บทที่ 1
อาเรีย รอสซี่! ขยับตูดหน่อยสิ! วันนี้เรามีลูกค้ารายใหญ่นะ เธอต้องใส่ชุดกระต่ายบ้าๆ นั่นได้แล้ว" เสียงของเอ็นโซ่ เจ้าของบาร์ดังสะท้อนเข้ามาในห้องแต่งตัว
ฉันยืนอยู่หน้ากระจก จ้องมองชุดของตัวเอง บอดี้สูทสีดำรัดรูปแนบไปกับทุกสัดส่วน เข้าคู่กับถุงน่องตาข่ายที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเปลือยเปล่ามากกว่าสวมเสื้อผ้า
"เป็นอะไรไป?" เอ็นโซ่โผล่มาด้านหลังฉัน ยิ้มกว้างราวกับฉลาม "ทำหน้าเหมือนตุ๊กตาหมีตัวโปรดโดนขโมยไปงั้นแหละ ชุดนี้มันปิดก้นเธอได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ...นั่นแหละประเด็น! ลูกค้าจ่ายหนักเพื่อมาดูของพรีเมียมนะ"
"ฉันแค่...กำลังจัดชุดค่ะ" ฉันพึมพำพลางดึงคอเสื้อที่คว้านลึกลงมา
"จัดชุดเหรอ? ที่รัก เธอ 'จัดชุด' มาสิบห้านาทีแล้วนะ ขืนเป็นแบบนี้ แขกวีไอพีของเราคงแก่จนเลอะเลือนกันพอดีกว่าเธอจะเสด็จออกไป" เขาหัวเราะกับมุกของตัวเอง
นี่เป็นวันที่สิบห้าที่ฉันทำงานในบาร์แห่งนี้
สิบห้าวันที่ชีวิตที่เคยวางแผนไว้อย่างดีพังทลายลงเป็นชิ้นๆ ป่านนี้ฉันควรจะมีงานที่มั่นคงแล้ว...ผู้อุปถัมภ์ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าส่งเสียฉันเรียนจนจบมหาวิทยาลัย และฉันก็เรียนจบด้วยเกียรตินิยม ฉันควรจะได้สร้างอาชีพการงานที่น่าเคารพนับถือ ไม่ใช่มาเดินอวดโฉมในชุดกระต่ายเพื่อสร้างความบันเทิงให้พวกขี้เมา
แต่ชีวิตกลับมีแผนอื่น
เจสสิก้า...หัวใจของฉันบีบรัดตัวเมื่อนึกถึงน้องสาวตัวน้อยที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ใบหน้าของซีดเซียวและซูบผอมจากโรคร้ายที่กัดกินร่างกายเล็กๆ ของเธอ ค่ายาแสนแพงที่เธอต้องการนั้นเกินกว่างบประมาณอันน้อยนิดของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และพวกเขาก็พร้อมจะล้มเลิกการรักษาเธอแล้ว เธอไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของฉัน แต่ก็ไม่ต่างอะไรกันเลย นับตั้งแต่วันแรกที่ฉันมาถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซานต์อันนา เจสสิก้าเป็นเพียงคนเดียวที่ใส่ใจฉัน คนที่คอยปกป้องฉันจากพวกเด็กเกเร คนที่ทำให้ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลงบนโลกใบนี้
ตอนแรกฉันไปหาแฟนเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง แต่กลับไปเจอเขานอนอยู่บนเตียงกับผู้หญิงคนอื่น ข้าวของของฉันถูกโยนทิ้งออกมาเหมือนขยะ ถ้าไม่ได้โซเฟีย เพื่อนรักของฉันหางานแบบนี้ให้ ฉันคงสิ้นหวังในชีวิตไปแล้วจริงๆ
"เร็วเข้าสิ เอาท่าไม้ตายของเธอออกมาเลย" โซเฟีย มาริโน่ตะโกน โซเฟียคือเพื่อนสนิทของฉัน ตอนนี้เธอกำลังจงใจดึงคอเสื้อของฉันให้เปิดเผยมากขึ้นไปอีก "เลิกเดินลากขาเหมือนกำลังจะไปเข้าลานประหารได้แล้ว"
"เธอก็พูดง่ายสิ" ฉันสวนกลับไปพลางปัดมือเธอออก "เธอทำแบบนี้มาหลายปีแล้ว แต่ฉันยังรู้สึกเหมือนใส่ชุดฮัลโลวีนที่ใครบางคนเลือกให้เป็นเรื่องตลกอยู่เลย"
โซเฟียหัวเราะพลางจัดชุดของตัวเองอย่างคล่องแคล่ว "ที่รักจ๋า ชุดฮัลโลวีนยังอยากจะดูดีได้ขนาดนี้เลยเถอะ อีกอย่าง เธอยังมีลุคแบบ 'สาวน้อยน่ารักไร้เดียงสา' อยู่นะ พวกผู้ชายที่นี่ครึ่งหนึ่งคงอยากจะทำให้เธอแปดเปื้อน ส่วนอีกครึ่งก็อยากจะปกป้องเธอ"
"เยี่ยมเลย งั้นฉันก็เป็นได้แค่นางเอกผู้น่าสงสารไม่ก็เหยื่อให้พิชิตสินะ"
"ยินดีต้อนรับสู่โลกอันแสนวิเศษของผู้ชาย" โซเฟียยิ้มร้ายกาจ "แต่อย่างน้อย เธอก็เป็นนางเอกผู้น่าสงสารที่ได้ค่าจ้างงามนะ ค่ารักษาพยาบาลของเจสสิก้ามันไม่จ่ายตัวเองหรอก"
คำพูดของเธอทำให้ฉันตาสว่างในทันที
"เธอพูดถูก" ฉันถอนหายใจพลางลูบชุดให้เข้าที่ "ฉันแค่...ฉันเคยมีแผนน่ะ เข้าใจไหม? เรียนจบ หางานดีๆ ทำ สร้างชีวิตธรรมดาๆ"
"ธรรมดามันน่าเบื่อจะตาย" โซเฟียพูดพลางทาลิปสติกอย่างแม่นยำราวกับผู้เชี่ยวชาญ "อีกอย่าง ความธรรมดาในแบบของแฟนเก่าสมัยมหา'ลัยของเธอก็คือการนอกใจไปเอากับนังผมบลอนด์สมองกลวงนั่น อย่างน้อยที่นี่ ผู้ชายก็ต้องจ่ายเงินเพื่อจะได้สิทธิ์เข้ามาทำให้เธอผิดหวังนะ"
ฉันอดหัวเราะออกมาไม่ได้ทั้งๆ ที่ไม่ควร "เธอนี่มันร้ายจริงๆ"
"ฉันอยู่กับความจริงต่างหาก มันไม่เหมือนกัน"
“ฉันได้ยินมาว่าคืนนี้พวกพี่น้องคาวาเลียรีจะมาที่บูธวีไอพีส่วนตัวด้วยนะ” โซเฟียพูดต่ออย่างตื่นเต้นพลางเช็กความสวยของตัวเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้าย “เฟเดริโก วีโต และแน่นอน... เดเมียนก็จะมาด้วย”
“ฉันไม่อยากให้พวกเขามาสนใจหรอกนะ โซเฟีย ผู้ชายแบบนั้น... พวกเขาอันตราย”
“ผู้ชายอันตรายๆ นี่แหละเปย์หนักที่สุด” เธอขยิบตา “อีกอย่าง เธอมันก็ใสซื่อเกินไปจนเป็นภัยกับตัวเอง อันตรายนิดๆ หน่อยๆ อาจจะดีกับเธอก็ได้นะ”
“ฉันขอยืนหนึ่งเรื่องเสิร์ฟเครื่องดื่มแล้วทำตัวล่องหนดีกว่า ขอบใจมาก”
ชื่อของตระกูลคาวาเลียรีมีน้ำหนักในเมืองนี้... น้ำหนักที่อันตรายและทรงอิทธิพล ทุกคนรู้เรื่องลูกชายทั้งสามคน เฟเดริโก ลูกชายคนรอง จัดการธุรกิจผิดกฎหมายยุคใหม่ของตระกูลและการฟอกเงินได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ วีโต น้องคนสุดท้อง เป็นเพลย์บอยที่สร้างความหวาดผวาไปทั่วเมืองด้วยนิสัยรุนแรงของเขา เขาจัดการธุรกิจ ‘คุ้มครอง’ แบบดั้งเดิมและงานสกปรกของตระกูล
แล้วก็มาถึงเดเมียน
แก้มของฉันร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีแค่คิดถึงเขา เดเมียน คาวาเลียรี เป็นชายที่ทรงอิทธิพลและมีเสน่ห์อันตรายที่สุดในเมือง เสน่ห์ของเขาไม่ใช่แค่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอก แต่มันคืออำนาจเบ็ดเสร็จที่เขาถือครอง ในฐานะทายาทผู้ถูกกำหนดของอาณาจักรคาวาเลียรี เขาจึงเป็นคนที่แตะต้องไม่ได้และไกลเกินเอื้อม
ผู้หญิงทุกคนต่างทั้งหลงใหลและหวาดกลัวเดเมียนในเวลาเดียวกัน พวกเธอปรารถนาความสนใจจากเขาพร้อมกับที่รู้ดีว่ามันอันตรายแค่ไหนหากได้รับมันมาจริงๆ ส่วนฉัน แค่อยากจะล่องหน ทำงานของตัวเองและรับค่าจ้างไปโดยไม่เป็นที่สังเกตของพวกผู้ชายที่สามารถทำลายชีวิตคนได้เพียงแค่ดีดนิ้ว
ความวุ่นวายตรงทางเข้าขัดจังหวะความคิดของฉัน
“พวกเขามาแล้ว” โซเฟียกระซิบเสียงเร่งรีบ
ฉันเห็นพวกเขาทันที... ชายสามคนในชุดสูทสั่งตัดอย่างดีที่ราคาคงแพงกว่าเงินที่คนส่วนใหญ่หาได้ทั้งปี
พวกเขาไม่ใช่แค่นักธุรกิจที่ร่ำรวย... พวกเขามีท่าทีของคนที่ไม่เคยได้ยินคำว่า ‘ไม่’ และไม่เคยต้องรับผลจากการกระทำของตัวเอง
เดเมียนเดินผ่านโซเฟียกับคาร์ล่าไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง แล้วอย่างไม่น่าเชื่อ เขาก็เริ่มเดินตรงมาทางฉัน
ไม่ ไม่ ไม่นะ หัวใจฉันเต้นรัวเหมือนจะทะลุซี่โครง ฉันหายใจไม่ออก คิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยืนตัวแข็งทื่อขณะที่เขาหยุดลงตรงหน้าฉันพอดี
ฉันรีบก้มหน้ามองพื้นทันที ไม่กล้าสบดวงตาสีเข้มที่มองทะลุทะลวงคู่นั้น ความเงียบโรยตัวอยู่ระหว่างเรา
แล้วฉันก็ได้ยิน... เสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคออย่างขบขัน
“ยังไม่เรียนรู้ที่จะสบตาฉันอีกเหรอ?”
คำพูดเหล่านั้นที่เปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกและทรงอำนาจ ทำให้ขาฉันอ่อนแรง มันมีความคุ้นเคยบางอย่างในวิธีที่เขาพูด บางอย่างที่กระตุ้นความทรงจำที่ฉันพยายามจะลืม
ครึ่งเดือนก่อน คืนที่ความสิ้นหวังและความโศกเศร้าเกี่ยวกับอาการของเจสสิก้าผลักดันให้ฉันดื่มหนักเกินไป คืนที่ฉันทำพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตและลงเอยบนเตียงกับคนแปลกหน้า
คุกเข่าอยู่ข้างขาของเขา มือแข็งแรงของเขาบีบปลายคางฉัน บังคับให้ฉันสบตากับเขาขณะที่เขาสั่งให้ฉันมองเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความทรงจำนั้นซัดถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่นยักษ์—
โอ้พระเจ้า เขาคือคนนั้น
ฉันเผลอหนีบต้นขาเข้าหากัน พยายามข่มความปรารถนาที่พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างไม่ต้องการ
ผู้ชายที่อันตรายที่สุดในเมือง และฉันได้ใช้ค่ำคืนที่แนบชิดที่สุดในชีวิตยอมจำนนต่อเขาอย่างสมบูรณ์
ดวงตาสีเข้มของเดเมียนดูเหมือนจะซึมซับปฏิกิริยาของฉันเข้าไปทั้งหมด มุมปากของเขากระตุกยิ้มอย่างรู้ทัน เขาก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด และฉันก็ได้กลิ่นโคโลญจน์จางๆ ของเขา
“น่าสนใจดีนี่” เขาพึมพำ เสียงทุ้มต่ำและอันตราย “จำได้แล้วสินะ... ปิกโคลา?”
คำเรียกขานภาษาอิตาเลียนของเขาทำให้เข่าฉันอ่อนยวบ
มันทำให้ฉันนึกถึงนิ้วของเขาที่สางอยู่ในเส้นผมของฉัน นึกถึงวิธีที่เขาทำให้ฉันต้องอ้อนวอน...










































































































