บทที่ 4 ชินอ๋องหวังซานเย่ (๑)

เฉินหว่านอิ๋งเดินตามบ่าวของเฉินรั่วหลานมาที่เรือนใหญ่ของอีกฝ่าย ซึ่งหากเทียบกับเรือนหลังของนางแล้วนั้น เรือนของเฉินรั่วหลานนับว่าใหญ่โตโออ่ายิ่งนัก เนื่องจากเฉินฮูหยินสั่งให้คนในจวนมาช่วยกันซ่อมแซมและปรับปรุงด้วยทรัพย์สินเงินทองจำนวนมาก จนเรือนหลังนี้ใหญ่โดดเด่นกว่าเรือนอื่นนัก

บ่าวรับใช้ร่างใหญ่ของเฉินรั่วหลานตะโกนรายงานไปยังด้านใน ก่อนจะหลีกทางให้เฉินหว่านอิ๋งเปิดประตูเข้าไปเอง แล้วเดินตามประกบหลังเข้าไป

สภาพภายในห้องนั้นนางเห็นคุณหนูใหญ่ของจวนกำลังนอนเอกขเนกบนเตียงนอนหลังใหญ่อย่างสบายใจ มีบ่าวสองถึงสามคนคอยปรนนิบัติราวกับว่าวันพรุ่งนี้จะมีเรื่องที่ดีเกิดขึ้น ส่วนเฉินรั่วหลานนั้นเมื่อรู้ถึงการมาเยือนของคนที่ตนเองต้องการเรียกใช้ หญิงสาวจึงยกยิ้มขึ้นอย่างถือดีและแกว่งปลายเท้าของตนเองสองถึงสามครั้ง

“มาแล้วหรือ? ถ้ามาแล้วก็มาขัดเท้าให้ข้า”

เฉินรั่วหลานกล่าวพลางยกยิ้มอย่างโอหัง นางปรายหางตามองเฉินหว่านอิ๋งอย่างดูแคลน

“เกรงว่าจะไม่สะดวกเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าต้องตื่นแต่เช้ามาทำอาหารให้พวกท่าน” เฉินหว่านอิ๋งปฏิเสธอย่างสุภาพที่สุด สิ่งที่เฉินรั่วหลานกำลังทำอยู่นี้ไม่ต่างจากต้องการกดขี่นางทั้งเป็น การให้ผู้อื่นที่มิใช่บ่าวล้างเท้าให้นั้นนับว่าเป็นการดูถูกดูแคลนอย่างยิ่ง

เฉินรั่วหลานยกขาขึ้นวางเหยียบพื้นทันที นางมองเฉินหว่านอิ๋งด้วยสายตาเยาะเย้ย “แค่คิดว่าท่านพ่อเมตตาเจ้าเป็นบุตรสาว เจ้าก็คิดว่าจากกาจะกลายเป็นหงส์ได้อย่างนั้นหรือ? อย่างเจ้าน่ะก็แค่กาฝากของสกุลเฉินเท่านั้นล่ะ อยู่ที่นี่เจ้าคือบ่าวรับใช้ หากเจ้าไม่อยากให้ท่านพ่อมีปัญหากับท่านแม่แล้วล่ะก็ ทำตามที่ข้าสั่ง!”

“แต่หน้าที่พวกนี้ให้พวกบ่าวคนอื่นทำก็ได้นี่” เฉินหว่านอิ๋งพยายามแย้ง ต่อให้นางจะพยายามทำตนอย่างสงบเสงี่ยมภายในจวนมากเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าเฉินรั่วหลานจะไม่หยุดกลั่นแกล้งนางบ้างเลย นางเองก็ไม่อาจทำให้บิดาต้องมีปัญหากับฮูหยินใหญ่ ทว่าศักดิ์ศรีของตนเองก็ต้องปกป้องเช่นกัน

เฉินรั่วหลานเดินสาวเท้าเข้ามาหาเฉินหว่านอิ๋งเสียงดัง นางขึงตามองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง “ที่เจ้าไม่อยากล้างเท้าให้ข้า เพราะรู้ว่าวันพรุ่งนี้ชินอ๋องหวังซานเย่จะเสด็จกลับมาพร้อมชัยชนะ เจ้ากลัวว่าข้าจะได้ดีเกินไป เลยไม่อยากทำให้ข้าใช่หรือไม่?!”

“เปล่า” เฉินหว่านอิ๋งตอบเสียงสั่น ภายในแววตาของนางสั่นคลอ ชินอ๋องหวังซานเย่จะกลับมาพร้อมชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ล้วนไม่เกี่ยวกับนางเลยสักนิดเดียว นางกระถดถอยหนีอย่างเชื่องช้าแต่ว่าเฉินรั่วหลานก็ยังไม่หยุดราวีง่ายๆ อีกฝ่ายค่อยๆ เดินไล่ต้อนเฉินหว่านอิ๋งเช่นกัน

“เจ้าคิดว่าอยู่ในจวนนี้จะมีสิทธิ์มีเสียงอันใด ท่านพ่อข้าเห็นเจ้าเป็นแค่กาฝากต่ำๆ โชคดีเท่าไหร่แล้วที่สกุลเฉินให้เจ้าใช้แซ่ได้น่ะ หากรู้กันทั่วไปว่าเฉินหว่านอิ๋งเป็นแค่กาฝากต่ำๆ ที่มาอาศัยแซ่เฉิน บรรพชนสกุลเฉินทั้งหมดคงอยู่กันไม่สงบ เพราะมีคนต่ำๆ เช่นเจ้าอยู่ร่วมชายคา” เฉินรั่วหลานยังคงไม่หยุดที่จะผรุสวาทวาจาร้ายกาจนั้นออกมา แต่ละคำล้วนเป็นดั่งน้ำกรดที่สาดลงมาในหัวใจจนเฉินหว่านอิ๋งอยากจะหลีกหนีไปให้พ้น

“หยุดก้าวล่วงท่านพ่อของข้า!” เฉินหว่านอิ๋งรวบรวมความกล้าโต้แย้งกับเฉินรั่วหลาน ตอนนี้นัยน์ตาของสตรีเต็มไปด้วยความโกรธเคืองที่มีต่อสตรีอีกคนตรงหน้า ว่านาง ต่อว่านางนางยังพอทนได้ แต่หากก้าวล่วงต่อบุพการีนางไม่อาจทนได้ อีกทั้งวันนี้เฉินรั่วหลานกับเฉินฮูหยินกดขี่นางมามากพอแล้ว

เฉินรั่วหลานยกยิ้มได้ใจ

“ท่านพ่อของเจ้ารึ? ท่านพ่อข้าน่ะไม่มีกาฝากต่ำๆ อย่างเจ้าหรอก เจ้ามันก็แค่เด็กที่แม่เอามาทิ้งนั่นล่ะ หากเจ้าดีจริงทำไมพ่อแม่ที่แท้จริงของเจ้าต้องทิ้งเจ้ามาด้วยล่ะ...” ถ้อยคำนี้เฉินหว่านอิ๋งสะอึกจนไม่อาจกล่าวคำใด นางได้แต่เพียงอดทน แม้จะอยากหนีไปจากตรงนี้ก็ไม่อาจทำได้ เพราะแค่เพียงนางหันหลังเตรียมก้าวออกไป บ่าวรับใช้ของเฉินรั่วหลานก็กางมือขวางนางเอาไว้แล้ว

เฉินรั่วหลานเดินอ้อมมาหยุดยืนตรงหน้าเฉินหว่านอิ๋ง สีหน้าของนางยกยิ้มด้วยความสะใจ “รู้อะไรมั้ยว่าทำไมพ่อแม่เจ้าถึงทิ้งกาฝากแบบเจ้าไป...”

“ก็เพราะเจ้ามันตัวกาลกิณียังไงล่ะ อยู่กับใครก็มีแต่หายนะทั้งนั้น ข้าว่านะพรุ่งนี้วันงานเลี้ยงต้อนรับท่านอ๋องกลับมา เจ้าอย่าได้คิดเผยอเสนอหน้าไปร่วมงานจะดีกว่า เกรงว่าจะกลายเป็นเสนียดอัปมงคลในงาน”

เฉินหว่านอิ๋งสูดลมหายใจทั้งน้ำตา ความเศร้าโศกที่กัดกินหัวใจไม่อาจทนกักเก็บเอาไว้ได้อีก นางปล่อยให้หยดน้ำตาไหลอาบลงสองแก้มนวลอย่างควบคุมไม่อยู่ กลั้นใจกล่าวกับเฉินรั่วหลานยอมล้างเท้าในคืนนี้ให้อีกฝ่ายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

“หากข้ายอมทำตามที่เจ้าต้องการ เจ้าจะหยุดใช่หรือไม่?”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป