บทที่ 5 Chapter 5
“อยากคอขาดก็เอาสิ ฝ่าบาททรงห้ามแสดงว่าสามารถรับมือได้ อีกอย่างหญิงต่างชาติตัวเล็กแบบนั้นไม่มีทางทำอันตรายอะไรพระองค์ได้ พวกนายไปช่วยกันดับไฟก่อนที่มันจะไหม้ค่ายเราดีกว่า”
“ครับคุณฟาดิล”
เพิ่งหัวค่ำ และแถบนี้ไม่ค่อยมีพายุทะเลทรายจัดๆ ไฟจึงไม่โหมมากนัก ช่วยกันตักน้ำจากโอเอซิสข้างๆ ไม่กี่ครั้งก็สามารถดับไฟได้
หากเชื้อที่ทิ้งไว้ในหัวใจของท่านราชองครักษ์คือ เหตุใดชีคหนุ่มจึงได้ลงมือไล่ตามหญิงต่างชาติผู้นั้นด้วยตนเองแบบนี้ จะว่าเพราะความเป็นสุภาพบุรุษ เพราะพ่อของเธอคือบุคคลที่จะมองข้ามไม่ได้ หรือเพราะธุรกิจการค้าการลงทุนระหว่างบันดัรกับไทย น้ำหนักมันยังไม่มากพอให้เขาหายสงสัย ตลอดเวลาสามสิบสามปี ชีคเบนจามินไม่เคยต้องวิ่งตามใคร ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด
ผืนทรายยุบยวบท่วมหลังเท้า บางที่เท้าจมลงไปในทรายถึงครึ่งขา มันเป็นอุปสรรคอย่างมากกับการพยายามวิ่งหนี การวิ่งบนพื้นทรายสร้างความเหนื่อยล้ามากกว่าการวิ่งบนพื้นที่เรียบแข็ง พราวพิลาสเกือบเสียการทรงตัวหลายครั้ง แต่เธอไม่เสียเวลาหันไปมองว่าพวกมันตามมาหรือไม่ ทุกวินาทีคือการมุ่งไปข้างหน้า แม้มองไม่เห็นหนทางรอดก็ขอหนีให้ไกลจากพวกมันก่อน
หากเปรียบชีคเบนจามินเป็นนักล่า เขาก็เป็นผู้ล่าที่ชาญฉลาด แม้จะมีโอกาสเข้าประชิดแล้วตะครุบเจ้าร่างบางหลายครั้ง ชายหนุ่มกลับไม่ทำ แต่รีรอโอกาส กระทั่งสังเกตได้ถึงความอ่อนล้าของหญิงสาว ขณะที่ตนเองนั้นลมหายใจยังมั่นคง เหงื่อกาฬยังไม่ทันผุดด้วยซ้ำ
“ไง เหนื่อยแล้วเหรอ”
พราวพิลาสผงะสะดุ้งโหยง สะโพกจ้ำเบ้าไปกับพื้นทราย ขณะที่นั่งยองๆ หอบหายใจฮัก เหงื่อเธอออกโทรมกาย ขานั้นล้าไปหมด
“แก”
เบนจามินเดินมาหยุดตรงหน้า เลิกคิ้วสูงมองอย่างยียวน ก่อนจะนั่งยองลงบนส้นเท้า
“คุณนี่โง่จริง กลางทะเลทรายแบบนี้จะหนีไปไหนได้”
“ได้ไม่ได้ก็คอยดู”
มือบางกำเอาทรายเต็มกำมือขว้างใส่หน้าดุๆ ในท่ามกลางความสลัวของเวลาพลบค่ำ ใบหน้าดุดันแสนน่ากลัว และร่างสูงใหญ่ดูทะมึนยังกับยักษ์ปักหลั่น
ชายหนุ่มรู้ทัน จึงยกแขนกันเอาไว้ พร้อมตะครุบร่างที่ทำท่าจะตะกายหนี จับไหล่เล็กกดลงกับพื้นทราย พร้อมทาบกายหนาหนักทับร่างบอบบางเอาไว้
“ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ ปล่อย! ”
พราวพิลาสพยายามดิ้นรน บิดเบี่ยงร่างกายพร้อมกับพยายามเตะถีบเอาตัวรอดสุดฤทธิ์ ไหล่ถูกตะปบแน่นจนเจ็บ ฝุ่นทลายคลุ้งเข้าปากและจมูกจนเกือบสำลัก แต่ความกลัวก็ทำให้สู้อย่างคลุ้มคลั่ง
“อย่ามาแตะฉันนะ ไอ้โจรชั่ว ไอ้โจรห้าร้อย ดีแต่รังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้ ไอ้บ้า ไอ้เลว อย่ามาฉวยโอกาสแตะต้องฉันนะ”
คำผลุสวาทลั่นผืนทรายกว้างกับเสียงกรี๊ดๆ จนแก้วหูสะเทือน สร้างความหงุดหงิดและโมโหกับชายหนุ่มบ้าง หนึ่งปีกับการติดต่อค้าขายกับประเทศในแถบเอเชียตะวันออก สิ่งหนึ่งที่เขาได้มาด้วย นั่นคือภาษาในการสื่อสาร
“ไอ้! ”
เสียงลั่นๆ เงียบหายไปในบัดดล เมื่อกลีบปากอิ่มถูกปากแข็งกระด้างกระแทกปิด เรียวปากเข้มได้รูปเบียดเคล้า บดคลึงแรงๆ อย่างหยาบโลน แนวหนวดและเคราครึ้มเบียดครูดผิวเนื้อนุ่มบริเวณริมฝีปากและนวลแก้มผ่องสร้างความแสบคันให้เจ้าของ
พราวพิลาสใจร่วงไปอยู่ปลายเท้า การเตะถีบต่อสู้ด้วยแรงเท่ามดถูกความแกร่งกระด้างของเรือนกายชายทาบทับไว้จนกระดิกไม่ได้ การดิ้นสุดแรงเกิด แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงการดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างใหญ่แข็งกระด้าง ที่น่าตกใจที่สุด ยามที่เรียวลิ้นอุ่นจัดวาดตวัดเข้ามาพลิกพลิ้วในโพรงปาก แขนขากลับพานจะอ่อนแรงมากขึ้นไปอีก ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง สองมือจิกขยุ้มลำไหล่ใหญ่เต็มแรง เล็บที่ตัดแต่งไว้สวยงามเจ็บร้าวเธอไม่สนใจ หยิกได้เป็นหยิก ข่วนได้เป็นข่วน แสบหน้านวลยิบยับไปหมด และปากก็บวมเห่อขึ้นทันตาจากการบดเบียดที่แสนหยาบคาย
“นี่ต่างหากคือการฉวยโอกาสที่คุณว่ามาน่ะมิส”
เบนจามินคำรามชิดปากนุ่ม ตาคมกร้าวดุตวัดขึ้นมองสบตาคมหวาน รสหวานซ่านแห่งกลีบปากนุ่มยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น จูบแห่งการลงทัณฑ์รวดเร็วและหนักหน่วงหยาบคายเอาแต่ใจ การเลือกใช้วิธีนี้หยุดเสียงแจ๋นๆ ได้ผลชะงัด หากรสซ่านๆ หวานหอมดึงดูดให้ใบหน้าคมดุก้มลงไปอีกครั้ง
ริมฝีปากได้รูปทาบจูบลงครอบครองกลีบปากอิ่มรสชาติหวาน เบียดบดเคล้าคลึงไปทั่วความนุ่มนิ่ม ขบย้ำเม้มคลึงดูดดึงจนกายบางสะดุ้งด้วยความหวิวหวาม ชายหนุ่มดุนดันปลายลิ้นแย้มแยก แทรกสอดสู่โพรงปากนุ่มอุ่น ตวัดไล้ไซ้ซอนราวจะกวาดต้อนเอาความหอมหวานอันแสนพิสุทธิ์เก็บกลืนกิน ใบหน้างามเบี่ยงส่ายหนี หากมือหนาเลื่อนมาซ้อนท้ายทอยจับตรึงเอาไว้ ขณะที่เบียดปากจูบเอาๆ บดเคล้า จนลิ้นร้อนรัดร้อยเอาลิ้นเล็กเข้าลิ้มชิม จุมพิตเบาๆ ร้อนเร่าทบทวีขึ้นในทันตา
พราวพิลาสอยากจะบ้า สมองเล็กๆ มึนงงและอื้ออึง มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ไอ้โจรบ้านี่ใช้กำลังคุกคามทางเพศ กำลังจะข่มเหงรังแกเธอด้วยสันดานหยาบช้าของมัน ทว่า... ร่างกายของเธอไม่ควรจะทรยศ ความร้อนหวิววูบวาบหวามลึกในอก ในความขยะแขยง เกลียดกลัว ความรู้สึกหนึ่งอัดแน่นสุมกลางทรวงจนอยากจะกรี๊ดออกมา เผื่อว่ามันจะช่วยระบายความรู้สึกอันน่าละอายนั้นให้หมดไป
“ปะ...ปล่อย อย่ามาทำบ้าๆ นะ”
