บทที่ 9 9
ลลิลตื่นขึ้นมาในเพนท์เฮ้าส์หรูก็เห็นแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดห้องแต่เช้า ซึ่งคงเป็นแม่บ้านวัยสามสิบกว่าที่คอยดูแลเพนท์เฮาส์พี่สาวของพัลเลเดียมตามที่เขาบอกเธอเมื่อวาน หญิงสาวเก็บผ้านวมบนที่นอนก่อนเข้าไปในห้องน้ำ กระทั่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วแต่พอออกมาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นที่นอนถูกเปลี่ยนผ้าคลุมผืนใหม่และผ้านวมก็เปลี่ยนเป็นอีกสีเข้าชุดกับผ้าคลุมเตียง ที่โต๊ะริมหน้าต่างกรุกระจกมีอาหารเช้าวางอยู่ ลลิลเดินไปหยุดที่โต๊ะก่อนได้ยินเสียงแม่บ้านกล่าวขึ้น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณผู้หญิง”
“คะ...ค่ะ...อรุณสวัสดิ์...เอ้อ...คุณคงจะใช่จูลี่”
“ค่ะ...ฉันจูลี่ เป็นแม่บ้านที่คอยดูแลที่นี่ ดิฉันเตรียมอาหารเช้าไว้ให้คุณแล้วนะคะ เชิญรับประทานได้เลยค่ะ”
“เอ้อ...ค่ะ...เอ้อ...”
“มีอะไรหรือคะคุณผู้หญิง?”
ลลิลมองแม่บ้านอย่างเก้อ ๆ
“คือเมื่อกี๊ฉันเก็บผ้านวมเรียบร้อยแล้วน่ะค่ะ ที่จริงยังไม่ต้องเก็บไปซักก็ได้นะคะ”
3
หัวใจที่ไร้รัก
“ปกติดิฉันมีหน้าที่ต้องเปลี่ยนผ้าคลุมเตียงกับผ้านวมทุกสองวันตามคำสั่งของคุณแพตน่ะค่ะ เธอชอบให้ฉันเปลี่ยนบ่อย ๆ เพราะเธอชอบสีสันที่ไม่ซ้ำกัน”
“ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้เปลี่ยนสัปดาห์ละครั้งก็ได้ค่ะ ฉันนอนบนผ้าคลุมเตียงผืนเก่า ห่มผ้านวมผืนเก่าได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะทำตามคำสั่งของคุณนะคะ...คุณผู้หญิง”
คุณผู้หญิง...คำนั้นก้องในความรู้สึกที่ยังสับสนของลลิล จริงสินะ...เธอไม่ใช่เด็กสาวสิบแปดที่ต้องตั้งหน้าเรียนหนังสืออีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็น เมีย ของเพื่อนพ่อ ผู้ชายซึ่งเธอเรียกว่าคุณอาตลอดเวลาหลายปีในห้วงเวลาเพียงข้ามคืน เธอยิ้มกับจูลี่ซึ่งเป็นหญิงชาวอเมริกันหน้าตาใจดีและเป็นมิตร
“ขอบคุณนะคะ”
ลลิลกล่าวด้วยความรู้สึกสดชื่นกว่าเมื่อคืนเล็กน้อยเพราะเมื่อตื่นมาในเช้าวันนี้เธอยังไม่เห็นเจ้าของเพนท์เฮ้าส์อีกคนที่ทั้งดุดันและเหี้ยมเกรียม เธอไม่เห็นเขาสองวันแล้วหลังกลับจากเนเธอแลนด์และถูกบังคับให้เซ็นชื่อในสัญญารวมทั้งทะเบียนสมรสซึ่งหลังจากนั้นดูเหมือนเขาไม่ใส่ใจที่จะมองหน้าเธอด้วยซ้ำเพราะพัลเลเดียมลั่นคำว่าเขาจะกลับไปอยู่ที่ห้องชุดของเขาและอยากมาที่นี่เมื่ออยากมา...มาเมื่ออยากมาอย่างนั้นหรือ เขาอาจไม่อยากเห็นหน้าเธอเลยก็เป็นได้ ทว่าไม่ทันที่ความเครียดและกดดันในหัวใจของหญิงสาวได้ทันคลายลงเธอกลับต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น
“จูลี่...เตรียมอาหารเช้าไว้ให้ฉันหรือยัง?”
ร่างสูงใหญ่ก้าวฉับ ๆ เข้ามาหยุดที่โต๊ะริมหน้าต่าง เขาไม่มองหน้าหญิงสาวร่างเล็กด้วยซ้ำแต่กลับหันไปคุยกับแม่บ้านทันทีที่เข้ามาในห้อง จูลี่พยักหน้า
“ค่ะคุณพีท...ฉันเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
พอได้ยินเช่นนั้นลลิลจึงเหลือบมองบนโต๊ะที่เธอไม่ทันได้สังเกตเมื่อครู่ว่ามีอาหารเช้าวางอยู่สองชุด สักครู่พัลเลเดียมจึงหย่อนตัวลงนั่งด้วยท่าทีเหมือนไม่ใส่ใจดังเดิม เขาพูดขึ้นขณะรินกาแฟใส่ถ้วย
“ออกไปได้แล้ว”
เขาสั่งจูลี่และแม่บ้านก็พยักหน้ารับ ลลิลมองหญิงชาวอเมริกันที่เดินออกไปจากห้องนั้นด้วยความรู้สึกเหมือนห้องเล็กแคบลงในทันใดเมื่อเหลือเพียงเธอและพัลเลเดียมแค่สองคน
“เธอจะยืนค้ำหัวฉันแบบนี้อีกนานไหม ลาริมาร์”
เขากล่าวเสียงดุ ลลิลนั่งลงและแทบไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำยิ่งเมื่อได้เห็นหน้าถมึงทึงของเขาเธอก็ยิ่งปั่นป่วนในช่องท้อง แม้แต่จะหยิบมีดและส้อมขึ้นมาก็ยังแทบไม่มีเรี่ยวแรงด้วยความหวาดหวั่น
“เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม?”
เขาถามแต่ไม่ยอมมองหน้าคู่สนทนา พัลเลเดียมก้มหน้าใช้มีดหั่นสเต๊กในจานแต่หน้าตาเขาดูไม่ดีเลยสักนิด
“หลับ...สบายค่ะ”
“ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็บอกจูลี่ได้ เธอเป็นแม่บ้านของที่นี่จะคอยอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง”
“ที่จริงแล้ว...ไม่ต้องลำบากให้แม่บ้านมาคอยดูแลก็ได้นะคะ ลิล...เอ้อ...”
เพล้ง!!
เสียงจานชามและถ้วยกาแฟบนโต๊ะที่ถูกกวาดลงพื้นทีเดียวจนแตกกระจายทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้งและเบิกตาค้าง ลลิลหันกลับมาที่พัลเลเดียมซึ่งนั่งกำหมัดบนโต๊ะแน่นและจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง เขาคำรามลั่น
“อย่ามาทำเป็นอวดดีกับฉันที่นี่ เธอมีสิทธิ์แค่ทำตามหน้าที่ที่ฉันสั่งให้ทำเท่านั้น!”
หญิงสาวคิดจะอ้าปากโต้เถียงแต่แล้วเธอกลับเป็นฝ่ายเงียบทั้งที่รอบตัวเต็มไปด้วยบรรยากาศกดดัน สิ่งที่ทำคือได้แต่จ้องมองเศษจานและแก้วกับอาหารเช้าและคราบกาแฟที่กระจายเต็มพื้น ลลิลฝืนกลืนก้อนแข็งลงคอและประสานมือเข้ากันแน่น เธอเม้มปากเป็นเส้นตรงแต่ยังไม่ยอมสบนัยน์ตากร้าวกล้าที่จ้องมาจากร่างสูงตรงข้าม ความเงียบล่องลอยรอบคนทั้งสองชั่วขณะก่อนที่ร่างบางจะตัดสินใจลุกขึ้น เธอกำลังจะเดินออกไปแต่กลับถูกคนตัวโตรั้งร่างนั้นเข้าไปแนบอก ลลิลตัวสั่นเทิ้มและคราวนี้เธอส่งเสียงออกมา
“อาพีท...จะทำอะไรคะ ลิลจะกลับห้อง”
“ถ้าฉันไม่อนุญาตให้เธอไปไหน เธอก็ต้องอยู่ที่นี่!”
“ลิลอยากกลับไปพักผ่อนค่ะ”
“อยู่กับผัวมันเหนื่อยนักรึไง แค่พูดอะไรนิดอะไรหน่อยถึงกับทนไม่ได้อยากจะหนีหน้าอย่างเดียว”
“ลิลไม่ได้หนีหน้านะคะ แต่ลิลเห็นว่า...เวลาอาพีทเห็นหน้าลิลแล้วอาพีทไม่มีความสุขเลย”
“ความสุขของฉันมันหมดไปนานแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องกับพี่สาวของฉัน รู้ไว้ด้วยว่าที่ต้องอยู่อย่างนี้ฉันไม่ได้มีความสุขแม้แต่วินาทีเดียว”
“ถ้าอาพีทไม่มีความสุขแล้วจะทำแบบนี้ทำไม”
“ก็ทำเพื่อให้ได้ความสะใจก่อนจะเฉดหัวเธอออกไปจากที่นี่ไง ลาริมาร์!”
“อาพีท!”
