บทที่ 19 สหายฮองเฮา (๔)

ชินอ๋องหวังซานเย่เดินทางมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ผู้เป็นพระเชษฐาที่ตำหนักส่วนพระองค์ อันกงกงซึ่งเป็นหัวหน้าขันทีกำลังยืนอยู่หน้าพระตำหนักมองเห็นการมาเยือนของหวังชินอ๋องในรอบปีจึงอดแปลกใจไม่ได้ ทว่าก็ไม่ลืมหน้าที่สำคัญของตนเองที่จะต้องถวายรายงาน

“ทูลฝ่าบาท ชินอ๋องเสด็จพะย่ะค่ะ” ชื่อที่อันกงกงเอ่ยถึงสร้างความฉงนใจให้กับหวังลู่และเกาเจียฉี่ยิ่งนัก แต่ทว่าผู้เป็นฮ่องเต้ก็มิได้เอ่ยคำใด รอจนกระทั่งหวังชินอ๋องเข้ามาในตำหนักด้วยพระองค์เอง

หวังซานเย่เดินเข้ามาด้วยท่าทีองอาจผึ่งผาย เขากวาดสายตามองผู้เป็นพี่ชายแล้วยกฝ่ามือคำนับอย่างเรียบง่ายเท่านั้น ก่อนจะหันมามองเกาเจียฉี่ด้วยสายตาราบเรียบ “ฝ่าบาททรงอยู่กับเสนาบดีเกาเช่นนี้ ย่อมดีนัก กระหม่อมมีเรื่องที่เกี่ยวกับเสนาบดีเกาอยากจะทูลอยู่พอดี”

ท่าทีและน้ำเสียงแข็งกระด้างที่ไม่ค่อยให้ความเคารพต่อผู้เป็นพี่ชาย

ของหวังชินอ๋องนั้น หวังลู่ฮ่องเต้ทรงเคยชินเสียแล้ว เพราะแต่ไหนแต่ไรมาน้องชายผู้นี้ก็มีท่าทีแข็งกระด้างต่อเขาและไทเฮาเสมอ แม้ว่าจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าใด แต่พระองค์ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าที่ราชบัลลังก์อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ส่วนใหญ่นั้นมาจากความเข้มแข็งของราชวงศ์หวัง ที่หวังซานเย่ได้สร้างชื่อเสียงอันเกรียงไกรในนามของราชวงศ์เอาไว้

ผู้เป็นฮ่องเต้ทรงม้วนฎีกาเก็บวางเอาไว้ข้างๆ กัน ทรงแย้มพระสรวล

ถามผู้เป็นน้องชายต่างมารดา “ชินอ๋องกลับมาเมืองหลวงมาเร็วแบบนี้ คงเพราะมีชัยชนะเหนือแคว้นเสวี่ยดั่งที่เขาร่ำลือกันจริงๆ สินะ พอดีเลย...ข้ากำลังคิดว่าจะตกรางวัลให้เจ้าอยู่พอดี”

หวังซานเย่กระตุกยิ้มข้างมุมปาก “ถ้าเช่นนั้นก็ดีเลยพะย่ะค่ะ กระหม่อมก็มีเรื่องบางอย่างอยากทูลขอต่อพระองค์เช่นกัน หวังว่าจะทรงพระราชทานสิ่งนี้ให้เป็นรางวัล”

“เจ้าอยากขอสิ่งใดกันเล่า เพื่อเป็นการตอบแทนที่เจ้าสร้างคุณูปการต่อบ้านเมืองและราชวงศ์ หากไม่เกินกำลังเราย่อมให้ได้” หวังลู่ฮ่องเต้แสร้งเอ่ยอย่างมีพระทัยกว้างขวาง

หวังซานเย่ยิ้มบางๆ ขณะมองเกาเจียฉี่ซึ่งกำลังยืนนิ่งสงบฟังการสนทนาอันน่าตึงเครียดนี้ ก่อนจะหันมามองพระพักตร์ของผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดิน “กระหม่อมอยากขอสมรสพระราชทานกับคุณหนูเกาอี้เหรินพะย่ะค่ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป