บทที่ 7 7
เขาผลักร่างบอบบางออกห่าง ลลิลไม่ยอมให้เขาล่วงล้ำริมฝีปากสีชมพูเข้มของเธอทว่ากลับมีบางอย่างติดอยู่ที่ริมฝีปากของเขา มันเป็นรสชาติหวานหอมเหมือนลูกสตรอวเบอร์รี่เล็ก ๆ ที่เขาชอบกินมันอาจเป็นกลิ่นของลิปกลอสกระมังแต่ก็ช่างเย้ายวนและทำให้สติเขาพร่ามัวไปชั่วขณะ ชายหนุ่มแสร้งแตะปากตัวเองด้วยปลายนิ้วและมองเธอด้วยสายตาดูแคลน
“แค่จูบผู้ชายก็ยังทำไม่เป็น...หรือว่านี่แค่แผนกลบเกลื่อนว่าเธอเองก็เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน”
“ที่จริงอาพีทไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้”
ลลิลเอ่ยขึ้นเสียงเครือปนหอบ น้ำรื้นบนดวงตาไม่เคยเหือดแห้งนับแต่รู้เรื่องขอบิดาและพี่สาวของพัลเลเดียม
“ถ้าอาพีทโกรธมากขนาดนี้ก็จับลิลเข้าคุกเถอะค่ะ หรือจะให้ลิลทำอะไรก็ได้แต่ขอให้ปล่อยคุณพ่อไป”
“มันจะไม่ง่ายไปหน่อยหรือ” เขาแย้งเสียงเข้มและแค่นหัวเราะในลำคอ “มีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่ฉันยังไม่ได้คาดคั้นจากปากของอิศรา ไม่ใช่แค่เรื่องของแพตแต่ยังปัญหาการเงินที่เขาสร้างไว้กับบริษัทที่ฉันยังไม่รู้ แต่จากการตรวจสอบคร่าว ๆ เขาทำความเสียหายกับระบบบัญชีกว่าร้อยล้านดอลล่าห์ เธอบอกว่าทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือลาริมาร์ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าฉันจะให้เธอชดใช้ค่าเสียหายกับล็อค ซายน์ แฟรคซิทรอนเธอจะมีปัญญาชดใช้มันได้หมดรึเปล่า!”
ร่างแน่งน้อยถึงกับอึ้งและเงียบไป เธอไม่คิดมาก่อนว่าต้องเจอกับปัญหาใหญ่ที่ตัวเองไม่ได้ก่อแต่ต้องมารับรู้อย่างไม่อาจเลี่ยง เพียงแค่ตัวเลขความเสียหายที่พัลเลเดียมเอ่ยมาก็ทำให้หญิงสาวหน้าซีดคอตก แล้วยังมีปัญหาระหว่างอิศรากับพี่สาวของเขาแทรกเข้ามาอีกก็ราวกับว่าเธอกำลังยืนอยู่ในเขาวงกตที่ไม่มีวันหาทางออกได้พบตลอดชีวิต
“คืนนี้ฉันจะกลับไปนอนที่ห้องชุดของฉัน จำไว้ว่าฉันจะมาที่นี่เวลาที่อยากมา”
เขากล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน ลลิลยืนนิ่งรับฟังเหมือนรูปปั้นไร้ชีวิต พัลเลเดียมเหลียวมองไปบนท้องฟ้าที่แสงเย็นตาของอัสดงอาบลงบนยอดตึกสูง
“และมีกฎอีกข้อที่เธอต้องจำเอาไว้ ฉันอยากจะพาใครมาที่นี่ก็ได้และเธอไม่มีสิทธิ์ใช้ความเป็นเมียตามกฎหมายเรียกร้องหรือคัดค้าน!”
ชายหนุ่มทิ้งคำคาดโทษที่ทำให้คนฟังเจ็บลึกในหัวใจก่อนเดินจากไปอย่างไม่ใยดี ลลิลปล่อยให้น้ำที่ขังรอบดวงตาคู่งามถั่งไหลขณะทรุดตัวลงนั่งริมสระน้ำอาบด้วยประกายแดดยามเย็นเหมือนคนหมดแรง รู้สึกราวกับตัวเองเป็นวัตถุลอยเคว้งในอากาศ ความปวดร้าวแล่นไหลใต้จิตสำนึกไม่จบสิ้นและไม่รู้เลยว่านับจากวันนี้ไปชีวิตของเธอต้องพบเจอกับความเลวร้ายอะไรต่อไปอีก
โรงพยาบาลนิวยอร์ค ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน
ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทาเข้มยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าครุ่นคิดหลังออกจากห้องผู้ป่วยฉุกเฉินและรับทราบการวินิจฉัยจากนายแพทย์ใหญ่เกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยที่ยังนอนอยู่ท่ามกลางอุปกรณ์ช่วยชีวิตทางการแพทย์ในเช้านี้ เมื่อคืนเขากลับไปนอนที่ห้องชุดของเขาเองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเพนท์เฮาส์ของพี่สาวและรีบรุดมาโรงพยาบาลในเช้าวันรุ่งขึ้นด้วยความรู้สึกที่เป็นอย่างทุกวัน นั่นคืออยากฟังข่าวดี ๆ จากหมอ พัลเลเดียมถอนหายใจหลายครั้งหลังจากที่เขาเข้าไปเยี่ยมอาการของพี่สาวจากการประสบอุบัติเหตุล้มศีรษะฟาดพื้นซึ่งมาจากเรื่องทะเลาะกันอย่างรุนแรงกับอิศราในเพนท์เฮาส์ของเธอเองเมื่อกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา จนถึงบัดนี้เธอก็ยังไม่รู้สึกตัวแต่นายแพทย์ให้คำตอบต่อความกังวลของเขาว่า
“อาการของคนไข้เริ่มดีขึ้นเล็กน้อยแล้วนะครับ หลังจากวันแรกที่เรารับตัวเธอเข้ามาทำการรักษา เธอล้มศีรษะกระแทกกับของแข็งก็จริงแต่โชคดีที่สมองไม่มีส่วนใดได้รับความเสียหายนอกจากมีเลือดคั่งและเราได้ทำการผ่าตัดซึ่งผลการรักษาออกมาเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง หลังจากนี้ก็คงต้องเฝ้าระวังดูอาการต่อไปและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นซึ่งเราคาดว่าเธอจะดีขึ้นและไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกนะครับ เราจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาคนไข้ อย่างน้อยการตอบสนองของเธอต่ออุปกรณ์การแพทย์ก็ยังเป็นสิ่งยืนยันว่า...เธอยังอยู่กับเรา”
พัลเลเดียมส่งเสียงครางลึกในลำคอ เขามีอาการเครียดจัดมาตลอดสัปดาห์ตั้งแต่รู้ว่าพี่สาวได้รับบาดเจ็บและถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนหลังจากวันเกิดเหตุที่อิศราไปพบกับแพตที่เพนท์เฮาส์ของเธอและมีปากเสียงกันซึ่งเขาดูจากกล้องวงจรปิดหลายครั้ง โชคดีที่วันนั้นจูลี่ซึ่งเป็นแม่บ้านคอยดูแลเพนท์เฮาส์หรูเป็นคนโทรแจ้งโรงพยาบาลและรายงานให้เขาทราบ เขาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อได้รู้ความจริงว่าหุ้นส่วนคนสำคัญที่มีความสนิทสนมกันเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด อะไรก็ไม่ทำให้เขาแค้นใจเท่าการที่อิศราใช้พี่สาวของเขาเป็นเครื่องมือหักหลังทางธุรกิจซ้ำยังทรยศหัวใจของแพตด้วยการมีผู้หญิงคนอื่น เขาโกรธแค้นอิศราจนแทบอยากจะฆ่าให้ตายแต่สิ่งแรกที่เขาคิดได้หลังจากนั้นกลับเป็นการเอาคืนที่เขาวางแผนใช้ชีวิตลูกสาวของคนปลิ้นปล้อนเป็นเดิมพันเพียงเพื่อความสะใจ
