บทที่ 3 ทิ้งไว้กลางทาง

ตอนนี้ชายหนุ่มเครียดมาก จริง ๆ เขาเครียดมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่รู้ว่าแม่ของเขาจะให้แต่งงานกับหญิงสาวที่แม่ของเขาหามาให้ ซึ่งเขาเองก็ปฏิเสธมาตั้งแต่ต้น และหวังว่าผู้หญิงที่แม่ของเขาหาให้จะปฏิเสธเช่นกัน

“จะบอกอะไรให้นะ ฉันมีแฟนอยู่แล้ว”

“ฉันรู้ค่ะ” เธอพูดเสียงเบาลง เพราะนี่คือสิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดในตอนนี้

“รู้แล้วเธอยังจะแต่ง”

“ค่ะ”

“ไม่หน้าด้านไปหน่อยเหรอ”

“นี่คุณ!!” คราวนี้ฉัตรนลินทร์ทนไม่ไหว เธอตวัดสายตามองคนที่จ้องมองเธออยู่เหมือนกัน

“ทำไม รับความจริงไม่ได้หรือไง ฉันก็พูดอยู่ว่ามีแฟนแล้ว เธอยังจะแต่ง เธอจะให้ฉันคิดว่ายังไงนอกจากเธอมันหน้าไม่อาย”

“คุณจะมองฉันเป็นแบบไหนก็ช่าง” ฉัตรนลินทร์หันกลับไปมองบนถนนต่อ “หากคุณไม่อยากแต่งคุณก็ไปบอกแม่ของคุณให้ยกเลิก ส่วนฉันมีหน้าที่ทำตามคำสั่งแม่ของคุณเท่านั้น”

สัญญานไฟสีแดงทำให้รถชะลอตัวและจอดลงไปในที่สุด ก่อนที่คนขับจะหันหน้ามามองหญิงสาวเต็ม ๆ ตา จมูกเชิดนั้นทำเขาเดาไปว่าเธอต้องเป็นคนที่ดื้อรั้นแน่ ๆ ปากเรียวได้รูปสีกุหลาบ ใบหน้านวลดูมีเลือดฝาด แม้จะเห็นเธอเพียงแค่ด้านข้างก็ทำให้คนมองหัวใจกระตุกได้เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น

เขารู้สึกหมั่นไส้เธอจริง ๆ ที่เอาแต่นั่งมองไปด้านหน้าโดยไม่สนว่าเขาจะมองอยู่ ศิวัฒน์ทำได้แค่ผ่อนลมหายใจยาว ๆ ในหัวเอาแต่คิดว่าจะหว่านล้อมเธอยังไงดี

“ไฟเขียวแล้วค่ะ”

ฉัตรนลินทร์พูดโดยไม่หันไปมอง ไม่ใช่เธอไม่รู้ว่าเขาจ้องมองอยู่ เพียงแต่เธอทำเป็นไม่สนใจมากกว่า

“ข้อเสนอของฉันคิดดูดี ๆ”

“...”

“เธอนี่มันดื้อด้านจริง ๆ”

“...”

ฉัตรนลินทร์ไม่อยากจะสนใจ เธอยอมรับทุกอย่างที่เขาพูด แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ของเขา เพราะตอนนี้ครอบครัวของเธอสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด

กริ้ง!!

ศิวัฒน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นชื่อของคนรัก ทำให้เขายิ้มกว้างออกมา

“ว่าไงครับ” น้ำเสียงเปลี่ยนไปจากที่ใช้กับฉัตรนลินทร์โดยสิ้นเชิง

‘อยู่ไหนคะ’ เสียงหวาน ๆ ของเธอทำเขาเหล่มองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

“ออกมาธุระนิดหน่อย” เขาโกหกเพราะไม่อยากให้คนรักไม่สบายใจ

‘อย่าลืมนัดของเรานะ’

“ไม่ลืมหรอก”

‘เกลแต่งตัวรอแล้วนะ’

“พี่จะไปรับเดี๋ยวนี้”

ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ฉัตรนลินทร์ก็ชำเลืองมองเขาทันที ไปรับเดี๋ยวนี้ของเขาหมายความว่าไง แล้วเธอล่ะ?

ไม่ทันที่ฉัตรนลินทร์ได้สงสัยนาน รถคันงามก็เลี้ยวจอดตรงฟุตบาท เธอจึงหันไปมองหน้าเขา

“ทำอะไรคะ” ฉัตรนลินทร์ถามด้วยความแปลกใจ

“ลงไปสิ”

“คะ?...” เธอไม่อยากจะเชื่อหู นี่เขาจะเล่นงานเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลยเหรอ

“หูไม่ดี หรือซื่อบื้อ ถึงได้ไม่เข้าใจที่ฉันบอก”

“คุณจะทิ้งฉันไว้กลางทางเนี่ยนะ”

“ก็ใช่ไง” เขาตอบโดยไม่ต้องคิด

“แต่ตรงนี้ไม่มีที่หลบฝนเลยนะ”

“นั่นมันเรื่องของเธอ” เขาไม่แยแส “ลงไปสิ แฟนฉันรออยู่”

“...” คราวนี้ฉัตรนลินทร์ไม่พูดอะไรต่อ เธอเปิดประตูลงไปทั้งที่ฝนยังกระหน่ำเทลงมา

ทันทีที่ประตูรถปิดลงเขาก็ออกรถไปทันที โดยไม่สนใจว่าเธอจะเป็นยังไง

ฉัตรนลินทร์มองตามรถไปจนลับสายตา ก่อนจะผ่อนลมหายใจยาว ๆ ออกมาหนึ่งครั้ง เธอไม่ได้แปลกใจกับการกระทำนี้สักเท่าไหร่ การถูกทิ้งไว้กลางทางก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมายของเธอสักเท่าไหร่

“นี่สินะสิ่งที่ฉันต้องเจอหลังจากนี้ เห้อ...เอาน่าเอาแค่ทนไหวละกัน” เธอเฝ้าบอกกับตัวเอง เพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากแต่ง แต่เพราะไม่มีทางเลือกเธอจึงยอมรับข้อเสนอไปก่อน วันหนึ่งเมื่อเธอมีทางออกที่ดีกว่านี้เธอค่อยยุติทุกอย่างลง

ด้านศิวัฒน์หลังขับรถออกไป เขาก็ตรงไปหาแฟนสาวที่คอนโดที่เขาเป็นคนซื้อให้

เขากับเกวลินคบกันมาปีกว่า ๆ แล้วโดยการแนะนำของแฟนเพื่อนสนิทของเขา เขาเจอเธอในผับแห่งหนึ่งตอนที่ไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ เธอเป็นหญิงสาวที่มีรสนิยม ชอบปาร์ตี้สังสรรค์ซึ่งศิวัฒน์เองก็ชอบเช่นกัน พวกเขาทั้งสองเลยจูนกันติดไวมาก

“นัดเพื่อนไว้กี่โมง”

“เที่ยงค่ะ นัดเมาท์มอยกันนิดหน่อย”

เธอเกาะแขนแกร่งของเขาขณะนั่งอยู่บนรถ

“พี่ไตร”

“หือ” สายตายังจดจ้องไปยังถนน เพราะฝนตกเขาเลยไม่อยากประมาท

“เรื่องแต่งงานไปถึงไหนแล้ว”

เพียงได้ยินคำว่าแต่งงานศิวัฒน์ก็ต้องผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ เพราะเขาเพิ่งไปจัดการเรื่องนี้มา แต่ก็ยังไม่สำเร็จ

“พี่จัดการอยู่”

“เกลกลัวจังเลยค่ะ” เธอทำเสียงให้เศร้าลง

“ไม่มีทางที่งานแต่งจะเกิดขึ้นแน่นอน เชื่อใจพี่นะ” เขายืนยันหนักแน่น แต่ในอกกลับรู้สึกจุก เพราะจากที่ได้คุยกับว่าที่เจ้าสาวก่อนหน้านี้ ไม่มีท่าทีว่าเธอจะร่วมมือกับเขาเลย

“ค่ะ เกลจะรอนะคะ”

ขณะขับรถผ่านที่ที่เขาจอดให้ใครคนหนึ่งลง พลันสายตาก็หันไปมอง แต่ปรากฏว่าไม่พบร่างบางที่เขาทิ้งให้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว เขาเลยหันไปสนใจบนท้องถนนต่อ...

บทก่อนหน้า
บทถัดไป