บทที่ 24 รางวัลของผู้ชนะ (๑)

เฉินซู่กวงมองบุตรสาวคนเล็กที่ยืนตรงหน้าด้วยความห่วงใย เขาแย่งตะกร้าที่มีผักสด เนื้อสดและปลาสดเข้ามาถือไว้ สร้างความฉงนใจให้กับเฉินหว่านอิ๋งเล็กน้อยที่บิดาทำเช่นนี้

“ท่านพ่อมีอะไรในใจหรือเปล่าเจ้าคะ” เฉินหว่านอิ๋งมองบิดาด้วยแววตาใสซื่อ ใบหน้าของเฉินซู่กวงยามนี้เคร่งเครียดจัด แววตานั้นมีแต่ความขมขื่นเมื่อคิดว่าบุตรสาวคนเล็กที่รักดั่งแก้วตาดวงใจจะต้องตกเป็นหมากทางการเมืองในราชสำนักที่โหดร้าย และหากหวังชินอ๋องรู้ว่าสตรีที่แต่งงานด้วยนั้นมิใช่เกาอี้เหริน เขาก็แทบไม่อยากนึกสภาพของบุตรสาวตนเองในยามนั้นเลยจริงๆ

“ลูกรัก ต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องทำงานพวกนี้อีกแล้วนะ คนครัวก็มี พ่อบ้านก็มี หน้าที่พวกนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเลยสักนิด” เฉินซู่กวงลูบศีรษะเฉินหว่านอิ๋ง

“ท่านพ่อหมายถึงเรื่องอะไรเจ้าคะ” นางยังคงถาม

เฉินซู่กวงประคองบุตรสาวมานั่งลงบนม้าหินอ่อนกลางสวน ก่อนจะส่งตะกร้าที่มีผักสดให้พ่อบ้านนำไปส่งให้พวกแม่ครัวปรุงอาหาร

“พ่อหมายความว่า ต่อจากนี้งานบ้านพวกนี้เจ้าไม่ต้องทำ พ่อไม่

อนุญาตเด็ดขาด เจ้าเองก็เติบโตถึงวัยใกล้ออกเรือนแล้ว...” เฉินซู่กวงเอ่ยเสียงอ่อน ใจของตนรู้สึกเจ็บปวดนักยามต้องเห็นบุตรสาวกลายเป็นหมากทางการเมืองของบุรุษในราชสำนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรนี่เป็นหนทางเดียวที่เฉินหว่านอิ๋งจะรอดพ้นจากความโหดร้ายของฮูหยินเอกและเฉินรั่วหลานเท่านั้น

“แต่ว่าถ้าลูกไม่ทำ ฮูหยินเอกก็คงไม่พอใจ อย่างน้อยให้ลูกได้ทำสักอย่างหรือสองอย่างดีหรือไม่เจ้าคะ” เฉินหว่านอิ๋งเอ่ย เพราะรู้ดีว่าเฉินฮูหยินนั้นกับเฉินรั่วหลานมีนิสัยใจคอเป็นเช่นใด นางจึงไม่ต้องการให้จวนที่วุ่นวายอยู่แล้ววุ่นวายมากขึ้นไปอีก

“นี่เป็นคำสั่งของพ่อ ต่อจากนี้ไปเจ้าไม่ต้องทำอีกแล้วนะ เจ้าเป็นลูกสาวคนเล็กของพ่อ เป็นถึงคุณหนูของจวนไม่สมควรทำงานแบบนี้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ คราวนี้ถือว่าพ่อขอ หากฮูหยินมีปัญหาก็ให้นางมาคุยกับพ่อ” เฉินซู่กวงกล่าวเสียงเข้ม ที่ผ่านมาเขาอาจจะยอมมาตลอด แต่ว่านับจากนี้ไปจะไม่เหมือนกัน เขาต้องหาทางเตรียมพร้อมให้เฉินหว่านอิ๋งเป็นเจ้าสาวของหวังซานเย่ให้ดีที่สุด เพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำเพื่อนางและสตรีที่รักได้

เฉินหว่านอิ๋งได้เห็นแววตาความจริงจังของบิดาจึงไม่กล้าเอ่ยถามสิ่งใดอีก “เจ้าค่ะท่านพ่อ”

หวังซานเย่รอคอยข่าวดีอย่างใจจดใจจ่อในวังอ๋องที่ตั้งอยู่นอกวังหลวง เขาวางแผนทุ่มเทอย่างมากมายเพื่อทำให้เกาอี้เหรินหลงรักเขา จนกระทั่งนางยอมลดศักดิ์ศรีความหยิ่งยโสลงเพื่อทอดสะพานให้เขา ฉะนั้นเขาก็จะทำให้นางรู้ว่าการเป็นพระชายาของเขานั้นต้องตกนรกขุมใด

อ๋องหนุ่มประทับอยู่ในตำหนักใหญ่ของวังอ๋องขณะที่รอฟังข่าวดีจากฉู่หานจิ้ง ซึ่งตนใช้ให้อีกฝ่ายไปสืบความเคลื่อนไหวเรื่องการอภิเษกสมรสในวังหลวงมา เขารอจนกระทั่งฉู่หานจิ้งเดินเข้ามาในตำหนักใหญ่เพื่อรายงานสิ่งที่เขาต้องการ

“ทูลท่านอ๋อง วันพรุ่งนี้ฝ่าบาทจะทรงออกพระราชโองการมาพะย่ะค่ะ เรื่องการอภิเษกของท่านกับคุณหนูเกาอี้เหริน”  ฉู่หานจิ้งถวายรายงาน หวังซานเย่ที่นั่งฟังอยู่เผยรอยยิ้มแห่งความสุขที่แผนการของตนกำลังจะสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่ง

การแต่งงานระหว่างตนกับเกาอี้เหรินหาได้มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่สาเหตุที่เขาทำให้อีกฝ่ายตกหลุมรักจนอยากแต่งงานกับเขาเช่นนี้ มีเหตุผลเดียวคือควบคุมและทำลายสกุลเกาให้ย่อยยับ เนื่องจากสกุลเกา เกาเจียฉี่ใช้วิธีการที่ไม่ชอบธรรมล้มล้างฮ่องเต้พระองค์ก่อนและสนับสนุนให้หวังลู่ขึ้นครองราชย์ เขาเป็นฮ่องเต้ทรราชย์ที่นับวันเคล้าแต่สุรานารี ส่วนเการั่วซีก็เป็นแค่สตรีที่ใช้ความงดงามทำให้หวังลู่ต้องขูดรีดภาษีจากราษฎรมากมายมาปรนเปรอสิ่งที่นางต้องการ

หวังซานเย่รู้ดีลึกๆ ว่าเการั่วซีต้องการไปสู่จุดสูงสุดนั่นคือตำแหน่งฮองเฮาและเป็นพระราชมารดาของฮ่องเต้องค์ถัดไป ให้ราชวงศ์อยู่ใต้อำนาจสกุลเกาตามที่เกาเจียฉี่ต้องการ แต่ว่าเรื่องนี้จะไม่มีทางสำเร็จเด็ดขาดหากเกาอี้เหรินแต่งงานกับเขาและอยู่ภายใต้การควบคุม

สองพี่น้องสกุลเกาจะต้องเขม่นในอำนาจกัน เพราะคนหนึ่งคือกุ้ยเฟยในฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ส่วนเขาก็คือคนที่คิดจ้องชิงราชบัลลังก์และเกาอี้เหรินเองก็มิใช่คนละโมบน้อย แต่นางก็หวังตำแหน่งสูงสุดในแผ่นดินนี้เหมือนกัน หากพวกนางทั้งสองพี่น้องเกิดการผิดใจต่อกัน คนที่ได้ประโยชน์ที่ดีที่สุดก็คือเขา และเขาจะได้ล้มล้างสกุลเกาให้หมดทั้งตระกูล!

“ท่านอ๋อง ทรงไม่ได้รักเกาอี้เหริน แต่ทำเช่นนี้จะดีหรือพะย่ะค่ะ” ฉู่หานจิ้งแอบหวั่นใจ เพราะลึกๆ เองก็สงสารเกาอี้เหรินอยู่ไม่น้อยที่ต้องตกเป็นหมากในแผนการของบุรุษไร้หัวใจอย่างหวังซานเย่

“เจ้าไม่รู้อะไร เกาอี้เหรินน่ะมีความโลภมากกว่าเการั่วซีนัก”

ฉู่หานจิ้งขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “อย่างใดหรือพะย่ะค่ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป