บทที่ 6 ชินอ๋องหวังซานเย่ (๓)

“หวังชินอ๋องเป็นอ๋องผู้ครองทักษิณทิศ กำลังทหารในมือนับว่ามีเรือนหมื่นหากไม่นับรวมทหารจากวังหลวงของฝ่าบาท ลำพังแค่ความสามารถของเขานับว่ายึดครองแคว้นเยี่ยนทั้งหมดเลยก็ได้ หากเจ้าได้เป็นพระชายารองของเขา และในอนาคตหากหวังชินอ๋องผู้นี้ได้ขึ้นครองราชย์

ตำแหน่งที่ดีที่สุดของเจ้าในตอนนั้นก็คือกุ้ยเฟย ” เฉินฮูหยินคาดการณ์เอาไว้

ล่วงหน้าตามแผนการที่ตนวางเอาไว้ นางต้องการให้บุตรสาวเป็นใหญ่เหนือสตรีใดในอนาคต บุรุษที่เฉินรั่วหลานควรแต่งงานด้วยมีเพียงหวังชินอ๋องหรือฝ่าบาทองค์ปัจจุบันเท่านั้น

“แต่หากเฉินหว่านอิ๋งไปด้วยทุกอย่างก็ต้องพังแน่นอนนะเจ้าคะ ถึงตอนนั้นเล่าเราจะทำอย่างไรดี” เฉินรั่วหลานวิตกกังวลยิ่ง

เฉินฮูหยินนั่งตบไหล่บุตรสาวเบาๆ “พรุ่งนี้แม่จะไม่ให้นางไป”

“แต่ถ้าท่านพ่อ...ท่านพ่ออนุญาตขึ้นมาเล่าเจ้าคะ”

เฉินฮูหยินลูบใบหน้าบุตรสาวอย่างอบอุ่น “เจ้าเชื่อแม่เถิด ต่อให้พ่อเจ้าจะแสดงออกว่ารักเฉินหว่านอิ๋งมากแค่ไหน แต่เลือดก็ย่อมข้นกว่าน้ำ”

หลังจากที่ปราบกบฏแคว้นเสวี่ยได้สำเร็จแล้ว หวังซานเย่ให้รองแม่ทัพจัดทหารจำนวนหนึ่งคอยดูแลที่นี่ และคอยดูแลพวกราษฎรจากแคว้นเสวี่ยซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามทั้งสองแคว้น หวังซานเย่ตั้งใจว่าจะรีบขี่ม้าเดินทางกลับเมืองหลวง เพราะนี่ร่วมสามเดือนกว่าแล้วที่เขามาปักหลักกองทัพอยู่ที่แคว้นเสวี่ยทำการศึกเป็นเวลานาน ต้องห่างหายจากพระมารดาไป

“ให้รองแม่ทัพถังลู่หลินจัดทหารจำนวนหนึ่งดูแลที่นี่ให้เรียบร้อย ข้ากับทหารอีกส่วนจะเดินทางกลับวังหลวง หากมีเรื่องด่วนอะไรก็ให้ม้าเร็วไปส่งข่าวที่วังอ๋องของข้า ย่ะ...” หลังจากสั่งการเสร็จ หวังซานเย่ก็เร่งควบอาชากลับวังหลวงแคว้นเยี่ยนโดยทันที เดิมทีการเดินทางจากแคว้นเสวี่ยมาแคว้นเยี่ยนใช้เวลานานเกือบหลายวัน แต่ว่าสำหรับชินอ๋องแม่ทัพแห่งทิศทักษิณ เรื่องเส้นทางการและเดินทางไม่ใช่อุปสรรคเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มควบอาชาลัดเลาะมาตามเส้นทางลัดต่างๆ จนกระทั่งเกือบเข้าถึงชายแดนแคว้นเยี่ยน

“หยุด..!” อ๋องหนุ่มสั่งหยุดม้ากะทันหัน เขาโยกมือเบาๆ ห้ามรองแม่ทัพอีกคนที่ติดตามตนเองมา “รองแม่ทัพฉู่ คืนนี้พวกเราจะไม่เข้าเมืองหลวง แต่จะพักม้าและนอนค้างที่นี่”

“แต่ท่านอ๋อง ที่แห่งนี้ค่อนข้างกันดารนัก ความสะดวกสบายหาได้มีไม่ กระหม่อมว่าพระองค์เสด็จหาที่พักในโรงเตี๊ยมดีกว่าพะย่ะค่ะ” รองแม่ทัพฉู่แย้ง สถานที่ที่กันดารและแห้งแล้งเช่นนี้ไม่เหมาะสมกับฐานะชินอ๋องผู้สูงศักดิ์เลยสักนิด แต่ว่าหวังซานเย่หาได้สนใจไม่ เขายกมือปรามสิ่งที่รองแม่ทัพหนุ่มกำลังจะเอ่ยต่อ

“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงเกียรติของข้า แต่นักรบเช่นข้านอนกลางดินกินกลางทรายถือเป็นเรื่องปกติ” หวังซานเย่ตอบน้ำเสียงแข็ง เนื่องจากการเข้าพักในโรงเตี๊ยมแต่ละแห่งล้วนใช้เงินจำนวนมาก และยังเป็นเงินท้องพระคลังอีกด้วย ชายหนุ่มไม่ต้องการเบียดเงินส่วนนั้นที่ควรบำรุงกองทัพมาใช้ เขาจึงตัดสินใจปักหลักพักกลางดินกินกลางทรายโดยไม่รังเกียจแต่อย่างใด อีกทั้งเขาเป็นผู้บัญชาการสูงสุด ย่อมต้องทำตนให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถเข้าใกล้ได้โดยไม่หวาดกลัว

“รองแม่ทัพฉู่ ให้ทหารพักที่นี่นั่นล่ะ เดินทางเข้าเมืองหลวงช้าสักหน่อยฝ่าบาทคงไม่คิดว่าข้าวางแผนกบฏหรอกกระมัง” หวังซานเย่กล่าวอย่างไม่สนใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเหล่าขุนนางหูเบาก็หาทางเพ็ดทูลต่อพี่ชายต่างมารดาเรื่องของเขาอยู่เสมอ ทำให้ฮ่องเต้ผู้ลุ่มหลงในสุรานารีและยังขลาดเขลาหลงเชื่อจนต้องส่งเขาไปปราบกบฏแคว้นเสวี่ย หมายจะยืมมือพวกแคว้นเสวี่ยสังหารเขา แต่ว่าโชคดีนักที่เขาดวงชะตาแข็งพอจึงรอดมาได้และยึดแคว้นเสวี่ยที่คิดกบฏกลับคืนมา

ฉู่หานจิ้งซึ่งเป็นรองแม่ทัพอีกคนที่คอยติดตามรับใช้หวังชินอ๋องไม่ห่าง บัดนี้กำลังนำม้าของผู้เป็นนายไปผูกยังต้นไม้ใหญ่ และสั่งการให้ทหารบางส่วนสุมฟืนขึ้นมาเพื่อให้ความอบอุ่น กองฟืนกองใหญ่ถูกจุดติดขึ้นเป็นเพลิงลุกโชนให้ความอบอุ่นในค่ำคืนอันหนาวเหน็บ การกลับมาที่แคว้นเยี่ยน ในคราวนี้ของเขานับว่าเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปี หลังจากที่เฝ้ารักษาการณ์ชายแดนทางใต้แทนหวังชินอ๋องมาเนิ่นนาน

รองแม่ทัพหนุ่มกำลังย่างปลาบนกองไฟที่ถูกสุมขึ้นมา เขาเติมฟืนลงไปอีกจำนวนหนึ่งเพื่อให้กองไฟลุกโชนให้ความสว่างรอบทิศ

หวังชินอ๋องหย่อนกายนั่งลงข้างๆ อย่างไม่ถือสาในฐานะของตน “หลังจากคืนนี้ผ่านพ้นไป สถานการณ์ที่วังหลวงอาจไม่เหมือนเดิม ฝ่าบาททรงหูเบาเชื่อฟังเกากุ้ยเฟยมากกว่าผู้ใด หลังจากนี้ให้เจ้าสั่งการลงไปอย่างลับๆ ถึงคนของเราที่ประจำการอยู่ทางใต้ ให้เตรียมกองทหารเอาไว้พร้อมทุกเมื่อ...”

“ท่านอ๋องทรงกังวลว่าฝ่าบาทจะลอบสังหารพระองค์หรือพะย่ะค่ะ” ฉู่หานจิ้งถามแม้จะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วก็ตาม

“ฝ่าบาททรงโปรดปรานเการั่วซีเป็นที่สุด บิดาของนางเกาเจียฉี่ย่อมได้รับยศอำนาจที่สูงขึ้นจนแสดงอำนาจข่มตนเหนือผู้อื่น ข้าเกรงว่าสักวันราชบัลลังก์อาจจะไม่ปลอดภัย” นี่คือสิ่งที่หวังซานเย่กังวลที่สุด เนื่องจากเการั่วซีเป็นสนมเอกที่หวังลู่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานมากที่สุด นางเอื้อนเอ่ยแม้แต่ครึ่งคำก็ทรงเชื่อนางจนหมดใจ

“หากเป็นในความคิดกระหม่อม เมื่อไม่นานมานี้ไทเฮาทรงทาบทามองค์หญิงจากแคว้นเหลียวให้เป็นฮองเฮา พิธีอภิเษกเพิ่งมีขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน ฝ่าบาทอาจจะทรงโปรดปรานเกากุ้ยเฟยน้อยลง” ฉู่หานจิ้งคาดเดาไปต่างๆ นานา ทว่าสุดท้ายแล้วเรื่องทุกอย่างนั้นก็ไม่มีใครล้วนคาดเดาได้ถูกต้อง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป