บทที่ 28 สมรสพระราชทาน (๒)
ฉู่หานจิ้งนำข้อมูลของเฉินหว่านอิ๋งมาแจ้งต่อหวังซานเย่ อ๋อง
หนุ่มอ่านข้อมูลคร่าวๆ บนแผ่นกระดาษบางนั้น
“นางเป็นบุตรสาวสายรองของเฉินซู่กวงหรือ” อ๋องหนุ่มถามรองแม่ทัพฉู่ขณะที่สายตาพยายามอ่านข้อมูลที่มีเพียงน้อยนิด
“พะย่ะค่ะ เป็นบุตรสาวสายรองของสกุลเฉิน แต่ไม่ทราบชื่อของมารดาผู้ให้กำเนิด ข้อมูลของนางยังมีไม่มากพอด้วยพะย่ะค่ะ” ฉู่หานจิ้ง กล่าว
หวังซานเย่ขยำม้วนกระดาษนั้นทิ้งอย่างไม่ไยดี แผนการที่เขาวางเอาไว้ใกล้สำเร็จแล้ว แต่ดันมีสกุลเฉินของเฉินซู่กวงเข้ามาขัดงานอภิเษกสมรสของเขากับเกาอี้เหริน ถ้าหากนี่คือแผนการที่หวังลู่ฮ่องเต้วางเอาไว้จริงๆ เฉินหว่านอิ๋งก็จะต้องรับกรรมจากสมรสพระราชทานครั้งนี้ด้วยเช่นกัน!
เฉินซู่กวงกลับมาถึงจวนในเวลาใกล้พลบค่ำ เขาเห็นบุตรีคนโตและฮูหยินเอกนั่งสนทนากันอยู่ในศาลาริมน้ำ ขณะที่เฉินหว่านอิ๋งเขาไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่าย ประมุขสกุลเฉินนั่งลงตรงที่นั่งประจำตำแหน่งของตนเองกลางศาลาริมน้ำ ก่อนจะเห็นเฉินหว่านอิ๋งยกอาหารคาวหวานเข้ามาเตรียมตั้งสำรับ
“พ่อบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าต่อไปนี้ห้ามทำงานพวกนี้อีก” เฉินซู่กวงมองอย่างตำหนิ
เฉินหว่านอิ๋งก้มหน้าหลุบสายตาบิดา นางจะบอกไม่ได้เด็ดขาดว่าถูกเฉินฮูหยินกับเฉินรั่วหลานสั่งให้นางทำงานบ้านในจวนแทบทั้งวัน
“ข้าสั่งนางเอง อาศัยเรือนผู้อื่นอยู่ก็ต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ แค่ให้ทำงานบ้านตามที่ข้าสั่ง ยังไม่ได้เศษเสี้ยวหนึ่งของบุญคุณที่เลี้ยงนางมาเสีย
ด้วยซ้ำ” เฉินฮูหยินโบกพัดกล่าวอย่างไม่ละอายใจเลยสักนิด ตรงกันข้ามนางปรายหางตามองเฉินหว่านอิ๋งด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะหันมาเอาใจเฉินรั่วหลานบุตรสาวคนโตสุดที่รักของตน
“หรานเอ๋อร์ กินเยอะๆ เลยนะลูก อีกหน่อยเจ้าก็ต้องออกเรือน เจ้าเองก็จะได้กินอาหารจากนังคนชั้นต่ำนี่เป็นครั้งสุดท้าย” ความอดทนที่เฉินซู่กวงมีจวนจะหมดสิ้นแล้ว ประมุขสกุลเฉินตบโต๊ะอาหารเสียงดัง เฉินหว่านอิ๋งซึ่งนั่งอยู่เงียบสะดุ้งโหยงเบาๆ ด้วยความตกใจ
“อิ๋งเอ๋อร์ เจ้ามานั่งข้างพ่อ” เฉินซู่กวงเรียกบุตรีคนเล็กด้วยน้ำเสียงเข้ม เฉินหว่านอิ๋งเดินอ้อมผ่านด้านหลังของเฉินรั่วหลานมานั่งข้างผู้เป็นบิดา
เฉินซู่กวงยกแขนชูม้วนกระดาษฉบับหนึ่งขึ้นมาต่อหน้าทุกคน พร้อมกับประกาศน้ำเสียงกังวานว่า “ฝ่าบาททรงมีพระบรมราชโองการมอบสมรสพระราชทานระหว่างชินอ๋องหวังซานเย่ และ...เฉินหว่านอิ๋ง...ลูกสาวของเรา”
เฉินฮูหยินอุทานอย่างเหลือเชื่อ “เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ฝ่าบาทรึจะมอบสมรสพระราชทานให้นัง...นัง... ฮึ่ย!”
ฮูหยินใหญ่สกุลเฉินหมายจะชี้นิ้วต่อว่าเฉินหว่านอิ๋ง ทว่าตราประจำพระองค์ซึ่งประทับอยู่ในม้วนกระดาษนั้นทำให้ตนรู้สึกหวาดกลัว จึงยอมระงับวาจาอันร้ายกาจลงอย่างรวดเร็ว
เฉินรั่วหลานที่รู้สึกอิจฉาริษยาเฉินหว่านอิ๋งเป็นทุนเดิม บัดนี้ความริษยายิ่งทวีเพิ่มในใจมากขึ้นไปอีก ขนาดนางที่เป็นบุตรสาวสายตรงได้เข้าร่วมงานเลี้ยงสตรีสูงศักดิ์หลายครั้ง ได้พบชินอ๋องหวังซานเย่ แต่ว่าผู้ที่ได้ตำแหน่งพระชายาชินอ๋องคือเฉินหว่านอิ๋ง เป็นไปได้อย่างไร!
นางไม่มีทางยอมให้เฉินหว่านอิ๋งได้ดีกว่าเด็ดขาด!
“ราชโองการฉบับนี้ท่านอาจจะแต่งขึ้นมาเองก็ได้!” เฉินฮูหยินโต้เถียงสามีกลับ นางไม่มีทางยอมรับความจริงว่าสตรีที่ตนเกลียดแสนเกลียดจะได้ดีเกินหน้าเกินตาตนอีกครั้ง เฉินหว่านอิ๋งและมารดาของมันจะอยู่เป็นหนามยอกอกตนไปถึงเมื่อใด!
ปัง! เฉินซู่กวงตบโต๊ะอาหารเสียงดังด้วยท่าทีกราดเกรี้ยว
“โทษของการปลอมแปลงราชโองการคือการตัดสินประหารชีวิตทั้งตระกูล! เจ้าคิดว่าข้าจะเอาชีวิตคนทั้งจวนมาเดิมพันอย่างนั้นรึ!”
เฉินฮูหยินใบหน้าถอดสี นางรู้สึกถึงความกลัวที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้ตน หากเฉินหว่านอิ๋งได้เป็นชินหวางเฟย อนาคตของเฉินรั่วหลานคงไม่มีทางได้ดิบได้ดีไปกว่านี้แน่ จะให้บุตรสาวเป็นสนมของฮ่องเต้รึ นางก็ต้องสู้รบปรบมือกับเการั่วซีและฮองเฮาอีก ตำแหน่งสตรีเพียงหนึ่งเดียวชาตินี้เฉินรั่วหลานคงไม่มีทางได้มาครอบครอง
เฉินหว่านอิ๋งเมื่อตั้งสติได้แล้วจึงถามบิดา “ท่านพ่อ นี่เรื่องอะไรกันเจ้าคะ ทำไมข้าไม่รู้เรื่องนี้”
น้ำเสียงของเฉินหว่านอิ๋ง ทำให้เฉินรั่วหลานเพิ่มความเกลียดชังเป็นเท่าทวี นางเกลียดน้ำเสียงราวกับคนเพิ่งหายตกใจแบบนี้ที่สุด คนที่นางเคยกลั่นแกล้งมาตลอดชีวิตกำลังจะมีวาสนาได้ดีเป็นถึงพระชายาของชินอ๋อง และหากชินอ๋องหวังซานเย่โปรดปรานนางมากเข้าจนทำให้พวกตนเดือดร้อน เฉินหว่านอิ๋งย่อมไม่ปล่อยพวกตนสองแม่ลูกไปแน่
“ฝ่าบาททรงมีพระบรมราชโองการ ให้เจ้าเป็นของรางวัลแด่ผู้ชนะของชินอ๋องหวังซานเย่ อีกไม่กี่วันราชเลขาจะนำพระบรมราชโองการนี้มาประกาศด้วยตนเอง พ่อนำเรื่องนี้มาบอกเจ้าก่อนเพื่อให้เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม” เฉินซู่กวงกล่าว ก่อนที่น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงเข้มจริงจัง
