บทที่ 10 10
เขื่อนคิดเสมอว่าบ้านใกล้เรือนเคียงกันมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน แม้ข้อเสียของประภพคือความเจ้าชู้แต่ก็มีน้ำใจกับเพื่อนบ้านเสมอ เขาว่าเพื่อนบ้านดีจะทำให้สุขภาพจิตของเราดีตามไปด้วย ถ้ามีเพื่อนบ้านไม่ดีทั้งปวดหัวทั้งรำคาญใจ ดีไม่ดีอาจจะมีเรื่องทำร้ายร่างกายกันได้
“หายดีออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ” เขื่อนตอบหลานชาย เขตต์ถอนใจเฮือกใหญ่
“เป็นห่วงอาจินดาเหรอ”
“เปล่าครับ กลัวว่าถ้าเป็นอะไรมาก ผมจะติดคุก” เขตต์ทำหน้าม่อย เขื่อนจำได้ว่าเขาบอกหลานชายไปเช่นนั้นเพราะไม่อยากให้หลานชายแกล้งคนอื่นอีก คนเราท้องเสียหนักๆ ถ้าช่วยไม่ทันก็อาจจะตายได้เหมือนกัน การที่หลานชายรับปากว่าจะไม่แกล้งคนอื่นแบบขาดสติอีกถือเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม เด็กๆ คือผ้าขาวถ้าเราพูดเราเตือนหรือสอนอะไรก็ควรจะทำเสียตั้งแต่ยังเด็ก เหมือนดั่งสุภาษิตที่ว่าไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยาก เพราะถ้าแก่ตัวไปแล้ว ไม่เคยฝึกตัวเองให้เป็นคนดี มีน้ำใจ เห็นอกเห็นใจผู้อื่นหรือคิดก่อนทำ คงสอนกันยากแล้ว
“กินเยอะๆ นะครับ จะได้โตไวๆ” เขื่อนตักอาหารให้เด็กๆ
เด็กๆ คุยกันไปมาอย่างสนุกสนานแต่ไม่ได้เสียงดังรบกวนโต๊ะอื่นๆ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เขื่อนพาเด็กทั้งสามออกมาขึ้นรถ แต่ฝนตกลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตาทำเอาทุกคนโดนฝนไปตามๆ กัน
“กลับไปถึงบ้าน ต้องรีบอาบน้ำนะครับ เดี๋ยวจะเป็นหวัด” เขื่อนส่งมาหยาก่อนใครเพื่อน เด็กหญิงหอมแก้มเขาฟอดใหญ่เหมือนเช่นทุกครั้ง เพื่อเป็นการขอบคุณที่เขื่อนเลี้ยงอาหารและพามาส่งบ้าน
หลังจากนั้นเขื่อนก็ขับไปส่งดารินที่บ้าน วันนี้บิดาของอีกฝ่ายอยู่บ้านเขาจึงไม่ต้องโทร. ไปขออนุญาตเหมือนดังเช่นทุกครั้ง ตั้งแต่เกิดเรื่องพี่เลี้ยงวันนั้นประภพก็ไม่จ้างพี่เลี้ยงมาดูแลบุตรสาวอีกเลย ถ้าต้องไปต่างจังหวัดก็จะฝากฝังรติรสกับพงศ์อินทร์เอาไว้
“รีบอาบน้ำเลยนะครับ” เขื่อนบอกหลานชายหลังจากส่งเด็กน้อยทั้งสองเสร็จ ก่อนจะรีบพาหลานชายกลับบ้านเพื่ออาบน้ำอาบท่า
“จะนอนแล้วเหรอ” เขื่อนเคาะประตูห้องเพื่อเอ่ยถามหลานชาย เมื่อทั้งอาหลานอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว
“ครับอาเขื่อน”
“นอนหลับฝันดีนะครับ” เขื่อนห่มผ้าให้หลานชายก่อนจะจุ๊บหน้าผากนั้นอย่างรักใคร่ เขื่อนยิ้มแฉ่งให้ผู้เป็นอาก่อนจะหลับลงด้วยความอ่อนเพลีย
ในตอนเช้าเขื่อนได้รับข่าวจากบ้านข้างๆ ว่ามาหยาป่วย น่าจะเป็นไข้หวัดเพราะโดนฝนเมื่อวาน เนื่องด้วยเด็กหญิงไม่รีบอาบน้ำเมื่อกลับมาถึงบ้านแต่ไปนั่งเล่นเกมกับบิดาแทน แถมคนป่วยยังไม่อยากไปหาหมอเพราะกลัวเข็มฉีดยา แม้จะป่วยงอแงไปบ้างแต่ก็ยังมีแรงลุกเดินเหินไปไหนมาไหน เขื่อนเห็นเด็กน้อยของเขากำลังนั่งนิ่ง เอาศีรษะซุกอยู่กับพนักโซฟาด้วยท่าทีดื้อแพ่ง แขนเล็กๆ กอดตัวเองเอาไว้คล้ายเป็นการปกป้องตัวเอง
“หยาครับ” เขื่อนเรียกเด็กน้อย เธอขยับตัวเล็กน้อยแต่ยังนั่งฟุบหน้าอยู่แบบนั้น หันหลังให้ทุกคนเพราะกลัวโดนจับฉีดยา
“โกรธอะไรใครเหรอครับ”
“คุณพ่อค่ะ”
“โกรธคุณพ่อทำไมครับ นี่ตัวร้อนด้วยนี่ครับไม่สบายใช่ไหม” เขาแตะแขนของเด็กน้อยก็เห็นว่าอีกฝ่ายตัวร้อน
“คุณพ่อจะพาไปฉีดยา”
“ถ้าหยาไม่สบาย ไปฉีดยาจะหายเร็วขึ้นนะครับ”
“กลัวเจ็บค่ะ”
“ไม่เจ็บหรอกครับ แค่ฉีดยาเอง”
“เจ็บค่ะ พยาบาลที่คุณพ่อจะพาไปฉีดยาฉีดยาเจ็บจะตายไป แถมชอบทำหน้ายักษ์แบบนี้ด้วย” เด็กน้อยหันมาทำหน้าบึ้งๆ แยกเขี้ยวให้ดู ก่อนจะรีบหันกลับไปซุกหน้าเข้าหาโซฟาต่อ เขื่อนสังเกตเห็นว่าว่าร่างของอีกฝ่ายชุ่มไปด้วยเหงื่อ และใบหน้าก็ยังแดงก่ำอีกด้วย
เด็กน้อยคิดว่าถ้าบิดาอุ้มเธอขึ้น เธอก็จะเกาะโซฟาเอาไว้แน่นๆ ไม่ยอมให้อุ้มพาไปหาพยาบาลใจร้าย จับเธอฉีดยาอีก
“งั้นให้อาหมอฉีดยาให้ไหม”
“อาหมอฉีดยาเจ็บไหมคะ” เด็กน้อยที่ซุกหน้าไปกับโซฟาหันมามอง เหงื่อของเธอผุดพรายขึ้นมาเต็มใบหน้า เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนจากร่างน้อยก็นึกห่วงใยไม่น้อย
“ไม่เจ็บครับ แต่ถ้าเจ็บ อาหมอให้หยาโกรธอาหมอเลย”
“จริงเหรอคะ” เด็กน้อยถามอย่างไม่แน่ใจ
“จริงสิครับ เดี๋ยวอาหมอฉีดยาให้นะ จะได้นอนหลับสบาย หายป่วยยังไงล่ะครับ” เขื่อนลูบผมนุ่มสลวยของเด็กน้อย ขมับของเธอชื้นไปด้วยเหงื่อ
“ไม่เจ็บจริงๆ ใช่ไหมคะ” มาหยาถามย้ำ ในตอนนี้เธอรู้สึกปวดหัวจนแทบระเบิด
“ไม่เจ็บครับ อาสัญญา” เขื่อนคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กน้อย เกี่ยวนิ้วก้อยเล็กๆ ป้อมๆ กับเธอเพื่อให้คำมั่นสัญญา
มาหยาโผเข้ากอดคอหนาของคุณอาหมอข้างบ้าน ก่อนจะซบหน้าออดอ้อน เขื่อนเห็นท่าทีของเด็กน้อยแล้วรีบอุ้มไปที่เตียง พงศ์อินทร์กับรติรสถึงกับมองสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย เพราะพูดตั้งนานมาหยาไม่ยอมไปฉีดยา พอเขื่อนพูดไม่กี่คำก็ยอมเสียอย่างนั้น
เขื่อนรีบหยิบกระเป๋ายาขึ้นมาก่อนจะชวนคุยและฉีดยาให้อย่างเบามือ
“เสร็จแล้วครับ” เขื่อนบอกเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
“เสร็จแล้วเหรอคะ ไม่เห็นเจ็บเลย” มาหยากะพริบตาปริบๆ
“ใช่ว่าทุกคนจะฉีดยาเจ็บเหมือนกันหมดนะครับ พยาบาลและหมอที่ฉีดยาไม่เจ็บก็มีนะครับ เรียกว่าคนมือเบาไง แค่บางคนอาจจะมือหนักไปหน่อย แต่พวกเขาก็ทำประโยชน์อย่างอื่นได้มากมายเลยนะครับ โดยเฉพาะช่วยเหลือชีวิตคนอื่น” เขาลูบผมนุ่มของเด็กน้อยไปมาอย่างเอ็นดู พงศ์อินทร์กับรติรสถอนใจอย่างโล่งอกที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“โตขึ้นหนูจะเรียนพยาบาลค่ะ”
“ทำไมล่ะครับ”
“จะฉีดยาเบาๆ จะไม่ให้คนไข้เจ็บ”
“ดีแล้วครับ ทีนี้เช็ดตัวแล้วก็กินข้าวกินยานะครับ จะได้หายไวๆ สัญญาว่าถ้าหยาหาย อาจะพาไปกินอะไรอร่อยๆ แล้วก็พาไปเที่ยวสวนสนุกด้วย”
“สัญญาแล้วนะคะ” มาหยาเกี่ยวก้อยสัญญาครั้งใหม่ เขื่อนรับปากเป็นหมั่นเป็นเหมาะ
“สัญญาครับ หายไวๆ นะคนดีของอา อย่าทำให้อาเป็นห่วงแบบนี้อีกนะ” เขาบอกเสียงนุ่มอย่างเอ็นดู
“ขอบใจเขื่อนมากเลยนะ พี่พูดตั้งนานไม่ยอมท่าเดียว เขื่อนพูดทีเดียวยอมใจอ่อนให้ฉีดยาเสียอย่างนั้น”
“มาหยาคงเคยโดนฉีดยาแล้วเจ็บน่ะครับ บางคนฉีดยามือหนักจริงๆ เด็กเลยจำฝังใจ พี่รสเช็ดตัว ให้กินข้าวกินยาเดี๋ยวก็หายครับ เดี๋ยวผมจัดยาให้นะครับ” เขื่อนจัดยาให้ก่อนจะกล่าวลาเด็กน้อยที่นอนมองตาปริบๆ อยู่บนเตียง
“หายไวๆ นะครับ แล้วอาจะมาเยี่ยมใหม่”
“สัญญาแล้วนะคะ”
“ครับ” เขื่อนลูบผมของเด็กน้อยอย่างเบามือ ยิ้มอบอุ่นให้อีกฝ่าย ก่อนจะขอตัวกลับ
“อาเขื่อนครับ มาหยาเป็นยังไงบ้างครับ” เขตต์เอ่ยถามขณะเตรียมตัวจะไปโรงเรียน
“ป่วยครับ เป็นไข้หวัด คงต้องหยุดเรียนสักสองสามวัน”
“อยากไปเยี่ยมหยาจัง”
“ไว้ตอนเย็นนะครับ ตอนนี้น่าจะไม่ทันแล้ว เดี๋ยวจะไปเรียนสายเอา อาก็จะไปทำงานแล้วเหมือนกัน”
“ก็ได้ครับ” เขตต์เดินไปขึ้นรถของผู้เป็นอา มองหน้าบ้านของมาหยาอย่างเป็นห่วง เย็นวันนั้นเขตต์กับดารินมาเยี่ยมมาหยาที่บ้านแถมยังซื้อขนมที่มาหยาชอบมาฝากด้วย
“ซื้อขนมมาเยอะแยะเลยเด็กๆ หยาน่ะไม่ค่อยสบายกินอะไรไม่ค่อยได้หรอกจ้ะ” รติรสรับขนมจากเด็กๆ ด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เขตต์กับดารินขึ้นไปนั่งบนขอบเตียง เอ่ยถามอาการไม่หยุดปาก เขื่อนให้เด็กๆ ใส่หน้ากากอนามัยเวลาคุยกันเพื่อป้องกันไข้หวัดที่อาจจะติดต่อกันได้
“เป็นยังไงบ้าง” ดารินเอ่ยถาม วางมือน้อยที่หน้าผากเล็กๆ ของเพื่อนรัก
“อาหมอฉีดยาให้แล้วจ้ะ อาการดีขึ้นมากแล้ว แต่ขมปากกินอะไรไม่ลง”
“หายเร็วๆ นะ อาเขื่อนบอกว่าจะพาไปเที่ยวสวนสนุก แล้วก็จะพาไปเล่นที่สวนน้ำด้วย” เขตต์รีบบอกอย่างเอาใจ
“อืม... แต่หยาไม่รู้สึกหิวเลย”
“ไม่ยอมกินข้าวกินปลา ยาก็ไม่ยอมกิน บอกว่าไม่หิวๆ อย่างเดียวเลย” รติรสพูดอย่างเป็นกังวล ขณะถือชามข้าวต้มร้อนๆ เข้ามาในห้องนอนของบุตรสาว
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” เขื่อนรับชามข้าวต้มไปถือเอาไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปหาคนป่วยบนเตียง
“ข้าวต้มหอมมากเลยนะ”
“หยาไม่ค่อยหิวน่ะค่ะ”
“กินยาก่อนนะ”
“กินยาอีกแล้วเหรอคะ”
“ยาไม่ขมครับ หวานๆ รับรองว่ากินยานี้เข้าไปหิวข้าวแน่นอน” เขื่อนป้อนยาให้เด็กน้อย มาหยากินอย่างว่าง่าย ทำเอารติรสกับพงศ์อินทร์หันไปมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย เพราะคนดื้อยอมเชื่อฟังเขื่อนโดยง่าย
“เก่งจังเลยหยา กินยาง่ายๆ แบบนี้จะได้หายเร็วๆ” ดารินจับมือเพื่อนมาบีบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ
