บทที่ 2 ตอนที่ 1 (50%)

“นี่ยายจอมแสบ แกเป็นไรมากป่ะเนี่ย อยู่ๆ ก็หัวเราะออกมาซะงั้น ถ้าเป็นไรก็รีบบอกนะเว้ย จะได้รีบพาไปโรงหมอให้ทัน บอกตามตรงฉันไม่อยากมีเพื่อนเป็นบ้าว่ะ” ประโยคสุดท้ายไม่วายแขวะคนที่เอาแต่หัวเราะ ด้วยความหมั่นไส้

“แกน่ะสิบ้า ดูหน้าตัวเองซะก่อนเถอะ ฝุ่นจับซะดำเชียว โดยเฉพาะตรงจมูกนี่สุดๆ ไอ้เราก็นึกว่ามิกกี้เม้าท์หลุดออกมาจากดิสนีย์แลนด์ ฮ่า ฮ่า” จอมใจบรรยายซะเห็นภาพ พร้อมทั้งหัวเราะสภาพหนังหน้าของสายน้ำผึ้ง จนท้องคัดท้องแข็ง

“จริงเหรอวะ ไหนเอากระจกมาดูซิ” สายน้ำผึ้งรีบขอกระจกจากจอมใจเร็วไว พอได้กระจกมาส่องดูหน้าตัวเองเท่านั้นแหละ สาวน้อยก็หัวเราะออกมา แต่เมื่อเธอมองไปที่หน้าของเพื่อนรัก ก็หลุดก้ากออกมาเช่นกัน และรีบยื่นกระจกส่งให้สาวแสบทันที

“หัวเราะทำไมยะ ไม่เคยเห็นคนสวยรึไง” ผู้ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติบนใบหน้าของตัวเอง ถามออกมาอย่างอารมณ์ดี

“จ้า…แม่คนสวยหมื่นลี้ ว่าแต่ฉันนะยะ ดูหนังหน้าแม่นางก่อนเถอะ ไอ้เราก็นึกว่านางเอกหนังอินเดียเขาเลิกร้องเพลงกับวิ่งรอบเขาซะแล้ว” พอจอมใจเอากระจกมาส่องดูหน้าตัวเอง ก็พบว่ามันมีจุดดำๆ สามจุดบนหน้าผากอย่างที่สายน้ำผึ้งว่าจริงๆ

“จริงด้วยว่ะแก” แล้วเธอก็ทำมือทำไม้แบบนางเอกหนังอินเดีย พร้อมทำหน้าทะเล้นใส่เพื่อนสาว แล้วสองสาวก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกรอบ

ขึ้นชื่อเรื่องความแสบสันนั้น ไม่มีใครเกินสองสาวไปได้ ร้ายกาจก็เท่านั้น ยิ่งอยู่ด้วยกันสองคนด้วยแล้ว อย่าได้เข้าไปทำให้แม่คุณทั้งสองมีน้ำโหเลยเชียว เพราะไม่งั้นจะเจอตอกกลับจนหน้าหงาย ชนิดที่ว่าร้ายยกกำลังสอง แบบถอดสแคว์ลูสกันแทบไม่ทัน ใครได้ยินชื่อของพวกเธอเป็นต้องสยอง

“นี่ยายจอม อย่ามัวแต่ฝอยกันอยู่เลย เรารีบแยกย้ายกันไปอาบน้ำกันเถอะ วันนี้เพื่อนจะเลี้ยงส่งเรานี่นา คุยเพลินไปหน่อย เกือบลืมเลย” เมื่อนึกขึ้นได้สายผึ้งน้อยก็รีบเตือนสติเพื่อนรักทันที เพราะกลัวว่าหากมัวแต่โอ้เอ้ คงไปที่นัดหมายสายแน่นอน

“เออ…เกือบลืมไปเลยนะเนี่ย งั้นก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวโดนสาวถึกทั้งสี่รุมว้าก มันจะไม่งามชิมิ” จีบปากจีบคอล้อเลียนคำพูดของสี่สาวดอกไม้เหล็กอย่างสนุกสนาน จนสายน้ำผึ้งอดหัวเราะท่าทีขี้เล่นไม่ได้

หลังจากนั้นสองสาวเล็กพริกขี้หนูสุดแสบ ก็รีบแยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัว เพื่อจะได้ไปให้ทันงานเลี้ยงอำลาเธอทั้งสองคน ซึ่งงานเลี้ยงส่งนี้เป็นอภินันทนาการจาก สี่สาวแห่งแก็งค์กระเทยอภิมหาถึก เพื่อนซี้สุดเลิฟนั่นเอง

สายน้ำผึ้งกับจอมใจ แม่สองสาวเพื่อนซี้สุดแสบ มาถึงร้านเนื้อย่างเกาหลี ที่สี่สาวแก็งค์กระเทยถึกได้นัดหมายไว้ ซึ่งร้านนี้พวกเธอเป็นขาประจำ แวะเวียนมาเกือบทุกอาทิตย์ จนซี้กับเจ้เจ้าของร้าน สองสาวได้แต่ชะเง้อคอมองหาเพื่อนรักทั้งสี่ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เห็นแม้เงา

“นี่พวกมันสี่คน ยังไม่มาอีกเหรอวะ” จอมใจพูดขึ้นทันที เมื่อมองหาเพื่อนไม่เจอ

“อืม ยังไม่ชินอีกเหรอ ก็เป็นงี้ทุกที นี่ก็คงกำลังพากันแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่แน่ฉันว่า” สายน้ำผึ้งพูดอย่างไม่ค่อยเป็นเดือดเป็นร้อน ที่เพื่อนสาวทั้งสี่จะมาสาย เพราะเธอชินซะแล้ว

“งั้น…เราเข้าไปหาอะไรกินรองท้องก่อนดีกว่า ชักเริ่มหิวแล้วว่ะ” แล้วสองสาวก็เดินเข้าร้าน

“ต๊าย…ตาย…ดูซิ ใครมาอุดหนุนร้านเจ้อีกแล้ว” เจ้เจ้าของร้านสุดเอ็กซ์ ร้องทักเสียงแหลมมาแต่ไกล เมื่อเจอลูกค้าขาประจำ

“หวัดดีค่ะเจ้ วันนี้คนเยอะเหมือนเดิมนะคะ” สองสาวยกมือไหว้เจ้าของร้านอย่างมีสัมมาคารวะ

“หวัดดีจ๊ะสองสาว ว่าแต่วันนี้ทำไมมาสองคนได้ล่ะ อีกสี่นางหายไปไหน ไม่มาด้วยเหรอจ๊ะ” เมื่อเห็นแค่สองสาว ไร้เงาของสี่นางสุดถึก เจ้แกก็ถามหาทันทีอย่างแปลกใจ เพราะปกติพวกเธอต้องมาครบทีมเสมอไม่เคยขาด

“มาค่ะเจ้ แต่อาจช้าหน่อย สงสัยคงแต่งสวยอยู่มั้ง”

“ที่เดิม ใช่เปล่าจ๊ะ” นางถามเพราะจำได้ดีว่าสาวๆ แก็งค์นี้ชอบนั่งตรงไหนกัน

“วันนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศ เอาเป็นที่ไกลผู้คนหน่อยก็ดีค่ะ จะได้เม้าท์กันได้มันส์ๆ หน่อย” สายน้ำผึ้งเกรงว่าคงเสียงดังมากแน่ จึงบอกเปลี่ยนที่ด้วยกลัวรบกวนคนอื่น

“อื้ม ได้เลยจ๊ะ เจ้จัดให้ เอาเป็นตรงศาลาริมน้ำแล้วกันเนาะ” แล้วเจ้เจ้าของร้าน ก็รีบกระวีกระวาดไปสั่งเด็กในร้านจัดโต๊ะให้ทันที สองสาวจึงเดินไปตักอะไรมากินรองท้องรอ เพราะเก็บของตั้งแต่บ่าย ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง จึงหิวกันตาลาย

แก็งค์สี่สาวกระเทยถึก เดินทางมาถึงร้านเนื้อย่าง หลังจากที่สายน้ำผึ้งและจอมใจมาถึงได้เกือบครึ่งชั่วโมง วันนี้การแต่งตัวของพวกเธอมาในคอนเซ็ปต์เรนโบว์ เดินเข้ามาในร้านปุ๊บ คนที่อยู่ในร้านต่างมองกันเป็นตาเดียว บางคนถึงกับทำช้อนหลุดจากมือ อ้าปากค้าง ตะลึงจังงัง เห็นอย่างนั้นก็สร้างความพอใจให้สี่สาวสุดถึกเป็นอย่างมาก

“เห็นไหมยะพวกแก ฉันบอกแล้วคอนเซ็ปต์นี้เริ่ดย่ะ คนมองกันตาค้างทั้งร้านเลย” ลาภยศหรือแลรี่ ผู้มาในชุดเขียวอันรัดติ้วจนพุงชี้หน้า พูดขึ้นอย่างพอใจสุดๆ

“เออ…ชั้นก็ว่างั้นแหละ ดูสิหนุ่มๆ โต๊ะโน้น มองฉันตาเป็นมันเชียว” มาดแมนหรือแมนี่ผู้อยู่ในชุดแดงสุดเว่อร์พูดขึ้นทันที แล้วส่งยิ้มที่เธอคิดว่าเซ็กซี่ที่สุดในชีวิตไปให้หนุ่มๆ แต่หารู้ไม่ว่าพวกเขาเหล่านั้น ต่างพากันสุดสยอง กลัวจะนอนไม่หลับกันถ้วนหน้า ก็ศาลพระภูมิเคลื่อนที่ดันมาส่งยิ้มให้ซะนี่

“จะยังไงก็เถอะ วันนี้ฉันสวยที่สุดย่ะ” พสุธาหรือพริตตี้ ผู้มาในคอนเซ็ปต์สีชมพูสุดสั้นเสมอจิ๋ม พูดอย่างไม่ยอมแพ้

“ถึงแกจะสวย แต่ฉันเริ่ดกว่าแกย่ะ นังพริตตี้” ได้จังหวะนลทีหรือนลนี่ ผู้มาในชุดสีเหลืองชีฟองสุดพริ้ว ก็พูดข่มทันที

แล้วทั้งสี่สาวก็เริ่มทะเลาะกันว่าใครสวยกว่า ถึงจะเป็นกระเทยแต่ความสวยก็ไม่เคยปราณี เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนเจ้เจ้าของร้านต้องรีบมาดูทันที ว่าใครมาเปิดศึกมวยไทยที่ร้านแก เพราะกลัวลูกค้าแตกตื่นหนีหมด

“โอะ โอ๊ะ โอ๋...ไอ้เราก็นึกว่าใครจะมาพังร้าน ที่แท้ก็สี่สาวสุดสวยของเจ้นี่เอง” นางจีบปากจีบคอทักทายลูกค้าประจำอย่างเป็นกันเอง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป