บทที่ 6 6

เอมวิกาหันไปยิ้มให้นับดาวเล็กน้อยพอเป็นพิธี จากนั้นก็เบียดตัวกระแซะเข้าหาชายหนุ่มข้างกายอย่างมีจริต ในเมื่อผู้หญิงคนนี้มองเธออย่างไม่เป็นมิตรเธอก็ไม่จำเป็นต้องเป็นมิตรตอบ

นับดาวได้ยินคำแนะนำของชายหนุ่มที่ตนแอบหลงรักมานานเช่นนั้นก็นิ่วหน้า และยิ่งเห็นการกระทำที่หญิงสาวเบียดอกอวบเข้าหาอกชายที่ตนมีใจให้ ไฟริษยาก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาอย่างรุนแรง

“ เป็นอะไรหรือคะคุณเอมวิกา คุณถึงยืนตัวตรงไม่ได้เลหรอ ต้องเอาตัวไปซุกซบไหล่พี่ภูของฉันขนาดนั้น”’

เอมวิกาเหลือบมองหน้านับดาวนิดหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปซ้อนมองภูตะวันด้วยสายตาฉอเลาะ

“ ไม่ได้เป็นอะไรเลยค่ะคุณดาว ที่ฉันต้องซบภูขนาดนี้ เพราะว่าคนเป็นคู่หมั้นกันย่อมอยากที่จะใกล้ชิดกันค่ะ ใช่ไหมคะภู”

“ ไม่ต้องมาเรียกฉันอย่างสนิทแบบนั้น ฉันไม่ใช่เพื่อนเธอ คนที่จะเรียกฉันแบบนั้นได้มีแต่คนสนิทกันเท่านั้น และฉันอยากถามเธอ”

ภูตะวันหรี่ตามองหญิงสาวสองคนอย่างนึกสนุกและมีความสุข ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเขาชอบที่มีสาวๆมารุมแย่งชิงตัวเขา แต่ที่เขามีความสุขเพราะมีอกนิ่มๆของสาวชาวกรุงมาเบียดกระแซะอยู่ต่างหาก

“ เหรอคะ” เอมวิกาเลิกคิ้วให้นับดาวด้วยท่าทีกวนๆ

“ใช่” นับดาวเชิดหน้าตอบ

“ ค่ะ ฉันจะได้จำไว้ว่าเธอเป็นคนอื่น..ที่เผอิญได้มารู้จัก อ้อ ว่าแต่เธอจะถามอะไรฉันหรือนับดาว ฉันรอตอบคำถามเธออยู่”

นับดาวอยากจะร้องกรี๊ดให้ลั่นบ้าน ผู้หญิงหน้าจืดคนนี้ไม่ได้ติ๋ม และไร้พิษสงอย่างที่คิดในตอนแรกเสียแล้ว แต่ก็ดีแบบนี้จะได้สนุก เธอจะทำให้แม่คนนี้กระเด็นออกไปจากชีวิตพี่ภูตะวันของเธอจนได้

“ ว่าไงคะคำถาม รอนานจนเมื่อยแล้วนะคะ หากว่าเปลี่ยนใจไม่ถามแล้วฉันกับภูจะได้ไปทานข้าวกัน ป่านนี้คุณป้าคงรอแย่แล้ว  นะคะภู”

ประโยคหลังหญิงสาวเงยหน้าไปส่งยิ้มหวานให้ภูตะวัน จน  ชายหนุ่มรู้สึกตาพร่ากับรอยยิ้มนั้น

“ นั่นสิดาว มีอะไรจะถามเอมวิกาก็ถามเร็วๆสิ แม่พี่รอทานข้าวอยู่”

นับดาวกัดฟันข่มอารมณ์อยู่เป็นครู่ก่อนจะหันไม่ถามเอมวิกา

“ ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะพี่ภู ดาวแค่อยากจะรู้ว่าคู่หมั้นกำมะลอของพี่จะอยู่ที่นี่กี่วัน ไหนตอนแรกส่งคนมาบอกว่าจะ  ถอนหมั้นไงคะ”

เจอคำถามที่ตรงประเด็นแบบนี้เล่นเอาเอมวิกานิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผู้หญิงที่ตนเองไม่ชอบตั้งแต่เห็นหน้า

“ อ๋อ ความจริงมันก็ไม่ใช่กงการอะไรที่เธอต้องรู้หรอกนับดาว แต่หากเธออยากจะรู้จริงๆ ฉันตอบให้ฟังเลยก็ได้เธอจะได้หายสงสัย”

เอมวิกายักคิ้วยียวนให้คู่สนทนาอารมณ์เสียเล็กน้อย ก่อนจะเอนศีรษะไปแนบอกชายหนุ่ม

“ ตอนแรกที่ให้คนมาขอยกเลิกการแต่งงานก็เพราะฉันยังไม่เคยเจอภู ยังไม่รู้ว่าภูทั้งหล่อ ทั้งรวยขนาดนี้ แต่พอเห็นและรู้อย่างนี้ ฉันไม่ปล่อยเขาไปให้หมาคาบไปแดกหรอกค่ะ”

คำตอบของเอมวิกาทำให้ชายหนุ่มอึ้งเพราะคิดไม่ถึง ถึงแม้เขาจะคาดเดาอยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ร้าย..แรง แต่ไม่คิดว่าจะตรงขนาดนี้ เธอกล้าที่จะบอกคนอื่นต่อหน้าเขาว่าเพราะเขารวยการแต่งงานจึงไม่ต้องยกเลิก ภูตะวันยกริมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อยอย่างพอใจ

ส่วนนับดาวพอได้ยินคำตอบถึงกับตัวสั่นด้วยความโกรธผู้หญิงคนนี้ร้าย ร้ายกว่าที่เธอคิดไว้มาก

“ ได้คำตอบแล้วใช่ไหมดาว ไปทานข้าวกันเถอะ แม่พี่รอนานแล้ว”

ภูตะวันพยักหน้าให้นับดาวก่อนจะมารวบมือที่วางบนอกของเขาไปจับกุมเอาไว้

“ ไปทานข้าวกันคุณหนู”

ทั้งคู่เดินจากไปแล้วปล่อยให้นับดาวยืนคว้างหน้างออยู่เพียงลำพัง

เดินห่างออกมาได้ไม่ไกล เอมวิกาก็พยายามบิดมือให้หลุดจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม แต่ก็เหมือนภูตะวันจะสนุกเพราะเขาไม่ยอมปล่อย แถมยังบีบกระชับจนแนบแน่นแทบจะกลายเป็น  เนื้อเดียวกัน

เอมวิกาส่งตาเขียวไปให้ชายหนุ่ม แต่เขากลับไม่สนใจ จนกระทั่งเดินมาถึงห้องอาหารพบหญิงสูงวัยนั่งมองมาทางคนทั้งคู่ เอมวิกาพยายามชักมือกลับ

“ ปล่อยมือฉันสิคุณ ไม่เห็นหรือไงว่าคุณแม่คุณท่านกำลังมองเราอยู่” หญิงสาวกระซิบ

“ เห็นแล้วไง ดีสิ คุณแม่จะได้จัดงานแต่งให้เราเร็วขึ้น เธอเองก็อยากแต่งงานกับผมอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“ บ้า! ใครอยากแต่งงานกับคุณกัน”

“ เธอไงเอมวิกา เธอบอกกับนับดาวไปเมื่อครู่ฉันได้ยินกับหู” ชายหนุ่มกระซิบตอบหญิงสาวอย่างคนอารมณ์ดี แต่ในความรู้สึกของหญิงสาว เธอคิดว่าภูตะวันเป็นผู้ชายที่ร้ายกาจ

“ นั่นฉันแค่อยากแกล้งแฟนคุณต่างหาก”

“ เหรอ!! แต่ที่ฉันได้ยินมาเธอพูดออกมาเต็มปากเลยนะว่า เพราะฉันหล่อ รวย เธอเลยไม่คิดจะปล่อยฉันให้หมาคาบไปแดก”

ชายหนุ่มเน้นคำหนักเบาขณะที่ตอบหญิงสาว

“ อ้าว สองคนนั่นคุยอะไรกันอยู่ แม่รอทานข้าวอยู่นะลูก”

เสียงของคุณวรรณวลีทักเบาๆแต่ก็ทำให้ทั้งคู่ได้สติหันไปมองหญิงสูงวัยด้วยกันทั้งคู่ เอมวิกาสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุมของชายหนุ่มอีกครั้ง คราวนี้ภูตะวันปล่อยอย่างง่ายดาย หญิงสาวหันไปมองค้อนชายหนุ่ม ก่อนจะเดินไปหาหญิงสูงวัยทรุดตัวลงนั่งพับเพียบ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป