บทที่ 6 พรีเวดดิ้ง
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ มารับยัยฉัตรเหรอคะ
“ใช่ครับ พอดีผมเห็นว่าเมื่อคืนฉัตรเขาเพิ่งขับรถมาจากกรุงเทพ เลยคิดว่าคงจะเหนื่อย วันนี้เลยอยากให้นั่งรถสบาย ๆ หน่อยครับ”
ฉัตรนลินทร์ที่เดินตามเข้ามา เธอทันได้ฟังคำพูดเลี่ยน ๆ นั้นพอดี เธอไม่อยากจะหักหน้าเขาเหมือนที่เขาทำกับเธออยู่หลายครั้ง เพราะเธอไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น เธอจึงทำได้แค่มองบน
“รีบไปอาบน้ำแต่งตัวสิลูก อย่าปล่อยให้คุณไตรรอนาน”
“อย่าเรียกคุณเลยครับ เรียกไตรเฉย ๆ ก็พอครับ”
“ได้ค่ะ”
ความสุภาพนี้ดูจะผิดหูผิดตาของฉัตรนลินทร์จนเธองงไปหมด ผู้ชายคนนี้กินอะไรผิดมาหรือเปล่าทำไมถึงได้ผิดเพี้ยงไปได้ถึงขนาดนี้ ดูเปลี่ยนไปราวเป็นคนละคน
“ยังยืนอยู่อีกอย่าให้พี่เขารอนาน”
“เอ่อ...ค่ะ” ฉัตร์นลินทร์รีบหมุนตัวเดินเข้าห้องไปทันที โดยที่เธอไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น
ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงฉัตรนลินทร์ก็เดินออกมาจากห้อง ปกติเธอไม่ใช่คนอาบน้ำแต่งตัวนานแบบนี้ เธอเพียงแค่อยากแกล้งคนที่อยู่ด้านนอกก็เท่านั้น เพราะเธอมั่นใจว่าที่เขามาวันนี้ไม่ได้มาดีแน่นอน
ทันทีที่หันไปเห็นศิวัฒน์ก็ลุกจากโซฟา เขารอเธอมาพักใหญ่ คุยเรื่อยเปื่อยกับแม่ของฉัตรนลินทร์จนไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรแล้ว กว่าเธอจะออกมาได้
“คิดว่าจะออกมาสวยกว่านี้ซะอีก”
เขาก้มลงไปกระซิบเมื่อเธอมาหยุดยืนอยู่ใกล้ ๆ เขา
“อาจจะสวยกว่านี้ถ้าคนที่มารอไม่ใช่คุณ”
เขาไม่สนใจคำพูดของเธอเหมือนที่เธอไม่สนใจคำพูดของเขานั่นแหละ
“ผมไปก่อนนะครับคุณแม่” ศิวัฒน์ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้แม่ของฉัตรนลินทร์อย่างนอบน้อม
“ขับรถดี ๆ นะลูก”
“ครับ”
“ฉัตรเอายาไปหรือยังลูก” แม่ของเธอพูดขึ้นขณะที่เธอหมุนตัวเดินตามศิวัฒน์ไป
“เอาแล้วค่ะ”
พวกเขามาถึงตามสถานที่นัดหมายในเวลาต่อมาหลังจากก่อนหน้านี้ได้แวะไปแต่งหน้าทำผมที่ร้านเรียบร้อยแล้ว แม้จะเป็นงานแต่งตามใจของศศิณี แต่ก็ไม่ทั้งหมดไปซะทีเดียว เพราะเธอเปิดโอกาสให้ทั้งคู่เลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งเอง แม้จะใช้เวลานานในการตัดสินใจก็เถอะ เพราะไม่ลงรอยกันจึงไม่ยอมรับความเห็นของกันและกัน แต่สุดท้ายฉัตรนลินทร์ก็ต้องยอมศิวัฒน์เพื่อตัดปัญหา เธอไม่อยากมาเสียเวลากับเรื่องนี้
“ทำไมถึงเป็นที่นี่คะ”
“ฉันว่ามันก็สวยดี ที่สำคัญสะดวกไม่ต้องขับรถไปไกล” เขาตอบโดยไม่หันมามองเธอ
นั่นสิตอนแรกฉัตรลินทร์ก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมอยู่ ๆ ทางร้านถึงโทรมาเปลี่ยนเวลาจาก 6 โมงเช้าเป็น 9 โมง เพราะถ้าไปทะเลเธอจะต้องออกเช้ากว่านี้
“คุณโอเคใช่มั้ย”
“อืม”
เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นที่ ๆ ฉัตรลินทร์เสนอตั้งแต่แรก แต่ศิวัฒน์ไม่เห็นด้วย และปฏิเสธทุกอย่างไม่ว่าเธอจะเสนออะไร เขาเลือกที่จะไปถ่ายที่ทะเล แต่ฉัตรลนิทร์ไม่ชอบ เธอชอบที่มีต้นหญ้าใบไม้เขียวขจีดูแล้วสบายตา นั่นก็คือสวนสาธรณะที่ที่เป็นแลนมาร์คของบ้านเกิดเธอนั่นเอง
“เจ้าบ่าวเจ้าสาวมาถึงแล้วค่ะ” ช่างแต่งหน้าบอกช่างถ่ายรูปที่กำลังเซตสถานที่อยู่
“งั้นเชิญทั้งคู่มายืนตรงนี้นะครับ”
ทั้งสองเดินไปหยุดอยู่ตรงตำแหน่งที่ช่างถ่ายรูปบอก
“เจ้าบ่าวโอบไหล่เจ้าสาวหน่อยครับ”
ทั้งคู่มองหน้ากัน
“เร็วครับแดดกำลังสวยเลย” ช่างถ่ายรูปก็เดินเข้าไปจัดท่าให้ทั้งคู่เสร็จสรรพ เป็นท่าที่ทั้งคู่หันหน้าเข้าหากันศิวัฒน์กำลังกอดเอวฉัตรนลินทร์ ส่วนฉัตรนลินทร์ก็เอามือวางไว้ตรงอกของศิวัฒน์
“ยิ้มให้กันหน่อยครับ...นั่นแหละครับ...เจ้าบ่าวขยับหน้าเข้าไปหน่อยครับ”
สิ้นคำสั่งของช่างถ่ายรูปฉัตรนลินทร์ก็ต้องตาโตเมื่อศิวัฒน์ขยับหน้าเข้ามาใกล้เธอจนจมูกของเขาแตะกับจมูกของเธอ
“ใกล้เกินไปแล้วนะคะ” ฉัตรนลินทร์พูดเบา ๆ
“เดี๋ยวช่างก็บอกให้ใกล้อีก ใกล้อีก ฉันก็ทำก่อนเลยไม่ต้องรอให้เขาสั่ง เสียเวลา”
“คุณก็ขยับหน้าออกไปอีกหน่อยสิ”
“หึ...” เขายิ้มมุมปาก เมื่อเห็นว่าว่าที่เจ้าสาวของเขากำลังหน้าแดง
“ยิ้มอะไร” เธอถลึงตาใส่เขา แต่แล้วก็ต้องรีบหลุบตาต่ำลงเมื่อเขาก็จ้องมองเธออยู่เช่นกัน
ความหล่อของคนตรงหน้าปั่นป่วนหัวใจเธอมากในตอนนี้ ปกติแค่เห็นกัน แต่ไม่เคยเข้าใกล้กันมากเท่านี้มาก่อน และไม่คิดด้วยว่าคนตรงหน้าจะมีเสน่ห์มากเท่านี้ หากตัดเรื่องปากไม่ดีออกไปเขาคงเป็นผู้ชายเพอร์เฟ็กคนหนึ่งในสายตาของเธอ
“เจ้าสาวมองหน้าเจ้าบ่าวหน่อยครับ”
หา!
ฉัตรนลินทร์หันไปมองช่างถ่ายรูปด้วยสายตาเว้าวอน
“ไม่ต้องเขินครับ ภาพจะได้ออกมาสวย ๆ นะครับ เป็นความทรงจำที่ดีเลยครับ”
เธอไม่รู้จะพูดยังไง เพราะพวกเขาไม่รู้ว่างานแต่งที่กำลังเกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากคู่บ่าวสาวที่รักกัน เธอไม่ได้ถูกรักจนขอแต่งงาน แต่เธอโดนจับแต่งงานเพื่อให้อีกคู่หมดรักกันต่างหาก
