บทที่ 10: จูบหนึ่ง

“อ๊า—เลือด คุณภาวิตเลือดออกที่หัว!”

พร้อมกับเสียงกรีดร้องและประโยคสั้นๆ นั้น ผู้คนทั้งงานเลี้ยงก็พากันกรูเข้าไป

พิ้งค์ก็หยุดฝีเท้าที่กำลังจะจากไป แล้วเดินตรงไปยังมุมที่กำลังวุ่นวาย

“หมอ! รีบเรียกหมอเร็ว!” มีคนตะโกนขึ้น

โรงแรมที่จัดงานเลี้ยงแห่งนี้เป็นโรงแรมระดับห้าดาว มีห้องพยาบาลโดยเฉพาะเพื่อรับมือกับสถานการณ์ทั่วไปของแขกในโรงแรม รวมถึงเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้

“ในห้องพยาบาลไม่มีคน หมอเวรที่บ้านมีธุระด่วนเลยถูกเรียกตัวกลับไปแล้ว”

“งั้นรีบโทร 1669 สิ มีใครโทร 1669 หรือยัง?”

“เมื่อกี้มีคนโทร 1669 แล้ว แต่สถานการณ์ของคุณภาวิตตอนนี้...”

“คุณภาวิตเป็นอะไรไป? ทำไมจู่ๆ ถึงล้มลงไป? แล้วเลือดพวกนี้อีก... คุณภาวิตจะรอจนรถพยาบาลมาถึงไหวเหรอ?”

พิ้งค์พยายามเบียดตัวฝ่าฝูงชนเข้าไป พบว่าชายวัยประมาณห้าสิบถึงหกสิบปีกำลังนอนขดตัวอยู่บนพื้น

เขาหอบหายใจอย่างเจ็บปวด บริเวณที่ศีรษะสัมผัสกับพรมมีคราบเลือดสีแดงสดแผ่ขยายออกมาไม่หยุด

ไม่ไหวแน่

พิ้งค์ให้คำตอบกับคนที่พูดเมื่อครู่ในใจ

จากสถานการณ์ปัจจุบัน คุณภาวิตที่นอนอยู่บนพื้นไม่มีทางรอจนรถพยาบาลมาถึงได้แน่นอน

เธอยื่นมือไปแตะคนที่อยู่ข้างๆ “ขอโทษนะคะ ขอทางหน่อยค่ะ ฉันขอเข้าไปดูหน่อย”

ทุกคนกำลังจ้องมองคุณภาวิตที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความกังวล เจ้าภาพงานเลี้ยงคืนนี้ยิ่งร้อนใจจนเหงื่อท่วมตัว

แม้ว่าการที่คุณภาวิตเป็นลมไปกะทันหันจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ตระกูลประกอบสุขคงจะระบายความโกรธทั้งหมดมาที่เขาเป็นแน่

พอพิ้งค์พูดขึ้น ทุกสายตาก็จับจ้องมาที่เธอ ราวกับเจอผู้ที่จะมาช่วยกอบกู้สถานการณ์นี้ได้

แต่พอเห็นหน้าเธอชัดๆ สายตาของทุกคนก็เปลี่ยนเป็นความผิดหวังและดูถูกเหยียดหยาม

“คุณพิ้งค์ ตอนนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย คุณอย่ามาสร้างความวุ่นวายเลย ไปยืนอยู่ข้างๆ เถอะ”

“นี่คุณพิ้งค์ ถ้าเป็นเรื่องดื่มเหล้าเต้นรำน่ะคุณมาก็แล้วไป แต่เรื่องช่วยชีวิตคนคุณจะมาเสนอหน้าทำไม? คุณคิดว่าคุณปู่ของคุณเป็นหมอชั้นนำของประเทศ แล้วคุณก็เป็นด้วยเหรอ?”

“ใช่แล้ว ในที่นี้ใครบ้างจะไม่รู้ว่าทั้งตระกูลใจบุญ คนที่ฝีมือการแพทย์แย่ที่สุดก็คือคุณนั่นแหละ ฉันได้ยินมาว่าตอนเรียนมหาวิทยาลัยเพราะมัวแต่มีความรัก ผลสอบเกือบทุกครั้งเลยไม่ผ่าน”

“ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะปู่ของเธอมีตำแหน่งสูงในวงการแพทย์ของประเทศ ฉันว่าเธอไม่มีทางได้ใบปริญญาจากคณะแพทย์หรอก”

“ฉันยังได้ยินมาอีกว่าตอนอยู่โรงพยาบาลเธอยังเคยสั่งยาให้คนไข้ผิดด้วยนะ”

“หมอกระจอกแบบนี้ จะให้มารักษาคุณภาวิตได้ยังไง”

“ให้มารักษาคุณภาวิตไม่ได้เด็ดขาด ถ้าปล่อยให้เธอเข้าใกล้คุณภาวิตจริงๆ ล่ะก็ มีหวังคุณภาวิตได้ตายเร็วกว่าเดิมแน่”

“คุณพิ้งค์ คุณอยากจะหาผู้ชาย อยากจะทำตัวเด่น ไปบาร์ ไปไนต์คลับ ไปที่ไหนก็ได้ แต่อย่ามาหาซีนตอนช่วยชีวิตคนเลย”

“ไปเถอะๆ รีบไปเลย อย่ามาอยู่เกะกะแถวนี้”

มีคนเริ่มผลักเธออย่างไม่พอใจ

เมื่อมีคนแรกทำแบบนั้น คนอื่นๆ ก็เริ่มยื่นมือออกมาผลักเธอ

“ไปให้พ้น!”

“ยังไม่รีบไปอีก”

“แต่งตัวแบบนี้แล้วออกมา ใครจะรู้ว่ามาช่วยคนหรือมาทำร้ายคน”

“คุณรีบหลีกทางไปเถอะ คุณภาวิตอายุมากแล้ว ไม่สนใจผู้หญิงสำส่อนแบบคุณหรอก”

พิ้งค์มองคนรอบข้างอย่างงุนงง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงมองเธอแบบนั้น

เธอก็แค่แต่งงานกับธนกร เป็นแม่บ้านเต็มตัวมาห้าปี ทุ่มเทหัวใจทั้งหมดให้กับธนกร แล้วทำไม...เธอกลายเป็นหมอกระจอกไปได้ยังไง จากที่เคยเป็นหมอดีเด่นที่ศาสตราจารย์ทั้งโรงพยาบาลยอมรับ?

เรื่องสอบตกตอนเรียนมหาวิทยาลัย เรื่องสั่งยาให้คนไข้ผิดที่โรงพยาบาล ทั้งหมดนั่นเป็นฝีมือของชลลดาทั้งนั้น

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เมื่อกี้คุณธนกรถึงได้แดกดันเธอ สถานการณ์แบบนี้แล้วยังคิดจะหาซีนอ่อยผู้ชายอีก ไม่ต้องพูดถึงคุณธนกรหรอก ขนาดฉันยังดูถูกเธอเลย”

คำพูดของใครบางคนที่อยู่ข้างๆ ดูเหมือนจะให้คำตอบกับพิ้งค์

พิ้งค์กัดฟันมองไปทางธนกร

สายตาของธนกรกวาดผ่านใบหน้าเธออย่างเย็นชา

ธนกรเดินออกมาข้างหน้า เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ เพียงแค่เอียงตัวเล็กน้อย เปิดทางให้ชลลดาที่เขาคอยปกป้องอยู่ด้านหลัง

ท่ามกลางสายตาของทุกคน ชลลดาก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ด้วยสีหน้าแน่วแน่และมั่นใจ “ฉันขอลองดูค่ะ ฉันเป็นหมอ”

ภายในห้องจัดเลี้ยงเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นไม่นานทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น:

“คุณชลลดานี่เอง คุณชลลดาถึงจะยังสาว แต่ในโรงพยาบาลมีคนชอบคุณชลลดาเยอะมาก”

“ศาสตราจารย์หลายท่านเวลาเข้าห้องผ่าตัดก็ชอบพาคุณชลลดาไปด้วยนะ”

“สองสามวันนี้เพราะข่าวแต่งงานของคุณชลลดากับประธาน ฉันแทบจะลืมไปเลยว่าคุณชลลดาเป็นหมอชั้นยอด”

“ก่อนหน้านี้คุณแม่ของฉันก็ให้คุณชลลดาผ่าตัดให้ ตอนนี้ฟื้นตัวดีมาก เหมือนคนปกติเลย”

“คุณชลลดา โชคดีที่คุณอยู่ที่นี่ รีบมาช่วยคนเร็วเข้าค่ะ”

“คุณชลลดา คุณรีบมาช่วยคนเร็วเข้า! ส่วนเธอน่ะ ยัยผู้หญิงน่ารังเกียจ ไปให้พ้น!”

มีคนผลักพิ้งค์อีกครั้ง ผลักเธอออกไปเพื่อหลีกทางให้ชลลดา

ชลลดามองพิ้งค์ที่เกือบล้มลงกับพื้นแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินไปข้างๆ คุณภาวิต ตรวจดูเลือดที่ไหลออกมาจากศีรษะของเขา แล้วตรวจชีพจรที่ลำคอ มุมปากของเธอกระตุกยิ้มเล็กน้อย

เธอไม่ได้จัดการกับบาดแผลบนศีรษะของคุณภาวิต แต่ยกมือขวาขึ้นมาอังไว้เหนือจมูกและปากของคุณภาวิต ดูเหมือนกำลังจะปิดปากและจมูกของคุณภาวิต

เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบๆ:

“นี่มันอะไรกัน? มีการช่วยชีวิตคนแบบนี้ด้วยเหรอ?”

“คุณภาวิตดูเหมือนจะหายใจไม่ค่อยออกอยู่แล้ว ทำแบบนี้ปิดปากปิดจมูกเขาไปอีก ไม่ยิ่งหายใจไม่ออกกว่าเดิมเหรอ?”

“คุณชลลดาไม่ใช่หมอชั้นยอดหรอกเหรอ? ทำไมถึง...”

ขณะที่เสียงกังขาเริ่มดังขึ้น ทันใดนั้นก็มีคนหนึ่งตะโกนว่า “คุณภาวิตฟื้นแล้ว! ทุกคนดูเร็ว คุณภาวิตลืมตาแล้ว”

ทุกคนมองเข้าไปดูอย่างละเอียด ก็พบว่าคุณภาวิตลืมตาขึ้นจริงๆ ทันใดนั้นก็พากันชื่นชมชลลดาจนแทบจะกราบ:

“คุณชลลดาเก่งจริงๆ แค่ใช้มือปิดปากกับจมูกคุณภาวิตแป๊บเดียว คุณภาวิตก็ฟื้นแล้ว”

“สมแล้วที่เป็นผู้หญิงที่คุณธนกรชอบ”

“คุณชลลดากับคุณธนกรเหมาะสมกันจริงๆ”

เมื่อได้ยินคำชื่นชมจากคนรอบข้าง ชลลดาก็ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม

เธอพยุงคุณภาวิตให้ลุกขึ้น แล้วอธิบายให้คนรอบข้างฟัง:

“จริงๆ แล้วไม่มีอะไรมากค่ะ คุณภาวิตแค่มีภาวะหายใจเร็วจนเกินไป ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ถูกขับออกมามากเกินไป ความเข้มข้นเลยต่ำเกินไป ถึงได้รู้สึกทรมานแบบนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ แค่ใช้อะไรมาบังปากกับจมูกไว้ ให้คาร์บอนไดออกไซด์คงอยู่ในระดับความเข้มข้นปกติก็พอแล้วค่ะ ส่วนแผลที่หัวของคุณภาวิต แค่ดูน่ากลัวเฉยๆ จริงๆ แล้วไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แค่รอรถพยาบาลมาทำแผลง่ายๆ ก็พอแล้วค่ะ”

จริงๆ แล้วก่อนที่จะให้ธนกรพาเธอมา เธอยังกังวลอยู่บ้างว่าอาการของคุณภาวิตจะซับซ้อนเกินไปจนเธอรับมือไม่ได้ แล้วจะทำลายชื่อเสียงที่เธอพยายามสร้างมาหลายปี

โชคดีที่คุณภาวิตเป็นแค่ภาวะหายใจเร็วเกิน ซึ่งเป็นอาการที่ง่ายที่สุดและคนทั่วไปแทบจะไม่รู้จัก

เธอแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย

เมื่อได้ยินคำชมจากคนรอบข้างประโยคแล้วประโยคเล่า เธอก็ยิ่งมั่นใจในการแต่งงานเข้าตระกูลจรรยชาติมากขึ้น

เธอเหลือบมองพิ้งค์ที่กำลังลุกขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเล แล้วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า:

“จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรเลยค่ะ เป็นแค่เรื่องเล็กๆ ง่ายๆ เท่านั้นเอง แล้วเมื่อกี้ ความตั้งใจที่จะช่วยคนของพิ้งค์ก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ ฉันคิดว่าที่คุณภาวิตฟื้นขึ้นมาได้ ก็มีส่วนของพิ้งค์อยู่ด้วยค่ะ”

พิ้งค์ที่ถูกทุกคนลืมไปแล้ว กลับมาเป็นศูนย์กลางของการสนทนาอีกครั้ง

“เธอมีบุญคุณอะไร? ฉันว่าเธอมาเพื่อจะขโมยซีนมากกว่า”

“คุณชลลดา คุณก็ใจดีเกินไป ระวังจะโดนผู้หญิงแบบนี้หลอกเอานะคะ”

“คุณชลลดาเก่งขนาดนี้ ผู้หญิงคนนั้นคงหลอกคุณชลลดาไม่ได้หรอกค่ะ แต่ว่าคุณชลลดาคะ คุณต้องระวังนะ อย่าให้ผู้หญิงคนนั้นมาอ่อยคุณธนกรไปได้ ฉันว่าผู้หญิงคนนั้นอ่อยผู้ชายเก่งมาก”

“ฉันไม่มีทางโดนเธออ่อยได้หรอก!”

ธนกรที่ยืนดูอยู่ตลอดเวลา จู่ๆ ก็พูดขึ้น เขามองไปยังพิ้งค์ที่อยู่ไม่ไกลอย่างเย็นชา “ต่อให้ผู้หญิงทั้งโลกนี้ตายหมด ฉันก็ไม่มีวันใจอ่อนกับผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด”

“ธนกร” ชลลดามองธนกรด้วยแววตาซาบซึ้งใจ พูดกับเขาอย่างเขินอาย “ฉันก็เหมือนกันค่ะ บนโลกใบนี้ ฉันจะใจอ่อนให้คุณแค่คนเดียว อยากจะอยู่เคียงข้างคุณไปชั่วชีวิต”

“ว้าว คุณธนกรกับคุณชลลดารักกันลึกซึ้งจังเลย”

“ฉันซึ้งมากเลย”

“น่าอิจฉาคุณชลลดาจัง”

ผู้หญิงหลายคนในงานเอามือทาบอกอย่างซาบซึ้ง

ส่วนพวกผู้ชายนั้นตรงไปตรงมามากกว่า

“คุณธนกร สถานการณ์แบบนี้คุณไม่ควรจะจูบคู่หมั้นของคุณหน่อยเหรอ?”

“ใช่ จูบเลย!”

“จูบเลย! จูบเลย!”

“จูบเลย!”

เสียงเชียร์ดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่าถ้าพวกเขาไม่จูบกันตรงนั้น ทุกคนก็จะไม่ยอมให้พวกเขาไปไหน

เมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องยินดี และมองดูคนสองคนที่ยืนชิดใกล้กัน พิ้งค์ก็รู้สึกเจ็บปวดใจอีกครั้งราวกับมีมีดนับพันเล่มกรีดลงบนหัวใจของเธอ

นี่คือผู้ชายที่เธอรัก สามีของเธอ

ตอนที่เธอถูกคนเหล่านั้นกล่าวหา ค่อนแคะ ใส่ร้าย และผลักจนล้มลงกับพื้น เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ ราวกับว่าเธอเป็นคนแปลกหน้า

แต่พอชลลดาถูกเตือนแค่ประโยคเดียวว่าอย่าให้เขาถูกใครแย่งไป เขากลับประกาศความรักต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้

ทำไมเขาถึงเกลียดเธอขนาดนี้ แล้วทำไมเขาถึงชอบชลลดาขนาดนั้น?

เธอด้อยกว่าชลลดาตรงไหนกัน

ทั้งๆ ที่...เธอเก่งกว่าชลลดาตั้งเยอะ

ชลลดายิ้มมองภาพตรงหน้า

เธอเพลิดเพลินกับความรู้สึกแบบนี้เหลือเกิน

เมื่อก่อนเวลาที่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนพร้อมกับพิ้งค์ เกือบทุกครั้งพิ้งค์จะเป็นที่จับตามอง แต่ตอนนี้ คนที่เป็นจุดสนใจกลับกลายเป็นเธอในที่สุด

ส่วนพิ้งค์—

เธอก็เป็นแค่ตัวตลกที่คอยขับเน้นให้เธอโดดเด่นเจิดจรัส

ยิ่งเธอเจิดจรัสเท่าไหร่ พิ้งค์ก็ยิ่งดูน่าเกลียดเท่านั้น

ยิ่งพิ้งค์น่าเกลียดเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเจิดจรัสมากขึ้นเท่านั้น

เธอยิ้มแล้วเขย่งปลายเท้า ก้มสายตาลงเล็กน้อย ขยับเข้าใกล้ธนกร รอรับจูบจากเขา

ในตอนนั้นเอง คุณภาวิตที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างดีๆ จู่ๆ ก็ล้มลงไปอีกครั้ง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป