บทที่ 5 5
“ฉันจะให้เธอไปอยู่ที่เพนท์เฮาส์ของแพต พี่สาวของฉัน”
เขากล่าวสั้น ๆ และหยิบเอกสารสำคัญบนโต๊ะขึ้นมาตรวจดูทุกหน้าที่มีหลักฐานการยินยอมจากลายเซ็นของลูกสาวหุ้นส่วนคนสำคัญซึ่งบัดนี้เธอได้กลายเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของเขา
ลลิลเห็นรอยยิ้มของพัลเลเดียมทว่ามันเป็นยิ้มแสยะออกมาอย่างสะใจ หาใช่รอยยิ้มอ่อนหวานที่เธอเคยเห็นไม่ ราวกับเขากำลังพึงพอใจในชัยชนะที่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตของเธอเป็นเดิมพัน
“ฉันจะพาเธอไปที่นั่น...มีอะไรหลายอย่างที่ฉันต้องทำความตกลงกับ...เมียตามกฎหมายของฉันและเธอต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด”
“ถ้าลิลจะขอนอนที่นี่คืนนี้”
“ไม่ได้!”
เขาปฏิเสธเสียงกระด้างและทำให้ลลิลสะดุ้งตกใจกับเสียงคำรามนั้น ใบหน้าคมคร้ามของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มจัด เขาใส่อารมณ์ในทุก ๆ การกระทำของหญิงสาวจนเธอหวั่นหวาดไปถึงขั้วหัวใจ ร่างสูงลุกขึ้นยืนและก้าวพรวดเข้ามาหาก่อนฉุดแขนของเธอให้ลุกขึ้นยืน
“ไม่มีอะไรทำให้ฉันขัดใจได้มากเท่ากับการทำตัวไม่อยู่ในกฎที่ฉันตั้งขึ้น...ตามฉันมา!”
เขาสั่งและฉุดแขนหญิงสาวให้เดินตามออกไปข้างนอก ที่ด้านหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่มีรถเรนจ์ โรเวอร์จอดรออยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มเปิดประตูและดันร่างน้อยขึ้นไปนั่งบนเบาะด้านหน้าส่วนเขาขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับก่อนสาร์ทเครื่องยนต์และบึ่งรถออกไปอย่างรวดเร็ว ลลิลได้แต่มองคฤหาสน์หลังงามที่เคลื่อนตัวหายไปทางด้านหลัง มันเป็นบ้านที่เธอเติบโตมาและใช้ชีวิตอยู่กับอิศราเพียงสองคนพ่อลูก หญิงสาวน้ำตาซึม เธอแทบไม่มีปากเสียงใด ๆ นอกจากปล่อยให้หุ้นส่วนคนสนิทของบิดากระทำตามควมต้องการของเขาเท่านั้น
ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันและหญิงสาวไม่มีเวลาได้ตั้งตัวแม้เสี้ยวนาที พัลเลเดียมบีบบังคับให้เธอจดทะเบียนสมรสกับเขาไม่พอยังทุบทำลายความทรงจำล้ำค่าแทบทั้งหมดให้พังทลายกลายเป็นฝุ่นผง ชายหนุ่มขับรถไปตามเส้นทางการจราจรคับคั่ง มุ่งหน้าเข้าไปยังใจกลางเมืองหลวง ผ่านจัตุรัสไทม์แสแควร์และแฟลคชิพสโตร์ของดีไซเนอร์ชื่อดังที่มีชุดเจ้าสาวแสนสวยในหุ่นโชว์ด้านหน้า ลลิลมองภาพนั้นราวกับจะให้มันประทับลงไปถึงใต้บึ้งของความปรารถนาว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเธอจะได้สวมชุดนั้น
ชุดเจ้าสาวของเจ้าสาวแสนสวยสะพรั่ง
หากแต่ตอนนี้เหมือนโลกกลับด้าน เธอถูกบังคับให้แต่งงาน...ไม่สิ...ถูกบังคับให้มีสามีถึงจะถูก แม้ว่าส่วนลึกลลิลจะฝังทุกความทรงจำเกี่ยวกับบุรุษหนุ่มใหญ่ผู้เป็นเสมือนภาพเงาแห่งความฝันอันแสนหวาน หากแต่บัดนี้เขากลับกลายเป็นซาตานที่กำลังครอบงำความคิดและชีวิตของเธอ
“จำไว้นะลาริมาร์...ถ้าแพตเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ ฉันจะไม่ให้อภัยพ่อของเธอตลอดชีวิต”
พัลเลเดียมพูดขึ้นขณะเขาชะลอรถใกล้ไฟแดง ลลิลหายใจสะดุดและแทบไม่กล้าหันกลับไปมองแม้เสี้ยวหน้าอันดุดันนั้น
“ลิลอยากไปเยี่ยมคุณแพตค่ะ”
“ไม่จำเป็น!”
เขาตะคอกและเลื่อนมือข้างหนึ่งที่จับพวงมาลัยมาจับแขนหญิงสาวพร้อมทั้งบีบแรง ๆ
“ถ้าอยากแสดงความหวังดีก็ทำหน้าที่ของตัวเองไม่ให้บกพร่องก็แล้วกัน...หันมามองหน้าฉัน ลาริมาร์!”
เขาสั่งและกระชากร่างบางเข้าหา ลลิลจำต้องหันกลับมาจ้องใบหน้าเครียดขึ้งดั้วยอาการสั่นเทา เธออยู่ใกล้เขามากจนรับรู้ความผ่าวร้อนจากลมหายใจของเขา หญิงสาวยังจดจำกลิ่นหอมลุ่มลึกของบุรุษผู้สง่างาม มันเป็นกลิ่นของอำพันซึ่งเธอจำได้ไม่เคยลืม แต่เขาคงลืมทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอไปหมดแล้ว ร่างเล็กนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกถึงแรงกดจากมือแกร่งบนแขนเรียวงาม
“คุณอาคะ...ลิลเจ็บค่ะ”
“คงน้อยกว่าพี่สาวฉันกระมัง ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้เลยว่าพ่อของเธอจะทำเรื่องเลวระยำได้ถึงขนาดนั้น เขาหลอกแพตยังไม่พอแล้วตั้งใจจะฆ่าเธอให้ตายเพราะความมักมากเรื่องผู้หญิง อยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าเธอต้องมีผัวที่ไม่ซื่อสัตย์แบบนั้นบ้างพ่อเธอจะคิดยังไง!”
“คุณอา...ปล่อยเถอะค่ะ ลิลเจ็บจริง ๆ นะคะ”
ลลิลร้องขอเสียงสั่นเครือและดูเหมือนเขาจะยังไม่ยอมปลดปล่อยแขนเรียวในอุ้งมือหนาหนักราวคีมเหล็กหากไม่ได้ยินเสียงแตรที่ดังเตือนจากรถด้านหลังเสียก่อน พัลเลเดียมปล่อยแขนหญิงสาวและขบกรามแน่น นัยน์ตาของเขาแดงก่ำขณะจ้องมองไปเบื้องหน้าและเหยียบคันเร่ง ร่างน้อยเลื่อนมืออีกข้างมาจับต้นแขนที่เจ็บร้าวตั้งแต่หัวไหล่ไปถึงปลายนิ้ว เธอยิ่งหวาดหวั่นเมื่อนึกถึงจุดหมายปลายทางข้างหน้าเพราะไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรรุนแรงมากไปกว่านี้อีกหรือไม่ พัลเลเดียมแสดงความกักขฬะและเกลียดชังออกมา ในสายตาของเขาเธอไม่ใช่ลูกสาวของอิศราอีกต่อไปแต่กลับกลายเป็นลูกของศัตรูที่เขาชิงชังและต้องการทำทุกอย่างเพื่อเอาคืน ลลิลนั่งนิ่งเงียบกระทั่งชายหนุ่มพารถเรนจ์โรเวอร์คันหรูแล่นเข้าไปจอดหน้าตึกสูงตระหง่านท่ามกลางตึกระฟ้ามากมายในย่านวอลสตรีท พอเขาลงจากรถก็มีบอดี้การ์ดคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามารับกุญแจที่พัลเลเดียมยื่นให้ เขาเดินกลับมายังด้านที่นั่งข้างคนขับและเปิดประตูรถขณะยื่นหน้าคมเข้มเข้าไปหาหญิงสาวที่นั่งนิ่งเงียบ
“ที่นี่คือตึกล็อค ซายน์... เพนท์เฮาส์ของแพตอยู่ชั้นบนและเธอต้องอยู่ที่นั่น”
