บทที่ 7 6

17

ยอมหักไม่ยอมงอ

ความอ่อนเพลียจากการเดินทาง บวกกับร้องไห้มาอย่างหนักทำให้อมายาจวนจะหลับตั้งแต่ยกสาม แต่ด้วยข้อตกลง เธอจึงแข็งใจตอบสนองเขากระทั่งเขมราชถึงฝั่งฝัน แล้วค่อยหลับไป ชายหนุ่มช่วยจัดท่าให้เธอนอนสบาย ดึงผ้าห่มคลุมกาย จ้องมองบาดแผลที่คอเธอแล้วเจ็บแปลบในอก

เขาไม่น่าท้าทายเธอแบบนั้น...

มือหนาลูบผ้าก๊อซซึ่งมีเลือดซึมอย่างแผ่วเบา ก่อนปัดปอยผมชื้นเหงื่อที่รกใบหน้าเธอ อดที่จะเกลี่ยมือไปตามความเนียนนุ่มของพวงแก้มแดงระเรื่อไม่ไหว เช่นเดียวกับไม่อาจห้ามใจไม่ให้จูบแก้มเธอ ทั้งที่เขาควรขับไล่ความรู้สึกอ่อนโยนเหล่านั้นออกไป

อารมณ์สับสนผลักดันให้เขาออกมารับลมตรงระเบียงกว้างซึ่งมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ หวังให้สายลมช่วยพัดพามันออกไป แต่แล้ว... มันกลับชัดเจนยิ่งกว่าที่เคย

เขาหลับตาเอนหลังพิงเก้าอี้นอนริมสระ มือคลึงแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย รู้สึกผิดกับเจ้าของแหวนที่ไม่อาจเป็นผู้ชายรักเดียวใจเดียวอย่างที่หล่อนหวัง

เพราะเขาหลงผิดไปเสียแล้ว และเขา... ไม่คู่ควรกับแหวนวงนี้อีกต่อไป

เขมราชถอดแหวนออก ปลดพันธะหนึ่งในหัวใจ ได้แต่พร่ำเพ้อในนั้นว่า ‘ขอโทษ’ หวังให้คนที่ล่วงลับไปรับรู้ว่าเขาเสียใจเพียงใด แต่แม้ขณะคิดถึงหล่อนอยู่นี้ ก็ยังคงมีภาพของอมายาเข้ามารบกวน แต่เป็นภาพที่เธอทำร้ายตัวเอง และมันคงติดตาเขาไปจนวันตาย

เพล้ง!

เสียงของตกกระทบพื้นในห้องนอนที่เห็นวิวสระว่ายน้ำทั้งหมดเขมราชสะดุ้ง หันมองเข้าไปด้านใน เห็นอมายาปัดมือสะเปะสะปะคล้ายหวาดกลัวบางอย่าง

แทบไม่ต้องหยุดคิดเลย... คนที่มีเธออยู่เสมอมาวิ่งเข้าไปในห้องแล้วกอดเธอไว้ หญิงสาวยังคงหลับตา ตัวสั่นและร้องไห้ ด้วยในฝันนั้น เขมราชเป็นเหมือนผีร้าย ถือขอเงี้ยวไล่หวดเธอ

“ออกไปนะ... เฟลม ฮือ ๆๆ ออกไป”

เขมราชสะท้อนใจ เพราะแม้ในความฝัน เธอก็ยังหวาดกลัวเขา ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมคลายอ้อมแขน มือหนาลูบศีรษะเล็กเบา ๆ กระทั่งเธอสงบอยู่ในอ้อมอก แต่กลับเป็นเขาเองที่เดือดปุด

“พี่แชมป์...” ในฝันที่เธอวิ่งหนีอย่างลนลาน อมายาเจอผีอีกตนที่หน้าเหมือนชาวีไม่ผิดเพี้ยน เธอหวาดกลัวจนน้ำตาไหลในความจริง

ทว่าเจ้าของอ้อมกอดไม่อาจล่วงรู้ ใจเขาปวดหนึบ... เข้าใจเพียงว่า แม้ขณะฝัน เธอก็ยังคิดถึงแต่มัน พาให้สองมือกำหมัดแน่น และคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อระบายโทสะ ก่อนที่เขาจะอกแตกตายไปจริง ๆ


เพราะรู้สึกไม่สบายตัวโดยเฉพาะ ‘ตรงนั้น’ ที่คล้ายกับมีสิ่งแปลกปลอมแอบแฝง ทั้งแสบขัดและอึดอัด จนอมายาทนรำคาญไม่ไหวเลยตื่นมาดู พบว่าเขมราชนอนกอดเธอจากด้านหลัง สอดใส่ฝักรักในกายเธอ จูบไซ้หลังคอและนวดคลึงหน้าอกเธออย่างเอาแต่ใจ

“เฟลม ทำบ้าอะไร”

“ทำตามข้อตกลงไง อา...” ระบายลมหายใจหนักหน่วงราดรดท้ายทอยสวย ขยับสะโพกกระแทกกระทั้นพร้อมกับที่มือข้างหนึ่งล่วงล้ำผ่านสะดือลงไปบดบี้ติ่งสาว อมายากัดริมฝีปากเก็บเสียงร้อง

ระหว่างที่ใจเกิดคำถาม ว่าเขาทำแบบนี้ไปกี่หนตอนเธอหลับ นวลเนื้ออ่อนไหวก็บีบรัดความเป็นชายที่โจนจ้วงนั้น จนเสียงหวีดร้องหลุดออกมา เพราะเขาเหยียดขยายและเต็มแน่นเกินไป แม้เธอจะบิดกายเพื่อรับเขาไว้ก็ดูท่าจะไม่ไหว

“ฉันจะตายอยู่แล้ว อ๊า...” เขาขยำปทุมถันเต็มไม้เต็มมือด้วยโทสะไร้ที่มา อมายาพยายามหนีเขา หากความปรารถนาเบื้องต่ำทำให้เธอกระดกสะโพกเข้าหา หลงลืมตัวตนท่ามกลางพายุสวาทรุนแรง

เขาร้องครางและผลักดันตัวตนเข้ามาลึกขึ้น... และลึกขึ้นอีก ขยับสะโพกและถาโถมเข้ามาในร่างกายเธอก่อนจะสั่นสะท้านและถึงจุดสุดยอดภายหลังจากเธอไม่นาน

“ห้ามครางชื่อผู้ชายคนไหนตอนอ้าขาให้ฉันเอาอีก เข้าใจไหม”

“...” แน่นอนอมายาไม่เข้าใจ เธอไม่ได้เอ่ยชื่อใครเสียหน่อย แต่ถ้าเขาสร้างเรื่องมาเอาเปรียบกันก็ไม่แน่ คิดแล้วอมายาก็ซบหน้าสะอื้นกับผ้านวมอย่างจนใจ

ขณะที่มือเขาลูบไล้ตามร่างกาย วกลงไปที่ปุ่มสาวแล้วกดคลึงจนเธอพบพานความสุขสมอย่างอับจน แต่คนที่ไม่อาจข่มตาให้หลับได้ด้วยเฝ้าคิดแต่เรื่องเธอกับชาวีและยังไม่อาจสลัดภาพที่เธอปาดคอตัวเองยังไม่หมดแรง

ภายหลังจาก morning sex ยังตามมาด้วยครั้งที่สอง สามและสี่ภายในระยะเวลาสามชั่วโมง ร่างกายเขมราชคือเครื่องจักรชั้นดีที่ไม่เคยหมดแรงกับเรื่องอย่างว่า แต่เสียไปกับการยับยั้งตัวเองไม่ให้รุนแรงกับเธอมากกว่า กระนั้นอมายาก็ยังทรมานแทบขาดใจ เมื่อเขาพาไป ‘ทำ’ บนเก้าอี้ริมสระ

อมายาอยู่ในท่านอนหงาย เขมราชยกเข่าเธอขึ้น แม้อมายาจะเจ็บเพราะแผลถลอกเริ่มระบม แต่ก็บิดตัวจนพักเท้าบนบ่าหนาได้ แล้วเขาค่อยโน้มตัวมาข้างหน้าเพื่อผลักดันเข้ามาสุดลำ เสียว... แต่ก็เจ็บด้วย... เจ็บแปลก ๆ ตรงมดลูก

“เฟลม พอก่อน ฉันปวดท้อง”

“ฉันยังไม่หมดแรง”

“อ๊ะ!” อมายาหน้าเหยเกเพราะการกระแทกลึกล้ำ แต่ความกระสันเข้ามาเบียดแทรกเพราะมือหนาที่บดคลึง กระตุ้นเร้าติ่งสาวร่วมกับความเป็นชายที่จ้วงแทง

“จำเอาไว้ ว่าผัวเธอมีคนเดียว คือฉัน”

“ไม่ใช่” เธอหลับตาแน่นเมื่อถ้อยคำนั้นเกินกว่าจะรับได้ ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมรับว่าเขาเป็น ‘ผัว’เพราะเธอรู้ดี... มันเท่ากับเธอยอมรับว่าฆ่ามีนรญาเพื่อเขา

ถ้าเธอหลุดไปจากเงื้อมมือเขาได้เมื่อไหร่ สิ่งที่เธอจะทำทุกวันไปจนตายนั่นคือหนีเขา... หนีไปให้ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว พอเธอปฏิเสธ เขาก็เน้นจังหวะหนักหน่วงขึ้น อมายาขยับกายอย่างกระสับกระส่าย ความร้อนอันอ่อนเปลี้ยในกายแปรเปลี่ยนเป็นการลุกไหม้อย่างช้า ๆ

เขมราชเฝ้ามองเธอด้วยสีหน้าและแววตาที่เธอคุ้นเคย... สีหน้าของความป่าเถื่อนเมื่อเขาต้องการเธออย่างรุนแรงและขาดสติ ทว่าในจังหวะที่เธอรับรู้ว่าความสุขใกล้มาถึง เขาถอดถอนแก่นกายออกไป ปล่อยเธอให้เคว้งคว้างจนเหมือนชีวิตและวิญญาณถูกฉุดกระชาก

“ฟะ... เฟลม”

“สัมผัสตัวเองสิ คนสวย” เขาดึงมือเธอไปวางที่ดอกไม้งาม ออกแรงกดเพื่อให้เธอแตะต้องตัวเอง ในขณะที่เขา... แข็งขึงจนเจ็บปวด อมายาทำตามคำบอกด้วยอยากหลุดพ้นจากความทรมานนี้เสียที

เธอค่อย ๆ กดนิ้วเข้ามาในช่องรัก... ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน แต่มันกลับให้ความรู้สึกดีอย่างประหลาด

“รู้ไหมว่าตัวเอง ‘แน่น’ แค่ไหน”

อมายาหน้าแดงก่ำ สัมผัสสิ่งที่เขาบอกว่า ‘แน่น’ พลางขยับสะโพกร่อนเข้าหา นิ้วมือเรียวดึงเข้าออกช้า ๆ เฉียดเข้าใกล้ความสุขสม

เขาก้มลงมาใช้ปากครอบครองเต้างาม กักส่วนโค้งด้านล่างไว้ระหว่างฟันเรียว ใช้ลิ้นตวัดผ่านยอดสีสวย ความควบคุมตนของเธอก็ขาดสะบั้น ระเบิดน้ำหวานฉ่ำใสออกมาจนเลอะต้นขาไปหมด ความอิ่มเอมพาอมายาสั่นระริก เขมราชจึงดึงมือเรียวออกจากดอกไม้งาม แลบลิ้นเลียของเหลวทุกหยาดหยดจนหมดจด

“คุณไม่รังเกียจเหรอ” เอ่ยถามหน้าแดงปลั่ง ดูเธอจะอยากรู้อยากเห็นมากกว่าครั้งก่อนเยอะ

“ก็คิดว่าไงล่ะ”

“...”

“จะบอกให้นะ มันสกปรกน้อยกว่าน้ำคลองนิดนึง”

แต่เขากลับทำเหมือนเอร็ดอร่อย

“เลว!” อมายาทุบอกเขาพลางก้มหน้างุด เธอรักษาความสะอาดตัวเองอย่างดี ฟังแบบนี้ก็เสียความมั่นใจ หากไฟในกายกลับถูกจุดให้ลุกโชนด้วยเสียงนุ่มที่กระซิบชิดหู

“ขอโทษ”

“ทะ... ทำไม”

“มันอร่อยมากต่างหาก”

“...”

“อร่อยจนอยากกินอีก” เขาจูบเธอ ลากไล้ลงไปตามซอกคอ เนินอก หน้าท้อง อ้อยอิ่งอยู่ตรงแอ่งเว้ากลางลำตัว

“เฟลม ฉัน...”

“ฉันอะไร”

“ฉัน... สะ... เสียว”

มุมปากหยักบิดยิ้มเมื่อได้คำตอบที่พอใจ ก่อนสอดมือใต้ต้นขาสองข้างของเธอ ดันให้เปิดอ้าจนความสวยงามกลางหว่างขาแย้มบานตรงหน้าเขา

“เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้”

ลมหายใจอมายาสะท้านเฮือก ยามที่เขาถ่มน้ำลายลงกลางกลีบนุ่ม สายตาร้อนแรงที่จดจ้องเหมือนของล้ำค่านั้น ทรงพลังจนอมายาต้องปิดเปลือกตาลง

เขาลงลิ้นกลางรอยแยกสีชมพูตัดกับสีดำของกลุ่มขน ปาดเลียน้ำลายที่เกาะวาวและ ‘ดูด’ มันอย่างตะกละตะกลาม เล่นเอาเธอบิดเร่า เกร็งตัวจน ‘ตรงนั้น’ ปวดร้าวไปหมด

“ระ... เร็วอีก”

เขาช้อนตาซ่อนยิ้มขึ้นมองเจ้าของร่างงาม หากไม่ยอมทำตามโดยง่าย

“เฟลม ระ... เร็ว ขอร้อง”

เขมราชตวัดปลายลิ้นเร่งจังหวะตามคำขอ ต้นขาอมายานูนเกร็ง หายใจหอบฮักรุนแรง เขาแทบคลุ้มคลั่งเมื่อกล้ามเนื้อเธอเครียดเขม็ง จึงใช้สองนิ้วสอดเข้าไปช่วยเหลือ ขณะที่ปากเขาทำงานอย่างหนัก ทั้งเลีย ทั้งดูดสลับกับเกร็งปลายลิ้นกรีดแทรกลงไป

แนวสันหลังของเธอเหยียดตรง เพื่อยกสะโพกขึ้นจากเบาะและกระแทกกลับมาในจังหวะที่เธอระเบิดโพลงฉีดพุ่งใส่หน้าเขา เขมราชดื่มชิมของเหลวนั้นทุกหยด

“ทีนี้รู้หรือยังว่าเธอ ‘ทำ’ อะไรกับฉันบ้าง”

“...” จนตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าตัวเอง ‘ทำอะไรกับเขา’ มีแต่เขาที่เพียรสาดคลื่นหฤหรรษ์เข้ามาจนเธอไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาเองก็กำลังคุกรุ่นเช่นกัน จ้องมองเธอด้วยดวงตาหรี่ปรือราวกับจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว

“ฉันจะ ‘เอา’ เธอให้สาสมกับสิ่งที่เธอทำ”

เขมราชเคลื่อนตัวขึ้นมาอยู่เหนือร่างเธอ มือบางก็ถูกกดไว้กับเบาะ ก่อนเขาโยกตัวเล็กน้อยเพื่อให้ความเป็นชายจ่อปากทางสวรรค์ ผลักดันมันเข้ามาจนมิดโคน

อมายาหวีดร้องกับการรุกรานหนักหน่วงนั้น เขาโน้มตัวลงมามอบจุมพิตเร่าร้อนจนแทบลืมหายใจ ก่อนปล่อยเสียงคำรามสั่นสะเทือนอยู่แนบปากเธอเมื่อถึงจุดสุดยอดอย่างรุนแรง


ระหว่างรอให้การ์ดซื้ออาหารเช้าขึ้นมาให้ เขมราชล่วงเกินเธอไปอีกสามครั้ง ทั้งบนเก้าอี้ตัวเดิม ในสระ ตามด้วยในห้องน้ำตอนเข้าไปชำระคราบคาว เขานั่งเหยียดขาในอ่างอาบน้ำราคาแสนแพง แผ่นหลังกว้างพิงกับมุมอ่าง โดยอมายานั่งคร่อมในท่าหันหน้าเข้าหากัน

ความอวบหนาสองสามนิ้วแทรกเข้ามาในร่างกายเธอ หากหญิงสาวแข็งใจขยับเขยื้อน แม้เขาจะเหยียดขยายจนแทบทนไม่ได้ อยากข่วนหน้าไอ้คนมักมากให้หายแค้นใจ

“ถ้า ‘เสร็จ’ จากตรงนี้คุณจะพาฉันไปหาย่าแล้วใช่ไหม” อมายาเอ่ยถามเสียงกระเส่า ระหว่างขยับสะโพกร่อนไปตามทิศทางที่มือเขาประคองชี้นำ

“ช้าแบบนี้ น้ำหมดเหรอ”

ไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึง ‘น้ำ’ อะไร น้ำในอ่างก็ปริ่มจนกระฉอกเวลาเธอกระแทกเข้าหา กระนั้นอมายาก็เร่งจังหวะให้เร็วขึ้น หวังอย่างเลือนรางว่า มันจะทำให้เขาอ่อนแรงลงได้บ้าง

“เธอจูบมันทำไม” เขมราชเปลี่ยนหัวข้อกะทันหัน เธอตั้งตัวไม่ติด เนื้อตัวสั่นระริก

“ไม่เกี่ยวกับคุณ”

“เกี่ยว!” มือข้างที่วางพาดบนขอบอ่างคว้าหมับเข้าที่ปลายคางสวย ทุกการเคลื่อนไหวของเธอสะดุดลง “ถ้าพูดว่าไม่เกี่ยวอีกที ฉันจะเอาเธอจน ‘ฉีก’ เลยคอยดู”

อมายาจำต้องเปลี่ยนวิธีเป็นคล้อยตามเขา ค่อยขยับตัวหมุนควงความอวบใหญ่ที่แฝงในกาย

“พี่แชมป์จูบฉัน” มันคือความสัตย์จริง แต่เธอรู้ดี... คำพูดเธอมีค่าเพียงลมปาก “ไม่ใช่ฉันจูบเขา”

“แต่เธอยอมมัน”

“ฉันไม่ทันตั้งตัว”

ดวงตาเขาหรี่ลงเหมือนไม่เชื่อ

“จริง ๆ นะ” ความจริงอมายาไม่จำเป็นต้องย้ำกับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ความดุดันและโทสะในน้ำเสียงไหนจะสัมผัสที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจยามเอ่ยถึงชาวี ทำให้เธอสับสนจนไม่รู้จะทำอย่างไร

“แล้วที่ครางชื่อมัน เธอรู้ตัวไหม”

“...” หญิงสาวส่ายหน้าจนเส้นผมกระจาย ใบหน้าชื้นเหงื่อแดงก่ำเพราะความซ่านเสียว ยิ่งมอง... เธอยิ่งเหมือนเด็กสาวไร้เดียงสาจนเขาอยากขยำแล้วกลืนลงไปในท้อง จะได้มีแค่เขาคนเดียวที่ได้เห็นเธอ

“งั้นครางชื่อฉันหน่อย”

“หือ?”

“ครางเป็นไหม” เขายึดสะโพกเธอลงมา ทำให้เขาอยู่ลึกกว่าทุกครั้ง อมายาหน้าเบ้ ก่อนเริ่มเอ่ยชื่อเขาด้วยเสียงแผ่วเบา

“เฟลม...”

“พี่เฟลม” เขาแก้ให้

“ไม่” เธอจะไม่กลับไปเรียกเขาอย่างนั้นอีก ไม่... อีกเด็ดขาด

“คิดอะไรอยู่ล่ะ”

“...”

“คิดว่าฉันอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมเลยให้เธอเรียกแบบนี้เหรอ... เปล่าเลย”

“...”

“ฉันแค่คิดถึงมีน เพราะตอนฉันกับมีนมีความสุขด้วยกัน มีนครางชื่อฉันแบบนี้”

เหตุผลนี้ทำอมายาหน้าชาและเกินจะรับไหว เธอตีหน้าอกเขาแรง ๆ ไปหนึ่งทีแล้วกรีดร้องใส่หน้า

“งั้นก็ไปเอากับมันในหลุมโน่น ไอ้เลว!!!” ว่าจบก็ดันกายลุกขึ้น ทว่าเขมราชรั้งบั้นเอวเธอลงไป ความจุกเสียดเบียดแทรกขึ้นมาที่มดลูกอีกครั้งจนเธอตัวงอ หากเขาก็กระแทกตัวขึ้นมาจากด้านล่างเพื่อ ‘ครอบครอง’ เธอจนหนำใจ และแตกสลายเพื่อเธอ ครั้งแล้ว... ครั้งเล่า

หลังจากนั้นอมายาแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง เธอยอมให้เขาจับอาบน้ำ แม้ในใจเธอโกรธและเกลียดเขาเหลือเกิน เขมราชประคองเธอออกจากห้องน้ำ เพราะเขาอมายาแทบไม่มีแรง แล้วจัดการล้างแผลใส่ยาพันผ้าให้เธอใหม่

“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่อาบ คุณก็บังคับอยู่ได้” คนที่แสบแผลจนน้ำตาไหลบ่นอุบ

“จริงด้วย เธอไม่เห็นต้องอาบเลย”

“...”

“เพราะเธอหอมอยู่แล้ว”

อมายาเฉย ๆ กับคำชม คิดว่าเดี๋ยวคงตามมาด้วยคำด่า แต่ก็มีแค่นั้น...

หากเขากลับยังพยายามจะครอบครองเธออีกครั้ง ด้วยการเหวี่ยงเธอลงบนที่นอนทั้งที่เธอสวมเพียงผ้าเช็ดตัวแล้วตามขึ้นมาคร่อม

“พอ พอที”

เธอฟาดหน้าเขาไปทีหนึ่ง ก่อนถีบกลางอกเข้าให้จนเขาแทบหงายหลัง เขมราชเกือบเสียหลักแต่ก็ตีหน้าถมึงทึงจ้องมองมา

“ข้อตกลงของเราคือจนกว่าฉันจะหมดแรงนะ”

“มันเกินพอแล้ว” เธอขยับไปอยู่มุมเตียง รวบผ้าห่มมาไว้ที่อก

เกิดมาก็เพิ่งเคยพบเคยเจอคนที่ขยันกับเรื่องอย่างว่าขนาดนี้ เขาก็น่าจะรู้ว่าเธอแทบไม่มีแรง ถึงต้องให้เขาช่วยประคองออกจากห้องน้ำ

“งั้นก็รีบแต่งตัว จะได้ออกไปทานข้าว”

“หลังจากนั้นล่ะ...”

“เราก็จะกลับมาเอากันต่อ” เขาตัดความหวังเมื่อเธอชี้นำ

“แต่คุณสัญญาจะพาไป”

“เธอก็ต้องทำฉันหมดแรงให้ได้”

“งั้นฆ่าฉันให้ตาย ๆ ไปซะเถอะ รำคาญ”

“ฉันบอกแล้วไง ฉันจะไม่ยอมให้เธอตาย”

“แล้วคิดว่าฉันเป็นอีมีนเหรอ ที่จะเชี่ยวชาญจนตอบสนองคุณได้ขนาดนั้น” อมายาตอกหน้าคนไม่เคยรักษาคำพูดด้วยทนไม่ไหว

เขมราชเดินหนีไม่ต่อปากต่อคำ แท้จริงแล้วไม่อยากให้เธอรู้ว่า มีนรญาไม่เคยทำให้เขาคลั่งขนาดนี้มาก่อน อมายามองตามแผ่นหลังเขาหายออกจากประตูไป จึงปล่อยเสียงร้องไห้อย่างอัดอั้นหัวใจ น้ำตาก็ไหลราวกับสายน้ำ

เธอเกลียดเขา... เกลียดจนอยากตายไปให้พ้น ๆ


เขมราชเฝ้าฟังเสียงสะอื้นไห้ของเธอแล้วเจ็บจนลมหายใจขาดห้วง กระนั้นใจยังร้องเตือนว่าอย่าเผลอไป สิ่งที่เขาต้องการเห็นคืออมายาเจ็บปวดหมดสิ้นหนทาง อย่าได้หลงใหลได้ปลื้มกับความสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราว

อย่าทรยศมีนรญาไปมากกว่าที่เป็นอยู่นี้เลย

ฉะนั้นเมื่ออมายาเปิดประตูออกมาจึงเห็นเขายืนรอด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในมือถือถาดสเตนเลส มีแก้วพลาสติกบรรจุยาสองเม็ดกับน้ำหนึ่งแก้ววางอยู่

“ยาคุมฉุกเฉิน” เขาบอก

“...”

อมายาใจหายวาบ นึกถึงครั้งที่โดนแทงที่ตลาด เธอแวะซื้อยาคุมฉุกเฉินหลังจากมีอะไรกับเขาโดยไม่ป้องกันแต่พอโดนแทงก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลหลายวัน จากนั้นก็วุ่นกับงานศพแม่ นิกรตามรังควาน ซ้ำเขมราชยังทำให้เธอต้องติดแหง็กกับชาวีเป็นเดือน ๆ กระทั่งมาถูกเขาจองจำอยู่แบบนี้ จนเธอลืมสนิทใจ

“กินซะสิ อย่าปล่อยให้มารหัวขนมันเกิดมา”

หัวใจคนฟังหายวับ เหลือเพียงความรวดร้าวที่เต้นเร่าอยู่ในอก เจ็บปวดเพราะคำว่า ‘มารหัวขน’ มากกว่าที่ลืมกินยาคุมเสียอีก อมายาเข้าใจ... มันคงไม่น่ายินดีหากจะมีลูกกับคนที่เกลียด เธอก็แค่เผลอคาดหวัง ‘ความเป็นคน’ ในตัวเขา เผลอแค่นิดเดียว...​ แต่กลับเจ็บเหมือนหัวใจถูกกรีดแทง

“เธออยากทำร้ายเด็กด้วยการปล่อยให้เขาเกิดมาเป็นลูกอาชญากรเหรอ?”

หญิงสาวคว้ายามากระดกเข้าปาก ตามด้วยน้ำ กลืนเสร็จก็อ้าปากให้เขาดูแสดงความบริสุทธิ์ใจ เขมราชพอใจจึงหลีกทางให้เธอเดินไปยังห้องอาหาร

เพียงแค่คิดว่าต้องร่วมโต๊ะกับผู้ชายที่ท้าทายให้เธอทำร้ายตัวเอง ซ้ำยังกักขังเธอเป็นทาสบำเรอกามตลอดคืนและทั้งเช้านี้ อมายาก็เหนื่อยจนไม่อยากเดินต่อ

แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อตายไม่ได้ก็ต้องทำให้ร่างกายแข็งแรง วิธีพื้นฐานง่าย ๆ คือเธอต้องกิน! ซึ่งการ์ดตั้งโต๊ะรอเสร็จสรรพแล้ว อมายาไม่คุ้นหน้าพวกนี้เลย คงเป็นชุดใหม่ แล้วการ์ดชุดเดิมหายไปไหน จะเกี่ยวกับที่ปล่อยเธอหนีมาได้หรือเปล่า

ดนุล่ะ... ไอ้สารเลวลูกอีทรยศ มันหายหัวไปไหน คิดแล้วก็เจ็บใจจนต้องกำหมัดแน่น จังหวะที่เขมราชเหลียวหลังส่งถาดให้การ์ดที่ยืนใกล้ อมายาก็รู้สึกเหมือนทั้งโลกกำลังเหวี่ยงหมุน ร่างบางในชุดลำลองสบายตัวเซล้ม ดีที่คนหนึ่งปฏิกิริยาไวเข้ามารับไว้ได้ทัน

“ไม่เป็นไรนะครับ นายหญิง”

เธอหลับตา เกร็งตัวนิ่ง รอให้อาการวิงเวียนหายไป ก่อนส่ายหน้าให้เขา ไม่คุ้นเคยกับคำเรียกแทนว่า ‘นายหญิง’ เท่าไหร่ แต่ก็ยอมให้เขาอุ้มไปนอนบนโซฟาห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ถัดไป ทุกอย่างอยู่ในสายตาเขมราช และเขา... กำลังปะทุหนัก

อย่าว่าแต่อุ้มอมายาเลย ใครหน้าไหนที่มันกล้าแตะต้องเธอ เขาไม่เอาไว้ ไม่นานการ์ดอีกคนก็เข้าไปกระซิบนายนั่น ให้ออกมาพบนายนอกระเบียงกว้าง

“มึงทำอะไร” เขมราชมองแววตามันแล้วอยากฆ่าให้ตาย การ์ดชุดใหม่ที่ได้มาดนุไม่ได้อบรมสั่งสอนสิท่า ถึงไม่รู้ว่าอย่าทำสายตาแพรวพราวกับผู้หญิงของนาย

“ผมขอโทษครับนาย”

“แสดงว่ามึงรู้”

การ์ดหนุ่มก้มหน้าไม่กล้าพูดต่อ เขาไม่อาจยับยั้งทั้งใจและสายตาได้เมื่อเจอสาวงามถูกใจอยู่ตรงหน้า ได้แต่รอรับการลงโทษที่สาสม และใช่... เขมราชตวัดมือฟาดหน้าอีกฝ่ายไปทีหนึ่ง

ทว่าถึงจะเจ็บแค่ไหน ใจที่ภักดีก็ไม่เคยสั่นคลอน ทุกคนที่เดินตามคุณแขไขและเขมราชต่างได้รับชีวิตใหม่ที่สดใสเพราะสองป้าหลาน

แต่สิ่งที่มั่นใจในตอนนี้ คนเป็นนายคงหวงแหนนายหญิงคนใหม่มากกว่าสิ่งใด ไม่อย่างนั้นนายที่เคยปกครองพวกเขาด้วยมาดนิ่งและสุขุมคงไม่เสียอาการอย่างนี้

ก็ได้ยินจากเพื่อนร่วมงานมาว่าสองคนเคยคบกันมาก่อน ตอนนั้นฝ่ายหญิงหึงหวงหนักและพร้อมดับเครื่องชนผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้นาย

ครั้งนี้เหมือนสลับกัน... ถ้าจะให้เดา ในอดีตว่าที่นายหญิงคนใหม่คงไม่เคยทำเรื่องให้นายต้องหวาดระแวง แต่ตอนนี้มีเยอะเสียจนนายกำลังจะ ‘เป็นบ้า’


ฝั่งห้องนั่งเล่นที่อมายาพักอยู่ สามารถมองออกไปที่ระเบียงได้ เห็นเขากำลังทำร้ายการ์ดคนนั้น ไม่รู้ด้วยเรื่องอะไร แม้สงสารก็ไม่อยากยุ่ง เพราะรังแต่จะทำให้ฝ่ายนั้นโดนลงโทษหนัก เขมราชมักทำแบบนี้กับทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวกับเธอ จึงตัดใจ เดินไปห้องอาหารเสีย เพราะหิวเต็มแก่

ทว่า... กลิ่นอาหารรุนแรงเรียกอาการพะอืดพะอม จนต้องวิ่งไปโก่งคออาเจียนในห้องน้ำ แต่ไม่มีของเสียออกมา เพราะไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็นวาน

ความที่รู้ว่าตัวเองสะเพร่าเรื่องยาคุมกำเนิด อมายานึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ได้เกิดจากความเครียด

อาการคลื่นไส้วิงเวียนอย่างประหลาดรบกวนเธอมาสักพักแล้ว หน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้น เดิมทีคิดว่าเครียดจนลงพุง ประจำเดือนที่ขาดไปก็เช่นกัน

ครั้นนึกถึงสิ่งที่กลัวก็แอบหวั่นใจ... มือข้างนั้นเลื่อนลงลูบหน้าท้อง พร้อมน้ำตารินไหล สำทับของเดิมที่มันนองหน้า

ไม่ใช่หรอกน่า... เธอนึกค้านในใจ

โชคชะตาจะเลวร้ายกับเธอถึงปานนั้นเชียวหรือ

ถ้าเธอท้อง... เธอจะช่วยย่าได้อย่างไร

แล้วเธอจะเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีได้ไหม ในเมื่อเธอเอง... ก็เติบโตมาอย่างไร้คุณภาพแบบนี้

แล้วถ้าหากเธอไม่ชนะคดี ต้องเข้าไปรับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เด็กคนนี้คงไม่แคล้วได้คลอดในคุก เป็นลูกอีขี้คุก เป็นไอ้มารหัวขนที่พ่อมันไม่เคยต้องการ

อมายาร่ำไห้อย่างหมดสิ้นหนทาง ปล่อยตัวเองให้จมจ่อมกับความเศร้าสุดใจ จำไม่ได้ตัวเองอยู่ในห้องน้ำนานเท่าไหร่ หรือมีใครมาทุบประตูสั่งให้เธอออกไป กระทั่งได้ยินเสียงแปลกปลอมของใครบางคนจากภายนอก

คุณป้าแขไข...


เพราะเลขาของพาร์ตเนอร์ส่งอีเมลตำหนิคุณแขไข เหตุเพราะผู้บริหารระดับสูงไม่ปรากฏตัว มีเพียงดนุที่เป็นแค่ผู้ช่วย ถามดนุก็ได้ความว่า เขมราชบอกให้เขาล่วงหน้าไปก่อนเพราะลืมพาสปอร์ต แต่จนแล้วจนรอดก็หายหน้า ทั้งที่ต่อให้ป่วย... เขมราชก็จะไม่ยอมให้เสียงาน

ท่านรู้สึกว่าดนุปิดบังบางอย่าง แต่เค้นอย่างไรก็ไม่ยอมพูด พอคนสนิทรายงานว่าเขมราชยังอยู่ที่เพนต์เฮาส์ จึงมาเอาคำตอบด้วยตัวเอง

ทีแรก... แขไขแปลกใจ ที่นี่เต็มไปด้วยการ์ดหลายคน ทั้งที่ปกติหลานชายไม่ชอบทำตัวเด่น กลัวจะเป็นเหมือนพ่อเข้าสักวัน หากตอนนี้ เขากับวัชราก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่

แถมท่าทางเขมราชยังดูมีพิรุธ คล้ายซ่อนใครไว้ ท่านจึงหวนนึกถึงสิ่งที่มธุลินน้องสาวมีนรญาพูดไว้ ครั้งที่ไปเยี่ยมแม่หล่อนเมื่อหลายวันก่อน

‘พี่เฟลมเขาไม่ได้มาบ้านนี้นานแล้วค่ะ คงจะพานังฆาตกรหนีไปกกอยู่ที่ไหนสักแห่ง ไม่งั้นหมอชาวีจะเปลี่ยนตัวเจ้าสาวทำไมล่ะคะ เพราะยัยพี่ออยก็หายหน้าไปเกือบเดือนแล้ว คุณป้าคิดเหมือนหนูไหม’

ก็น่าคิดตามที่หล่อนว่า บ้านชาวีห่วงชื่อเสียงจะตายไป แค่ลูกแต่งงานกับคนมีประวัติอาชญากรรมก็ไม่น่าเชิดชูอยู่แล้ว เจ้าสาวคนนั้นยังมาหนีไปอีก เหตุผลก็เพียงพอที่จะต้องเปลี่ยนตัว ส่วนเขมราชเองก็ขอไปอยู่เกาะตั้งนานพร้อมโยกย้ายงานไปทำที่โน่น ได้คุยกันจริงจังก็เมื่อสัปดาห์ก่อน ที่เขาขอให้ทำบางอย่างเพื่อกำจัดวัชรา แม้จะแปลกใจว่าอะไรดลใจให้หลานชายซึ่งไม่เคยเด็ดเดี่ยวเรื่องพ่อมาก่อนทำแบบนี้ แต่ก็ยอมช่วยโดยดี ทว่าครั้งนั้น ท่านไม่ได้ถามว่าเขาอยู่กับอมายาหรือไม่

หากใจหนึ่งก็ไม่คิดว่าเขมราชจะเป็นตามที่มธุลินพูด เพราะเขารักมีนรญาและท่านภาวนาให้ตัวเองคิดผิดที่ว่าหลานมีอมายาในใจตลอดมา กระทั่งข้างหลังเขา ท่านเห็นเจ้าหล่อนเดินออกจากห้องน้ำมาในสภาพโทรม ๆ

คุณแขไขก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้... แม้จะโกรธที่อมายาฆ่ามีนรญากับหลานในท้อง แต่ถ้าเขมราชเลือกเธอไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากโกรธก็ต้องอยู่ให้ห่าง เกลียดก็ต้องหลีกให้พ้น ติดตรงที่สภาพอมายาเหมือนคนป่วย หลานตัวก็มีแต่แผลเต็มหน้า ไม่เหมือนคู่รักที่ ‘เลือก’ ที่จะอยู่ด้วยกันเสียเท่าไหร่

“ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอออกมา” ชายหนุ่มหันไปเอ็ดคนที่สร้างจังหวะนรก “พาคุณออยไปในห้อง”

“ครับนาย” ชายหนุ่มร่างสูงหน้าขรึมโค้งศีรษะรับคำสั่ง ก่อนประคองอมายาหมายใจจะพาเลี่ยงไปทางห้องนอน หากหญิงสาวขืนตัวสุดกำลัง คุณแขไขเองก็ร้องห้าม

“เดี๋ยว” เสียงท่านดั่งประกาศิต ชี้ให้อยู่คืออยู่ ชี้ให้ตายก็ต้องตาย ยากนักที่ใครจะกล้าขัด “ทำไมหนูถึงมาอยู่ที่นี่ได้”

อมายาเหลือบมองเขมราช เขาส่ายหน้าเชิงเตือนว่าเธอไม่ควรพูด เธอจึงเดาได้ว่าคุณป้าไม่ได้ร่วมมือกับเขาเพื่อกักขังกันอย่างนี้ ทั้งแววตาท่าทางท่าน ที่แม้จะเกลียดก็ไม่ได้หมายให้เธอมีอันเป็นไป ยังมีความเอ็นดูแอบแฝงอยู่ในนั้น

“เฟลมบังคับให้หนูเลิกกับพี่แชมป์”

“หุบปากเดี๋ยวนี้ออย!”

เขมราชตวาดลั่นอย่างลนลาน ทำให้คนเป็นป้าจับพิรุธได้ชัดเจนขึ้นไปอีก

“พูดต่อลูก”

“อย่านะออย!”

อมายาไม่ฟังเสียงเขา สิ่งที่เธอจะทำแน่ ๆ ถ้ามีโอกาสคือ ‘หนีเขา’ และจะไม่ปล่อยโอกาสนั้นหลุดมือไป ต่อให้ต้องรับมือกับอันตรายไม่คาดคิด ก็ยังดีกว่าทิ้งชีวิตให้จมปลักอยู่กับเขมราช

“เขาขัดขวางไม่ให้หนูสู้คดี ไม่ให้ออกไปขอความช่วยเหลือจากใครอีก ให้อยู่กับเขาเพื่อให้หนูยอมรับว่าหนูฆ่าเมียเขา ทั้งที่หนูไม่ได้ทำ”

เขมราชตัดแข้งตัดขาศัตรูทุกทาง อย่างที่ท่านเคยสอน ไม่คิดว่าจะเอามาใช้กับเรื่องนี้ ที่ว่าอมายาฆ่าจริงหรือไม่ ควรใช้กฎหมายตัดสิน ไม่ควรตั้งศาลเตี้ยลงโทษตามอำเภอใจ

“ถ้าป้าบอกว่าให้หนูไปได้ แต่แลกกับการที่หนูไม่เอาเรื่องเฟลม หนูจะยอมไหม”

นี่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของ ‘พ่อแม่รังแกฉัน’ น้อยนักที่ผู้ปกครองจะยอมรับว่าลูกหลานทำผิด ต่อให้เลวอย่างไรก็พร้อมจะกางปีกปกป้อง

“เธอไปไหนไม่รอดหรอกครับคุณป้า” เขมราชขัดขึ้น ถ้าอมายาไม่มีเขาคุ้มกะลาหัวเธอก็ตาย แต่แววตาที่เจ้าหล่อนจ้องมองเขาผ่านไอน้ำตานั้นกลับทำให้เขา... กลัว

“ป้าอยากฟังคำตอบจากปากหนูออย”

“ค่ะ หนูยอม” คำตอบเธอพาเขาปวดร้าวจนลมหายใจขาดห้วง

แต่อมายาไม่ลังเลอีกแล้ว... เธอเคยกลัวภัยจากนิกร แต่พอเขมราชลากเธอไปให้มัน มองดูเธอทำร้ายตัวเองได้อย่างเลือดเย็นแต่ไม่ยอมให้เธอตาย เพราะเขาจะทำให้เธอตายทั้งเป็นด้วยมือเขาเอง ทั้งดนุยังมาหักหลังกันแบบนี้ ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องอยู่อีกแล้ว

เธอขอไปตายเอาดาบหน้า เพราะไม่ว่าจะอยู่กับเขาหรือนิกร... มันก็ไม่ต่างกัน

“งั้นก็ไปกับป้าเถอะลูก” แขไขตรงเข้าไปจูงมืออมายา เตรียมจะพาออกไปด้วยกัน

“หยุดได้แล้วคุณป้า!” เขมราชโพล่งขึ้น เห็นสิ่งที่คุณป้าทำแล้วอยากทุบทำลายทุกสิ่งบนโลก ปรารถนาจะบีบอมายาให้แหลกคามือ

“ถ้าป้าไม่หยุด แกจะทำยังไง” คนเป็นป้าหันมองหลานชายที่ไม่ต้องสอบสวนให้มากความด้วยสายตาที่ทำเอาทุกคนสะท้านเยือก ทว่าหนนี้... เขมราชไม่ยอมอีกแล้ว

เขาหันไปดึงปืนที่เหน็บเอวการ์ดที่ยืนใกล้ ทำให้บรรยากาศมาคุเพราะคนสนิทของคุณป้าก็ชักปืนจ่อเขาเช่นกัน ทว่าปลายกระบอกปืนเขมราชกลับหันมาจ่อขมับอมายาแทน หญิงสาวสะท้านเยือกหนาวไปทุกรูขุมขน หวนนึกถึงคำที่เขาบอก ‘จะไม่ปล่อยให้เธอตาย’ แต่ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ ทำไมต้องทำให้เธอหวาดกลัวเขายิ่งกว่าภูติผีปีศาจ!

“เฟลม ใจเย็น ๆ”

“คุณป้าก็น่าจะรู้ว่าที่ผมไม่บอกเรื่องนี้กับคุณป้า เพราะมันไม่เกี่ยวกับคุณป้า”

“แต่แกจับน้องมาขังแบบนี้ คนปกติที่ไหนเขาทำกัน”

แขไขเคยคิดว่าโชคดีที่พาหลานมาจากพ่อชั่ว ๆ ตั้งแต่เจ็ดขวบ แต่สุดท้ายแรงขับเคลื่อนในตัวเขมราชก็ทำให้เขาทำตัวไม่ต่างจากพ่อนัก

ไม่ต้องพูดถึงความเกี่ยวข้องทางสายเลือด แค่อยู่กับพ่อที่เป็นอาชญากรมาหลายปีก็เพียงพอให้ซึมซับเรื่องแย่ ๆ ไว้ในก้นบึ้งหัวใจ

“เธอฆ่าเมียผม! ผมทนเห็นเธอมีความสุข ในขณะที่ผมทรมานเหมือนตายทั้งเป็นไม่ได้หรอกครับ ไหนจะคนที่ให้ความช่วยเหลือเธออีก เพราะงั้น... ถ้าคุณป้าจะพาออยไป ให้ผมฆ่าเธอให้ตายเสียดีกว่า”

“ถ้าคุณอยากยิงก็ยิงเลย” อมายาบอกเสียงเรียบ น้ำตาไหลเหมือนธารน้ำ หลายครั้งหลายหน เธอเคยสงสัยว่าความรักที่เคยมีให้กันยังหลงเหลือในใจเขาอยู่หรือเปล่า มาตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่าไม่มี แต่เธอไม่ทันได้สังเกตความเจ็บปวดในแววตาเขา

ถ้าเธอไม่พูดว่าอยากจะไปจากกัน…

ถ้าเธอยังอยากอยู่กับเขาเหมือนที่เธอพาตัวเองมายัดเยียดให้เขาตั้งแต่แรก มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ เหตุผลทุกอย่างที่เขากล่าวอ้างก็เป็นเพียงเรื่องที่สำคัญรองลงไป

เพราะตอนนี้เขาแค่ต้องการเธอ... ในฐานะอะไรยังไม่รู้ ขอเพียงเธออยู่กับเขาก็พอ หากอมายารู้ดี คนอย่างเขาไม่ปล่อยให้เธอปัดความรับผิดชอบด้วยความตาย ถ้าเธอคิดผิด แล้วเขาจะยิงกัน... เธอก็ยอม

“ถ้าไม่ฆ่าฉันตอนนี้ คุณจะไม่มีโอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง”

เธอหันมองเขา ปลายปืนที่เคยจ่อขมับตรงกับกลางหน้าผากเธอพอดี สีหน้าเผือดสีของเขมราชด้านหลังปืน ผลักดันให้อมายากระตุกยิ้มเยือกเย็น เขาก็แค่หมาอ่อนแอที่กำลังจะแพ้ และสูญเสียสิ่งที่เคยคิดว่าเป็นของตน ทว่า หมาตัวนี้เอาแต่เห่าสู้ ไม่กล้ากัด!

สองเท้าของอมายาจึงก้าวจากไปอย่างมั่นคง ทุกก้าวที่เธอเดินไปจากกัน เหมือนเตะหัวใจเขมราชไปด้วย ทั้งเตะ ทั้งเหยียบ จนไม่เหลือชิ้นดี...

คุณแขไขทึ่งในความเด็ดเดี่ยวของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่เหลือทางไป ขณะเดียวกันก็อ่อนใจกับหลานชายเหลือเกิน

ชั่วชีวิตท่าน เคยได้ยินแต่คนพูดกันว่า ความโกรธแค้นมีแต่จะทำลายตัวเอง ไม่คิดว่าเกิดขึ้นกับหลานชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ

เขมราชทั้งเสียการควบคุมตน

ทั้งไม่เป็นตัวเองและหมดความน่าเกรงขาม

และนั่นอาจมาจากสิ่งที่ขัดแย้งกันภายในใจเขาด้วย เพราะท่านรู้ว่าเขาอยากรั้งอมายาไว้แค่ไหน แต่ความรู้สึกผิดต่อมีนรญา ความกลัวที่จะยอมรับ ‘หัวใจตัวเอง’ คอยฉุดรั้งเขาไว้ สิ่งที่แสดงออกมาจึงผิดไปหมด

ทว่าตอนนั้นเอง...

“ออย!!!”

18

ถ้าคุณไม่อยากเก็บไว้

เขมราชโผเข้าตระกองกอดอมายาที่ล้มพับลงกับพื้นเหมือนต้นไม้ถูกโค่น ไม่มีสิ่งใดผ่านเข้ามาในตา หรือเสียงใดวิ่งผ่านหู เขมราชตะโกนลั่น สั่งคนหายาดมมาให้เธออย่างลนลาน คุณแขไขจึงไม่สงสัยความรู้สึกของหลานอีกต่อไป

“พาไปโรงพยาบาลดีไหมเฟลม”

“ไม่ครับ” เขากลัวท่านพาเธอหนีไป หรือไม่... ถ้าเธอตื่นขึ้นมาแล้วหายไป เขาจะทำอย่างไร “ออยไม่เป็นไรหรอกครับคุณป้า เขาแค่ไม่ได้ทานข้าวเช้า กับเมื่อคืนนอนดึก”

เขมราชคิดแล้วหงุดหงิดตัวเอง เพราะตัณหาของเขาแท้ ๆ อมายาถึงเป็นอย่างนี้

“รักเขาก็ต้องให้เขาได้รับการดูแลที่ถูกต้องนะ”

“รักเหรอ” เขาเยาะ “ผมแค่ไม่อยากให้เธอตายก่อนจะได้รับโทษเท่านั้นครับคุณป้า ผมขอร้องนะครับ กลับไปก่อน ผมขอจัดการเรื่องออยเอง”

คนเป็นป้าถอนหายใจ แต่ถือคติน้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ ท่านจึงให้สัญญาณคนสนิทให้พาออกไป พอก้าวขึ้นมานั่งในรถซีดานสีเมทัลลิกได้ ก็สั่งด้วยเสียงเรียบนิ่ง

“ส่งข้อความหานุว่าเสร็จงานแล้วให้มาพบฉัน เห็นทีต้องคุยกันเรื่องนี้เสียหน่อย”

“ครับนายหญิง” คนสนิทรับคำสั่ง ก่อนพยักหน้าส่งสัญญาณคนรถให้ขับออกไป ด้านเขมราชอุ้มอมายาไปนอนบนเตียงกว้าง คอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เธอ

เห็นใบหน้าสวยหวานไร้พิษภัยตอนหลับแบบนี้ พาให้เขาแปลกใจเหลือเกินว่า อมายาเอาความกล้าบ้าบิ่นมาจากไหน แม้แต่ความตาย... เธอก็ไม่เคยกลัว

“ตอนนี้จะกลายเป็นฉันซะมากกว่า ที่จะบ้าตายเพราะเธอ”

มือหนาเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้า ใจเขามีความสงสารและโกรธแค้นบรรจุอยู่ ทั้งที่อยากจูบเธอแทบแย่ แต่ก็อยากฆ่าเธอให้ตายเหมือนกัน

หากสุดท้ายก็เลือกผละออกมา ด้วยความรู้สึกเหล่านั้นมันมากมายเกินต้านไหว ก่อนเขาจะสั่งให้ลูกน้องเรียกเฮลิคอปเตอร์จากโกดังคุณป้ามาพากลับไปที่เกาะ ไม่อยากให้อมายาใช้เวลาเดินทางนาน ๆ ทั้งที่ไม่สบาย แม้ก่อนหน้านี้ เขาไม่กล้าใช้ด้วยกลัวคุณป้าจะสงสัย แต่ในเมื่อท่านรู้เรื่องทั้งหมดแล้วก็ไม่จำเป็นต้องกลัว แม้จะรู้ว่าถ้าคุณป้าสอดมือเข้ามา ทางเดินของเขาจะไม่ราบรื่นอีกต่อไปก็ตาม

* * *

อมายารู้สึกตัวพร้อมได้ยินเสียงคลื่นลมที่คุ้นเคย พอลืมตาขึ้นก็เห็นเพดานของห้องที่เคยอยู่ น้ำตาก็พรั่งพรูเกินห้ามไหว เพียงแค่คิดว่าต้องเค้นพลังชีวิตทุกหยาดหยดมารับมือกับความเลวร้ายของเขมราชต่อไป เธอก็เหนื่อยแม้ยังไม่ทันได้ออกแรง

มีเพียงเจ้าส้มที่โดดขึ้นมาคลอเคลียที่ช่วยบรรเทา

“คุณออย อย่าร้องไห้เลยนะคะ” เสียงของเพลงดังขึ้น ก่อนร่างบางรีบเดินเข้ามาใช้ชายเสื้อซับน้ำตาให้ หากอมายาปัดออกไป เพราะเธอไม่รู้ว่าจะไว้ใจใครได้อีก

เพลงเข้าใจดีว่าเธอรู้สึกอย่างไร ทว่าอมายากำลังเข้าใจผิด หล่อนเล่าว่าตนกับดนุไม่ได้หักหลังเธอ เพียงแต่เขมราชรู้ทันอยู่แล้ว เขาหลอกให้ดนุไปต่างประเทศเพียงลำพัง ดนุโทร. หาเขมราชก็ไม่รับ ฝ่ายนั้นจึงติดต่อหล่อน ให้เตือนการ์ดที่ติดตามอมายา

แต่ก็สายเกินไป เพราะเขมราชก็ร่วมมือกับพวกนั้นหักหลังดนุอีกที แต่ที่พวกนั้นถูกเปลี่ยนยกชุดก็เพราะปล่อยให้ชาวีเข้าถึงตัวเธอ

“แต่คุณนุบอกว่าจะไม่ถอดใจ เขาจะช่วยให้ถึงที่สุดค่ะ”

ถึงอย่างนั้นก็คงไม่เต็มที่ เขมราชรู้แล้วว่าดนุให้ความช่วยเหลือเธอ เขาห้ามไม่ให้ดนุมาที่เกาะอีก ส่วนเพลง หล่อนถูกขับออกไปอยู่ที่อื่นเป็นการลงโทษ แต่ที่ยังอยู่ตรงนี้ ก็เพื่อดูแลอมายาจนกว่าจะหายดี

“ฉันไม่เคยเห็นใครชั่วช้าสารเลวเท่าเขามาก่อน”

อมายาเค้นเสียงลอดไรฟันด้วยความแค้นเคือง นึกอยากสับเขมราชเป็นชิ้น ๆ แต่ครั้นจะเดินออกจากห้องนี้ยังไม่ได้เลย เพราะโซ่เส้นเดิมมันกลับมาล่ามขาเธออีกหน

“เธอแจ้งตำรวจให้ฉันหน่อยได้ไหม ฉันไม่อยากอยู่กับเขาแล้ว เธอช่วยฉันด้วยนะ” นึกถึงตอนที่เขาเอาปืนจ่อหัวแล้วอมายาก็ลนลานตัวสั่น ตอนนั้นเธอกลัว... แต่ใจอยากจะไปมีมากกว่า

“เพลงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกคุณออย”

“ทำไมล่ะ เธอไม่สงสารฉันเหรอ”

“แบบนั้นเพลงกับครอบครัวจะเดือดร้อนนะคะ”

อมายาร่ำไห้อย่างสิ้นหวัง เธอเข้าใจในจุดยืนของเพลง แล้วจะหวังพึ่งใครได้เล่า ขนาดคุณป้าแขไขยังไม่อาจพาเธอออกไปจากเขาได้เลย หรือเธอต้องติดอยู่ที่นี่ และสุดท้ายก็ต้องถูกพิพากษาจำคุกกับความผิดที่ไม่ได้ก่อ ด้วยมั่นใจเหลือเกินว่า เขมราชจะไม่ปล่อยให้เธอไปตามนัดศาล หากนั่นยังไม่ใช่สิ่งที่อมายาเป็นกังวลที่สุด

“แล้วเขาอยู่ไหน”

“ช่วยคนงานเก็บมะพร้าวค่ะ” เพลงไม่ได้บอกว่าเมื่อคืนอมายาไข้ขึ้น คนเป็นนายเฝ้าเธอทั้งคืน เพราะฝ่ายนั้นขอไว้ไม่ให้บอก

ด้านอดีตว่าที่นายหญิงกำลังคิดว่า นี่เป็นโอกาสดีหากจะทำอะไรสักอย่าง เพลงเคยบอกว่าจากตรงนี้ไปเกาะใหญ่ที่นักท่องเที่ยวชอบไปกันใช้เวลาสิบกว่านาที ไปกลับก็น่าจะครึ่งชั่วโมง

“เพลง ช่วยไปซื้อที่ตรวจครรภ์ให้หน่อยได้ไหม”

พูดไปน้ำตาก็ไหลนอง ด้วยใจเธอนั้นคิดไปไกลจนหวาดกลัว

เพลงพยักหน้าให้พร้อมบีบมืออมายาอย่างเข้าอกเข้าใจ ครั้งที่เพลงสงสัยว่าตนตั้งท้องกับไอ้ธาม หล่อนก็กลัวไม่ต่างกัน ตอนนั้นธามเลวร้ายเกินรับไหว ทั้งเล่นพนัน ทั้งค้ายา มั่วผู้หญิง หล่อนเก็บเด็กไว้ก็หวั่นใจว่าโตขึ้นแล้วจะเป็นอย่างพ่อมัน


อมายาให้เพลงมาตามเขมราช ทั้งที่เขาไม่อยากเห็นหน้า... ยิ่งเห็นยิ่งนึกถึงสิ่งที่เธอทำเพื่อหนีจากกัน แต่เพลงย้ำว่าเป็นเรื่องสำคัญ จึงวางมือจากงานแล้วกลับมาที่บ้าน เห็นอมายานั่งบนเตียงพร้อมน้ำตาไหลนอง ใจเขาก็หวิวโหวงแปลก ๆ

สิ่งที่เขาคิดตอนนี้ คือเธอโกรธเรื่องที่เพนต์เฮาส์กับผิดหวังที่ไม่สามารถไปจากเขาได้ คงจะอยากต่อรองอะไรอีกนั่นแหละ

“เสี้ยนเหรอ ถึงได้ตามให้ฉันมาเอากลางวันแสก ๆ” ถึงจะรู้แต่ก็อดปากเสียไม่ได้

อมายาจ้องมองเขาด้วยแววตารวดร้าว ทั้งที่เขาทำกับเธอขนาดนั้น ยังมีหน้าพูดจาก่อกวนทำหน้าตาระรื่น หัวใจเขาทำด้วยอะไร เขายังเป็นคนอยู่หรือเปล่า เธอคิดแล้วก็ปาแท่งแบนเล็กสีขาวใส่หน้าเขาอย่างแรง

เขมราชลูบหน้าตัวเอง ทั้งที่เขาเก็บของอันตรายไกลมือเธอแล้วแท้ ๆ ยังไม่วายเจ็บตัว แต่พอมองแท่งพลาสติกบนพื้น ใจเขาถึงกับกระตุก

“นี่มัน...”

อมายากลืนก้อนสะอื้นที่แทบจะฝืนไม่ไหว เธอเหมือนนักรบที่ใกล้ตาย หากยังต้องรักษาลมหายใจสุดท้ายเพื่อสิ่งที่ ‘สำคัญ’ กว่าชีวิตตัว

“ฉันท้องกับคุณ”

ไม่ปล่อยให้เขาถามว่า ‘ท้องกับใคร’ เพราะเท่านี้ก็เจ็บจนไม่รู้จะเจ็บอย่างไรแล้ว

เขมราชก้มลงเก็บที่ตรวจครรภ์ มือไม้สั่นไปหมดตอนเห็นว่ามันขึ้นสองขีดชัดเจน ก่อนมองหน้าเธออย่างไม่อยากเชื่อ หัวใจเต้นรุนแรงคล้ายจะทะลุออกมานอกโพรงอก

“ท้องได้ยังไง”

“ที่คลับ”

“...”

“คุณไม่ได้ใส่ถุงยาง”

“เธอตั้งใจปล่อยให้ตัวเองท้องตั้งแต่ตอนนั้นใช่ไหม”

อมายากลั้นสะอื้น... เธอไม่แปลกใจกับคำถามแต่เธอเจ็บ

“รู้อะไรไหม คืนนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจไปหาคุณ”

“...”

“ไอ้นิกรมันจะปู้ยี่ปู้ยำฉันที่นั่น แม่ช่วยฉันหนีได้ แต่พวกมันก็ดักทางออกทุกทาง จนฉันไปเจอห้องคุณที่เปิดประตูทิ้งไว้ ก็เลยเข้าไปซ่อนในนั้น แต่คุณก็เมาเหมือนหมา...”

หมาที่บอกว่าจะปกป้องดูแลเธอ

หมา... ที่นอนกับเธอเพราะคิดว่าเธอคือผู้หญิงอีกคน

อมายาสะอื้นไห้ ละไว้เท่านั้นก่อนแหงนมองเพดานผ่านม่านน้ำตา ไม่อยากลงลึกด้วยปวดใจเกินรับไหว เพราะเธอให้เขาทั้งตัวทั้งใจ ในขณะที่เขาเห็นเธอเป็นอีกคน

“ไม่อยากเชื่อว่าหมาตัวนั้นจะได้เป็นพ่อของลูกฉัน” อมายารับรู้ได้ว่าหัวใจเต้นช้าลง คล้ายว่าเธอจะตายได้ทุกเมื่อ

เธอเคยจินตนาการว่า สามีคงดีใจที่ได้รู้ว่าจะมีลูกด้วยกัน ไม่เคยคิดว่าจะเป็นแบบนี้... แบบที่เธอรู้อยู่แล้วว่าพ่อของลูกไม่ต้องการ

“ฉะ... ฉันไม่เคยรู้มาก่อน” ด้วยความสัตย์จริง คืนนั้นดนุบอกจะไปหาผู้หญิงมาบริการ พอกลับมาก็เห็นห้องเขาถูกล็อกจากด้านในเลยคิดว่าเขากำลัง ‘สนุก’ เขาเองพอตื่นแล้วเห็นอมายา ก็คิดว่าตนตกหลุมพรางเธอเข้าแล้ว และปักใจเชื่อแบบนั้นเสมอมา

“ก็ไม่แปลก เพราะคุณไม่เคยฟังฉันเลย แต่คุณจะเชื่อหรือเปล่าก็เรื่องของคุณ ที่ฉันจะพูด ก็คือฉันไม่เคยคิดจะจับคุณ เพราะหลังจากนั้นฉันไปซื้อยาคุม แต่ก็โดนแทงซะก่อน แล้วก็มีเรื่องเข้ามาไม่หยุดจนฉันลืมสนิท พอคุณเอามาให้กินที่เพนต์เฮาส์ ฉันถึงนึกขึ้นได้”

“...”

“แล้วฉันก็ไม่เคยมีอะไรกับพี่แชมป์หรือผู้ชายคนไหน ฉันมั่นใจว่าเขาเป็นลูกคุณ”

อมายาเบือนหน้าไปทางอื่น ไม่อยากเห็นว่าเขามีสีหน้าไม่ยินดี เพราะมันชัดเจนอยู่ในจินตนาการแล้ว แต่อมายาไม่ทันได้มองว่าประกายปลาบปลื้มแวบเข้ามาในดวงตาที่เธอหวาดกลัว

เขาดีใจที่ได้รู้ว่าเด็กเป็นลูกเขา และเธอไม่เคยเป็นของใคร... นอกจากเขาแต่ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไร อมายาก็ยังเป็นคนที่พรากลูกคนแรกไปจากเขาอยู่ดี เขาควรทำอย่างไร ใจหนึ่งก็รู้สึกผิดกับเมียและลูกที่จากไป อีกใจ... ก็บรรจุความห่วงใยหวงแหนเมียกับลูกที่อยู่ตรงหน้า หากเขาก็ไม่ต้องการให้เด็กคนนี้คลอดในคุก ไม่อยากทำร้ายลูกด้วยการปล่อยให้เขาเกิดมาแล้วได้ชื่อว่ามีสายเลือดฆาตกร

ในชั่วขณะที่เขมราชสับสนอยู่นั้น อมายาที่ตัดสินใจบอกเรื่องลูกเพราะกลัวเขาทำรุนแรงเหมือนตอนอยู่เพนต์เฮาส์ด้วยไม่รู้ต้องติดอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่ ก็ตัดสินใจเรื่องที่ลังเลได้เสียที

“ถ้าคุณไม่อยากเก็บเด็กคนนี้ไว้ ฉันจะเอาออก”

“อะไรนะ!!!” เหมือนโลกทั้งใบถูกเหวี่ยงเข้าหน้าเขมราชจนล้มตึง มองดวงตาแม่ของลูกแล้วก็อยากจะเขย่าเธอให้หัวหลุด เพราะแม้จะมีน้ำตา ทว่าแน่วแน่จนเขา... กลัว

“เพลงรู้จักคลินิกทำแท้งในเมือง เธอจะพาฉันไป--”

“เลิกพูดจาโหดร้ายแบบนี้ได้แล้ว!” เขมราชกระชากไหล่บางอย่างเหลืออด

อมายาสะอื้นไห้ปริ่มขาดใจ มือน้อยลูบหน้าท้องอย่างหวงแหน วินาทีที่รู้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตในท้อง หัวใจเธอพองโตอย่างไม่เคยเป็น หากเดี๋ยวเดียวก็ห่อเหี่ยวลง เพราะความจริงที่ว่าเขากำลังจะเกิดมาอยู่ตรงกลางระหว่างความรักและความเกลียดชังเหมือนตัวเธอมันไล่ตามมาติด ๆ

“คุณคิดว่าฉันไม่เสียใจเหรอ เด็กคนนี้เขาเป็นลูกฉันเหมือนกัน แต่เขาไม่ใช่ลูกอีมีนนะ คุณอย่าลืม... เขาเป็นลูกฉัน เป็นลูกฆาตกร คนที่คุณเอาปืนจ่อหัวได้โดยที่ไม่รู้สึกอะไร คนที่คุณอยากฆ่าวันละหลาย ๆ หน แล้วจะเก็บเขาไว้แทงใจทำไม หรืออยากทำกับเขาเหมือนที่พ่อคุณทำกับคุณ? แบบนั้นสู้ทำให้เขาตายไปซะตั้งแต่ตอนนี้ยังดีซะกว่า”

“เขาก็เป็นลูกฉันด้วย ออย” วัชราไม่เชื่อว่าเขาเป็นลูก ต่างกับเขาตอนนี้ “ยังไงเขาก็มาอยู่กับเราแล้ว ฉันจะไม่ยอมเสียเขาไป ไม่ว่าเขาจะเกิดจากแม่คนไหนก็ตาม”

“พอ อย่ามาทำตัวเป็นคนดีตอนนี้” เธอผลักเขาออกสุดแขน ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าตัวเองจะชนะคดี ต่อให้ไม่ผิด อย่างไรเสียถ้าเธอพ่ายแพ้ด้วยจำนนต่อหลักฐานพวกนั้น คนทั้งโลกก็คงรุมประณาม ลูกที่อยู่กับพ่อเขาก็ต้องรับความเกลียดชังแทนแม่อย่างเธอ จนกลายเป็น ‘ลูกชัง’ อย่างที่เธอต้องทนมาตลอดชีวิต

อมายายอมไม่ได้อีกแล้ว!

“เธอเลือดเย็นเกินไปแล้วออย ลูกตัวเองทั้งคน”

“เลือดเย็นเหรอ คนอย่างคุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดว่าฉันเลือดเย็น คนที่เอาปืนจ่อหัวฉัน ทำกับฉันเหมือนหมูเหมือนหมา มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าฉันเลือดเย็น!”

“ก็เธออยากจะไปจากฉันก่อนทำไม ถ้าเธอไม่ฟ้องคุณป้า ฉันจะทำแบบนั้นกับเธอเหรอ”

“ก็ฉันไม่ได้อยากอยู่ตั้งแต่แรกไง!”

“...” พอได้รู้ว่าที่คลับคืนนั้น อมายาไม่ได้ตั้งใจเข้าหากัน เชมราชก็หาเหตุผลมาเถียงกับเธอไม่ได้ แต่ที่ยังค้างคาอยู่ในใจ คือเธอฆ่าคนอื่นทำไม ในเมื่อเธอไม่ต้องการกัน

“คุณปล่อยฉันไปเถอะนะ”

อมายาขอร้องน้ำตาไหลนอง ต่อให้เค้นพลังชีวิตออกมาสู้ทุกหยาดหยด ก็รู้ดี... ไม่มีวันชนะเขา การขอร้องก็ไม่ได้ช่วยอะไร แต่มันเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เธอมีอยู่

“ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้... ฮือ ๆๆ ไม่อยากเลยสักนิด”

“แต่เธอต้องอยู่!” คำขาดของเขาทำให้อมายาสะอึก

“...”

“เธอต้องอยู่กับฉัน ห้ามทำให้ลูกเป็นอันตราย ห้ามเอาลูกฉันไปตกระกำลำบากที่ไหนเป็นอันขาด”

“แม่งกล้าพูดเนอะ ทั้งที่ตัวเองระยำกับฉันขนาดนั้น ยังคิดว่าที่นี่ไม่ลำบากเหรอ แล้วหวังให้ฉันสมัครใจอยู่กับคุณต่อไปเนี่ยนะ ฉันไม่เอามีดบั่นหัวคุณก็บุญแค่ไหนแล้ว”

“ฉันกล้ามากกว่าที่พูดอีก เธอก็น่าจะรู้” เขากระชากเธอเข้ามาอย่างโกรธขึ้ง เพิ่งรู้ว่าเธอเข้าใจอะไรยากก็เดี๋ยวนี้ ด้านอมายาที่อารมณ์ขึ้นถึงกับชะงัก เพราะแววตาเขาเหมือนสัตว์ร้ายที่ทอประกายอยู่ในความมืด

“ฉันจะเอาเด็กไว้ ได้ยินไหมออย ห้ามเธอทำอะไรเขาทั้งนั้น ไม่งั้นฉันจะ--”

“จะฆ่าฉันเหรอ”

“...”

“เอาสิ อยากตายไปให้พ้น ๆ อยู่เหมือนกัน”

“ฉันจะทำให้เธอท้องซ้ำ ๆ จนเธอเหนื่อยที่จะแท้งไปเลย อยากรู้เหมือนกันว่าฉันที่ทำแค่ทับเธอทุกวัน ทั้งวัน ทั้งคืน กับเธอที่ต้องท้องแล้วก็แท้งบ่อย ๆ ใครมันจะทนไม่ไหวก่อนกัน”

“ไอ้สารเลว!” อมายากรีดร้องใส่หน้าเขา ทุบตีอย่างบ้าคลั่ง แต่หนนี้เขมราชอยู่เฉยให้เธอทำจนสาแก่ใจ ใบหน้าหล่อเหลาถูกข่วนจนแดงเป็นเส้น ๆ เธอทั้งตบ ทั้งข่วน คว้าอะไรได้ก็ปาใส่เขาถึงแม้จะเป็นแค่หมอนก็ตาม

พอหมดแรง เธอทรุดลงนั่งน้ำตานอง จนปัญญาที่จะต่อสู้ขัดขืน จะฝืนใจอยู่ต่อก็ทรมานเกินไป อยากอาละวาดให้บ้านพังไปทั้งหลัง หรืออย่างน้อย... ได้ทำอะไรให้เขาระคายใจบ้างก็น่าจะดี

“ฉันเกลียดคุณ ฮึก... เกลียดจนไม่อยากเห็นหน้า คุณออกไปให้พ้นจากห้องฉันเดี๋ยวนี้เลยนะเขมราช ออกไป”

เขมราชใจสั่นทั้งที่มันกำลังเต้นช้าลง คำว่า ‘เกลียด’ เธอย้ำกับเขาหลายครั้งจนแทบจะแบกมันไม่ไหว รู้แล้วว่าเธอไม่อยากอยู่ รู้แล้วว่าเธออยากจะไปหาใครอีกคน สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้ แค่ให้เธอเก็บเด็กคนนี้ไว้ ถึงเป็นความผิดพลาด แต่เขาก็ ‘รัก’ ชีวิตในนั้น ตั้งแต่วินาทีที่รู้ว่าเป็นเลือดเนื้อตัวเอง เขมราชย่อคุกเข่าลงข้างหนึ่ง สองมือจับไหล่บางอย่างเบามือ ค่อยเอ่ยกับเธอแบบตั้งใจทุกคำ

“ดูแลตัวเองกับลูกให้ดี ถ้าคลอดเมื่อไหร่ลูกจะเป็นของฉัน แต่ฉันจะไม่ยอมให้เด็กคนนี้มีแม่เป็นฆาตกร เขาจะรู้แค่ว่ามีนเป็นแม่เขา และแม่ได้ตายไปแล้วด้วยฝีมือของผู้หญิงที่ชื่ออมายา”

“จิตใจคุณทำด้วยอะไร ฮะ?”

ใจเขามันก็ยังคงเป็นหัวใจ มีเลือดเนื้อและความรู้สึกเหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่เขาไม่รู้จะทำอย่างไร ให้อยู่กับเธอและลูกเหมือนเธอไม่เคยทำเรื่องร้ายแรงต่อกัน เขาทำไม่ได้ และถ้าลูกรู้... ว่าเกิดจากความแค้นที่พ่อมีต่อแม่ หาใช่ความรักและตั้งใจ ก็คงเสียใจจนกลายเป็นเด็กมีปม นี่คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเรา

อมายาปิดหน้า ร่ำไห้จนคล้ายจะหายใจไม่ทัน การบอกเรื่องลูกให้ผลดีต่อความเป็นอยู่ต่อจากนี้ก็จริง แต่สร้างผลร้ายระยะยาว เพราะต้องเสียลูกให้เขา ต้องจากเป็นซึ่งทรมานกว่าจากตาย ยังไม่นับที่เขาจะทำให้เธอเป็นผู้ร้ายในสายตาลูก ย้ำแผลใจเธอให้ลึกลงช้า ๆ ในทุก ๆ วัน จนดูเหมือนมันจะไม่มีวันหาย

“เธอจะว่ายังไงก็ช่าง คำพูดของฉันถือเป็นคำขาด พอเธอคลอดแล้ว เธอจะไปหาไอ้แชมป์หรือไปอยู่ที่ไหนทำอะไรก็เรื่องของเธอ ฉันไม่สนใจอีกแล้ว”

มาจนตอนนี้ เธอยังยืนยันว่าไม่มีใครที่จะโหดร้ายเลือดเย็นเท่าเขาอีกแล้ว

“งั้นระหว่างที่ลูกอยู่ในท้องฉัน เขาก็เป็นสิทธิ์ของฉันจริงไหม”

“...”

“เพราะงั้น... คุณห้ามแตะต้องตัวฉัน ห้ามแตะต้องลูก ห้ามทำอะไรให้ฉันไม่สบายใจ ต้องตามใจฉัน แล้วก็ให้ฉันทุกอย่างที่ฉันต้องการ”

“เรียกร้องมากเกินไปแล้วนะออย”

“ไม่มากหรอกถ้าแลกกับลูกในท้อง” ถ้าเขายอมทำทุกอย่างเพื่อเด็กคนนี้ ก็อาจเป็นไปได้ว่าเขาจะไม่ทำกับลูกเหมือนที่พ่อเธอทำกับเธอ

ด้านเขมราชกลืนน้ำลายลงคอ เพราะจ้องตาเธอแล้วระลึกถึงตอนเธอทำร้ายตัวเอง หรือแม้แต่ที่บอกให้เขายิงได้ถ้าเขาต้องการ เขากลัวขึ้นมาเสียอย่างนั้นว่าถ้าขัดใจแม่ของลูกขึ้นมา จะเกิดความสูญเสียที่เขาไม่อาจรับไหว จึงตกปากรับคำ

“ได้”

“ทุกอย่างที่ฉันต้องการ”

“ทุก - อย่าง - ที่ - เธอ - ต้อง - การ” เขาทวนชัดถ้อยชัดคำ “มีอะไรอีกไหม”

“ไม่มี จะไปตายที่ไหนก็ไป”

ว่าแล้วเธอก็เสมองทางอื่น แต่เขมราชจับใบหน้าเธอแล้วจูบด้วยอดใจไม่ไหว เขาอยากทำแบบนี้ตั้งแต่วินาทีที่รู้ว่ามีเลือดเนื้อของเขาอยู่ในครรภ์ อยากทำแบบนี้ทุกวันกับเธอในฐานะสามีและในฐานะพ่อของลูก

แม้เธอกับเขาเหมือนเส้นขนาน แต่ขอให้เขาได้ทำตามใจตัวเองบ้าง... แค่เพียงไม่กี่นาที เขายอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้เวลาเหล่านั้นมา แต่อมายาไม่เคยต้องการ! เธอออกแรงผลักสุดกำลังจนเขาหงายหลัง ส่วนตัวเองก็ลื่นลงจากเตียงลงไปนั่งแปะกับพื้น

“คุณจะลองดีกับฉันใช่ไหม!”

เธอกรีดเสียงไม่พอใจ แต่เดี๋ยวเดียวใบหน้าก็เหยเก เนื่องเพราะอาการเจ็บเสียดตรงท้องน้อยที่มันรุนแรงขึ้นอย่างกะทันหัน จนสองมือต้องบีบมันไว้แต่ไม่ได้ช่วยบรรเทา

“ออย เป็นอะไร” เขมราชใจหายวาบ เข้าช่วยประคองแต่ร่างเล็กโก่งตัวนอนคุดคู้ด้วยความเจ็บปวด แม้ใจอยากผลักไส แต่เธอจำต้องไขว่คว้าเขาไว้ด้วยทรมานสุดใจ

“ปะ... ปวดท้อง”

สายตาเขมราชเหลือบไปเห็นเลือดสีแดงฉานที่ซึมตรงเป้ากางเกงเธอ ค่อย ๆ กระจายเป็นดวงใหญ่ เขมราชแทบเสียสติ อมายาบีบมือเขา สะอื้นไห้เสียงขาดห้วง ทรมานในความรู้สึกจนถูกอาการคลื่นไส้เล่นงานพร้อมกัน

“ช่วยด้วยนะ ช่วยลูกด้วย เฟลม”

ที่เคยไล่ให้เขาไปตาย... อมายาลืมเสียสิ้น นาทีนี้เด็กในท้องสำคัญกว่าใคร ด้านเขมราชบีบมือเธอ เห็นหน้าซีดเซียวแล้วเหมือนเขาจะหยุดหายใจ

“ออยกับลูกจะต้องไม่เป็นไร” พอจะผละออกเพื่อไขโซ่ อมายาก็ไม่ยอมปล่อย ด้วยใจเธอหวาดกลัวเหลือเกิน “พี่สัญญา”

ในนาทีแห่งความเป็นความตาย ‘คำมั่นสัญญา’ คือสิ่งเดียวที่ทำให้เธอยังมีหวัง เขมราชจึงรีบไขโซ่ ไม่เคยเห็นมันแล้วปวดใจเท่านี้มาก่อน ถ้าช่วยเธอกับลูกไม่ทันเพราะเขาล่ามเธอไว้... แค่เกลียดตัวเองจนตายคงไม่สาสมกับสิ่งที่เขาทำลงไป

ชายหนุ่มอุ้มอมายาออกมาจากในบ้าน ร้องขอความช่วยเหลือจากใครก็ได้ที่ได้ยิน พร้อมหัวใจที่ใกล้สลายเต็มแก่

เธอมองพ่อของลูกผ่านม่านน้ำตา ดีใจที่เขมราชห่วงใยเด็กคนนี้ทั้งที่เป็นแค่ ‘ลูกฆาตกร’ ในสายตาเขา เธอเองก็ห่วงลูกไม่ต่างกัน เพราะอย่าว่าขั้นทำแท้งเลย เท่านี้ใจเธอก็เหมือนถูกบิออกเป็นชิ้น ๆ


เขมราชไม่รู้ว่าตัวเองขับเรือเร็วแค่ไหน ใจห่วงแต่พาอมายาไปหาหมอให้เร็วที่สุด เพราะทุกครั้งที่เธอร้องว่าเจ็บ เหมือนมีคนเอาเท้ามาเหยียบอกเขาให้เจ็บกว่าหลายเท่า กระทั่งถึงโรงพยาบาลบนเกาะที่มีชื่อเดียวกับชื่อตำบล ก็ทนรอเจ้าหน้าที่เปลไม่ไหว ชายหนุ่มอุ้มเธอไปวางบนเตียงในห้องฉุกเฉินอย่างร้อนรน

เขาไม่อยากสูญเสียอีกแล้ว ไม่ว่าจะแม่หรือลูก...

“ไม่เป็นไรแล้วนะ ถึงมือหมอแล้ว ออยกับลูกต้องปลอดภัย” ก่อนจะถูกให้ออกไปรอด้านนอก เขาลูบใบหน้าชื้นเหงื่อของเธอแล้วจูบหน้าผากปลอบโยน หลงลืมความแค้นและความเกลียดชัง เหลือเพียงความห่วงใยที่บรรจุจนเต็มแน่นหัวใจ

อมายาไม่มีแก่ใจสงสัยในการกระทำ มีเพียงความรู้สึกเจ็บและความกลัวในหัวใจ หากลูกมีอันต้องเป็นไป คนที่ต้องรับผิดชอบคือเขา

แน่นอน... ต่อให้เขมราชจะยอมตายตรงหน้า ก็ไม่อาจชดใช้ในสิ่งที่เขาทำ

เขมราชเดินวนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ตามเสื้อผ้า แขนและใบหน้ามีเลือดเปื้อนอยู่ แต่ไม่ใส่ใจจะชะล้าง ในนาทีแห่งความเป็นความตาย เขาไม่อยากห่างลูกเมียไปไหนไกล

หมอออกมาบอกว่าทั้งสองปลอดภัย เขาโล่งใจจนน้ำตาร่วง แต่ใจกลับภินท์พัง เมื่อรู้สาเหตุของเรื่องเกือบน่าเศร้านี้ คือครรภ์อมายาถูกกระทบกระเทือนรุนแรง กับสภาพจิตใจที่อยู่ในภาวะกดดันหนัก

เธอเกือบแท้งก็เพราะเขา! หากนับอายุครรภ์แล้ว อมายาท้องก่อนมาอยู่เกาะเสียอีก และใช่ว่าเธอปิดบัง แต่เพิ่งรู้ก่อนหน้าไม่เท่าไหร่ จากคำบอกของลุงพวงที่มาด้วยกัน ว่าได้มาส่งเพลงซื้อที่ตรวจครรภ์ที่เกาะนี้ก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมง

ซึ่งตั้งแต่เธอมาอยู่ด้วยกัน ก็ถูกเขาเอาเปรียบสารพัด ทำให้เจ็บช้ำทั้งกายทั้งใจ กดดันทุกทางไม่ให้เหลือทางไป ซ้ำร้าย... เขาจำได้ว่าเธอล้มหน้าบ้านนิกรค่อนข้างแรง ไหนเขาจะเกือบให้เธอ ‘ตาย’ ต่อหน้าต่อตา ทั้งยังลากเธอไปเอาเปรียบที่เพนต์เฮาส์ทั้งวันทั้งคืน อมายาขอให้หยุดเขาก็ไม่ฟัง เธอบอกว่าปวดท้อง เขากลับไม่เคยสน

ที่สำคัญ... เขาเอาปืนจ่อหัวเธอ

ไม่เกี่ยวกับว่าอมายาฆ่ามีนรญากับลูกในท้องด้วยซ้ำ ถ้าเขารู้มาก่อนสักนิดว่าเธออุ้มท้องลูกของเขา เขมราชจะไม่ทำเรื่องบ้า ๆ แบบนั้น เพราะแม้ขณะนึกทบทวนอยู่นี้ เขาก็เจ็บชาไปทั่วร่าง ชายหนุ่มตามอมายาที่ถูกย้ายไปอีกห้องหนึ่ง ถึงใจอยากจะกอดรับขวัญที่เธอกับลูกปลอดภัย

เขากลับ... ไม่กล้า ใช่ว่าเธอบอบบางราวใบไม้ที่ทำจากแก้วเจียรไน หากเขมราชละอายใจที่จะแตะต้องเธอด้วยมือคู่นี้ โชคดีที่หญิงสาวหลับไปแล้วด้วยฤทธิ์ยา เพราะเขาไม่รู้เลยว่า จะทำอย่างไรหากเธอมองกันด้วยแววตาประณามเกลียดชัง

“นาย ได้เรื่องแล้วครับ” ระหว่างรอหมอช่วยเหลืออมายา เขมราชให้การ์ดติดต่อดนุ เพื่อขอดูภาพกล้องวงจรปิดในคลับของคุณพิยดาที่เขารู้ว่าดนุคุมอยู่ ดีที่คลับใช้ Storage sever ความจำสูง จึงย้อนดูเหตุการณ์ได้นานหลายเดือน

เขมราชปะติดปะต่อเรื่องคืนนั้นได้จากกล้องหลายตัว หัวใจเขาก็ถึงคราวแหลกสลายเอาตอนนั้น

อมายาไม่ได้เข้าหาเขา เธอเพียงหนีจากอันตราย ต้องการที่พึ่งพิง แต่ต้องมาเจอเขา... เขาที่เมาเหมือนหมา ชายหนุ่มได้แต่เงยหน้าขึ้น เพื่อห้ามบางอย่างที่กำลังจะล้นทะลักจากดวงตาให้มันไหลนอง... ในหัวใจ

“มึงไปพาคนนี้มาที่เกาะนะ บอกว่ากูจะให้เขาทำงานต่อ”

เขายื่นนามบัตรทนายซึ่งเดิมทีติดต่ออมายาผ่านชาวี ต่อมาดนุรับหน้าที่นั้น กระทั่งเขาจับได้เลยกดดันให้ถอนตัวไปให้การ์ด เพราะทันทีที่รู้ว่าตนเข้าใจเรื่องที่คลับผิดไป ก็อดคิดไม่ได้ว่าจะมีอีกกี่เรื่องที่เขาไม่เคยเข้าใจถูกต้อง

“แล้วจะให้คนที่เหลือมาเฝ้าคุณออยที่นี่ไหมครับ”

“ไม่ต้อง กูเฝ้าเอง”

“ครับนาย” ชายหนุ่มกลับเข้ามานั่งในห้องพักเธอ มองใบหน้าสวยน่ารักซ่อนพยศด้วยแววตาอ่อนแสง ตั้งแต่เขาพบเธอ ก็รู้ในทันทีว่าอมายาไม่ใช่สาวน้อยเรียบร้อยอ่อนหวาน

เธอเป็นสายลุย เข้มแข็ง ค่อนไปทางก้าวร้าวด้วยซ้ำ แต่คนแบบนี้มีเสน่ห์เหลือเกินในยามที่ออดอ้อนเขาเหมือนลูกแมว เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ใจเต้นแรงแต่ก็เป็นสุขไปพร้อม ๆ กันในแบบที่สาวแสนหวานไม่เคยทำให้เขาเป็น

เหตุการณ์หนึ่งที่เขมราชจำไม่ลืม เมื่ออาจารย์วิจารณ์งานเขาด้วยอคติที่เขาเองไม่อาจเข้าใจ อมายาทำในสิ่งที่เขาไม่เคยคาดหวัง นั่นคือเธอ... ปกป้องเขา

‘อาจารย์คาดหวังให้เขาทำสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน แล้วอาจารย์ทำได้แบบเขาตอนนี้หรือยังคะ’

‘น้องออยคะ’

‘ไม่ต้องค่ะพี่เฟลม ออยเอาอยู่’

‘ขอโทษด้วยนะครับอาจารย์ ไว้ผมจะมาหาใหม่นะครับ’ เขาลากอมายาออกไป พร้อมปิดปากไม่อยากให้เธอพูด ใช่กลัวเธอไม่ไหว แต่กลัวอาจารย์จะหัวใจวายต่างหาก

ดูเหมือนท่านก็เป็นผู้ใหญ่ที่ทั้งแฟร์และรับฟังเด็ก ๆ มากกว่าที่เขาเข้าใจ ท่านโบกมือให้เขาเป็นเชิงว่าปล่อยเธอ

‘ที่หนูพูดก็ถูกของหนู’ อาจารย์ยอมรับมิอาจเลี่ยง

‘ไม่มีส่วนไหนผิดเลยต่างหากค่ะ อาจารย์รู้ไหม เขาตั้งใจทำมากแค่ไหนอาจารย์เคยเห็นหรือเปล่า หรือสักแต่จะวิจารณ์ด้วยคำพูดแรง ๆ แค่นั้นเอง คิดว่ามันน่าเคารพในสายตาเด็กเหรอคะ’

‘ที่อาจารย์ใช้คำพูดแรง ๆ ก็เพราะอาจารย์เชื่อมั่นในตัวเขา ว่าเขาจะทำงานออกมาให้ดีกว่านี้ อาจารย์อยากให้เขาเก่งขึ้น’

‘คำพูดแย่ ๆ ไม่เคยทำให้ใครเก่งขึ้นหรอกค่ะอาจารย์ มีแต่จะบั่นทอนกำลังใจ แล้วอย่ามาโลกสวยว่าให้เก็บคำพูดเหล่านั้นมาเป็นแรงผลักดัน มันจะมีสักกี่คนที่ทำได้แบบนั้น’

‘...’

‘ถ้ารักแฟนหนูจริงอะ ก็วิจารณ์ด้วยคำพูดปกติที่คนปกติเขาทำกัน ด้วยสีหน้าจริงใจ ไม่ใช่แบบนี้ เป็นหนู หนูบวกนะ!’

‘น้องออยพอแล้วค่ะ กลับเถอะ ขอโทษจริง ๆ นะครับอาจารย์’

เขมราชลากเธอออกมา ด้วยสีหน้าอาจารย์ตอนนั้นซีดเหมือนไก่ต้ม แต่ใจเขาอุ่นวาบตอนเธอแสดงความเป็นเจ้าของด้วยคำว่าแฟนหนู ผลักดันให้เขารู้สึกดีบอกไม่ถูก

ที่สำคัญ อมายาทำให้นึกถึง ‘คุณป้า’ ที่พร้อมต่อสู้เพื่อปกป้องเขาเสมอ ตรงข้ามกับ ‘แม่’ ที่ไม่เคยสู้เพื่อเขาหรือแม้แต่จะสู้... เพื่อตัวเอง

ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เลือกเธอ เพราะหากจะสร้างครอบครัวกับใครสักคน ‘ความตื่นเต้น’ คือประเด็นรองจาก ‘ความสบายใจ’ ทั้งหลายอย่างเธอก็ทำให้เขานึกถึงท่านวัชรา คนที่เขาพยายามหนีมาตลอดชีวิต

เขาไม่หวังให้เธอเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขา เพราะไม่ว่าอมายาจะเป็นแบบไหน เขาก็ชอบที่ ‘เธอเป็นเธอ’เพียงหวังให้เป็นคนที่ดีกว่านี้ ใช่จะเลวร้ายลงในทุก ๆ วันที่คบกัน

แต่ทุกครั้งที่เขาบอกตัวเองว่าต้องไม่ใช่อมายา ใจเขากลับเจ็บ และยิ่งเขาพยายามลืมเธอเท่าไร ใจเขา... ก็จำเธอได้มากเท่านั้น

แม้ในวันที่มีนรญาทวงถามสถานะความสัมพันธ์ ทั้งที่ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน ทั้งที่เห็นอกเห็นใจกันในยามเจ็บไข้ ทั้งที่เขาเปิดใจให้สายลมฉ่ำเย็นพัดพาเข้ามาแทนที่พายุร้าย

19

เธอคือปัจจุบัน

‘พี่ขอโทษนะคะน้องมีน พี่ยังลืมน้องออยไม่ได้’ ถึงจะผ่านมาเป็นปีแล้ว แต่มันยากเหลือเกินที่จะลืมคนที่เรารัก... หมดหัวใจ

‘มันผ่านมาเป็นปีแล้วนะคะ อีกอย่าง... ออยก็เข้าใจว่าเราสองคนตกลงคบกันไปนานแล้วนะคะพี่เฟลม’

‘ถึงงั้นก็เถอะค่ะ’ เขากุมมือหล่อนขึ้นมา ความรู้สึกผิดอัดแน่นในหัวใจ ‘พี่ไม่อยากเอาเปรียบความรู้สึกของน้องมีน ถ้าพี่จะเริ่มใหม่กับใครสักคน พี่ต้องมั่นใจ ว่าพี่ให้เขาได้เต็มร้อย’

‘ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ... มีนไม่ได้ต้องการให้พี่เฟลมลืมเขา’ หล่อนกระชับมือเขา ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มกว้าง ราวกับใจหล่อนนั้นกว้างดังมหาสมุทร

‘...’

‘ไม่จำเป็นจะต้องลืมเลยนะ... ระหว่างพี่กับเขามีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นมากมายตอนคบกัน ไม่มีใครอยากลืมช่วงเวลาที่เรามีความสุข ออยเองก็คงยังลืมพี่เฟลมไม่ได้เหมือนกัน เพราะมันยากมากค่ะ มีนเข้าใจ’

วินาทีนั้น... เขารู้สึกว่าหล่อนดีเหลือเกิน ทั้งที่อมายาทำร้ายหล่อนสารพัด หล่อนควรเกลียดเธอเสียด้วยซ้ำ แต่กลับเข้าอกเข้าใจ

‘...’

‘ยังไงซะ ก็ไม่ทำให้มีนเปลี่ยนใจไปจากพี่เฟลมหรอกนะคะ ขอแค่พี่เฟลมไม่ปิดโอกาสมีนก็พอ’

หลังจากนั้นหญิงสาวก็ยังสม่ำเสมอเหมือนเคย ยังเป็นน้องมีนที่น่ารักและเอาใจใส่เขาจนเขา ‘ใจเจ็บ’

เจ็บ... ที่ตอบแทนความรู้สึกของหล่อนไม่ได้เสียที

เจ็บ... ที่ยังคิดถึงอมายาทั้งที่เขาหวังให้เธอเป็นคนที่ดีขึ้นแค่ไหน สุดท้าย เธอก็ยังร้ายกาจเหมือนเดิม

กระทั่งมีนรญาป่วยหนัก ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลร่วมเดือน เขาจึงตัดสินใจได้ว่า จะตอบแทนความรู้สึกหล่อน ด้วยความรู้สึกเดียวกับที่หล่อนมีให้เขา จะดูแลเอาใจใส่หล่อนให้เหมือนที่หล่อนทำให้กัน

ผ่านไปหลายปี ความสัมพันธ์จากความสนิทคุ้นเคยระหว่างเขากับหล่อนค่อย ๆ พัฒนาขึ้นจนมีนรญาตั้งครรภ์ แม้ร่างกายหล่อนอ่อนแอเพราะมีโรคประจำตัว แต่เขาก็บอกตัวเอง จะดูแลหล่อนกับลูกให้ดีที่สุด

‘ขอบคุณนะคะพี่เฟลม’

‘พี่ต้องขอบคุณน้องมีนสิคะ เจ้าตัวเล็กเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตพี่เลยนะ’

‘มีนขอบคุณที่พี่เลือกมีนค่ะ’

‘...’

‘มีนสัญญา จะไม่ทำให้พี่เฟลมลำบากใจหรือร้อนใจ มีนจะไม่เป็นเหมือนออยเด็ดขาด’

‘น้องทำได้อย่างนั้นมาเสมอค่ะ’ หล่อนทำให้รู้สึกว่า เขาห่างไกลจากคนนิสัยแบบวัชรา แน่นอนว่ายิ่งไกลเท่าไหร่ ยิ่งสบายใจมากเท่านั้น

‘แล้วก็อย่าพูดถึงคนอื่นเลย มันผ่านมาหลายปีแล้ว ปัจจุบันของพี่อยู่ตรงหน้าพี่แล้วไงคะ’

‘ถ้าออยรู้ว่าเรามีลูกด้วยกัน ต้องไม่พอใจแน่ ๆ เลยค่ะ เพื่อนที่ไทยบอกมีนว่า เขายังไม่มีใคร เหมือนเขา... กำลังรอพี่เฟลมอยู่นะคะ’

‘น้องมีนตั้งใจจะบอกอะไรพี่กันแน่คะ’

‘มีนไม่อยากกลับไทยเลยค่ะ เราอยู่กันซะที่นี่ดีไหมคะ’

‘พี่มีเรื่องให้ต้องรับผิดชอบมากมายที่ไทย คุณป้าก็อยากวางมือแล้ว ถ้าเราไม่กลับ คุณป้าท่านคงไม่ยอม’

‘แต่มีนกลัว ออยร้ายมากพี่ก็รู้ เขาทำมีนตกบันได ให้คนมาทำร้ายเรา แถมยังบอกว่าถ้าเรากลับไป เขาจะเล่นงานเราไม่ให้ผุดให้เกิด...’

‘น้องมีน’ เขมราชปลอบประโลมว่าที่ภรรยาด้วยอ้อมกอด ‘ไม่ต้องกลัวนะคะ น้องมีนคือคนที่พี่เลือก พี่ไม่มีทางให้ใครมาทำอะไรน้องมีนได้หรอกค่ะ ถ้าใครกล้า... ก็ต้องได้เห็นดีกัน’ หากท้ายที่สุดแล้ว... เขาก็ทำไม่ได้

เขมราชผ่อนลมหายใจหนัก เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ยกมือขึ้นลูบกระเป๋าเสื้อตรงอกซ้ายซึ่งมีแหวนหมั้นซ่อนอยู่ แหวนที่ถึงแม้จะถอดจากนิ้วแล้ว เขาก็ไม่กล้าทิ้งขว้าง

เพราะมันไม่ใช่สัญญารัก แต่เป็น ‘สัญญาลูกผู้ชาย’ ว่าเขาจะรับผิดชอบในสิ่งที่เขา ‘เลือก’ ไปจนวันตาย หากถ้าปล่อยให้ใจมันหนักต่อไปอยู่แบบนี้ เขมราชมั่นใจว่าเขาอาจจะบ้าตายเข้าสักวัน ชายหนุ่มถึงได้กลับไปที่เกาะ ตรงไปยังที่ตั้งเจดีย์อัฐิมีนรญา วางแหวนวงนั้นลงตรงแท่น

“พี่ขอโทษนะน้องมีน พี่เก็บแหวนวงนี้ไว้ไม่ได้อีกแล้ว”

น้ำตาเขมราชไหลหยดหนึ่ง หากหล่อนยังมีชีวิตอยู่ หล่อนคงร้องไห้แล้วทรุดลงกับพื้นต่อหน้าเขาอย่างคนที่ใจสลายไม่แพ้กัน ทว่าเขา... ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“ต่อจากนี้พี่ขอดูแลออยกับลูกนะคะ พี่ทนไม่ได้อีกแล้วที่ต้องเห็นเขาสองคนเจ็บ พี่แพ้แล้วค่ะน้องมีน พี่แพ้ให้ออยอย่างราบคาบเลย”

ใจเขามิได้แข็งแรง เขาไม่ได้กล้าหาญที่จะปล่อยวางอดีต เพียงแค่อยากโอบกอดปัจจุบันเอาไว้จนใจแทบขาด แน่นอนเขาคงลืมมีนรญากับลูกไม่ได้ แต่อยากจำหล่อนไว้โดยปราศจากความกลัวและพันธนาการในอดีตมากกว่า และลึก ๆ ถึงจะไม่คาดหวัง ก็อยากให้อมายาไม่ใช่คนที่พรากหล่อนกับลูกไป


ตอนอมายาตื่นจากฤทธิ์ยาฟ้ากำลังจะมืด เธอไม่เจอใครนอกจากพยาบาลที่มาวัดไข้ แต่รู้ว่าลูกปลอดภัยก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก เธอไม่ได้หวังให้เขมราชอยู่ที่นี่ แม้ลึก ๆ จะเคว้งคว้างเกินทน เพราะอดนึกถึงครั้งล่าสุดที่เข้าโรงพยาบาลไม่ได้

ครั้งนั้นตื่นมาก็เจอแม่ แต่ครั้งนี้... ไม่มีใคร ทว่าไม่เป็นไรเลย... มีแค่เธอกับลูกสองคนก็พอแล้ว เธอเกือบจะสูญเสียเขาไปแล้ว เพราะผู้ชายคนนั้น เพียงคิดน้ำตาก็รินไหล มือก็ลูบหน้าท้องที่นูนขึ้นเบามือ ก่อนนี้เธอไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร มาวันนี้ลูกคือเหตุผลและคือคนที่เข้ามาครองพื้นที่ใจทั้งดวง

“มีคนมารอเจอคนไข้ค่ะ ให้พี่ไปบอกไหมคะว่าคนไข้ตื่นแล้ว”

พยาบาลบอกหลังจากชี้แจงว่าเธอต้องปฏิบัติตัวอย่างไรไม่ให้กระเทือนถึงลูก อมายาแปลกใจ ไม่น่าใช่เขมราช รายนั้นถ้าอยากเจอก็คงเข้ามาแล้ว

พอถาม พยาบาลกลับพูดคลุมเครือว่า เดี๋ยวเธอจะรู้เอง พาให้อมายาหงุดหงิดจนอยากรู้นักว่าเป็นใคร ทำไมถึงทำให้ซับซ้อน พอเห็นหน้า ความหงุดหงิดพลันเลือนหาย เหลือเพียงความกลัวที่เบียดแทรกเข้ามาในจิตใจ

“ท่านวัชรา” และเธอรู้ดีว่า คนลูกบ้าขนาดที่เธอรับมือไม่ไหวอย่างไร ก็ยังต้องหลบให้คนพ่อที่เหลือร้ายยิ่งกว่า

“ท่านต้องการอะไร”

วัชราขำเยาะท่าทางตื่นกลัวของอมายา ดูเหมือนไอ้ลูกชายจะปั่นหัวผู้หญิงทุกคนของมันให้กลัวเขาไปหมด ดีที่มีนรญามีลูกบ้ากล้าเข้าหาทั้งที่ไม่เคยเจอกันเลย

แต่อมายาที่เจอกันออกบ่อยเมื่อหลายปีก่อน กลับยังตัวสั่นเหมือนลูกหมาตกน้ำ

“พ่อมารับขวัญหลาน” ชายสูงวัยยื่นมือรับดอกไม้ช่อโตจากลูกน้อง แต่สายตาไม่ละจากใบหน้าเธอ รอยยิ้มที่ไม่เหมือนยิ้มนั่นทำอมายาขนลุกซู่ และไม่สงสัย ไม่มีอะไรลอดหูลอดตาคนอย่างท่านวัชรา

ทีแรก... เธอคิดจะไม่รับดอกไม้ แต่เพราะกลัวภัยจึงรับไว้พร้อมกล่าวขอบคุณ แต่คำที่ได้ยินหลังจากนั้นทำให้ไม่แน่ใจว่าตัวเองทำถูก

“แล้วพ่อก็มาเช็กสินค้า ว่ายังพร้อมจะให้พ่อใช้งานบนเตียงได้อยู่หรือเปล่า”

“คุณพูดเรื่องอะไร”

“ไอ้เฟลมไม่ได้บอกเหรอ ว่ามันจะยกหนูให้พ่อ”

คล้ายหัวใจอมายากำลังกระเด็นกระดอน เธอเคยหวังว่าเขมราชอาจเหลือความเป็นคนอยู่บ้าง ยิ่งเห็นเขาร้อนรนเรื่องลูกก็ยิ่งเชื่อว่ามี แต่ไม่ว่าจะนึกฝันให้เป็นอย่างต้องการเพียงไร อมายากลับต้องถูกฆ่าตายด้วยความจริง ซ้ำแล้ว... ซ้ำอีก

“แต่หนูท้องซะก่อน ไม่อย่างนั้น เราคงได้ทัวร์สวรรค์กันแล้ว”

“ออกไป!” เธอทนฟังความทุเรศของพวกเขาไม่ได้แล้ว มันยิ่งกว่ายอมให้คนเอามีดมากรีดใจ แต่วัชรากลับก้าวเข้ามา วิสาสะปรับเตียงไฟฟ้าให้ตั้งขึ้น แล้วจับปลายคางอมายาโดยแรง

“ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าไล่พ่อเลยนะ แม้แต่แม่ไอ้เฟลม”

อมายาปัดออก หัวใจกระแทกอกดังตึง ๆ แต่ยังจ้องตาเขาตอบ ก่อนปัดมือขาวซีดนั้นชนิดไม่ออมแรง

“เพราะเธอรู้ไง ว่าคุณแม่งไม่ต่างจากเจ้ากรรมนายเวร ที่เธอจะหลุดพ้นได้ก็มีแต่ต้องตาย เธอถึงได้ฆ่าตัวตายหนีผู้ชายอย่างคุณ”

วัชรายิ้มหยัน ไม่มีแววเจ็บปวดเสียใจในดวงตาคู่นั้น ผลักดันให้อมายาเย็นไปถึงสันหลัง ก่อนวัชราจะเลื่อนมือจับลำคอเธอแล้วออกแรงบีบเล็กน้อย

“หนูทำให้พ่อนึกถึงป้าไอ้เฟลม”

“...”

“ใจกล้า ปากเก่ง ไม่กลัวตาย แต่อีกไม่นานหรอก... มันจะได้ลงหลุมไปเจอน้องสาวมัน”

“แล้วมาบอกหนูทำไม!” อมายาเค้นเสียงลอดไรฟัน ข่มความตระหนกข้างใน

แต่แล้ววัชราก็หวดฝ่ามือลงบนแก้มเธอดังฉาด อมายาหน้าสะบัด แรงบิดตัวพารวดร้าวไปถึงท้องน้อย ชวนให้น้ำตาร่วงหล่น คนทำหัวเราะในลำคอราวพวกวิตถาร ค่อยเชยคางเธอขึ้น ใช้นิ้วป้ายเลือดตรงมุมปากไปลิ้มชิม อมายาได้แต่จ้องกลับตาแข็ง

เป็นเมื่อก่อนคงถ่มเลือดใส่หน้ามันแล้ว แต่นี่เธอมีใครอีกคนอยู่ในท้อง สิ่งที่ไม่เคยกลัวกลับกลัวขึ้นมา ยิ่งตอนนี้ หมอสั่งให้เคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุดหากไม่อยากเสียลูกไป

แม้ใจไม่ยอมถูกทำร้ายฝ่ายเดียว แต่คงไม่คุ้ม ถ้าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ ตอนนั้น อมายาฝืนเจ็บเอี้ยวคว้าที่กดสัญญาณ หากก็ช้ากว่าคนของเขา พอเปลี่ยนใจ หมายจะฉวยแก้วน้ำ มันก็ชักปืนมาถือเชิงข่มขู่

“อย่าคิดสู้เลยครับ คุณหนู” ชายคนนั้นเตือนเสียงต่ำ ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเธอค่อย ๆ เงยขึ้นจ้องวัชราอย่างโกรธแค้น

“ท่านทำแบบนี้ทำไม”

“แค่อยากจะฝากรอยมือนี้ไปเตือนไอ้เฟลม ว่าอย่ามาล้ำเส้น”

“ต่อให้คุณจะฆ่าหนู เขาก็ไม่รู้สึกอะไร” เธอไม่รู้ว่าสองพ่อลูกมีเรื่องอะไรกันอีก แต่เธอไม่ได้สำคัญกับเขมราชแม้แต่น้อย ฟาดงวงฟาดงาลงมาก็เปล่าประโยชน์

แต่ไหนเลยวัชราจะดูไม่ออกว่าเธอมีความหมายเพียงใด ครั้งที่เขาบอกว่าอยากได้เธอมาเป็นเมียอีกคน ไอ้เด็กนั่นก็อารมณ์ขึ้นจนแทบฆ่าเขาด้วยสายตา แต่ที่พูดไป ก็เพียงอยากสร้างปัญหาให้มัน ถึงจะเล็กน้อยก็ตาม

“พ่อรู้...” เขาผละออก จัดเสื้อสูทเข้าที่แล้วยื่นมือให้ลูกน้องทำความสะอาด “แต่ลูกในท้องของหนูสำคัญกับมันใช่ไหมล่ะ”

“...”

“บอกมัน ถ้ายังไม่หยุด มันจะไม่มีโอกาสเห็นหน้าลูกมันเลย” เขาหมุนตัวเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มสาแก่ใจ ทิ้งให้อมายาสะอื้นไห้จนตัวสั่น เขมราชคงยกเธอให้พ่อหลังจากได้ลูกไปสมใจแล้ว แลกกับที่วัชราจะไม่ยุ่งกับเกาะเขาอีกสินะ

หญิงสาวยกมือลูบแก้ม มันไม่เจ็บเท่าใจที่ถูกหยาม ไม่ว่ากับเธอหรือลูก คนเลวพวกนี้ก็จ้องจะใช้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ทั้งสิ้น


ใช่ว่าเขมราชละเลยความปลอดภัยของอมายา แต่หมอให้เลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เธออึดอัด เขาจึงจะอยู่เฝ้าเมียและลูกแทนการ์ดที่มี แถมคนรู้จักที่เขาวานให้สอดแนมวัชรา บอกว่าท่านเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อวานเนื่องเพราะพรรคฯ เรียกประชุมและคงต้องอยู่สะสางอีกหลายวัน

เขาเพียงอยากให้เธอผ่อนคลายจากความคิดที่ว่าตนเป็นนักโทษของเขา อย่างน้อยก็แค่ช่วงสั้น ๆ ตอนรักษาตัวซึ่งไอ้แก่เฮงซวยนี่ไม่อยู่

แล้วคนที่เขาเจอหน้าห้องพักฟื้นของอมายา มันคืออะไร…

“ท่านมาทำไม”

รอยยิ้มประหลาดของคนตรงหน้าพาให้หวั่นว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับอมายา

“ฉันฝากเรื่องที่อยากบอกเอาไว้กับศัตรูแกแล้ว”

คำว่าศัตรูฟังดูทั้งตอกย้ำและยั่วแหย่

แต่เขมราชไม่สน

เขาวิ่งแหวกคนพวกนั้นเข้าไปในห้อง เห็นแม่ของลูกนั่งน้ำตานอง เลือดกบมุมปาก หัวใจก็หวิวไหวราวใบไม้ที่ปลิดปลิว

“มันตบเธอเหรอ”

“ใช่!” เธอจ้องมองเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ “พวกคุณมันเลวทั้งพ่อทั้งลูก”

เขมราชไม่ได้สนใจว่าสายตาเธอเกลียดชังเขาเพียงใด สนเพียงว่า คนที่กล้าทำเธอเจ็บ มันต้องเจ็บยิ่งกว่า

แค่เห็นเธอเจ็บ... เขาก็ปวดเหมือนมีใครเอามีดมากรีดใจ

โกรธจนจะฆ่ามันคนนั้นให้ตายได้ ราวกับความชั่วร้ายทั้งหมดเสียดแทรกเข้ามาครอบงำ

“เดี๋ยวฉันกลับมา”

เขาวางของในมือลงบนโซฟาสำหรับเฝ้าไข้ อมายาเงยหน้ามองเพดาน ปล่อยเสียงร้องไห้อย่างสุดกลั้น ขณะที่เขาพุ่งออกจากประตู ทั้งเหวี่ยงทั้งเตะลูกน้องที่ระวังหลังจนเข้าไปคว้าไหล่วัชราให้หันกลับมา กระชากคอเสื้อคนที่เขาเคยคิดว่าเป็นพ่อ แล้วดันไปกระแทกผนังด้วยความว่องไวราวเปลวเพลิงที่ถูกโหมด้วยพายุ

เขาคลาดสายตาจากเจ้าหล่อนไม่ถึงชั่วโมง กลับไปเอาเสื้อผ้าและกับข้าวที่สั่งให้เพลงทำ แต่คนฉวยโอกาสก็เข้ามาทำเรื่องฉิบหายได้ขนาดนี้ ปล่อยไว้ไม่ได้!

“ไปลงที่ออยทำไม!!!”

“พูดแบบนี้หมายความว่าแกก็รู้สินะว่าเรื่องอะไร”

“เออ! ผมรู้ ถ้าท่านไม่พอใจก็มาทำผมนี่”

“แล้วมันจะสนุกอะไรล่ะ?”

มองความเจ็บปวดของอมายาเป็นแค่ความสนุกงั้นเหรอ

เขมราชโกรธจนยิ่งกว่าโกรธ เขาง้างหมัดหมายใจจะชก แต่ก็ชักมือกลับเมื่อในใจยังสำนึกอยู่ว่าคนตรงหน้าเป็น ‘พ่อ’

“แกไม่ต่อยหรอก เพราะแกไม่กล้าเล่นงานฉันซึ่ง ๆ หน้า”

“คนอย่างท่านรู้จักคำนี้ด้วยเหรอ เห็นถนัดแต่ลอบกัด”

“...”

“แล้ววันไหนที่ผมต่อยท่าน มันแปลว่าท่านด้อยค่ากว่าหมา ที่จะไม่ได้ความเคารพจากใคร แม้แต่จากคนอย่างผมต่างหาก”

“ไอ้เฟลม!”

“คิดว่าตบออยแล้วกระบวนการตรวจสอบตามกฎหมายมันจะยุติลงเหรอ หรือคิดว่าผมจะกลัวจนไปบอกเพื่อนคุณป้าให้เลิกยื่นเรื่องตรวจสอบนักการเมืองชั่วอย่างท่านงั้นสิ”

“แกควรกลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าลูกในท้องของนังนั่นมากกว่า”

“หึ ท่านต่างหากที่ควรกลัว ผมไม่เคยอยากทำลายชีวิตท่านเลย ถึงแม้ท่านจ้องจะเหยียบผมให้จมดินอยู่ตลอดเวลาก็ตาม เพราะผมยังเห็นท่านเป็นพ่อ ซึ่งท่านควรขอบคุณผมด้วยซ้ำ จนท่านรนหาที่ด้วยการมายุ่งกับออย แถมยังบอกว่าผมอาจยื้อเวลาได้ไม่นาน”

“...”

“มันทำให้ผมรู้ว่าถ้าใครลงมือก่อนคนนั้นชนะ”

วัชราขบกรามแน่น ผลักเขมราชเต็มแรง ไม่เคยรู้สึกถูกหยามเท่านี้มาก่อน ถ้าไอ้เด็กคนนี้เป็นแค่ลูกตาสีตาสา เขาคงลากมันไปฆ่าแล้วสับโยนทะเล

แต่แขไขซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ทรงอิทธิพล คนที่ไม่มีใครกล้าแตะ คงไม่ยอมง่ายๆ ถ้าหลานชายมีอันเป็นไป

ถึงอย่างนั้นวัชราก็อยากงัดกับสองป้าหลานสักตั้ง เขาเองก็ใช่จะไร้กำลัง แค่ที่ผ่านมาต่างคนต่างอยู่ก็เท่านั้น

“ถ้าแกอยากลองดี ฉันจะจัดให้”

“ด้วยความยินดี” เขมราชค้อมศีรษะเล็กน้อย หากสายตาจ้องมองวัชราไม่ยอมกัน “แต่อย่าแตะต้องออยอีกแล้วกัน เพราะแค่ท่านบอกว่าหมายหัวออย ท่านต้องเจอกับอะไร ท่านคงไม่ลืมใช่ไหม แล้วนี่ยังมาตบออยแบบนี้อีก... ท่านมีความสุขได้อีกไม่นานแน่ แล้วถ้ายังไม่หยุด ท่านจะไม่เหลือเวลาชื่นชมโลกภายนอกอีกแม้แต่วันเดียว”

“งั้นฉันคงต้องฆ่าทิ้งทั้งแม่ทั้งลูก เพราะฉันจะไม่หยุดจนกว่าแกจะหยุด”

“ผมก็จะเลาะกระดูกสันหลังของท่านทีละชิ้น ๆ จนกว่าท่านจะทนเจ็บไม่ไหวแล้วขาดใจตายตามออยกับลูกไป”

“กลัวจะแย่แล้วครับ คุณเขมราช”

“ดีครับ ควรกลัวให้มาก ๆ เพราะว่าผมกล้าทำแน่นอน”

เขมราชแสยะยิ้ม รับรู้ได้ว่าแม้วัชราจะเยาะเขา แต่ลึก ๆ ก็หวั่นใจ เขาจึงก้าวเข้าไป แสร้งทำเป็นช่วยจัดเสื้อสูทของท่านแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“อย่าลืมสิครับ ท่านเป็นคนยัดเยียดความคิดอำมหิตให้ผมเอง ไม่เกี่ยวว่าในตัวผมมีเลือดท่านหรือเปล่าด้วยซ้ำ แต่ผมคุ้นเคยกับมันดีจนเกือบคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ”

และเกือบ... กลายเป็นคนไม่ปกติแบบท่าน

“...”

“รอดูได้เลยครับ” เขายิ้มจนตาหยีแล้วหมุนตัวเดินจากไป วัชรากำหมัดแน่น ไม่เคยเสียความควบคุมตนขนาดนี้มาก่อน ด้วยลึกในใจ ตนเหมือนได้เห็นตัวเองในตัวเขมราช แต่เป็นแบบที่กดความบ้าคลั่งไว้ด้วย ‘ศีลธรรม’ ทว่าก็พร้อมระเบิดได้ทุกเวลา


พอเข้ามาในห้อง เขมราชไม่ทันระวังถูกอมายาปาแก้วมากระแทกศีรษะ มึนไปครู่หนึ่ง เกือบเซล้ม ดีที่จับลูกบิดประตูไว้

“ไอ้สารเลว”

เขาแทบไม่อยากก้าวเข้าไปในห้อง รู้ดีว่ามาแล้วเธอจะต่อว่า แต่เขาก็ยังอยากจะมาดูแลเธอกับลูก และคงไม่ห่างไปไหนอีกแล้วถ้าไม่จำเป็น

“หมอบอกไม่ให้ใช้แรงเยอะ ไม่ให้ขยับตัวมากไม่ใช่หรือไง”

เขากลืนน้ำลายขม ๆ ก้มลงเก็บแก้วไปวางที่เดิม ค่อยดึงทิชชูมาซับเลือดจากรอยแตกตรงหางคิ้ว ไม่ได้ตอบโต้เธอเหมือนทุกครั้ง

ชายหนุ่มให้หมอเจ้าของไข้เข้ามาทำแผลที่หน้าอมายารวมถึงศีรษะเขา แจ้งตำรวจเอาผิดวัชรา ทั้งจะเอาเรื่องโรงพยาบาลที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้

เขาขอให้หมออธิบายสิ่งที่อมายาควรทำอีกครั้ง นั่นคือขยับตัวให้น้อยที่สุด ทำใจให้สบาย เพราะความเครียดจะส่งผลร้ายต่อครรภ์ในช่วงนี้

“อย่างปาข้าวของงี้ ก็ทำไม่ได้ใช่ไหมครับหมอ”

“ไม่ได้เลยนะคะ ต่อไปคนไข้ต้องขยับตัวให้น้อยที่สุด พยายามอย่าโมโหคุณพ่อ คุณพ่อเองก็ระวังอย่าขัดใจคุณแม่ ทั้งสองต้องอดทนเพื่อเจ้าตัวเล็กให้มาก ๆ นะคะ”

“ได้ยินแล้วใช่ไหมออย เพื่อเจ้าตัวเล็ก ‘ของเรา’” อมายามองค้อนเขาทั้งน้ำตา คนที่ทำให้เธอเกือบต้องเสียลูกไปมีสิทธิ์พูดแบบนี้หรือไร

แต่พูดไปก็รังแต่จะทำให้ตัวเองโมโหเสียเปล่า เพราะเขามันหน้าด้าน ไม่รู้สึกรู้สาอะไรอยู่แล้ว

“ออกไป” อมายาบอกเสียงเข้ม หลังคุณหมอออกไปแล้ว

เขมราชนิ่วหน้ามองเธอ เห็นหน้าเชิดจองหองแล้วอยากเขย่าให้หัวหลุด ยังไม่เข้าใจหรือไรว่าเขา... จะไม่ยอมไปไหน

“อย่าตะโกน รู้ไหมการตะโกนมันต้องใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง มันอันตราย”

“ฉันจะเป็นแบบนี้ไหม ถ้าไม่ใช่เพราะคุณมาเสนอหน้าอยู่ในนี้”

“ก็ทนเอาหน่อยแล้วกัน เพราะเธอจำเป็นต้องมีฉันดูแล”

“ให้เพลงมาแทน หรือไม่ก็ปล่อยฉันไปตามทางของฉัน ฉันไม่ใช่สินค้าที่คุณจะยกให้คนนั้นคนนี้ก็ได้ ต่อให้ออกไปแล้วจะมีคนมาฆ่าฉันตาย ฉันก็อยากได้ชีวิตของฉันคืน”

“ฉันจะยกเธอให้ใคร”

“...”

อมายาเม้มปาก มองคนไร้หัวใจที่ทำไขสือเหมือนไม่รู้อะไรแล้วอยากกระแทกหน้าเขาให้ความจำดี

“พูดมาสิ ใคร”

“คุณจะประเคนฉันให้พ่อคุณไง แลกกับที่เขาจะไม่มายุ่งกับเกาะสุดรักของคุณ”

“ฉันไม่เคยพูด”

“ฉันจะเชื่อได้ยังไง คุณมันทำได้ทุกอย่างเพื่อทำลายฉันไม่ใช่เหรอ”

“ถ้าจะทำ ป่านนี้เธอได้เข้าไปอยู่ในฮาเร็มพ่อฉันละ เหมือนที่ฉันลากเธอไปให้ไอ้นิกร”

“ถ้าคุณทำแบบนั้นได้ นับประสาอะไรแค่ลากฉันให้พ่อคุณจะทำไม่ได้ล่ะ คุณมันเลว ฉันโคตรเสียใจเลยที่ปล่อยให้เด็กคนนี้เกิดมาเป็นลูกคุณ เป็นหลานของพ่อคุณ”

“แล้วฉันเคยบอกเธอไหมว่าจะทำ”

“...”

“ถึงฉันจะเลว อยากทำลายเธอ… แต่ก็ไม่ได้เลวขนาดจะใช้เมียร่วมกับพ่อตัวเอง”

“ก็เพราะคุณมันเลวไง ถึงได้คิดจะทำแบบนั้น”

“อย่าเอาความเลวในอดีตมาตัดสินปัจจุบัน”

“หน็อย กล้าพูดว่ะ ทุเรศ!”

“...”

“คุณยังเคยตัดสินฉันว่าฆ่านังมีนได้เลย แค่เพราะฉันนิสัยแบบนี้ พอโดนกับตัวบ้าง คุณรู้สึกยังไงล่ะ”

“มันไม่เหมือนกัน ฉันไม่ได้เป็นคนตัดสิน หลักฐานต่างหาก” เขมราชหันไปแกะปิ่นโตที่เขาทำเมนูที่เธอชอบออกวางบนโต๊ะ

อมายาสะอื้นไห้ เธอรู้ดี เถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่ยกมือปิดหน้าแล้วร้องไห้จนตัวสั่น เขมราชไม่รู้หรอกว่าเธอกลัวแค่ไหน

เธอเจ็บอยู่... ไม่มีทางไป จะสู้ก็กลัวสูญเสียเกินรับไหว

เพียงไม่นานก็รับรู้ถึงความอบอุ่นที่หลังมือ

“อย่าร้องไห้” เขมราชค่อย ๆ ดึงมือคู่นั้นออก กุมไว้แน่น จ้องมองดวงหน้าซีดเซียวด้วยแววตาอ่อนโยน “มันจะส่งผลเสียถึงลูก”

“ไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะไม่ได้ลูก ฉันจะต้องคลอดเขาออกมาให้ได้นั่นแหละ แต่ระหว่างนี้ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”

เขมราชยอมปล่อยมือ ถ้าเขาดื้อดึง คงเป็นเธอเสียเองที่สะบัดออกจนอาจจะกระเทือนท้อง

เขาไม่อยากเห็นเธอเจ็บ...

“รู้เอาไว้นะ เธอเป็นเมียฉัน ฉันจะแตะต้องเธอเมื่อไหร่ก็ได้ที่ฉันต้องการ และฉันไม่มีวันยกเธอให้ใคร ต่อให้เขาเป็นพ่อฉัน ถ้ามาเอาเธอไป ฉันจะฉีกเนื้อมันออกเป็นชิ้น ๆ ให้เธอดู”

อมายาเข้าใจว่า เขาทำไปเพราะอยากเอาชนะ แต่ยิ่งทำเหมือนเธอสำคัญเท่าไร ก็เหมือนประตูนรกเปิดรับเธอกว้างเท่านั้น

มองหน้าเขาแล้วเธอจึงโมโหทุกอย่าง อยากให้มีมีดอยู่ข้างมือ จะกรีดเลือดเขามาทาหน้าเหมือนคนบ้าเสียสติให้สาแก่ใจ หากก็ทำได้เพียงด่าทอ

“ฉันไม่ใช่เมียคุณ โน่น อีผีมีนโน่น มันแม่งนอนในหลุมไง ไปขุดมันขึ้นมากอดมาหอมซะสิ เพราะฉันจะไม่ยอมเป็นเมียเหี้ยอย่างคุณ”

“พูดจาอะไรเกรงใจลูกในท้องบ้างออย”

“...”

“อยากให้ลูกซึมซับคำหยาบเหรอ”

“ก็ดีกว่าซึมซับนิสัยของพ่ออย่างคุณ”

เขมราชถอนหายใจเฮือกใหญ่ ต่อให้อยากกำราบพยศเธอแค่ไหนก็ต้องอดทน เพราะมีแต่จะสร้างผลร้ายให้ทั้งเขาและเธอ

“กินข้าวก่อนเถอะ”

“เห็นหน้าคุณฉันกินไม่ลง”

คนที่เดินไปลากโต๊ะคร่อมเตียงถึงกับชะงัก แม่ของลูกดื้อแบบนี้เขาก็ท้อใจตั้งแต่เริ่มได้ไม่เท่าไหร่

“ถึงเกลียดขี้หน้าฉัน ยังไงเธอก็ต้องกิน เพื่อลูกของเรา แล้วก็... ฉันอยากคุยด้วย คุยไปกินไปจะได้ไม่กวนเวลาพักผ่อนของเธอ”

“เรื่องอะไร”

“คดีความของเธอ”

จากที่ตั้งใจจะไล่เขาไปให้ได้ อมายาก็เปลี่ยนใจด้วยน้ำเสียงและท่าทีของเขมราชที่ดูแปลกจากทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้

“ฉันจะป้อนเอง เธออยู่เฉย ๆ ไม่ต้องขยับตัว”

“อย่ามายุ่งกับฉันนะ”

“ออย คิดซะว่าทำเพื่อลูกเถอะ เราก็โต ๆ กันแล้ว อย่าให้ต้องพูดบ่อย ๆ ไม่งั้นฉันจะทำอย่างอื่น ไม่พูดแล้ว”

“...”

“เช่นว่า ทำให้เธอท้องซ้อน...”

“ไอ้เลว อั๊บ”

พอเธออ้าปาก ช้อนในมือเขาก็ยัดเข้ามาทันที อมายาจำต้องกลืนอาหารเข้าไป ยอมละพยศและยอมให้เขาป้อน จะได้เข้าเรื่องเสียที

เขมราชจะยอมให้เธอพบทนาย และสู้คดีตามสิทธิ์ทางกฎหมาย

นั่นเป็นเพราะลูก... ที่เขาไม่อยากให้เกิดมามีแม่เป็นขี้คุก

ถึงใจจะไม่เชื่อเลยก็ตามว่าเธอไม่ได้ทำ หากอมายาสัมผัสได้ว่า เขาหวังอยู่ลึก ๆ ให้เป็นอย่างใจต้องการ

“เธอจะขอบคุณฉันด้วยการจูบก็ได้นะ ฉันไม่ว่า”

“ทำไมต้องขอบคุณคนที่ลิดรอนสิทธิของเราด้วยล่ะ ฉันไม่ฆ่าคุณก็บุญละ แล้วให้ฉันจูบคุณเนี่ยนะ จะอ้วกก็เสียดายข้าวที่กินไป รู้ไหมฉันต้องฝืนใจแค่ไหนกว่าจะกลืนข้าวที่คนอย่างคุณป้อนลงไปแต่ละคำ”

ทุกครั้งที่มองหน้าเขา ภาพจำเรื่องร้ายยังติดตา จู่ ๆ มาทำดีเพื่อลูกอย่างนี้ ถึงจะเข้าใจได้ แต่มันแปลกเกินไปในความรู้สึกเธอ

แล้วเขา... ไม่รู้สึกบ้างหรือไร

แต่เขมราชกลับเจ็บแปลบในอก เพราะรู้แล้วว่า อมายารู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ ไม่ได้พูดเพื่อให้หลุดจากข้อหา ‘อยากได้เขา’ อย่างที่เคยเข้าใจ

“ว้าย” เธอร้องขึ้นเมื่อเขาเอื้อมมือมาปลดสายผูกเสื้อ “ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าแตะต้องตัวฉันอีก”

“เธอต้องเช็ดตัวนะ จะได้นอนสบาย”

“ให้พยาบาลมาทำ”

“...”

“จำที่ตกลงกันได้ใช่ไหม เพื่อแลกกับชีวิตลูก คุณจะทำตามที่ฉันต้องการ เพราะงั้นอย่ามาขัดใจฉัน รู้ใช่ไหมว่าฉันพูดจริงทำจริงไม่แพ้คุณ”

“ก็ได้”

เขาผ่อนลมหายใจอ่อนล้า เพียงอยากดูแลเธอบ้าง... แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรให้อมายายอมลงให้ แค่รับมือกับความดื้อของเธอไม่เท่าไหร่ ก็คล้ายตัวเขาเล็กจ้อยลงเท่านั้น

20

ไม่อนุญาต

“เฟลมเปลี่ยนใจ ให้คุณทำคดีต่อเหรอ”

แขไขตกใจกับเรื่องที่ ‘ธนา’ ทนายหนุ่มไฟแรงอนาคตไกล ผู้รับทำคดีอมายารายงาน จนกาแฟหอมกรุ่นตรงหน้าไร้ความหมาย

“ครับ คราวนี้เสนอเงินมากกว่าที่คุณออยเสนอจะให้ผมสามเท่า แต่ผมบอกว่าผมว่างไปได้พรุ่งนี้ คุณแขไขจะให้ผมทำยังไงดีครับ”

แขไขเงียบ ใช้ความคิด

ตั้งแต่ดนุสารภาพเรื่องอมายา กับสิ่งที่แอบทำลับหลังเขมราช ท่านก็เริ่มเห็นความไม่ชอบมาพากลของคดี เลยให้ทนายกับนักสืบทำงานต่อไปโดยไม่ให้หลานชายรู้

แต่ยอมรับ ถ้าดนุไม่แอบช่วยเด็กนั่น หล่อนก็ยังคงเชื่อว่าอมายาเป็น ‘ฆาตกร’ ที่เขมราชเปลี่ยนใจแบบนี้ เป็นเรื่องดีเสียอีก

ทว่า... ท่านสงสัยเจตนาหลานชาย

“เกิดอะไรขึ้นที่เกาะ นุพอจะรู้หรือเปล่า”

หันไปถามดนุ ชายหนุ่มพยักหน้าให้นายหญิง กลืนก้อนที่จุกในคอแล้วพูดออกไป

“น้องออยท้องครับ”

เหมือนโลกของแขไขหยุดหมุนไปพักหนึ่ง ไม่ต่างกับดนุตอนที่รู้เรื่องจากเพลง

“ลูกพลิกสถานการณ์สินะ”

“ครับ นับเป็นเรื่องดีในบรรดาเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นกับน้องออย”

และตอนนั้น... แขไขตัดสินใจบางอย่างได้

“คุณธนาไปทำงานให้หลานฉันเถอะ แต่อย่าลืมรายงานฉันทุกความเคลื่อนไหวด้วย”

ทนายคนดังรับคำสั่งแล้วขอตัวออกไปจากออฟฟิศทันสมัยของ K holding ด้านแขไขลุกออกจากเก้าอี้ คนสนิทถือเสื้อคลุมเดินตามไม่ห่าง นางเดินไปหาดนุที่ยืนห่างออกไปพอสมควร

“ให้เฟลมดูเรื่องคดีหนูออยไป นุโฟกัสที่เรื่องท่านนิกรก็พอ”

“คุณป้า...”

ดนุพึมพำกึ่งรู้ตัวกึ่งเลื่อนลอย เขาไม่คิดว่า ท่านจะทราบว่าเขากำลังทำอะไรอยู่

“ป้าจะไม่ห้ามนุอีกแล้ว ตอนนี้ป้าจะช่วยนุด้วย”

“ขอบคุณครับคุณป้า”

ดนุเข้าใจ แม้ท่านอยากเลิกจองเวรคนพวกนั้น แต่พอมีหลานในท้องอมายามาเป็นตัวแปร จึงไม่อาจนิ่งเฉยต่อคนที่จะเป็นภัยต่อหญิงสาว

“ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย นุต้องเป็นคนไปพาน้องมาจากเฟลม”

“ผมคงทำไม่ได้ครับ” เพราะเขาไม่อาจทำให้เขมราชเจ็บได้

“ป้าเข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้น นุก็คิดไว้แล้วใช่ไหมว่าใครจะทำ”

“ครับ” เขายอมรับ “...แต่ผมนึกว่า คุณป้าอยากให้น้องลงเอยกับเฟลมเสียอีกครับ”

“ไม่หรอก จำไว้นะนุ ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากอยู่กับผู้ชายที่เอาปืนจ่อหัวเธอ เว้นแต่เธอจะความจำเสื่อม หรือไม่ก็เกินเยียวยาเหมือนน้องสาวป้า”

คณิสราน้องสาวหล่อน ยอมให้สามีชั่วอย่างวัชราข่มเหง เพียงเพราะเชื่อ... ว่าลูกต้องการพ่อ เชื่อ... ว่าเขาจะรักและกลับมาเชื่อใจหล่อนอีกครั้ง ต่อให้เสียใจเท่าไหร่หล่อนยอมทั้งนั้น ขอเพียงมีเขาอยู่ในชีวิต

ถึงเสี้ยวหนึ่งในใจ รู้สึกดีที่คนโง่แบบนั้นตายไปเสียได้ แต่ส่วนที่เหลือของใจดวงนี้ มันเจ็บที่ไม่อาจฉุดน้องสาวเพียงคนเดียวให้ขึ้นมาจากนรกขุมนั้น ตรงข้ามกลับปล่อยให้ถลำลึกยากจะถอน

เกิดเป็นแผลใจที่ไม่มีวันหาย และหากทำได้ แขไขไม่อยากเห็นใครตกอยู่ในสภาพเดียวกัน เพียงแต่ว่า กับเขมราชแล้ว ท่านไม่อยากวู่วาม ด้วยในตัวหลานมีเชื้อบ้าของวัชราอยู่เต็มเปี่ยม

“พาฉันไปโรงพยาบาลตาแชมป์” แขไขหันไปสั่งคนสนิท ดนุแปลกใจและอดถามไม่ได้

“คุณป้าคิดจะทำอะไรเหรอครับ”

“ตัดขาศัตรู”

ถึงเป็นศัตรูที่เหนื่อยจะจองเวร แต่อย่างไรเสีย... ความปลอดภัยของหลานในท้องอมายาก็สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดเสมอ


อมายาหยุดแผลงฤทธิ์ชั่วคราวก็ตอนเขมราชพาทนายมาพบ แลกกับต้องให้เขาอยู่ด้วยระหว่างทั้งสองพูดคุยกัน เขาไม่ไว้ใจ กลัวธนาแอบให้ความช่วยเหลือแล้วพาเธอหนีไป แต่ดูเหมือนการมาของทนาย ทำให้อมายาเครียดเกินไปจนอาจเป็นอันตรายต่อลูก

“ถ้าไม่ไหว ไว้ค่อยมาคุยวันอื่นไหม” ภายหลังทั้งห้องเกิดความเงียบอย่างตึงเครียด เขาที่เห็นสีหน้าเธอไม่ค่อยดีจึงเอ่ยขึ้น

“ฉันไหว”

ในเมื่อเธอยืนยัน เขาก็ไม่อยากขัดใจให้เธอประสาทเสีย รังแต่จะสร้างผลร้าย อมายาจึงหันไปพูดกับธนา

“มันก็ยังเหมือนดิฉันมืดแปดด้านเหมือนเดิม เพราะเท่าที่เรามีอยู่ ยังไงฉันก็แพ้”

“เรายังไม่หมดหวังนะครับ” ธนาให้ดูภาพนักกายภาพบำบัดที่ดูแลเอมมาลินมาสิบกว่าปี “จำเธอได้หรือเปล่าครับ”

“ค่ะ พี่นุบอกแล้วว่าเจอเธอ ดิฉันจำได้ ว่าพอเอมเดินได้ไม่กี่วัน มันก็ไล่คนนี้ออก แล้วเปลี่ยนคนใหม่ แต่พอพ่อประสบปัญหาการเงิน มันก็เปลี่ยนไปรักษาที่คลินิกแทนเพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่า ฉันรู้ว่ามันคงอยากออกไปแรดข้างนอกด้วย พี่ชาร์ลส์ก็จัดการให้ ตั้งแต่เป็นคนพามันไป และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด”

“ผู้หญิงคนนี้บอกว่า ก่อนถูกเลิกจ้าง อาการคุณเอมดีขึ้นมาก แต่น่าแปลกใจที่คุณเอมเดินไม่ได้เสียที ทั้งที่ทุกอย่างก็ดูปกติ”

“ฉันเห็นเอมเดินได้กับตา มันห้ามฉันไม่ให้ไปบอกใคร ฉันก็ไม่อยากยุ่งกับมัน ยุ่งทีไรฉันก็เจ็บตัวทุกที เลยปล่อยมันโกหกทุกคนไป เพราะพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อฉัน แล้วก็… ในเมื่อพ่อกับแม่มันรักมันนัก ก็ให้สองคนโดนมันหลอกซะให้เข็ด”

“เดี๋ยวนะ ที่ว่ามามันก็แค่คำพูดลอย ๆ ไม่มีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์เลยไม่ใช่เหรอ” เขมราชแย้งขึ้น

อมายาหันขวับมองเขา… แต่ลึกลงไปก็เข้าใจเขาดี จากทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขมราชมีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อ แต่เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะทำกับเธอแบบนี้

ชายหนุ่มเห็นแววตาที่จ้องมองกันก็ทำไม่แยแส แต่ข้างในใจสับสน ความรู้สึกคล้ายถูกแยกเป็นสองฝั่ง

ฝั่งแรก… จากความปรารถนาในจิตใจ เขาอยากให้เอมมาลินเป็นคนทำ แม้ท้ายที่สุดแล้วเขาจะต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่ทำกับอมายาก็ตาม

นำมาสู่ความรู้สึกตรงข้าม… คือความกลัว ที่ผลักดันให้เขาไม่เชื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์ให้เอมมาลินเดินได้ ทั้งหมดเป็นเพียงคำแก้ตัวที่อมายาจงใจป้ายความผิดให้น้องสาวต่างแม่

แต่มันคงทำให้เขาเจ็บยิ่งกว่า ที่แม่ของลูกเป็นฆาตกร ฆ่าลูกอีกคนของเขา จึงไม่อาจยอมรับความรู้สึกอ่อนไหวที่ทะลักล้นอยู่ในใจ

อมายาเป็นปัจจุบันที่เขาต้องกอดไว้ แต่หนามแหลมคมของความแคลงใจก็ทิ่มแทงอ้อมกอดเขา จนเจ็บลึก รวดร้าวและทรมาน

จะปล่อยมือ หรือโอบกอดต่อไป… ก็คงเจ็บไม่แพ้กัน

“เราได้อะไรน่าสนใจมาอีกอย่างนึงครับ”

คราวนี้ ธนามีเอกสารที่แสดงว่าเอมมาลินไม่ได้เข้ารับการกายภาพบำบัดกับคลินิกใหม่หลายเดือน แต่หลังมีนรญาเสียชีวิต หล่อนก็กลับเข้ารักษาอีกครั้ง เขมราชเองก็ดูจะสนใจจนต้องขยับเข้าใกล้ทั้งสอง

“นี่ทำให้มันเริ่มน่าสนใจครับ คุณเขมราช” เพราะมันคล้ายเอมมาลินกลับไปรักษาอีกครั้ง เพื่ออำพรางบางอย่าง

“แล้วบันทึกการรักษา? ผลตรวจที่จะยืนยันว่าเธอปกติ? อยู่ที่ไหน” เขมราชถามต่อ

“ถึงเราเสียเวลาไปมาก แต่ผมก็อยากจะขอเวลาหาหลักฐานอีกสักหน่อย นักสืบเอกชนที่คุณนุจัดหามา ก็พยายามเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นอย่างเต็มที่ แต่หลายครั้ง… เราก็คว้าน้ำเหลว”

“หรือไม่ มันก็คงจะไม่มี เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นจริง”

“หยุดพูดซะทีได้ไหมเฟลม”

อมายาขึ้นเสียงอย่างเหลืออด เขาจะเอาเธอเข้าคุกให้ได้ เธอรูู้… แต่เขาควรสงบปากสงบคำเสียบ้าง

“…”

“คุณออกไปเถอะปะ ฉันทนฟังคุณพูดไม่เข้าหูไม่ไหวอีกละ”

“ไม่ไปหรอก”

เขายักไหล่ อมายาจ้องเขาด้วยแววตาไม่พอใจ ธนาเห็นว่าทั้งสองเริ่มนอกประเด็น จึงดึงกลับเข้ามา

“ผมเข้าใจที่คุณเขมราชพูดนะครับ มันซับซ้อนเกินกว่าจะสรุปได้จากหลักฐานที่ไม่ชัดเจน ไม่อย่างนั้น… คงไม่ต่างอะไรกับคิดไปเอง”

“แล้วคืนนั้น กล้องวงจรปิดก็ชัดเจนว่าลูกความของคุณคือคนที่ขับรถชนมีนจริง ๆ”

ใจเขาเป็นกังวล ถึงไม่มีภาพนาทีชน ด้วยที่เกิดเหตุไม่มีกล้อง แต่ตำรวจก็แกะรอยจากเส้นทางจนเจอคนร้าย แบบนี้... ต่อให้เขาไม่อยากให้เป็นเธอ แต่อมายาก็ยากจะหลุด

นั่นทำให้อมายาเงียบ…

ไม่มีใครยืนยันที่อยู่เธอได้ คืนนั้นพ่อกับสารภีออกงานสังคมตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด แต่ถึงจะยืนยันได้ ท่านคงไม่ทำ

ท่านเกลียดเธอเสียขนาดนั้น... เกลียดขั้นที่จัดฉากให้รับผิดแทนลูกสาวสุดที่รักได้ วันที่เธอไปให้พ้นหูพ้นตา คงเป็นวันที่โลกทั้งใบของท่านสดใส

หรือแม้แต่ชาร์ลส์ ที่มาหาเอมมาลินแต่ไม่พบ เธอจำได้ว่าเธอชวนเขาดื่ม แต่ถูกปฏิเสธ เธอจึงลากสังขารขึ้นห้อง อาเจียนเลอะเทอะไปหมด แล้วภาพก็ตัดมาอีกวัน ที่ตำรวจเคาะกระจก

ชาร์ลส์ให้การว่าอยู่กับเอมมาลินที่บ้านทั้งคืน

ส่วนเธอ... เขาบอกว่าออกไปดื่มข้างนอก กว่าจะกลับก็ค่อนเช้า

ผลักดันให้อมายาสับสน ความเกลียดที่มีต่อมีนรญาพาให้เกือบเชื่อว่าเธอเมาแล้วทำอย่างนั้นจริง ๆ แต่ส่วนใหญ่ในใจเธอ ก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะขาดสติได้ขนาดนั้น

เว้นเสียแต่ว่า... ชาร์ลส์จะให้การเท็จ เข้าข้างคนรัก

“ผมขอถามคุณอีกครั้งนะครับ” ธนาจ้องอมายาราวกับค้นหาความจริง “คุณทำจริง ๆ หรือเปล่า”

“ไม่ค่ะ” อมายาบอกชัดถ้อยชัดคำ ไร้แววลังเลในดวงตา “ฉันไม่ได้ทำ และฉันจะสู้ให้ถึงที่สุด”

ทนายหนุ่มยิ้มออกมา

“งั้นผมก็จะสู้ให้ครับ แต่ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง คุณต้องยอมรับมันให้ได้นะ”

อมายาพยักหน้า แน่นอน ธนาคงไม่ลงใจให้กันทั้งหมด แต่อย่างน้อยเธอก็เริ่มมีหวัง

ฝ่ายเขมราชก็เบาใจที่ได้ยินแบบนั้น หากลึกลงไป ยังไม่แน่ใจว่ามันไม่ใช่การ ‘เปลี่ยนผิดเป็นถูก’เพราะเงินที่เขาจ่ายให้ มากมายจนน่าเสียดาย ถ้าจะปล่อยให้อมายาแพ้คดี

ธนาขอเวลารวบรวมหลักฐาน เพราะเท่าที่มี น้ำหนักยังเบาเมื่อเทียบกับที่ตำรวจเจอ แต่กว่าจะถึงวันนัดสืบพยาน คงได้อะไรเพิ่มเติมบ้าง

“ขอบคุณมากนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ให้รอตั้งนานกว่าเราจะได้เจอกัน”

อมายาเหลือบมอง ‘ตัวต้นเหตุ’ ที่ทำให้ทุกอย่างช้าไปหมดด้วยสายตาขุ่นเคือง แต่เพราะคุยกันมาเกือบชั่วโมงแล้วคอแห้ง เธอจึงเอี้ยวตัวเพื่อคว้าแก้วน้ำ ธนาหมายใจจะช่วย แต่มือเขาก็ชนกับมือเธอจนทำน้ำหก

“ขอโทษครับคุณออย” ธนาจับมือเธอมา ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่พกประจำซับน้ำที่เลอะหลังมือนุ่ม ๆ ให้

ตอนนั้น ‘ตัวต้นเหตุ’ ที่หัวร้อนตั้งแต่ที่เธอบอกธนาด้วยเสียงเหมือนอ่อยว่า รอคอยจะได้เจอ ก็เข้าไปดึงมือที่เขาไม่ปรารถนาให้ใครแตะต้องออกมา เอาตัวเองแทรกเข้าไป บังอมายาไว้ข้างหลังจนมิด

“มีอะไรครับ คุณเขมราช”

ธนาแกล้งทำไม่รู้ ที่จริงเขาตั้งใจแหย่เขมราช ดนุกำชับว่าอย่าทำรุ่มร่ามกับอมายา เพราะแถวนี้เชื้อหมาบ้าระบาดหนัก แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ

“ผมแค่จะเตือนคุณว่า กะอีแค่คำพูดว่าไม่ได้ทำ คุณอย่ามั่นใจนักเลยว่าเธอไม่ผิด เอาเวลาไปหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของเธอให้ผมสบายใจ แทนที่จะมาทำอะไรที่ผม ‘ไม่อนุญาต’ ดีกว่า”

“ผมไม่ได้เชื่อจากคำพูดครับ แล้วก็ยังไม่ได้เชื่อว่าลูกความของผมบริสุทธิ์ ผมแค่จะทำอย่างสุดความสามารถ เพื่อหาความจริง แถมไม่การันตีผลด้วยครับ ซึ่งก็บอกคุณออยไปแล้วเมื่อกี้ แต่ว่าตอนนี้… ผมแค่กำลังจะเช็ดมือให้คุณออย”

“นั่นแหละ ที่ผมไม่อนุญาต”

ธนากลั้นยิ้ม ผิดกับอมายาที่ลอบกลอกตาด้วยรำคาญเต็มแก่

“เข้าใจแล้วครับ ขอตัวกลับก่อนนะครับคุณออย อ้อ… แล้วผมก็เฝ้ารอที่จะได้เจอคนสวยมีเสน่ห์อย่างคุณออยมานานแล้วเหมือนกัน ในรูปคุณออยว่าสวยมาก ๆ แล้ว พอมาเจอตัวจริง ผมแทบจะละสายตาไม่ได้เลยครับ ขอบคุณที่ต้อนรับผมอย่างดีนะครับ สวัสดีครับคุณเขมราช”

อมายายิ้มแห้งกับคำชมที่ดูตั้งใจเกิน ด้านธนาทำสายตาหวานเยิ้มก่อนออกไป ทำเอาเขมราชเดือดในอก เห็นเธอทำระริกระรี้กับคนอื่นแล้วโมโหจนเก็บทรงไม่อยู่

“ทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่ผู้ชายคนอื่น ลืมไปแล้วหรือไงว่าผัวยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ หรืออยากได้ใหม่จนตัวสั่น… แค่รอให้ลูกออกมาก่อนไม่ได้หรือไง”

เธอไม่เข้าใจ เขาจะให้เธอพูดเสียงแข็ง ทำท่าทางกระด้างใส่คนอื่นโดยไม่มีสาเหตุงั้นหรือ แล้วคำที่เขาพ่นออกมามันช่างน่าสะอิดสะเอียนเกินทน

อมายาเลือกที่จะหลับตา แกล้งทำเป็นหลับ ต้องเก็บพลังชีวิตไว้เผื่อลูก และไว้ต่อสู้กับอะไรอีกมากมาย ไม่อยากใส่ใจแค่เพียงเขายั่วโมโหด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง

“อย่ามาหลับใส่ฉันนะออย”

“…”

เขามองเธอที่นอนหลับบตานิ่งอยู่บนเตียงแล้วโมโหเหลือเกิน ยิ่งนึกถึงที่เธอเล่นหูเล่นตากับธนา ยอมให้มันจับมือถือแขนแล้วก็ทนไม่ได้

เขมราชเลยฉกใบหน้าลงไปบดจูบเธอเสียให้สิ้นเรื่อง ฐานที่ทำให้เขาเหมือนคนบ้าไม่มีทางออก เธอจะได้รู้ว่าเธอเป็นของใคร และเพื่อให้เธอได้รู้… ว่าควรทำตาหวานเสียงอ้อนได้แค่กับเขา

“อื้อ”

อมายาดิ้น หากไม่นานก็หยุดนิ่ง ใช่ว่าเธอเคลิบเคลิ้ม แต่ห่วงลูกในท้องมากกว่า เพราะหมอกำชับเหลือเกินว่าไม่ให้เธอขยับตัวมากเกิน

แต่เขายังกล้าเอาเปรียบกันแบบนี้... ก็ทำได้เพียงปล่อยให้น้ำตารินไหลประท้วงความเอาแต่ใจของคนไร้ความรู้สึก

เขมราชค่อย ๆ ผละจากปากนุ่ม น้ำตากลิ้งจากหางตาเธอลงเปื้อนผ้าปูที่นอนสีฟ้าเปลี่ยนความหวานซาบซ่านเป็นขมขื่นเมื่อกลืนลงคอ

“ออย”

“คุณมันทุเรศ ฉันไร้ทางสู้ขนาดนี้แล้ว คุณยังจะเอาไรอีก ให้ฉันกับลูกตายไปต่อหน้าเลยไหม คุณถึงจะพอใจ”

“ฉันขอโทษ”

“อย่าพูดคำนั้น”

“...”

“แค่ออกมาจากปากคุณ มันก็หมดความศักดิ์สิทธิ์แล้ว เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นไสหัวคุณออกไป อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกจะดีกว่า เพราะไม่งั้นฉันจะไปเอง”

เธอทำท่าจะลุกออกจากเตียง ยอมเสี่ยงให้ลูกเป็นอันตรายดีกว่าอยู่กับเขาต่อไปให้เป็นประสาทตายทั้งกลม อย่างน้อย... ข้างนอกนั่นที่มีทั้งหมอพยาบาลขวักไขว่ ก็คงจะช่วยให้เธอกับลูกรอดตายได้นั่นแหละ

“อย่าไปเลยนะ” เขมราชรีบกอดเธอไว้ ไม่ยอมให้ลุกไป หัวใจเขาเต้นแรงจนคนในอ้อมแขนเผลอกลั้นใจ “ฉันยอมเธอทุกอย่างแล้ว”

“งั้นก็ออกไป ออกไปให้พ้น ถ้ายังมาวุ่นวายกับฉันอีก คุณจะได้เห็นศพฉันแน่นอน”

อมายาฝืนดิ้น รังเกียจอ้อมกอดที่อบอุ่นจนใจเหลวนี้เหลือเกิน เขมราชจึงคลายวงแขน ช่วยประคองให้เธอนอนลง แต่ใบหน้าเปื้อนน้ำตาหันไปทางอื่น ไม่อยากมองเขาต่ออีกแม้สักวินาที

เสียงสะอื้นไห้แว่วจากห้องนั้นพาให้เขมราชที่เดินออกมาหน่วงในหัวใจ รู้ว่ามาแล้วเธอจะไล่... รู้ว่ามาแล้วตัวเองต้องเสียใจ แต่เขาก็ยังพาตัวเองมาเจอหน้าเธอทุกครั้งจนได้


ทุกครั้งที่เขมราชมาหา อมายาจะรู้สึกกดดัน อึดอัดที่รู้ว่าต้องอยู่ในสายตา หมอจึงห้ามไม่ให้เขามา คนที่มีหน้าที่ดูแลเธอจึงกลายเป็นเพลง

“ฉันบอกเพลงตั้งกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่กินของที่เขาทำ”

พอเห็นปิ่นโตที่เพลงหิ้วมา อมายาหงุดหงิดทันใด จนเพลงที่ตั้งใจจะโกหกว่าตนเป็นคนทำอาหารถึงกับหน้าเจื่อน

“แค่ชิมก็ได้นะคะ จะได้ไม่เสียน้ำใจของนาย”

“ฉันกินเพื่ออยู่ ไม่จำเป็นต้องกินเพื่อรักษาน้ำใจใคร แล้วอาหารของโรงพยาบาลก็จัดโดยนักโภชนาการ มีสารอาหารเพียงพอต่อฉันกับลูก ไม่จำเป็นต้องให้คนไม่มีความรู้เข้ามาจุ้นจ้าน”

นึกถึงสิ่งที่เขาทำแล้ว ก็เหมือนความดันเธอจะพุ่งสูงขึ้นด้วย เพราะเธอบอกตำรวจที่รับผิดชอบคดีวัชราทำร้ายเธอว่า ถูกเขมราชกักขัง แต่เผื่อใจไว้ว่า พวกนี้ได้ประโยชน์จากเขมราชเกินกว่าจะใส่ใจ

จึงไม่แปลกที่วันต่อมา ไม่มีตำรวจนายใดพูดถึง

แต่อย่าถึงขั้นตำรวจเลย ทุกทีที่เธอขอโทรศัพท์จากพยาบาล เธอก็มักถูกปฏิเสธ เพราะเงินกับอำนาจบิดเบือนทุกอย่างได้เสมอ

“แต่นายเขาอยากดูแลคุณออยกับลูกจริง ๆ นะคะ”

“บอกให้ไปขุดอีมีนขึ้นมาจากหลุมสิ มันต้องเต็มใจให้นายเธอดูแลอยู่แล้ว”

“คุณออย...”

“ฉันรู้ว่าเขาเป็นนายเธอ ยังไงเธอก็ต้องเข้าข้างเขา แต่ช่วยทำให้ฉันเครียดน้อยลงได้ไหม”

“...”

“เอาของพวกนี้ออกไป แล้วอย่าพูดถึงเขาอีก อย่างน้อยก็ช่วงที่ฉันรักษาตัว เธอรู้ไหม ได้ยินชื่อเขาแล้วไมเกรนฉันจะขึ้น! หรือเธออยากเห็นคุณหนูเธอไหลออกมาอีกล่ะ”

“ก็ได้ค่ะคุณออย”

เพลงหลบสายตาร้อนแรงที่คนบนเตียงจ้องมา ก่อนหมุนตัวเดินออกจากห้องไปพร้อมปิ่นโตในมือ เปิดประตูก็เห็นนายยืนหน้าเศร้าอยู่

เขมราชปักหลักอยู่โรงพยาบาลตลอดหลายวันโดยไม่ให้อมายารู้ เขาใช้ชีวิตอยู่ที่โถงรับรองซึ่งห่างจากตรงนี้ไปสามห้อง ส่วนการ์ดคนอื่นถูกเรียกมาเฝ้าทางเข้าอาคารทุกทาง

ด้านเพลงมีหน้าที่เตือนเขาล่วงหน้าสิบนาทีก่อนหล่อนจะพาอมายาออกมาสูดอากาศ

“เอ่อ นายคะ--”

“ฉันได้ยินแล้ว” เหมือนวันก่อน ๆ ที่เขามาแอบดูว่าเธอจะทานกับข้าวฝีมือเขาหรือเปล่า “เอามานี่”

“นายจะทิ้งอีกเหรอคะ” เพลงหลบเมื่อนายจะแย่งปิ่นโตไป หล่อนไม่อยากเห็นนายเทมันทิ้งอีก เพราะนายตั้งใจทำมันเหลือเกิน

“เขาไม่กินก็ต้องทิ้ง อย่างน้อยก็คงมีประโยชน์กับหมา”

“แต่ว่า...”

“ฉันไม่ให้เธอกินหรอกนะ เพราะฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอ อยากกินก็ไปทำกินเอง”

เมื่อนายยืนยัน หล่อนก็ไม่กล้า เพียงแต่ยิ้มแห้งแล้วส่งปิ่นโตให้ด้วยสายตาละห้อย แต่ก็เข้าใจในมุมของนาย... ที่อุตส่าห์ตั้งใจทำ แต่คนที่อยากให้กลับไม่ต้องการ

เขมราชถือปิ่นโตเดินจากไปอย่างหงุดหงิด ขบกรามแน่นเมื่อจินตนาการสีหน้าแม่ของลูกที่อยู่ในห้อง

ถ้าไม่กินก็ไม่ต้องกิน...

และในเมื่อไม่ต้องการ... เขาก็จะไม่ทำให้อีกต่อไป

พอถึงลานข้างอาคาร เขาก็เรียกหมาจรจัดแถวนั้นเข้ามา เทให้มันกินจนหนำใจ

“กินจนอ้วนไปเลยนะ พออ้วนแล้วฉันจะอุ้มไปให้คนดื้อมันดู ว่าอาหารที่เขาไม่กิน มันมีประโยชน์ขนาดไหน ขนาดฉันไม่ใช่นักโภชนาการ ฉันยังรู้เลย!”

เขาคุยกับมันแม้รู้ว่ามันไม่เข้าใจ ที่จริงแล้ว อยากบ่นให้อมายาฟังมากกว่า แต่จะทำอย่างไรได้ แม้แต่หน้าเขาเธอก็ไม่อยากเห็น

ด้านเพลงก็เข้าไปอยู่เป็นเพื่อนอมายา ช่วยพาว่าที่แม่คุณหนูที่หมออนุญาตให้ขยับตัวได้บ้างแล้วไปทำธุระส่วนตัวเป็นระยะ

ก่อนเธอจะหลับไปหลังดูหนังด้วยกันได้ไม่เท่าไหร่เพราะฤทธิ์ยา เพลงที่หมายใจจะออกไปโทรศัพท์ก็แปลกใจที่เห็นนายยังยืนหน้าเข้มอยู่หน้าห้อง

“นายยืนอยู่ตรงนี้ตลอดเลยเหรอคะ”

“แปลกใจอะไร ฉันก็มาของฉันแบบนี้ทุกวัน”

นายไม่ให้การ์ดมาเฝ้า กลัวอมายากดดัน แต่มาเฝ้าด้วยตัวเอง เพราะอย่างไรก็ไม่อาจไว้ใจพ่อนายได้ แต่ก่อนนี้เขมราชทำท่าไม่พอใจเดินออกไป หล่อนก็คิดว่าน่าจะไม่กลับมาแล้ว

“แล้วนี่จะไปไหน”

“ออกไปโทรศัพท์ค่ะ”

“คุณออยเธอหลับแล้วเหรอ” คนถามชะเง้อมองในห้อง เห็นแต่ปลายเท้าเท่านั้น เพลงพยักหน้าให้ ก่อนได้เห็นความลิงโลดผ่านดวงตาเขา

“งั้นไปนาน ๆ เลยนะ ไม่ต้องรีบกลับ”

เขมราชเข้าไปในห้องนั้น เป็นครั้งแรกของหลายวันที่เขา ‘ได้กลิ่นเธอ’ ใกล้ ๆ มันหอมแบบนุ่มนวล ชวนให้ปรารถนาทุกลมหายใจ

สีหน้าของอมายาดีขึ้นจากวันแรกมากแล้ว หมออนุญาตให้เธอเดินไปไหนมาไหนในห้องมากขึ้น

แต่ยาส่วนใหญ่ที่จ่ายยังเป็นตัวทำให้หลับ เนื่องเพราะอยากให้เธอลดกิจกรรมเพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง

“ออย หลับแล้วเหรอ” เขาลองเรียกดู อมายายังคงหลับตาพริ้ม ลมหายใจเรียบนิ่ง เขาจึงบรรจงหอมแก้มนวลแผ่วเบา กลิ่นหอมชัดเจนพาใจหนุ่มเต้นระรัว ค่อยเปลี่ยนไปแนบเรียวปากกับปากที่เริ่มมีสีเลือดของเธอ

ดูเหมือนแค่นี้ยังไม่พอเพิ่มพลังใจที่ห่อเหี่ยว เขาจึงขยับนั่งบนเตียง ค่อย ๆ เบียดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ยกศีรษะคนหลับให้พาดแขน มืออีกข้างโอบกอดเอวคอด ลูบหน้าท้องที่เคยคิดว่านูนขึ้นเพราะเธอกินจุ

แต่ที่จริง... มีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายใน  ก่อนที่อมายาจะตื่นมาด่าทอกัน เขาขอเวลาสักนิด... นิดเดียวเท่านั้นเพื่อเก็บเกี่ยวความสุขเท่าที่จะทำได้

* * *

หลังจากนั้นสองวัน หมอให้อมายากลับบ้านได้ โดยมีขบวนการ์ดอารักขาราวเป็นบุคคลสำคัญ เธออาย แต่ก็จำใจยอมรับ อย่างไรก็ปลอดภัยกว่าตัวคนเดียว

พอเห็นเขมราชรออยู่ท่าเรือ ความรู้สึกปลอดภัยก็สลายหายหน คล้ายรัศมีปีศาจแผ่ออกจากตัวเขา ได้แต่บอกกับใจว่า เธอมีลูกเป็นหลักประกัน เขาคงไม่กล้าทำเรื่องเลวร้ายอีก

“ส่งมือมาสิ” พ่อของลูกที่เธอไม่ต้องการยื่นมือให้ตอนจะขึ้นเรือ

อมายาแกล้งทำไม่เห็น หันไปบอกการ์ดคนหนึ่งข้างตัวให้ช่วยประคอง เพลงเห็นสายตานายที่มองลูกน้องแล้วเสียววาบ

บอกได้คำเดียวว่าไม่ดีแน่...

แต่ให้ทำอย่างไรได้ มันคือความต้องการของเมียนาย ชายคนนั้นจำใจช่วยประคองร่างนุ่มนิ่มและหอมเหมือนทุ่งดอกไม้ของนายหญิงขึ้นเรือ

ระหว่างทาง เขมราชไม่พูดไม่จายิ่งทำให้ลูกน้องหวาดกลัวว่าจะโดนหนักเมื่อถึงเกาะ ภาพที่เธอเอนซบร่างไอ้การ์ดคนนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัว เสียงพูดคุยของเธอกับมันก็ยังแว่วมาไม่หยุด

ทีกับเขา... เขาที่เป็นพ่อของลูก อมายากลับจงเกลียดจงชัง แค่จะกอด ยังต้องรอตอนเธอหลับ แต่กับผู้ชายคนอื่นกลับให้แตะต้องง่าย ๆ

ตอนคบกัน อมายาไว้ตัวกับเพศตรงข้ามเสมอ เธอเป็นผู้หญิงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน... เห็นแล้วอยากหักคอทั้งหญิงทั้งชายให้รู้กันไป

อมายาเห็นสายตาเขาแล้ว หากไม่ได้ใส่ใจ เธอไม่ได้ทำเรื่องผิด ถ้าเขาจะทำร้ายคนใต้อาณัติด้วยเรื่องนี้ ก็เป็นเพราะนิสัยส่วนตัว

แน่นอน... อมายาได้พักห้องเดิมในบ้านบนเกาะ แต่เขมราชให้คนเปลี่ยนผ้าม่านกับผ้าปูที่นอนใหม่ ของในห้องถูกย้ายตำแหน่งเพื่อให้แสงกับลมเข้ามาง่ายขึ้น ทั้งมีดอกไม้ในแจกันหัวเตียง

ดอกเยอบีร่า...

ดอกไม้แห่งความเข้มแข็งและสดใส คุณย่ามักเปรียบเธอกับมันเสมอ และเขา... รู้มาโดยตลอด

บทก่อนหน้า
บทถัดไป