บทที่ 4 4
“พ่อของเธอเป็นผู้ชายมักมาก หลอกพี่สาวฉันไม่พอยังใช้แพตเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ใส่ตัวเองได้อย่างไม่รู้จักผิดบาป และฉันถือว่านั่นเป็นการไม่ให้เกียรติครอบครัวของฉันอย่างร้ายแรงเพราะฉันไม่เคยมีพฤติกรรมเลวทรามอย่างพ่อของเธอ ลาริมาร์...ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าหากมีคนทำอย่างนั้นกับลูกสาวของเขาบ้าง เขาจะรู้สึกยังไง!”
แววตาสีน้ำตาลอมเทาข้นคลั่ก มันแหลมคมราวปลายมีดทิ่มแทงลงไปถึงใต้บึ้งของลลิล ร่างบางสั่นเล็กน้อยหากชายหนุ่มก็รู้สึกได้จากมือของเขาที่สัมผัสตัวเธอ เขาแค่ยิ้มเยาะ
“ใช่...เราจะแต่งงานกัน แต่จะไม่มีงานแต่งงาน นอกเสียจาก...”
เขาเว้นคำพูดไว้ก่อนกระชากไหล่หญิงสาวให้เดินตามไปและกดบ่าร่างเล็กให้นั่งลงบนเก้าอี้ ลลิลมองตามร่างสูงใหญ่ที่นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม ใบหน้าของเขาดุดัน ผิดแผกไปจาก พัลเลเดียม ผู้ชายในความทรงจำที่เธอเคยรู้จักเขามาตลอดระยะเวลาหลายปี เธอเคยเห็นเขาเป็นสุภาพบุรุษผู้หล่อเหลา ใบหน้าคมคายของเขาฝังอยู่ใต้จิตสำนึกของเด็กสาวที่ชอบเรียกเขาว่า คุณอา และสั่นเล็กน้อยทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้า เธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองคุ้นเคยกับเขาได้อย่างสนิทใจเพราะมีเส้นกั้นบาง ๆ ที่ไม่อาจทำให้หญิงสาวรู้สึกได้ว่า เขาอยู่ในฐานะของบุคคลที่เธอเรียกว่า คุณอา ได้จริงๆ สักครู่ร่างสูงสง่าจึงหยิบกระดาษปึกหนึ่งและปากกาส่งให้หญิงสาว
“เซ็นมันเดี๋ยวนี้...โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องอ่านมัน!”
เขาบัญชาเสียงแข็งขณะลลิลหยิบกระดาษปึกนั้นขึ้นมาและยังไม่ทันได้ก้มลงดูด้วยซ้ำ
“สัญญาหรือคะ”
“ทั้งสัญญาและใบทะเบียนสมรส...มันมีแค่ที่เธอเห็นและมีสิทธิ์รับรู้จากฉันเท่านั้นว่าเธอทำอะไรได้บ้าง”
เสียงเขาเบาลงแต่ยังหน่วงมากในความรู้สึกของลลิล ร่างสูงใหญ่นั่งแยกขาห่างกันและโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย มือหนาทั้งสองประสานกันและจ้องหน้าหญิงสาวแน่วนิ่ง เขาทำราวกับว่ากำลังเค้นสอบปากคำจากจำเลยที่ไม่มีทางทำอะไรได้แม้แต่จะตั้งคำถาม ลลิลเม้มปากแน่น แม้แต่หายใจลึกก็ยังขัดอยู่ที่คอหอย ร่างเล็กบอบบางค่อย ๆ โน้มตัวหยิบปากกาบนโต๊ะ
“ลิลจะทำอะไรได้บ้างคะ”
“เป็นเมียฉันตามสิทธิ์ในใบทะเบียนสมรส แค่สิทธิ์ที่จะเป็นเมีย แต่ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของหุ้นส่วนที่พ่อของเธอมีอยู่ในล็อค ซาย แฟลคซิทรอน เธอจะไม่ได้กลับไปเรียนต่อที่เนเธอแลนด์ตราบใดที่แพตยังอยู่ในอาการโคม่าร์และยังไม่ได้ออกจากห้องฉุกเฉินหรือจนกว่าเธอจะหายดี หรือหากว่าแพตเกิดเป็นอะไรขึ้นมาในช่วงระหว่างนี้ ฉันก็จะไม่รับประกันความปลอดภัยของพ่อเธอ และที่สำคัญ...ฉันมีสิทธิ์ที่จะมีผู้หญิงคนอื่นได้โดยที่เธอไม่มีสิทธิ์คัดค้านโดยเด็ดขาด!”
บทที่ 2
เจ้าสาวสิบแปด
แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้น้ำตาของหญิงสาวไหลหยดลงบนแก้ม นี่หรือคืองานแต่งในฝันของเธอที่ปราศจากงานเลี้ยงและการได้สวมชุดแต่งงานอย่างที่ผู้หญิงทุกคนไฝ่ฝันถึง ไม่มีเพื่อนเจ้าสาวและคำอวยพรจากบาทหลวง มีแค่กระดาษแผ่นเดียวที่เธอเซ็นชื่อลงไปเมื่อไหร่มันก็จะกลายเป็นกรงขังและโซ่เหล็กพันธนาการเธอไว้กับเจ้าบ่าวไร้หัวใจและแข็งกระด้างผู้เป็นประจักษ์พยานที่ไม่ต่างจากจอมซาตานผู้พร้อมสูบวิญญาณของเธอ
และนี่หรือคือการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวโดยมีชีวิตของคนที่เธอรักเป็นเดิมพัน ลลิลปวดร้าวแค่ไหนก็จำต้องเก็บความทุกข์ระทมไว้ก่อนจับปากกาด้วยมือสั่นเทาและค่อย ๆ จรดลมันลงในช่องว่างเหนือชื่อและนามสกุลของเธอทุกหน้ากระดาษที่มี
“คุณอา...จะยังให้ลิลอยู่ที่บ้านหลังนี้ใช่ไหมคะ?”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถามหลังเซ็นชื่อของเธอลงในปึกเอกสารไม่เว้นแม้แต่หน้าเดียว ร่างบางกุมเอกสารนั้นไว้ในมือตั้งบนเข่าทั้งสองที่แนบชิด บรรยากาศรอบตัวเธอและสามีตามกฎหมายเต็มไปด้วยความอึดอัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลลิลยังจำได้ว่าเวลาพบหน้าหุ้นส่วนใหญ่ของบิดาแทบทุกครั้งจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและการพูดคุยแม้ไม่มากระหว่างเธอและประธานบริหารล็อค ซาย แฟรคซิทรอนหากก็เป็นบรรยากาศที่อยู่ในความทรงจำของหญิงสาวเสมอ พัลเลเดียมเป็นผู้ใหญ่แม้อายุห่างกับบิดาของเธอนับสิบปีและห่างกับเธอหลายปีเช่นกันทว่าบัดนี้ราวกับมีกำแพงสูงใหญ่ขวางกั้นความผูกพันที่ไม่มีวันเหมือนเดิม
“ฉันจะขายบ้านหลังนี้ทอดตลาด”
เขาตอบสั้น ๆ แต่ทำให้หญิงสาวตาเบิกกว้าง
“คุณอาจะขายบ้านหลังนี้ แต่ว่า...”
“ถึงเธอจะไม่ได้อ่านสัญญานั่นแต่ก็ควรรู้ว่านับแต่นี้เธอเป็นเมียฉันและทรัพย์สินทุกอย่างก็จะตกเป็นสินสมรสของผัวกับเมียโดยอัตโนมัติ”
ลลิลทำสีหน้าไม่ถูก เธอได้แต่อึ้งด้วยวุฒิภาวะอันเยาว์ทำให้สาวน้อยวัยสิบแปดอันเป็นวัยที่พึ่งก้าวเข้าสู่รั้วมหาลัยและยิ่งมาอยู่ต่อหน้าผู้ทรงอิทธิพลทางธุรกิจยักษ์ใหญ่ของอเมริกาอย่างพัลเลเดียมด้วยแล้วยิ่งทำให้เธอเหมือนลูกนกอ่อนแอในเงื้อมเงากรงเล็บพญาอินทรีที่พร้อมขย้ำให้ตายได้ทุกเมื่อ
“เธอไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นอะไรทั้งนั้น เพราะนี่เป็นสิทธิ์ขาดโดยสมบูรณ์ของคนที่เธอยินยอมจดทะเบียนสมรสกับเขาโดยไม่มีเงื่อนไข”
ชายหนุ่มยิ่งตอกย้ำขณะลลิลวางเอกสารทั้งหมดพร้อมน้ำตาหยดลงบนแก้ม เธอเก็บเสียงสะอื้นไว้ข้างในเพราะถึงร้องไห้ออกมาก็คงไม่ทำให้บุรุษตรงหน้านึกสงสาร
“นี่ก็แสดงว่าลิลไม่มีที่อยู่แล้วสินะคะ”
