บทที่ 5 ชินอ๋องหวังซานเย่ (๒)

เฉินรั่วหลานเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง พลางกรีดยิ้มบางๆ ราวกับผู้ชนะ “แน่นอน...ล้างเท้าให้ข้าเร็วๆ สิ ตอนนี้ข้าง่วงแล้ว หากเจ้าทำช้ารู้ใช่หรือไม่ว่าท่านแม่ข้าจะจัดการเจ้าลับหลังท่านพ่อยังไง”

เฉินรั่วหลานนั่งบนเตียงนอนของตนเอง พลางยกเท้าขึ้นมาข้างหนึ่งกวัดแกว่งไปมาด้วยท่าทีพยายามยั่วโทสะ เฉินหว่านอิ๋งรับกะละมังทองเหลืองที่บรรจุน้ำมาครึ่งหนึ่ง บรรจงใช้ผ้าชุบน้ำในกะละมังนั้นค่อยๆ เช็ดเท้าให้กับเฉินรั่วหลานอย่างเบามือ ทว่านั่นยังไม่พอใจสำหรับคุณหนูใหญ่ที่อิจฉาเฉินหว่านอิ๋งมานาน

เฉินรั่วหลานใช้ฝ่าเท้าของตนเองข้างหนึ่งที่ถูกเช็ดทำความสะอาดเสร็จแล้วเหยียบที่หน้าตักของเฉินหว่านอิ๋ง ใช้ปลายเท้านั้นบดขยี้อีกฝ่ายอย่างรุนแรงตามแรงริษยาที่มีในใจ นางเป็นบุตรสาวสายตรงเพียงคนเดียวของเฉินซู่กวง แต่บิดากลับไม่เคยรักนางเลยแม้แต่นิด อีกทั้งยังหวนคิดถึงแต่สตรีอื่นทำให้นางกับมารดาต้องเจ็บช้ำน้ำใจอยู่เสมอมา ส่วนเฉินหว่านอิ๋งก็เป็นแค่ลูกของคนอื่น ทว่าบิดากลับรักและเอ็นดูเสียยิ่งกว่าอะไร นางเกลียดเฉินหว่านอิ๋ง เกลียดเข้าไส้จนอยากให้ตาย!

หญิงสาวใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดฝ่าเท้าของเฉินรั่วหลานจนหอมสะอาดทั้งสองข้าง จึงได้รับอนุญาตให้กลับมานอนที่เรือนได้ดังเดิม ระหว่างทางเดินจากเรือนใหญ่ถึงเรือนท้ายจวนนั้นมืดมิดและอันตรายอย่างยิ่ง นางเฝ้ามองดูพระจันทร์กลมโตและหมู่ดาวที่สว่างไสวด้วยหัวใจที่บอบช้ำ วันพรุ่งนี้ชินอ๋องหวังซานเย่จะกลับมาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับนางสักนิดเดียว ตั้งแต่เกิดมาเฉินฮูหยินก็ดูแลนางเยี่ยงบ่าวไพร่ ใช้แรงงานนางแทบไม่ได้พัก อีกทั้งยังขับไล่ไสส่งให้ไปอยู่เรือนเดียวกับพวกบ่าวรับใช้ด้านหลัง แต่ทว่าดีตรงที่เรือนหลังนั้นยังพอเป็นสถานที่เดียวในจวนที่นางจะอยู่ได้อย่างสบายใจสักวัน

นางสามารถขบคิดเรื่องราวบางอย่างได้เพียงคนเดียวโดยที่ไม่ต้องมีใครมารบกวนใจ ครั้งบิดาจะให้นางไปอยู่อีกเรือนที่ไม่ไกลจากเรือนใหญ่มาก แต่สุดท้ายนางก็ปฏิเสธ เพราะหากอยู่ตรงนั้นนางคงไม่แคล้วถูกเฉินรั่วหลานหาเรื่องทุกวัน แต่อย่างน้อยการที่นางได้อยู่ท้ายจวนคงเป็นความสุขสุดท้ายที่นางหาได้

ในยามที่ทุกคนต่างเข้านอนกันหมดแล้ว แต่ว่าเฉินรั่วหลานกลับยังไม่สามารถข่มตานอนหลับได้ หลังจากที่ได้กลั่นแกล้งเฉินหว่านอิ๋งจนสาแก่ใจ นางก็ถูกมารดาที่ลอบฟังทุกการสนทนาต่อว่าเข้าไปหนึ่งที เพราะสิ่งที่นางกระทำอยู่อาจทำให้บิดาของนางไม่เสนอชื่อเข้าร่วมคัดเลือกพระชายาของชินอ๋อง

ใช่แล้ว! เมื่อไม่กี่วันก่อนที่หวังชินอ๋องได้รับชัยชนะเหนือแคว้นเสวี่ย

ฮ่องเต้ทรงอภิเษกสมรสกับฮองเฮาพระองค์ใหม่ ไท่เฟยซึ่งเป็นพระราชมารดาของหวังชินอ๋องก็ทรงหมายพระทัยอยากจัดการคัดเลือกพระชายาเอกให้กับบุตรชายทันที โดยมีบุตรสาวจากตระกูลเสนาบดีจำนวนมากถูกส่งรายชื่อเข้าเลือกตำแหน่งพระชายาเอก หนึ่งในนั้นคือสตรีสกุลเกา ‘เกาอี้   เหริน’ ซึ่งพี่สาวของนางในยามนี้ดำรงตำแหน่งเกากุ้ยเฟย แห่งราชสำนักฝ่ายใน แม้แต่สกุลเฉินเองก็ต้องส่งบุตรีเข้าร่วมคัดเลือกตำแหน่งพระชายาเอกด้วยเช่นกัน ซึ่งเฉินรั่วหลานก็คิดอย่างลำพองใจว่าท่านพ่อจะต้องส่งชื่อนางเข้าร่วมคัดเลือกด้วยแน่นอน

“การที่เจ้าทำเช่นนี้ หากพวกบ่าวไพร่นำไปพูดต่อท่านพ่อของเจ้า คิดหรือว่าจะได้เป็นพระชายาเอกชินอ๋องน่ะ!” เฉินฮูหยินตวาดใส่บุตรสาว นางอุตส่าห์เตรียมพร้อมให้บุตรสาวได้เข้าถวายตัวเป็นพระชายา แต่ทุกอย่างอาจจะพังไม่เป็นท่าเพราะการกระทำเมื่อสักครู่

“ท่านแม่ อย่างไรเสียทางการก็ต้องสืบประวัติของผู้ที่จะมาเป็นพระชายา นังกาฝากนั่นน่ะไม่มีคุณสมบัติตั้งแต่แรกแล้ว ใครจะเอาสตรีที่มีประวัติคลุมเครือมาเป็นพระชายากันเล่าเจ้าคะ ดีไม่ดีพ่อแม่นังกาฝากนั่นน่ะอาจจะเป็นนักโทษหลบหนีก็ได้” เฉินรั่วหลานกล่าวอย่างลำพองใจ แต่เฉินฮูหยินไม่คิดเช่นนั้น

“เจ้าอย่าประเมินพ่อเจ้าต่ำเกินไป เขาเป็นถึงอัครมหาเสนาบดีเขามีสิทธิ์เสนอชื่อเฉินหว่านอิ๋งได้เช่นกัน เจ้าอย่าลำพองตัวไป อีกอย่างเจ้าก็ยังมีคู่แข่งอย่างเกาอี้เหริน แค่คุณสมบัติเจ้าก็แพ้นางราบคาบแล้ว!”

ใช่ว่าเฉินรั่วหลานจะไม่น้อยใจในคำพูดของมารดา สิ่งที่เฉินฮูหยินพูดมานั้นถูกต้องทุกอย่าง ทั้งหลักคุณธรรมสี่จรรยา หรือแม้แต่ศาสตร์แต่ละแขนงที่คุณหนูจากแต่ละตระกูลสูงร่ำเรียนกันจนแตกฉาน มีเพียงเฉินรั่วหลานเท่านั้นที่ไม่สามารถร่ำเรียนได้ ทั้งการบ้านการเรือน หลักการปรนนิบัติเอาใจสามี ศาสตร์และศิลป์นางล้วนแพ้พ่ายจนหมดสิ้น หากนางกับเกาอี้เหรินถูกส่งคัดเลือกตำแหน่งพระชายา คงไม่พ้นตนเองที่แพ้ราบคาบตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม

แต่มีหรือที่คนอย่างเฉินรั่วหลานจะยอมแพ้ แพ้เกาอี้เหรินยังพอทำเนา แต่หากแพ้เพราะมีชื่อเฉินหว่านอิ๋งเข้าร่วมคัดเลือกพระชายาอ๋องด้วย นางยิ่งไม่มีทางยอมเด็ดขาด! เฉินหว่านอิ๋งมีความงดงามเป็นหนึ่งเรื่องนี้ทุกคนย่อมทราบดี แต่ว่าสถานะคุณหนูในจวนที่ไม่มั่นคงทำให้ไม่มีคุณชายตระกูลใดกล้าเข้ามาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ด้วยต่างหาก

“แล้วท่านแม่จะทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ พรุ่งนี้พวกชินอ๋องก็จะเสด็จกลับมาแล้ว หากท่านพ่อให้นังนั่นไปกับพวกเราด้วย เกิดนางถูกตาต้องใจไท่เฟยขึ้นมา พวกเราจะไม่แย่เอาหรือเจ้าคะ” เฉินรั่วหลานกุมหมอนหนุนของตนด้วยความกังวล เนื่องจากวันพรุ่งนี้ไท่เฟยซึ่งเป็นพระราชมารดาแท้ๆ ของหวังชินอ๋องจะเสด็จมาต้อนรับบุตรชายด้วยตนเองอีกทั้ง หากทรงถือโอกาสนี้มองสตรีที่จะเป็นพระชายา เช่นนั้นแล้วตำแหน่งพระชายาที่นางหมายปองเล่า นางคงไม่มีวันได้ครอบครองตำแหน่งนั้นแน่

บทก่อนหน้า
บทถัดไป