บทที่ 65 65
“สลัดผักไหม”
“เอาค่ะ น่ากินจัง” สลัดผักผลไม้กลิ่นหอมกรุ่น แค่ทานเข้าไปคำแรกก็ถึงกับต้องหลับตาและเคี้ยวด้วยความอร่อย เปรี้ยวหวานกลมกล่อม ยิ่งน้ำสลัดยิ่งทำให้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้น
“สลัดน้ำใสที่ปลายชอบ ให้เค้าทำสุดฝีมือเลยนะ”
“อร่อยค่ะ พี่นนท์ไม่กินเหรอคะ” เธอจิ้มอาหารมาจ่อที่ปากของเขาบ้างอย่างเอาใจ ชานนท์อ้าปากรับอาหารเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ มองคนในอ้อมแขนที่พักหลังๆ มานี้ขี้อ้อนนัก จำได้ว่าตอนที่เธอมาขอโทษเขาเรื่องที่เข้าใจผิด แถมยังไม่ยอมฟังเขาอธิบาย เธอน่ารักขนาดไหน ยอมให้เขาลงโทษอย่างน่ารัก แถมยังให้รางวัลยั่วเขาเสียจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน
“เนื้อปลาอร่อยมากค่ะ พี่นนท์รู้ใจปลายที่สุดเลย”
“ไม่รู้ใจเมียแล้วจะให้ไปรู้ใจใครล่ะ”
“กินดึกแบบนี้อ้วนแย่นะคะ”
“อ้วนก็รัก”
“แน้.. ทำมาเป็นปากหวาน ปลายท้องแบบนี้ ก็ต้องอ้วนขึ้นแน่ค่ะ น้ำหนักต้องเพิ่มขึ้นอีกหลายกิโลเลย แถมยังท้องโตเหมือนแบกแตงโมเลยค่ะ”
“จริงๆ อยากแบกเองมากกว่า”
“ปลายยังนึกไม่ออกนะคะว่าเวลาผู้ชายท้องจะเป็นยังไง คงตลกน่าดู”
“ก็คงสภาพไม่ต่างจากผู้หญิงนักหรอก”
“พี่นนท์อยากได้ลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชายคะ”
“ผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ดี แต่ม๊าคงอยากได้หลานชาย”
“ถ้าไม่ใช่ผู้ชายม๊าจะผิดหวังไหมคะ”
“ไม่หรอก เราก็มีอีกหลายๆ คน มีลูกหลายคนดีจะตายไป ลูกเราจะได้มีเพื่อนเล่นไง”
“จะมีหลายๆ คน ถามปลายหรือยังคะ” เธอค้อนให้
“อยากมีหัวปีท้ายปีเลยนะ”
“ถึงตอนนี้ปลายก็คงกลายเป็นแม่หมูแล้วค่ะ”
“บอกแล้วเป็นแม่หมูแม่แมวก็รัก”
“พูดได้ค่ะแต่มือก็ทำงานไปสิคะ ป้อนค่ะป้อน รอกินอยู่”
“คร๊าบคุณเมีย”
“อร่อยจังเลยค่ะ แต่เยอะมาก จะกินเข้าไปหมดเหรอคะ”
“ก็เห็นปลายชอบกินหลายอย่าง เลยจัดมาหมดเลย กินไม่หมดก็ไม่เป็นไร”
“เสียดายของออกค่ะ”
“ไม่ใช่จะทิ้งเสียหน่อย” เขาโยกศีรษะของเธอไปมา
“นี่พี่ปัทก็กำลังจะคลอดแล้วนะคะ วันนี้ยังมาช่วยงานหลายอย่าง”
“คุณปัทขยันจริงๆ นายเขมโชคดีที่ได้คุณปัทเป็นภรรยา”
“พี่เขมไม่เหมือนวันแรกที่เจอนะคะ”
“วันแรกที่เจอเป็นยังไง” ชานนท์เอ่ยถามคนในอ้อมแขน
“ก็ทำหน้าเย็นชา เหมือนจะฆ่าคนน่ะค่ะ” เธอพูดแล้วหัวเราะคิกๆ
“นี่ถ้านายเขมมาได้ยินได้แยกเขี้ยวอีกรอบแน่”
“ไม่กลัวหรอกค่ะ จะฟ้องพี่ปัท”
“แสบนะเรา แล้วตอนนี้นายเขมเป็นไงล่ะในสายตาของเรา”
“ก็ดูไม่เย็นชา ดูสดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้นไม่เหมือนผีดิบอีกต่อไปยังไงล่ะ แต่พี่นนท์ถามทำไมคะ”
“พี่คิดว่าเป็นเพราะคุณปัท นายเขมถึงเป็นแบบนี้ พี่เคยคิดเสมอว่าจะต้องมีผู้หญิงสักคนเข้ามาในชีวิตของเพื่อนพี่และทำให้เพื่อนพี่มีความสุขสักที”
“คุณพิมพ์อรอะไรนั่นก็หนีกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วนะคะ ดีจังเลย ปลายไม่อยากให้พี่สาวของปลายต้องคอยทะเลาะกับผู้หญิงคนอื่น”
“น่าแปลก ปกติพิมพ์อรไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่รอบนี้ถอดใจกลับไปได้ยังไง พี่ยังสงสัย” ชานนท์เลิกคิ้วขึ้น เขาไม่ค่อยสบายใจนักหรอกเรื่องพิมพ์อร
“เธอไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ หมายความว่ายังไงคะ”
“เธอเป็นคนอยากเอาชนะ ตอนนั้นที่นายเขมหลงรักเธอก็เพราะเธอยั่วยวนนายเขม อยากเอาชนะ อยากครอบครอง สุดท้ายก็ทิ้งนายเขมไป”
“แย่จังค่ะ”
“พี่เคยเตือนแล้ว คุณป้านวลก็เคยเตือน แต่ตอนนั้นเขมมันกำลังหลงพิมพ์อร”
“แต่กับพี่ปัทคงไม่ใช่ความหลงหรอกนะคะ”
“ไม่หรอก พี่คิดว่านายเขมรักคุณปัทจริงๆ เพราะเมื่อก่อนนายเขมต้องวิ่งตามพิมพ์อร ทำทุกอย่างให้ แต่กับคุณปัท นายเขมเป็นตัวของตัวเอง สีหน้าก็มีความสุขกว่าอยู่กับพิมพ์อร”
“ขอให้ทั้งสองไม่มีอุปสรรคอะไรเลยค่ะ ปลายอยากเห็นพี่สาวของปลายมีความสุขสักที” เพราะที่แล้วๆ มาเธอรู้ดีว่ามารดาทำอะไรกับพี่สาวของเธอบ้าง ถ้าเธออยู่ เธอจะขัดขวางเต็มที่ แต่ตอนไปเรียนมารดาของเธอโขกสับปิ่นปัทมาเยี่ยงทาส พอท่านสำนึกได้ พี่สาวของเธอก็ไม่ถือโทษโกรธ แถมยังให้อภัยอีก แบบนี้จะไม่ให้เธอรักพี่สาวคนนี้ได้อย่างไรกัน
ตำรวจที่เข้ามาที่บ้านเพื่อขอสอบถามเรื่องของพิมพ์อรทำให้ปิ่นปัทมาตกใจ เธอได้ยินจากแพรวพรรณว่าพิมพ์อรกลับกรุงเทพฯ ไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าสามีของพิมพ์อรไปแจ้งตำรวจว่าภรรยาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ดังนั้นตำรวจจึงตามสืบเรื่องทั้งหมดเพื่อจะแกะรอยตามหาตัวของหญิงสาว และเบาะแสที่พอจะหาได้คือสถานที่ที่พิมพ์อรเคยไป และไปครั้งสุดท้ายกลายเป็นที่ไร่ของเขมชาตินั่นเอง
“คุณเขมคะ คุณพิมพ์อรจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ปิ่นปัทมาเอ่ยถามสามีที่ใบหน้าเครียดขรึม เธอพิงศีรษะกับอกกว้างของเขา ในขณะที่มือหนาลูบไล้หน้าท้องนูนๆ ของเธออยู่
“ฉันไม่รู้” น้ำเสียงของเขาดูเคร่งเครียด
“คุณเขมเครียดหรือคะ” ปิ่นปัทมาเงยหน้าขึ้นถาม สีหน้าของเขาทำให้เธอนึกเป็นห่วง เพราะการหายตัวไปของพิมพ์อรนั้นเขมชาติก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเพราะเคยมีความแค้นต่อกัน
“อย่าคิดมากเลย” กลายเป็นเขาที่ก้มมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนขึ้น ลูบแก้มนวลไปมาเบาๆ
“ปัทเป็นห่วงคุณเขมนะคะ”
“เป็นห่วงฉันทำไม หืม... หรือเธอก็คิดว่าฉันจะฆ่าผู้หญิงสารเลวคนนั้น”
“คือว่าปัท...”
“ถ้าฉันจะฆ่าเค้า ฉันทำไปตั้งนานแล้ว รู้ไหม ผู้หญิงใจร้ายคนนั้นฆ่าลูกของตัวเอง” น้ำเสียงของเขาเจ็บปวด สายตาของเขาบ่งบอกถึงความเสียใจอย่างท่วมท้น
“ตายแล้ว คุณพิมพ์อรทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“มีชู้ไม่พอ ยังทำให้ตัวเองแท้งลูกอีก คนแบบนั้น!!! มันน่า...” น้ำเสียงของสามีทำให้ปิ่นปัทมาตกใจ
“คุณเขมพอแล้วค่ะ คิดเรื่องไม่ดีจะทำให้สุขภาพจิตเสียนะคะ” เธอยกมือขึ้นปิดปากของเขาเอาไว้ สีหน้าตึงเครียดของสามีลดทอนความเคร่งเครียดลงไปพอสมควร
“ฉันทำให้เธอเครียดจริงๆ ด้วย ไม่เอานะ เดี๋ยวไม่ดีต่อลูกในท้อง แล้วก็เลิกพูดถึงผู้หญิงคนนั้นสักที ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉัน แต่ฉันไม่เคยคิดจะยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิด เธอรู้ไหมเพราะอะไร ฉันถึงปล่อยวางในเรื่องของผู้หญิงคนนั้นได้ขนาดนี้” ปิ่นปัทมาส่ายหน้าไปมา แต่สายตาของเขาสื่อความหมายมากมายอย่างที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงแทบโลดออกมานอกอก
“เพราะเธอไง เธอให้อภัยคนอื่นเสมอ ฉันนับถือน้ำใจของเธอ เธอให้อภัยแม่เลี้ยงของเธอได้ ทั้งๆ ที่เขาทำกับเธอถึงขนาดนี้ เธอรักคนอื่น ไม่เคยถือโทษโกรธใคร” ปิ่นปัทมากอดเอวหนาของเขาเอาไว้ อยากจะบอกว่าเธอก็รักเขาเหลือเกิน ตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกที เธอก็รักเขาไปเสียแล้ว
“ง่วงหรือยัง ฉันจะพาขึ้นไปนอน”
“ทำยังกับปัทเป็นเด็ก” เธอพูดยิ้มๆ เงยหน้ามองเขาอย่างมีความสุข
“เธอเด็กกว่าฉันตั้งสิบกว่าปีเชียวนะ”
“คุณเขมดูไม่แก่เลยนะคะ แต่ตอนที่ไม่ทำหน้าเคร่งนะ”
“อ้าว... ตกลงแก่หรือไม่แก่กันล่ะนี่”
“คิกๆ” เธอหัวเราะเสียงใส เขมชาติบีบจมูกเล็กๆ อย่างเอ็นดู
“คุณเขมดูไม่แก่เลยค่ะ แต่หน้าจะแก่ตอนทำหน้าเครียด อันนี้ยายปลายพูดนะคะ”
“น้องสาวเธอนี่แสบน่าดูเลยนะ”
“ยายปลายเป็นเด็กน่ารักค่ะ นี่เห็นว่าไปฮันนีมูนกันยังไม่กลับมาเลยค่ะ คุณนนท์ก็น่ารัก ปัทมีความสุขที่ได้เห็นน้องมีความสุขค่ะ”
“เธอกับปลายรุ้งไม่เหมือนกันเลยนะ”
“ปลายสดใสร่าเริงค่ะ ส่วนปัทเชยๆ ใครคุยด้วยก็เบื่อ เพราะปัทพูดไม่เก่ง” ปิ่นปัทมาวิจารณ์ตัวเอง
