตาตอบ เล่นเอาพีระดาเริ่มรู้สึกเดือดปุดๆ
“ฉันหมายถึงว่าให้คุณไปหาผู้หญิงที่สมัครใจ”
“ก็แล้วเมื่อไหร่คุณจะสมัครใจกับผมเสียทีล่ะ รับรองน่าว่าหลังจาก1ปีนี้แล้ว คุณจะมีเงินเป็นแสนแถมเป็นอิสระ”
“ฉันไม่ทำ” พีระดายืนกรานเสียงแข็ง แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะโต้กลับ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างเข้าพอดี
“นี่อะไร” เขาหยิบรูปถ่ายสีซีดๆขึ้นมามองดู เป็นรูปผู้หญิงหน้าตาท่าทางจะคมเค็มไม่น้อย กำลังอุ้มลูกสาวตัวเล็กๆไว้ในอ้อมแขน
“อย่ามายุ่ง นี่รูปแม่ของฉัน” พีระดาเอื้อมมือไปกระชากรูปใบเก่ามาจากมือหนาอย่างหวงแหน
“แม่คุณเหรอ แล้วตอนนี้แม่คุณอยู่ไหนแล้วล่ะ” เขาถาม แล้วก็ต้องเงียบเสียงลงเมื่อพีระดามีอาการเศร้าขึ้นมา
“แม่ทิ้งฉันไป ฉันคงไม่มีโอกาสเจอแม่อีกแล้วล่ะ ว่าแต่ว่าคุณจะมาอยากรู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่นไปทำไม” ประโยคแรกน่ะเศร้า แต่ประโยคหลังหญิงสาวตวาดแหวขึ้นมา จนคนที่นั่งฟังอยู่ต้องสะดุ้ง
ภีรวัทน์ยกนิ้วขึ้นลูบคางเกลี้ยงเกลาของตัวเองอย่างใช้ความคิด สายตาพุ่งไปยังรูปถ่ายในมือของหญิงสาวก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาว่า
“ถ้าคุณยอมมาเป็นเจ้าสาวให้ผม ผมจะช่วยตามหาแม่ให้คุณ”
ข้อเสนอนี้ ทำให้พีระดาต้องอ้าปากค้าง ความรู้สึกโหยหาอ้อมกอดของแม่มาตลอดระยะเวลา3ปีที่ผ่านมา ทำให้เธอต้องเม้มปากแน่น ตั้งแต่เล็กจนโต เธอเฝ้ารอมาโดยตลอด รอว่าสักวันแม่จะมาหาเธอและพูดว่ารักให้เธอได้ฟังสักครั้ง
แต่มาในวันนี้ เธอไม่ต้องการฟังคำว่ารักจากแม่อีกแล้ว ความโดดเดี่ยวที่ได้รับมาตลอด20ปีทำให้เธอจิตใจด้านหนึ่งเริ่มเย็นชา และถ้าเธอได้พบกับแม่ สิ่งเดียวที่เธออยากจะถามออกไปมากที่สุดก็คือ
'แม่ทิ้งเธอไปทำไม'
“คุณจะช่วยฉันหาแม่จริงๆเหรอคะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เพราะแค่ลำพังเธอเพียงคนเดียวนั้นคงไม่มีปัญญาจะไปตามหาแม่ได้หรอก ถ้าเขามาช่วยเธอจริงๆก็คงจะดี เพราะอย่างน้อย ในชีวิตนี้เธอก็จะได้พบแม่อีกสักครั้งก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปมากกว่านี้
“ใช่ ผมจะช่วยคุณตามหาแม่” เขาพูดย้ำอย่างนึกยินดีอยู่ลึกๆเมื่อเห็นท่าทางสนใจของพีระดา
“แล้วฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง คุณอาจจะเป็นนักต้มตุ๋น” หญิงสาวยังไม่วายหวาดระแวง ทำให้ภีรวัทน์ต้องถอนหายใจเฮือกพลางหยิบบัตรออกมาส่งให้เธอดู
“ภีรวัทน์ ธันย์วลี..” พีระดาอ่านชื่อของชายหนุ่มจากในบัตรแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองเขาตาค้าง
“คุณชื่อภีรวัทน์เหรอคะ” เธอถามออกไปเสียงแผ่ว ใครบ้างล่ะจะไม่รู้จักภีรวัทน์ เจ้าของธุรกิจที่เกี่ยวกับโทรศัพท์ที่ร่ำรวยติดอันดับ1ใน10ของเมืองไทย
“ใช่” เขาพยักหน้ารับ หลุบตาลงมองปากเล็กๆที่เผยอค้างของหญิงสาวพลางคิดไกลไปเรื่อยตามวิสัยของผู้ชาย
“ผมให้เวลาคุณคิด3วันนะ แล้วผมจะมาฟังคำตอบที่นี่” เขาพูดทิ้งท้าย ก่อนจะมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วผุดลุกขึ้นเดินตรงไปยังรถยนต์ของตัวเอง
พีระดากระพริบตาปริบๆอย่างสับสนและมึนงง มองตามรถคันหรูที่ค่อยๆแล่นจากไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ
เขารวยมาก จนเธอไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะมีโอกาสได้พบตัวจริงของเขา
และตอนนี้เขาได้จ้างเธอให้ไปเป็นเจ้าสาวของเขา1ปี เขาทำเหมือนเธอไม่มีชีวิตจิตใจ
แต่...ถ้าแลกกับการที่จะได้พบแม่อีกครั้ง มันก็น่าลองเสี่ยงดูไม่ใช่หรือ??
เพราะคนอย่างภีรวัทน์ แค่เรื่องตามหาคนเพียงคนเดียว เขาต้องทำได้อยู่แล้ว
ระหว่างแม่ที่ทิ้งเธอไป20ปีกับศักดิ์ศรี เธอจะเลือกอะไร....?
นี่เป็นคำตอบที่เธอต้องตอบตัวเองให้ได้ภายใน3วันนี้!!
ภายในร้านอาหารที่ขายอาหารบังหน้า แต่แท้จริงแล้วเป็นสถานที่ค้าประเวณีทิ่ผิดกฎหมาย
ร่างของสาวใหญ่ยืนชี้หน้าต่อว่าสาวน้อยร่างเล็กที่นั่งอยู่กับพื้นร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในห้องทึบที่ไร้แสงสว่างและปราศจากสายตาจากคนนอก
“ฉันบอกแกแล้วใช่มั๊ยว่าอย่าให้ท้อง ไปเอาเด็กออกเลยนะ” จุรีตวาดอย่างกราดเกรี้ยว ในขณะที่สาวน้อยคลานเข้ามากอดขาเธออย่างอ้อนวอน
“เจ๊อย่าให้หนูทำแท้งเลยนะคะ หนูไม่อยากฆ่าลูกตัวเอง”
“หมายความว่าแกจะเอามันไว้เหรอไง” นิ้วอวบๆของสาวใหญ่จิ้มที่หน้าผากของสาวน้อยแรงๆพร้อมกับพูดต่ออย่างไร้ความเมตตาว่า
“แกจะเอามันไว้น่ะ แกรู้เหรอไงว่าพ่อของลูกแกเป็นใคร ผ่านผู้ชายมาเป็นร้อย ลูกแกเกิดมามันจะเป็นเด็กมีปัญหา และที่สำคัญ...มันจะเป็นตัวถ่วงกับอาชีพของแก ไปเอามันออกซะ” จุรีผลักร่างของสาวน้อยออกไป พร้อมกับหันไปสั่งผู้ชายผมดกดำยาวถึงบ่าแต่ใบหน้ากลับเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเคราว่า
“ไอ้จ๊อด แกพานังนี่ไปทำแท้งซะ”
“ครับ” จ๊อดก้มหน้ารับคำก่อนจะหันไปลากสาวน้อยร่างบางออกไปจากห้อง
จุรีถอนหายใจแรงๆอย่างหงุดหงิดพร้อมกับหันไปทางผู้ชายวัยฉกรรจ์อีกคนหนึ่งที่มีหนวดเครารกรุงรังแต่...ศีรษะกลับโล้นเลี่ยนเตียนโล่ง ไม่มีผมสักเส้น
“ไอ้ก๋วยจั๊บ แกไปหาผู้หญิงมาเพิ่มอีก เอาที่มันสวยๆหน้าเด็กๆหน่อยนะ จะได้ขายได้ราคาแพงๆ”
“ครับ” ก๋วยจั๊บหัวล้านรับคำก่อนจะก้มหน้าแล้วเดินออกไป
จุรีมองตามลูกน้องคนสนิทที่เดินหายไปลับสายตาแล้วพลางถอนหายใจเฮือก ภาพใบหน้าของเด็กน้อยวัย3ขวบที่เธอโอบอุ้มเมื่อครั้ง20ปีก่อนลอยเข้ามาในความคิด
