บทที่ 9 9

“รินเองก็ช่วยเขตต์กับหยาแกล้งอาจินดาด้วยค่ะ ถ้าจะผิด รินก็ผิดด้วย” ดารินเองก็ยอมรับผิด เพราะเธอเห็นด้วยทุกอย่างกับความคิดของเพื่อนทั้งสอง เด็กๆ ทั้งสามมองหน้ากันก่อนจะจับมือประสานเข้าด้วยกัน ยอมโดนดุพร้อมกัน ยอมรับไม้เรียวพร้อมกันด้วย เขื่อนถอนใจหนักๆ ก่อนจะนั่งยองๆ ลงตรงหน้าของเด็กทั้งสาม เขาไม่ได้ดุด่าแต่ถามหาเหตุผล คิดว่าเด็กๆ น่าจะมีเหตุผลอะไรสักอย่างนอกจากแค่อยากจะแกล้งจินดาแบบนี้ ครอบครัวสอนมาว่าทุกคนย่อมมีเหตุผลของการกระทำ ไม่ว่าจะถูกหรือจะผิดก็ควรค้นหาต้นตอของมัน เขาจึงไม่เคยใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลใดๆ ทั้งหลายทั้งปวง แม้แต่ความรักก็ต้องมีเหตุมีผล ถ้ารักจนหน้ามืดตามัวผิดศีลธรรมหรือต้องการเพียงแค่ครอบครองแล้วทำให้อีกฝ่ายเป็นทุกข์ เขาก็จะไม่ทำเด็ดขาด

“มีเหตุผลอะไรถึงทำแบบนั้นบอกอามาสิครับ อายินดีรับฟัง” เขื่อนรู้ดีว่ามาหยาถูกเลี้ยงดูมาเช่นไร พงศ์อินทร์กับรติรสสอนให้ลูกมีเหตุผลและกล้าทำกล้ารับ การที่เด็กๆ ยอมรับผิดทำให้เขาพึงพอใจไม่น้อย เพราะดีกว่าเกี่ยงกันโทษกันไปมาไม่ยอมรับผิด

“ก็อาจินดาไม่ชอบเขตต์” เขตต์เป็นคนบอกเหตุผลให้ผู้เป็นอารับฟัง

“รู้ได้ยังไงครับ” เขื่อนเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ดูจากการกระทำแล้วก็คำพูดครับ ผมไม่อยากให้อาเขื่อนเป็นแฟนกับอาจินดา” เขตต์หวงผู้เป็นอา เข้าไปกอดแขนอย่างออดอ้อนถูไถไปมาเหมือนลูกแมวตัวผู้ขี้อ้อน

“ใช่ค่ะ อาหมอต้องเป็นเจ้าบ่าวของหยา มีแฟนไม่ได้เด็ดขาด” มาหยารีบกอดอกพูดอย่างหวงๆ

“กับตัวเองเขาก็ไม่ให้ ตัวเองหน้าเหมือนซาลาเปา สวยก็ไม่สวย” เขตต์พูดอย่างหวงๆ เหมือนกัน

“ไอ้หมูตอน กล้าว่าเราหน้าเหมือนซาลาเปาอีกแล้วเหรอ ตัวเองหล่อตายแหละ แบบนี้ไงวารุณีถึงไม่ชอบ ไอ้หมูตอน” เมื่อกี้ยังดีๆ กันอยู่เลย กัดกันอีกแล้ว เขื่อนโคลงศีรษะไปมาไม่รู้จะขำหรือจะทำหน้ายังไงดี

“อย่าทะเลาะกันเลยนะ เราขอ” ดารินรีบห้ามศึกหย่อมๆ ของเพื่อนทั้งสอง เขื่อนมองเด็กน้อยดารินวัยสิบขวบแล้วถึงกับเผลอยิ้ม ดารินถือว่าเป็นฝ่ายไกล่เกลี่ยเวลาเขตต์กับมาหยาทะเลาะกัน

“ตอนแรกเห็นเชียร์อาจินดาๆ สมน้ำหน้า” มาหยาแอบพูดจากัดเพื่อน เขตต์หันไปเถียงแต่ไม่กล้าเสียงดังใส่เพราะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

“เราไม่ได้เชียร์สักหน่อย” เขตต์ทำหน้าโกรธๆ กอดแขนผู้เป็นอาแน่น

“อากับเขาเป็นแค่เพื่อนกัน อาไม่เป็นแฟนกับเขาหรอกครับ”

“เค้าบอกตัวแล้วว่าอาเขื่อนไม่ชอบอาจินดาหรอก”

มาหยายิ้มแฉ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น เขตต์หน้างอหน่อยๆ ยังกอดแขนผู้เป็นอาถูไถใบหน้าไปมา รู้ว่าตัวเองทำผิดเลยไม่กล้าเถียงใครเยอะ

“เขารู้แล้ว เขาก็ได้ยินอาเขื่อนบอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกับอาจินดา”

“เย่! จริงเหรอคะ” ดารินร้องเย่ ไม่ชอบจินดาอยู่เหมือนกัน จินดาเหมือนครูฟ้าใสชอบทำหน้าบึ้งใส่แล้วก็ไม่ค่อยเอ็นดูพวกเธอ

“จริงครับ”

“แต่เขาทำท่าเหมือนชอบอาเขื่อน” ดารินนึกสงสัย

“รู้ดี เป็นเด็กเป็นเล็กรู้จักเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แล้วเหรอ” เขื่อนบีบจมูกเล็กๆ ของดาริน

“เห็นเขามาจีบอาเขื่อน มาหยากับเขตต์ก็คิดเหมือนกัน”

“แน่ะ! รู้ดีอีก เขาจีบยังไงเหรอ” เขื่อนเอ่ยถาม เขตต์เลยแย่งตอบ

“ก็มาหาอาเขื่อนบ่อยๆ ชวนออกไปกินข้าว แล้วก็ยิ้มหวานให้อาเขื่อน เขาไม่ชอบเขตต์ แถมยังพูดจาหยาบคายอีกด้วย ถ้าโมโหขึ้นมาอาจจะหักคอเขตต์จิ้มน้ำพริกก็ได้นะครับ”

“ใครจะไปหักคอใครจิ้มน้ำพริกกัน”

“อาจินดาไงครับ”

“แล้วใครบอกเราว่าเขาจะทำแบบนั้น” เขื่อนเอ่ยถาม มองเด็กๆ ที่ฟ้องกันหน้าสลอน

“พี่แจ่มบอกครับ เขตต์ได้ยินพี่แจ่มพูดกับยายหน้าซาลา... เอ๊ย มาหยา” เขตต์ยั้งคำพูดที่จะเรียกมาหยาว่ายายหน้าซาตาเปาเพราะเห็นสายตาพิฆาตของเพื่อน

“เหลวไหล เขาจะมาหักคอเราทำไมกัน” เขื่อนส่ายหน้าไปมาพยายามพูดกับเด็กๆ อย่างมีเหตุผล “หรือถ้าใครจะทำร้ายเราจริงๆ เขาก็มีขา ถ้าคิดว่าสู้ไม่ได้ เราต้องรีบวิ่งหนีสิครับ อาเคยสอนแล้วไงครับว่ารู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี”

“ค่ะ/ครับ” เด็กๆ รับคำ

“วันนั้นพวกเราได้ยินเขาพูดโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้ว่าไม่ชอบเด็ก ถ้าได้เป็นแฟนกับอาเขื่อนจะเฉดหัวเขตต์ออกจากบ้าน” เขตต์เล่าให้ผู้เป็นอาฟังทุกอย่างตามที่ได้ยินมา เขื่อนเองก็รู้ว่าหลานชายไม่ได้โกหกเพราะดูจากสายตาท่าทางนั้นดูจริงจัง ไม่ได้ปั้นน้ำเป็นตัวแน่นอน ปกติแล้วเขตต์ไม่ใช่เด็กเลี้ยงแกะชอบพูดโกหก เขาเลี้ยงมากับมือทำไมจะไม่รู้นิสัยของหลานชาย

“อาไม่มีทางเป็นแฟนกับเขาหรอกครับ ผู้หญิงที่จะมาเป็นแฟนของอาต้องรักครอบครัวของอาด้วย เข้าใจไหม” เขื่อนโยกศีรษะของหลานชายไปมา

“เข้าใจครับ”

“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหม ถ้าเกิดอาจินดาตายขึ้นมาจะทำยังไง เราสามคนจะโดนข้อหาจงใจฆ่าคนตายเลยนะ ถึงจะเป็นเด็กก็อาจจะติดคุกได้” เขื่อนพูดถึงโทษร้ายแรงเอาไว้ก่อนเพราะไม่อยากให้เด็กทั้งสามคิดจะแกล้งอะไรใครแรงๆ อีก เกิดมีอันตรายถึงแก่ชีวิตขึ้นมาจะเป็นปมในใจไปตลอด

“ค่ะ/ครับ” เด็กทั้งสามรับคำพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง

“ถ้าสำนึกผิดแล้วก็ไปขอโทษอาจินดาซะ คนเราทำผิดก็ต้องยอมรับผิด” เขื่อนพาเด็กทั้งสามไปขอโทษจินดาหลังจากเธอฟื้น จินดาก็ยังเคืองๆ อยู่แต่เพราะเขื่อนขอร้องเอาไว้ เธอเลยยอมใจอ่อน คิดว่าป่วยก็ดีเหมือนกันจะได้ออดอ้อนเขื่อนให้เขาดูแลเพราะเขาเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้

“วันนี้อาการของคุณดีขึ้นมาเลยนะ น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว” เขื่อนเข้ามาเยี่ยมจินดา เธอมีสีหน้าดีขึ้ หมอที่รักษาเธออยู่บอกว่าเธอกลับบ้านได้แล้วเพราะไม่มีอาการท้องเสียหรืออ่อนเพลียอีก

“แต่ดายังรู้สึกเพลียๆ อยู่เลยค่ะ”

“คุณมีอาการเจ็บป่วยหรือไม่สบายตรงไหนอีกหรือครับ” เขื่อนรับเป็นเจ้าของไข้เพื่อรับผิดชอบแทนเด็กๆ เพราะสาเหตุก็มาจากเขาด้วย

“ปวดตรงนี้ค่ะ” จินดาจับมือของเขื่อนมามาวางที่อกด้านซ้าย

“อย่าทำแบบนี้เลยครับจินดา” เขื่อนดึงมือหนีอย่างสุภาพ

“ทำไมล่ะคะ เขื่อนรังเกียจดาเหรอ” เธอขยับลุกจากเตียง เขาถอยหนีทิ้งระยะห่าง เธอทำท่าจะหกล้ม เขื่อนเลยต้องรีบเข้าไปประคอง จินดายิ้มขณะซุกใบหน้าแนบกับอกของเขา

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาดันเธอออกห่าง รู้เท่าทันว่าเธอกำลังอ่อย

“ทำไมเหรอคะ รังเกียจดาหรือไง” ท่าทีของเขาทำให้เธอหงุดหงิดใจไม่น้อย ซื่อบื้ออะไรแบบนี้ ผู้หญิงยั่วแล้วไม่สนใจ เธอไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่อะไรเสียหน่อย

หน้าโง่เอ๊ย! จินดารู้สึกเสียหน้าเพราะไม่เคยมีใครปฏิเสธคนสวยอย่างเธอมาก่อน เขื่อนกดเธอไปบนเตียงก่อนจะพูดเสียงขรึมและจริงจัง

“ผมคิดกับคุณแค่เพื่อนนะครับ อย่าทำแบบนี้อีกเลย ถ้าคุณยังพูดไม่รู้เรื่องเราคงต้องเลิกคุยกันอย่างถาวร ผมรักหลานของผมมาก และรักครอบครัวของผมมากเช่นกัน ดังนั้นผู้หญิงที่ผมจะรัก จะต้องใส่ใจและรักครอบครัวของผมด้วยเหมือนกัน เพราะผมเองก็จะรักและใส่ใจครอบครัวของผู้หญิงที่ผมรักไม่ต่างกัน”

“แล้วคุณรู้ได้ยังไงคะว่าดาจะไม่รักครอบครัวของคุณ”

“ผมหมายถึงผู้หญิงที่ผมรักครับ แต่สำหรับคุณ... จินดา ผมคิดกับคุณแค่เพื่อนจริงๆ หวังว่าคุณจะเข้าใจนะครับ” เขื่อนพูดอย่างสุภาพ “คุณหายเป็นปกติแล้วสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่ถ้ามีอาการอะไรหรือมีปัญหาอะไรที่เกิดจากการกระทำของเด็กๆ ผมก็ยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง และต้องขออภัยคุณอีกครั้งสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น หวังว่าคุณจะให้อภัยพวกเรา” เขื่อนพูดอย่างสุภาพก่อนจะเอ่ยขอตัว จินดาได้แต่อึ้งก่อนจะหัวเราะออกมา เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขื่อนใช้คำว่า ‘พวกเรา’ อย่างนั้นเหรอ เขายอมรับผิดแทนเด็กเปรตพวกนั้น เหอะ!

จินดาเขวี้ยงหมอนไปที่ประตูตามหลังเขื่อนที่เดินจากไปอย่างไม่แยแส พยาบาลที่เดินเข้ามาพอดิบพอดีโดนหมอนกระแทกใบหน้าเข้าเต็มๆ หล่อนร้องด้วยความเจ็บ สีหน้าไม่พอใจแต่ก็ยังมีแก่ใจเอ่ยถามคนป่วยในห้องพัก

“คนไข้เป็นอะไรคะ”

“ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ” จินดากระแทกเสียงใส่ กอดอกมองไปนอกหน้าต่างด้วยความหงุดหงิดใจ

“อาจินดาเป็นยังไงบ้างครับ” เขตต์เอ่ยถามผู้เป็นอาเมื่ออีกฝ่ายพามารับประทานอาหารนอกบ้าน เขื่อนมักพามาหยากับดารินออกมาด้วยเพราะว่าสนิทชิดเชื้อกันดี พงศ์อินทร์กับรติรสไว้ใจพอๆ กับประภพที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก แต่ดารินไม่ได้เป็นเด็กมีปัญหาเพราะมีเพื่อนดีอย่างมาหยาและได้รับความรักจากเขาและพ่อแม่ของมาหยาอย่างเต็มเปี่ยม

บทก่อนหน้า
บทถัดไป