บทที่ 9 8
เอมมาลินปรารถนามาตลอดว่าจะได้เป็นเงาเพียงหนึ่งเดียวในดวงตามีเสน่ห์เขย่าหัวใจหล่อนอย่างรุนแรงนั้น แต่สายตาเขามีไว้มองเพียงแค่พี่สาวหล่อน เพราะแม้ทุกอย่างจะชี้ว่าอมายาฆ่าเมียรักของเขา แต่เขาก็ยังเลือกอมายา และไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนนี้เขาจะรู้อะไรบ้าง นั่นยิ่งทำให้ชีวิตหล่อนกับชาร์ลส์ผูกติดกันแน่นขึ้น
“คุณย่าทานขนมอันนี้ไหมคะ เอมซื้อมาฝากจากเมืองนอก ขึ้นชื่อมาก ๆ เลยนะคะ ใคร ๆ ก็ไปต่อแถวซื้อกัน”
หล่อนหยิบออกมาจากกล่อง ค่อย ๆ ยื่นไปใกล้ปากท่าน แต่คุณอิงอรปัดทิ้ง สิ่งที่มาจากสองแม่ลูกปีศาจที่รังแกลูกสะใภ้กับหลานสุดที่รักของท่าน มันน่ารังเกียจยิ่งกว่าไวรัสชนิดไหนบนโลกนี้
“ออกไปให้พ้นหน้าฉัน นังเด็กเปรต!”
คำพูดของท่านทำให้เอมมาลินเจ็บแปลบในอก มองขนมที่เข้าคิวเป็นชั่วโมงเพื่อซื้อมาให้แล้วขบกรามแน่น สะกดกลั้นโทสะดำทมิฬนั้น แต่หล่อนก็เคยทนให้ท่านทำกับหล่อนอย่างนี้ซ้ำ ๆ ในขณะที่อมายาได้รับความรักจากท่านจนเอ่อล้น
“คุณย่าจะรอให้พี่ออยมาป้อนงั้นสินะคะ”
“ใช่ ฉันรอหลานคนเดียวของฉัน ได้ยินแล้วก็ออกไป”
“แล้วเอมไม่ใช่หลานหรือคะ ทำไมคุณย่าถึงใจร้ายกับเอมแบบนี้ ไม่เห็นใจกันบ้างเลยเหรอ เอมก็หน้าตาเหมือนพี่ออยทุกอย่าง มันไม่พอให้คุณย่าคิดจะรักเอมเหรอ ทำไมถึงเกลียดเอมขนาดนี้”
“แกได้ความรักความใจดีจากทุกคนไปหมดแล้ว จะมาเรียกร้องเอาอะไรจากฉัน”
“แค่รักหลานให้เท่ากัน มันจะตายเหรอคะ”
“ตายสิ เพราะหลานอย่างแก ฉันทำใจรักไม่ลง”
“คุณย่า...”
หล่อนพ้อทั้งน้ำตา แต่ไม่เคยได้ผลกับท่าน กำเนิดของหล่อนมันน่ารังเกียจอยู่แล้ว หากยังไม่เท่าวันแรกที่หล่อนเข้ามาในบ้าน หล่อนทำให้อมายาถูกมองเป็นเด็กร้ายกาจ ทั้งที่ท่านเลี้ยงของท่านมาแต่อ้อนแต่ออก รู้ดีว่าอมายานิสัยอย่างไร
เป็นไปไม่ได้ที่อมายาจะทำกับน้องแบบนั้น
ซ้ำตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เอมมาลินทำพี่เจ็บปวดเสมอ จะให้แบ่งความรักจากคนน่าสงสาร มาให้เด็กเหลือขออย่างแม่นี่ จนตายท่านก็ทำไม่ได้
“แกไม่ใช่หลานฉัน อย่าสำคัญตัวผิด”
คนเราจะทนให้คนอื่นบดขยี้ความรักของตนอย่างไร้ค่าได้สักกี่หนกัน เอมมาลินทนกับคนตรงหน้ามาทั้งชีวิตแล้ว หล่อน... ทนไม่ไหวและไม่อยากทนอีกต่อไป
“แล้วคุณย่ารู้อะไรไหมคะ ว่าหลานที่คุณย่ารักนักรักหนาและเชื่อว่ามันเป็นคนดีมาตลอด มันกำลังจะติดคุก!”
“พูดอะไรของแก”
“ก็พี่ออยไปฆ่าเมียกับลูกของพี่เฟลม แค่เพราะว่าแค้นที่เคยโดนแย่งไปไงคะ หลักฐานทุกอย่างมัดตัวหมดแล้ว ยังไงก็ไม่รอด”
สิ่งที่ได้ยินคล้ายคลื่นยักษ์สาดซัดตบฝั่ง โกรธเอมมาลินที่เอาแต่ใส่ร้ายพี่สาว แต่ข่าวที่หล่อนเปิดให้ ผลักดันให้ท่านรู้สึกเหมือนใจจะขาด
“ไม่ มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด หลานฉันถึงมันจะดูร้าย แต่มันไม่ได้เลว แล้วถ้ามันเป็นอย่างนั้น วันก่อนเฟลมจะเข้ามาบอกฉันทำไมว่ากลับมาคบกับออยแล้ว”
แววตาหญิงสาวโชนแสงร้อนแรงแต่แฝงความหวาดหวั่น ถ้าเรื่องออกมาทำนองนี้ได้ เขมราชไปรู้อะไรดี ๆ มาอย่างนั้นหรือ แล้วที่ผ่านมาที่พี่สาวหล่อนหายไป ไม่ได้หนีคดี แต่ไปอยู่กับเขมราชงั้นสินะ
ทำไมไม่มีใครบอกหล่อนเลย... ชาร์ลส์เองก็พูดเพียงว่าอมายาหนีการแต่งงานไปที่ไหนไม่รู้เท่านั้น
“เขาอาจจะโกหกก็ได้นะคะ” หล่อนไม่ยอมเสียท่าต่อหน้าย่าเป็นแน่ “งั้นย่าจะอธิบายข่าวนี้ยังไง ถ้าคิดว่าเอมโกหก ก็ลองถามพยาบาลดู แต่คงยากหน่อยนะคะ เพราะพวกเขาไม่ชอบบอกเรื่องแบบนี้กับคนแก่ใกล้ตาย”
“...”
“อีกอย่าง ไม่สงสัยบ้างเหรอคะ ทำไมน้าพิยดาถึงไม่มาเยี่ยมคุณย่าเลย”
“เขางานยุ่ง”
“เขาตายแล้วค่ะ”
“ไม่จริง” ท่านจ้องเอมมาลินตาแข็ง ทว่ากลับ... มีน้ำตา
“จริงค่ะ เขาตายแล้ว ว่ากันว่าเพราะผัวใหม่เขาอยากได้พี่ออย ก็เลยฆ่าเขาแล้วเอาพี่ออยทำเมีย ไม่รู้ตอนนี้จับพลัดจับผลูไปอยู่กับพี่เฟลมได้ยังไง ถ้าคุณย่าเจอเขา คุณย่าก็ลองถามดูนะคะ”
เพียงเท่านั้น เอมมาลินก็มองเห็นความเจ็บปวดในแววตาของคุณย่า หล่อนเองก็เสียใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็สะใจไม่น้อยที่เห็นท่านเจ็บเพราะหลานรัก ต่อให้ที่พูดไปมีเรื่องจริงผสมอยู่เพียงนิดก็ตาม
คุณอิงอรไม่ได้เชื่อที่หล่อนพูด แต่ความตกใจเร้าให้ความดันพุ่งสูง สารเคมีในร่างกายที่ผิดปกติจากอวัยวะหลายส่วนมีปัญหา ผลักดันให้ใบหน้าเหี่ยวย่นเหยเก หายใจไม่ออก หัวใจบีบรัดคล้ายจะปริแตกจริง ๆ
เอมมาลินกดสัญญาณฉุกเฉินเรียกหมอเข้ามาดูอาการ ส่วนหล่อนเข็นล้อรถเข็นออกมาจากห้องโดยที่คนข้างในไม่รู้ พร้อมน้ำตาที่ไหลริน และความไม่เข้าใจ...
ถึงหล่อนเป็นลูกเมียน้อย อย่างไรก็เป็นหลาน อย่าว่าท่านเกลียดหล่อนด้วยเรื่องอุบัติเหตุที่ทำให้หล่อนพิการเลย ท่านชิงชังหล่อนตั้งแต่เกิดแล้วด้วยซ้ำ
ทั้งที่ความเกลียดชังของผู้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องที่หล่อนต้องมารับผลกรรม และถ้าท่านรักหล่อนบ้าง... หล่อนกับอมายาคงไม่เป็นอย่างนี้
วัชราต้องการหนีออกชายแดนตามเส้นทางธรรมชาติ แต่แผลถูกยิงติดเชื้อไปต่อไม่ไหว ต้องพักในบ้านซอมซ่อของลูกน้องเพื่อรอให้หมอมารักษา ทว่าอาการไม่ดีขึ้น แถมตำรวจยังแกะรอยหมอจนเจอเขาในที่สุด
คนที่ภักดีพร้อมสู้จนตัวตาย แต่สู้อย่างไรคงไม่ไหว เท่ากับเอาชีวิตไปทิ้ง วัชราจึงตัดสินใจมอบตัวเพื่อรักษาลมหายใจตนและคนของตัว อย่างน้อยอีกสิบปีข้างหน้าพวกมันอาจมีชีวิตรอดจากคุกไปเจอครอบครัวที่มันรักยิ่ง แต่คนที่แสดงตัวพร้อมผู้ตรวจการแผ่นดิน ผลักดันให้อยากสู้จนตัวตายมากกว่า
แขไข…
“ยังดี ที่รู้ตัวว่าหนีไม่รอดก็ไม่คิดเอาชีวิตตัวเองมาทิ้ง”
“...”
“ตอนนี้เราได้วัดกันจริง ๆ แล้วนะ ผลเป็นยังไงก็คงไม่ต้องให้ฉันอธิบาย”
ที่ผ่านมาหล่อนใจเย็นเพราะเห็นแก่หลาน ไม่อย่างนั้นไอ้แก่ชั่วคงได้ลงนรกไปนานแล้ว
“อืม… นับถือเลย สมเป็นเธอ”
แขไขไม่สนใจคำชม หล่อนสาวเท้าเข้าหาคนวัยเดียวกัน ใบหน้าเรียบนิ่งแต่แววตาเดือดดาล ก่อนฟาดฝ่ามือเข้าหน้าวัชราอย่างจัง แรงเสียจนเขาต้องถ่มเลือดทิ้ง
นับแต่วัชราทำเขมราชเจ็บปางตาย หล่อนก็สะสมความเกรี้ยวกราดไว้มหาศาล จนไม่อาจรักษาความเยือกเย็นไว้ได้
“ฉันฟ้องเธอได้นะ”
“ฉันยินดีจ่าย ถ้าจะได้เอาเลือดพ่ออย่างคุณออกเสียบ้าง”
“พ่อเหรอ” เขาเยาะ “เธอก็รู้ ว่ามันไม่ใช่ลูกฉัน”
“ไม่สำคัญว่าคุณคิดยังไง เพราะกระดาษแผ่นนี้พิสูจน์ความจริงทั้งหมดแล้ว”
หล่อนส่งสายตาให้คนสนิทนำกระดาษแผ่นหนึ่งไปเปิดต่อหน้าเขา กระดาษแผ่นนี้ที่คนใจแกร่งอย่างเขาไม่กล้าทำทุกอย่างเพื่อมัน เพราะเขา.. กลัว
กลัวความจริงจะทำร้ายจิตใจเขา ซ้ำแล้ว… ซ้ำอีก
และตอนนี้ เขากำลังเจ็บปวดเพราะมันทั้งที่ความจริงสวนทางกับความเชื่อในใจเขา
เขมราชเป็นลูกเขา…
“ทั้งที่ไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอด้วยซ้ำ มองเฟลมปราดเดียวก็บอกได้ว่าเป็นลูกคุณ”
หล่อนทนไม่ไหว ปัญหาทุกอย่างคาราคาซังมานานเกินไป ตัวหล่อนเองเชื่อสนิทว่าเขมราชเป็นลูกวัชรา แต่พอเห็นสิ่งที่มันทำเหมือนลูกไม่ใช่ลูก หล่อนชักอยากให้หลักฐานฟาดฟันมันให้แดดิ้น ให้มันเจ็บปวดกับสิ่งที่มันทำ
แล้วความจริงก็เป็นอย่างที่หล่อนหวัง…
“ทำไมคุณถึงจงเกลียดจงชังมันนัก ถึงขั้นจะฆ่ามันให้ตาย”
“…”
“ฉันไม่ได้หวังว่าคุณจะเป็นคนดีเลยนะ แต่ก็ไม่คิดว่าคุณจะเป็นพ่อที่เลวขนาดนี้ แค่ที่คุณทำร้ายมันมาตั้งแต่เด็ก ฉันยังพอทนได้ แต่นี่คุณจะฆ่ามัน คุณทำได้ยังไง คุณมันนรกส่งมาเกิดจริง ๆ”
วัชราจุกในอก เหมือนเขา… อยากร้องไห้
แต่น้ำตาเขาเหือดแห้งตั้งแต่วันที่เห็นเมียรักนอนกับผู้ชายคนอื่น เขาจำได้ทุกท่วงท่าของหล่อนกับมันคนนั้น
จำได้… แม้กระทั่งเสียงครางอย่างสุขสมที่สอดประสานกัน
หล่อนมีความสุขยิ่งกว่าตอนที่ผู้ชายบนเตียงนั้นเป็นเขาเสียอีก
“ฉันคิดว่ามันเหมือนพี่ชายฉันมากกว่า”
“คุณก็เหมือนพี่ชายคุณ พี่น้องคุณก็คล้ายกันหมดแม้กระทั่งน้ำเสียง หรือท่าเดิน”
วัชราหัวเราะเสียงเครือ แขไขเข้าใจที่เขาสื่อผิดไป เขารู้อยู่แล้วว่าเป็นธรรมดาที่หลานออกมาต้องมีส่วนคล้ายลุงบ้าง แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่…
“นิดเคยบอกหรือเปล่า ว่ามันเป็นชู้กับใคร”
แขไขรู้ปัญหาน้องอยู่บ้าง ทีแรก... วัชราทุ่มเทให้งานมากกว่าครอบครัว ต่อมา คณิสราพ่ายแพ้ความเหงา ปล่อยตัวให้ใครอีกคน
มันไม่ใช่ความรัก เป็นเพียงความใคร่ ใจหล่อนยังมีสามีทั้งใจ
แต่คณิสราไม่เคยบอกว่า ‘ผู้ชายคนนั้น’ เป็นใคร ทุกครั้งที่แขไขถาม หล่อนก็มักเปลี่ยนเรื่อง หรือถ้าจนมุมก็เอาแต่ร้องไห้ พอวัชราเกริ่นมาอย่างนี้ แขไขชักกลัวความจริงเสียแล้ว
“พี่ชายคุณงั้นเหรอ”
“ฉลาด…”
คงน่าสมเพชไม่น้อยหากใครรู้ว่า เจ้าพ่อภาคตะวันออกถูกเมียกับพี่ชายสวมเขา วัชราจึงคิดจะเก็บความลับนี้จนตัวตาย
เขาเป็นคนมีลูกยาก พยายามอยู่สองสามปีจนท้อ แต่พอหล่อนนอกใจ… กลับมีเด็กคนนั้น พี่ชายเขามั่นใจว่าเป็นลูกตน เย้ยหยันว่าเขาผ่าเหล่ากอ คนในตระกูลมีลูกเป็นพรวนแต่เขากลับไร้น้ำยา ส่วนคณิสราตอบไม่ได้ว่าเด็กเป็นลูกใคร ยืนยันเพียงว่ารักเขา... ที่ทำไปก็ด้วยความเหงา
แต่เขาไม่เชื่อในตัวหล่อนอีกแล้ว...
หล่อนขอโอกาสเริ่มใหม่ ถ้าเขาจะเลิกหล่อนจะประจานว่าเขาโง่โดนเมียกับพี่ชายสวมเขา วัชราจึงให้หล่อนอยู่ได้ตามใจ แต่ทุกวินาทีเขามีแต่เลวร้าย ทำแต่สิ่งที่ไม่น่ารับไหวทั้งกับหล่อนและเด็กคนนั้น
เพราะเขาเชื่อโดยไม่กังขาว่าเขมราชเป็นลูกพี่ชาย คนที่คณิสราแอบเข้าหา คนที่เขาส่งมันไปตายในคุกด้วยแรงแค้นสุมอกหลังถูกหักหลังด้วยการนอนกับหล่อนเพียงไม่นานโดยที่เขาไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอให้ปวดใจ อีกทั้งลักษณะนิสัยของเด็กก็คล้ายพี่ชายเขายิ่งกว่า
ทุกครั้งที่เขาเห็นหน้าเขมราช เขาจึงชังมันเหลือเกิน…
ชังจนใจเจ็บ… ชังที่มันทำให้เขาหวนหาช่วงเวลาที่เขามีความสุขกับแม่ของมัน ตลอดจนนึกถึงความเจ็บปวดที่เห็นหล่อนร่วมรักกับพี่ชายของเขา
ใจเขามีทั้งรัก ทั้งเกลียด จนไม่รู้จะระบายออกมาอย่างไร
หากวันที่หล่อนเลือกตายมากกว่าอยู่ทรมานด้วยกัน เขาไม่คิดว่าหล่อนจะทำอย่างนั้นต่อหน้าลูกที่เขาบังคับให้ยืนดู
แต่สุดท้ายหล่อนก็เลือกที่จะตาย…
‘ถ้าคุณไม่รัก ฉันขอตายเสียยังดีกว่า’
หล่อนกล่าวทั้งน้ำตา ก่อนทิ้งตัวลงจากตึกหกชั้นต่อหน้าเขาและเด็กเจ็ดขวบ
ทั้งที่หล่อนขอโอกาส แต่กลับทิ้งเขาและเลือดเนื้อของหล่อนไว้ข้างหลัง เหมือนหล่อนไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง
ทุกอย่างที่หล่อนทำ… ก็เพื่อตัวหล่อนเองทั้งหมด
ยิ่งทำให้เขาเกลียดสุดใจเท่ากับความรักที่เขามีให้หล่อน พลางคิดว่าความตายสำหรับหล่อนนั้นยังเบาเกินไป เมื่อเทียบกับแผลที่คณิสราฝากไว้ในใจเขา
ต่อให้ผ่านมานานเท่าไร… มันก็ยังเป็นแผลสด
เขมราชที่เป็นเหมือนตัวแทนของหล่อนกับชายชู้จึงต้องรับความเกลียดชังทั้งหมดที่เขามี
ที่เขาฮุบเอาทุกอย่างใช่เพราะเขาอยากได้ แต่เพราะเขาเกลียดที่มันมีชีวิตประจานความโง่ของเขา
เกาะนั่น... ไร้ราคาสิ้นดีในสายตา แต่กลับสำคัญกับคณิสราและเขมราช มันจึงดูมีค่าให้เขาแย่งชิง
แต่ทุกครั้งที่เขาใจดีกับเด็กคนนั้น ใช่จะคิดว่ามันเป็นลูก หากเพราะมันเป็นเลือดเนื้อของผู้หญิงที่เขารักเท่ากับชังต่างหากเล่า
หากเมื่อความจริงฟาดหน้าแขไขจนแทบทรงตัวไม่ไหว ถ้าไม่ได้คนสนิทเข้าประคองหล่อนคงกองกับพื้นเสียแล้ว วัชราไม่คิดว่าชั่วชีวิตนี้จะได้เห็นมุมอ่อนแอของหล่อน
“ไอ้พงศ์พี่ชายฉันยืนยันกับฉันตั้งแต่ก่อนเข้าคุก และจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตว่าเขมราชเป็นลูกของมัน”
“คุณก็เลยเชื่ออย่างนั้นมาตลอดเหรอ”
“ใช่ เพราะฉันมันขี้ขลาด”
“…”
“แต่เธอก็รู้ว่าฉันพยายามแค่ไหนที่จะมีลูก แต่ก็ไม่มี จนกระทั่งนิดทำเรื่องระยำแบบนั้น… ฉันยังต้องพิสูจน์เพื่อซ้ำเติมตัวเองอีกเหรอ
“...”
“แต่ฉันคิดผิด”
ที่แท้น้ำตาของเขายังไม่เหือดหาย วัดจากหยดนี้ที่มันรินไหล… บ่งบอกว่าเขาเสียใจเพียงไรกับเรื่องที่ทำลงไป
แขไขบอกไม่ถูกว่าควรรู้สึกอย่างไร ทีแรก… หล่อนโกรธแค้นวัชราจนอยากฆ่าให้ตาย ตอนนี้กลับเข้าใจความรู้สึกคนโรคจิตอย่างมันเสียได้ แต่สุดท้าย หล่อนก็ต้องเลือกปกป้องความรู้สึกหลานชายเพียงคนเดียว
“ฉันจะไม่บอกเฟลมเรื่องผลดีเอ็นเอ”
“ดีแล้ว” วัชรายกมือที่ถูกใส่กุญแจปาดน้ำตา “มันกับฉันเราตัดขาดกันไปแล้ว ให้มันเชื่อว่าฉันไม่ใช่พ่อมันจริง ๆ นั่นแหละ อย่าให้มันต้องเสียใจที่ต้องจบแบบนี้”
อย่างที่เขมราชเคยพูด ถ้าใจไม่คิดว่าเป็นพ่อลูกกัน ที่ผ่านมาเราเกลียดกันมากกว่าผูกพัน ต่อให้ความจริงชัดเจนแค่ไหนก็คงไม่ทำให้จุดจบเปลี่ยนไป
“ขอให้โชคดีกับทางเดินที่คุณเลือกนะ แต่ชีวิตในคุกคงไม่ง่ายสำหรับคุณเท่าไหร่ หวังว่าคุณจะอยู่รอดจนกว่าจะถึงวันที่ได้รับอิสรภาพนะ วัชรา”
วัชราพยักหน้าอย่างสิ้นท่า แขไขมองเขาด้วยความรู้สึกปลงตก ผู้ชายที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่คับฟ้า ทุกคนต้องหลีกทางให้เขาก้าวเดิน กลับกลายเป็นเพียงไอ้แก่บ้าที่จนตรอกเพราะความขลาดเขลาของตัวเอง
หล่อนไม่เอ่ยขอโทษในสิ่งที่น้องสาวทำ คณิสราตายไปแล้ว ก่อนตายก็คงพร่ำบอกคำนั้นกับเขาซ้ำ ๆ แต่เขาไม่ควรเอาความเกลียดมาลงที่เด็ก เพราะเหตุนั้น หล่อนไม่ฆ่าเขาเสียตอนนี้ก็ดีถมไป
26
ความลับของคนที่ถูกเลือก
เมื่อวัชราถูกจับหน้าที่ดนุก็สิ้นสุด จึงขอเขมราชกลับกรุงเทพฯ ก่อนไปเขาเข้าไปบอกลาอมายา ที่ดูเหมือนคนสิ้นหวังไปทุกขณะจิต
“พี่จะกลับแล้วนะคะน้องออย”
“เดินทางปลอดภัยแล้วกัน”
เธออวยพรด้วยอาการนิ่ง ค่อยหันมองทะเลสงบนอกหน้าต่าง ที่เขาเคยคิดว่าเธอดูสิ้นหวังคงเบาไปนักเมื่อเทียบกับความจริง
“พี่ถามอะไรน้องออยหน่อยได้ไหมคะ”
“ถามมาสิ”
“น้องยังอยากจะไปจากเฟลมอยู่หรือเปล่า”
“ทำไมถึงคิดว่าฉันจะอยากอยู่”
“น้องกำลังจะมีลูกกับเฟลม อะไร ๆ ตอนนี้มันเลยเปลี่ยนไป”
“ฉันท้อง ไม่ได้แปลว่าฉันโง่ ก็เห็นอยู่ว่าฉันอยู่ไม่ได้”
“แต่เฟลมแลกชีวิตปกป้องน้องออย ไม่เห็นใจเขาเหรอคะ”
“พวกคุณมันก็เหมือนกันหมด โตมาด้วยกัน เทิดทูนเขาเป็นเหมือนเจ้าชีวิตนี่เนอะ ไม่แปลกทำไมถึงเป็นแบบนี้ ที่สัญญากับฉันก็แค่หลอกให้ฉันมีความหวังไปวัน ๆ เท่านั้นสินะ”
“พี่พูดคำไหนคำนั้นค่ะ แต่พี่แค่อยากรู้ความต้องการที่แท้จริงของน้องออย”
“ที่เฟลมทำดีกับฉันก็เพราะลูก เขาไม่ได้บอกคุณเหรอว่าพอฉันคลอดแล้ว เขาจะเอาแค่เด็กส่วนฉันจะเป็นตายเขาไม่สน จากนั้นเขาจะบอกลูกว่าแม่ชื่อมีน ไม่ใช่ฉัน… คุณนึกออกใช่ไหมว่าหลังจากนั้นความช่วยเหลือทุกอย่างจากเขาก็เป็นอันยุติ เขาจะสู้ก็เพื่อแค่ไม่ให้ลูกต้องไปคลอดในคุกเท่านั้นแหละ”
“พี่ไม่รู้เลยว่าเฟลมมันพูดแบบนั้น” เหมือนเขมราชขุดหลุมฝังตัวเอง เขารู้เพื่อนสับสน... นั่นเป็นเหตุผลที่คนเราไม่ควรตัดสินใจตอนที่ยังไม่แน่ใจ
“แล้วคุณกล้าพูดได้ยังไงว่าเขายอมตายเพื่อฉัน ขนาดตัวฉันเองยังไม่กล้าคิดเลย”
“…”
อมายาเชื่อไปแล้ว เขาไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนความคิดเธอ เขาอาจรู้ว่าเขมราชรักเธอเพียงไร… รักมาตลอดแม้จะหลอกตัวเองแค่ไหน แม้คนอื่นจะเหมาะกับมันมากกว่า รักจนเขาเองทั้งเกลียดทั้งเห็นใจ แต่นั่นกลับเป็นเพียงด้านที่เขาเจอ
เขาไม่ใช่คนที่ต้องรับมือกับด้านมืดของเขมราช จึงไม่แปลกใจที่ไม่ว่าสิ่งใด ก็เปลี่ยนใจอมายาไม่ได้
“ต่อให้เขาจะทำดีกับฉันแค่ไหน ก็รั้งฉันไม่ได้ แล้วฉันก็หวังว่าพอคุณรักษาคำพูดแล้ว คุณจะไม่ช่วยเขาจับฉันมาอีก ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าจะหายใจต่อไปได้ยังไงในสภาพน่าสมเพชแบบนี้”
น้ำตาหยดหนึ่งกลิ้งลงจากหางตา อมายาจึงเงยหน้ามองเพดาน เก็บกลั้นมันไว้… บางครั้งก็หงุดหงิดจนพานเกลียดตัวเองที่เอาแต่ร้องไห้ แต่เธอไม่รู้เลยว่า เรื่องร้ายที่ผ่านมา หล่อหลอมให้เธอแข็งแกร่งขึ้นบ้างไหม หรือมันเพียรทำลายให้แตกสลายซ้ำแล้วซ้ำเล่ากันแน่
เธอรู้เพียงว่า ตนกำลังยืนอยู่ปากเหว หมิ่นจะตก เบื้องล่างมีเขมราชที่เป็นเหมือนไฟพร้อมแผดเผาทุกอย่างด้วยความแค้นและเกลียดชังรออยู่ หากเธอปล่อยให้ตัวเองตกลงไป ไฟนั้นคงเผาครอกจนเธอมอดไหม้เป็นจุณ
แต่ขณะที่เธอตะเกียกตะกายอยู่ขอบเหวนั้น ดนุซึ่งยืนมองอยู่ เขาเลือกได้ว่าจะช่วยฉุดเธอไว้ หรือผลักลงเหวไป
ดนุเจ็บหนึบในอกเมื่อเห็นน้ำตาหยดนั้น เขาเดินเข้าไป ฉวยมือที่จับขอบหน้าต่างมากุมไว้ รู้ว่าตนไม่มีสิทธิ์ แต่ขอโอกาสเพียงนิดที่เขาจะได้เป็นคนเคียงข้างเธอ แม้ต้องขโมยมันผ่านรูเข็มอันคับแคบ เขาก็ยอม
“พี่เข้าใจแล้วว่าน้องออยไม่อยากอยู่”
“งั้นข้อตกลงของเรา…”
“ยังเหมือนเดิมค่ะ”
เขาเลือกฉุดเธอไว้ แม้ไฟข้างล่างร้อนแรงจนแผดเผาเขาไปด้วย อมายาสวมกอดร่างใหญ่ด้วยความซาบซึ้ง อนึ่ง… ก็แทนคำขอบคุณที่ดนุยังคงเป็นเหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ให้ชีวิตที่มืดมนเจอทางออกอีกครั้ง
“รอพี่นะคะ”
“อือ”
ใบหน้าสวยพยักแนบอกเขา ดนุอดยิ้มไม่ได้ ใจเรียกร้องให้สองมือโอบกอดเธอตอบ จำไม่ได้ว่าเคยฝันถึงเธอแบบนี้กี่ครั้ง
แต่ ‘คนขี้ขโมย’ มักมีความสุขไม่ยั่งยืน
เพราะตอนนั้น เจ้าของคนในอ้อมกอดผลักประตูเปิด ด้วยรู้สึกว่าเพื่อนเข้ามานานเกินไปแล้ว แต่ภาพที่เห็นทั้งสองกอดกัน ผลักดันให้เขาเดือดดาล
เขมราชกระชากดนุที่รีบผละจากอมายา หวดหมัดใส่หน้ามันด้วยแขนข้างเดียวที่ไม่บาดเจ็บ ร้าวจนแผลถูกแทงปริแตก ส่วนดนุหน้าสะบัด เลือดกบปาก เขมราชประเคนเท้าถีบเพื่อนจนล้มลงไปอีก พอจะกระทืบซ้ำกลับเป็นอมายาเข้ามาขวางแล้วผลักเขาออก
“เลิกบ้าเสียที”
“จะไม่ให้บ้าได้ยังไง ในเมื่อเห็นเมียกอดกับชู้ตำตาขนาดนี้”
“หยุดพูดว่าฉันเป็นเมีย หยุดแสดงความเป็นเจ้าของฉัน เพราะฉันไม่ใช่ของคุณ ฉันจะทำแบบนี้กับใครก็ได้ คุณได้ยินไหม คุณไม่มีสิทธิ์”
“ออย!!!”
เขาจ้องเธอเหมือนจะหักคอ อมายาไม่สน ก้มลงประคองดนุลุกขึ้น ยิ่งเห็นเธอทำแบบนั้นลาวาในอกก็ยิ่งปะทุ เท้าหนักจึงกระแทกเข้ากลางอกจนดนุหงายหลังไปอีก ดีที่เขมราชมือไวรั้งแขนไว้ได้ทันอมายาจึงไม่ล้มไปด้วย แต่ตอนที่เขาจะเข้าไปซ้ำกลับเป็นเธอที่รั้งเอวเขาไว้
“เฟลม หยุดได้แล้ว คุณนุ รีบกลับไปเถอะ ฉันไม่เป็นไรหรอก”
ดนุไม่คิดตอบโต้ แม้ปกติน้อยครั้งนักที่เขมราชจะทำเขาเจ็บได้ เพราะสิ่งที่เขาทำมันไม่ควร
“ไอ้เฟลม มึงฟังนะ กูแค่กอดในฐานะพี่ชาย ไม่มีอะไรเกินเลย”
“มึงอย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงเองก็รักออย”
อมายาหันมองดนุอย่างไม่อยากเชื่อ เธอเพียงคิดว่าเขารู้สึกผิดถึงได้ทำดีต่อกัน นี่เขา... รักเธองั้นหรือ
“ใช่ กูรักน้อง แต่กูก็ยอมให้มึงคนเดียว” ดนุถ่มเลือดออกจากปาก เดินเข้าไปกระชากสาบเสื้อเขมราชที่จ้องกันอย่างเอาเรื่อง “แต่ถ้ามึงยังดูถูกน้องแบบนี้อยู่ กูจะเอาน้องมาดูแลเอง”
“จะหักหลังกูเหรอ หา?” เขมราชผลักเพื่อนออก
“มึงก็ทำตัวให้สมกับความภักดีของกูสิ ทบทวนตัวเองได้แล้วว่าตอนนี้มึงเป็นเหี้ยอะไร เพราะถ้ามึงยังไม่เลิกทำตัวเป็นหมาบ้าแบบนี้ ชีวิตมึงจะไม่เหลือใครเลย แม้กระทั่งกูที่เชื่อฟังมึงเหมือนหมาตัวหนึ่ง”
นี่เป็นครั้งแรกที่ดนุพูดเชิงนี้ ก่อนที่อะไรจะแย่ลง เขมราชชี้นิ้วออกไปทางประตูแล้วไล่
“ไป กลับไปที่ของมึง ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว”
ดนุข่มความเดือดดาลไว้แล้วเดินออกจากห้องไป ด้านอมายาพอเขมราชหันมามองตาขวาง เธอก็เดินผ่านเขาหมายใจจะหลบอันตรายที่กำลังจะมาถึง หากเขมราชก็คว้าข้อศอกไว้แล้วดึงกลับมา
“ทำไมเราไม่มารื้อฟื้นกันหน่อยล่ะ ว่าเราเคยเอากันท่าไหนบ้าง เผื่อเธอจะได้จำขึ้นใจว่าเราเป็นอะไรกัน”
“ทำไมฉันจะจำไม่ได้”
“…”
“เราเป็นศัตรูกัน แล้วอีกไม่นาน ก็จะเป็นแค่คนที่ไม่รู้จักกัน”
“งั้นฉันก็ยิ่งจำเป็นต้องรื้อฟื้นใหญ่เลย”
เขาลากเธอไปหาที่นอน อมายาพยายามแกะมือเขาออก แต่แม้ในขณะบาดเจ็บ เขมราชก็แรงเยอะกว่าเธอหลายเท่า ท้ายที่สุดเธอเสียหลักถลาลงนอนบนเตียง เพราะถูกเหวี่ยงถอยจนข้อพับขาชนเข้ากับขอบเตียง
พอจะลุก เขาก็ขึ้นมานั่งคร่อมไว้ แววตาเดือดดาลที่จ้องมองกันกำลังทอประกายเหมือนสัตว์ป่าพาให้เธอหวาดกลัวเขายิ่งนัก ทว่าเธอตั้งสติ ไม่ร้องโวยวายหรืออ้อนวอนให้ปล่อย เพราะมันคงไร้ประโยชน์ ในเมื่อเขาอยากทำลายกันนัก ก็ให้ทำจนหนำใจ เธอไม่มีอะไรจะเสีย
แค่เธอจะเกลียดเขาอีก เกลียด... มากกว่าที่เป็น และนั่นคือสิ่งที่เธอต้องการ
เขมราชตาแดงก่ำ ใจเขาเหมือนจะหยุดเต้นได้ทุกเมื่อ ที่เคยเป็นคนไม่กลัวอะไร แต่กับแววตาที่มองเขาราวเป็นผีห่าซาตานคู่นี้ กลับทำให้เขากลัวจนใจเจ็บ
แม้จะรู้ ต่อให้อมายาใช่ฆาตกรหรือไม่ แต่สิ่งที่เขาทำมันเกินจะให้อภัย เขาเพียงอยากให้เธอเลิกเกลียด… เลิกมองกันด้วยแววตาแบบนี้ แม้เพียงเสี้ยวนาทีเขาก็พอใจ
“เธอจะเลิกเกลียดฉันสักนาทีได้ไหมออย ฉันขอร้อง ฉันทรมานจนจะตายอยู่แล้วนะออย”
เขมราชจ้องมองดวงตากลมโต ใบหน้าบวมปูดโน้มลงไปจุมพิตแก้มใสตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ อมายาเม้มปากอย่างกดดัน ท่ามกลางความคิดที่แบ่งแยกเป็นสองฝั่งนั้น เธอเลือกเบือนหน้าไปทางอื่น แม้น้ำตารินไหลอย่างห้ามไม่ไหวที่เขาทำเหมือนยังรักกัน ทั้งที่ไม่เหลือเหตุผลให้รัก
พอเสียที...
เธอจะไม่กลับไปรักเขาอีกแล้ว ต่อให้ความรู้สึกเขาจะรุนแรงจนเธอคิดว่ามีอยู่จริงก็ตาม เว้นแต่เธอจะลืมว่ามีเขาอยู่บนโลกใบนี้ ลืมว่าเคยมีเขมราชอยู่ในหัวใจ... เธออาจจะกลับไปรักเขาได้อีกครั้งโดยปราศจากความเจ็บปวดและหวาดกลัว
“ไม่ได้หรอก เพราะฉันจะเกลียดคุณไปจนวันตาย”
สิ่งที่เธอเลือกจะบอก ทิ้งพิษร้ายเอาไว้ในกลางใจของเขาที่ราวกับถูกบดขยี้ด้วยความเลือดเย็น เจ็บปวดจนเขาแทบไม่อยากหายใจ เจ็บจนเขาอยากทำให้เธอได้ลิ้มรสชาติขื่นขมนั้นไปด้วยกัน
แต่เขา… ทำไม่ได้
เขมราชจึงผละออกจากเรือนร่างที่เขาปรารถนาทุกลมหายใจ หันไปกวาดข้าวของบนโต๊ะหัวเตียง เตะถังขยะข้าง ๆ กลิ้งหลุน ๆ ค่อยตามไปกระทืบซ้ำจนมันแทบจะบี้แบน
นั่นยังไม่หนำใจ เขาถีบเข้าไปที่ฝาตู้ ที่เป็นกระจกก็แตกกระจาย บาดหน้าแข้งเขาบ้าง ที่เป็นไม้ก็พังเป็นรูโหว่ ตามด้วยกรอบรูป นาฬิกาแขวนผนัง สิ่งใดทำลายได้ เขาไม่ละเว้น
อมายานั่งมองเขาอย่างสงบ เหมือนได้เห็นตัวเองตอนอาละวาด คนอื่นคงเคยมองเธอด้วยสายตาแบบเดียวกับที่เธอมองเขมราชอยู่นี้
มันกลายเป็นอีกเรื่องในชีวิตที่เธอเสียใจ และหากทำได้... เธอไม่ขอกลับไปทำตัวเช่นนั้นอีก พร้อมหวังในหัวใจให้เขารีบตระหนักเสียทีว่า ต่อให้เขาอยากให้เป็นอย่างที่ต้องการแค่ไหน เธอก็ไม่อาจตอบสนองเขาได้ จะให้ทบทวนอีกสักกี่ล้านครั้ง คำตอบก็ยังเหมือนเดิม
เมื่อเขาพังของในห้องราบเป็นหน้ากลองด้วยแขนที่ใช้งานได้เพียงข้างเดียว แผลเย็บสีข้างปริแตกมีเลือดซึมผ่านเสื้อยืดสีขาวเป็นดวงใหญ่ พร้อมที่รู้ว่าเขาประชดให้ตาย ก็มีแต่เขาที่เจ็บ และความเลือดเย็นของเธอก็มีแต่จะเพิ่มเป็นเท่าทวี
ทั้งสิ่งที่ทำอยู่นี้ก็เหมือนเด็กเอาแต่ใจ งี่เง่าและน่าสมเพชสิ้นดี
“ลืมสิ่งที่ฉันพูดเมื่อกี้ไปซะ แล้วเธอจะเกลียดฉันมากแค่ไหนก็ได้ แต่รู้ไว้ว่าทุกนาทีที่เธอเกลียดฉัน ฉันจะเกลียดเธอให้มากยิ่งกว่า”
“ใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้น”
คำพูดเธอว่ามีพิษแล้ว แต่ท่าทางและแววตาที่ทำให้เขารู้สึกตัวเล็กจ้อยนั้นร้ายแรงยิ่งกว่า เขมราชเจ็บที่ต้องทนเห็นหน้าเธอ จนต้องรีบเดินออกไป
เขาไม่รู้เลยว่าจะรั้งเธอไว้ได้นานเท่าใจต้องการก่อนจะถูกเธอฆ่าช้า ๆ ด้วยความเย็นชาได้หรือเปล่า แต่รู้ว่าสักวันเขาต้องปล่อยเธอไป หากยังไม่ใช่ตอนนี้!
จังหวะที่เขาเดินถมึงทึงออกมาจากบ้านจนคนงานที่เดินผ่านไม่กล้าทัก ก็ได้รับสายจากคุณป้า จำต้องสูดหายใจลึกจนแน่ใจว่าตัวเองอยู่ในสภาวะปกติค่อยกดรับสาย
“สวัสดีครับคุณป้า”
[จับนายเก้าได้แล้วนะ]
นาทีนั้น สิ่งที่ถ่วงหนักอยู่ในอกเขาคล้ายได้ปลดเปลื้อง ลมหายใจกลับมาสะดวกอีกครั้ง
“ขอบคุณนะครับที่เป็นธุระให้ ผมจะรีบเข้ากรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้ครับ มีเรื่องที่ผมต้องได้ฟังจากปากมัน”
[อาจจะไม่ใช่เรื่องนั้นเรื่องเดียวก็ได้นะเฟลม]
“มีอะไรอีกเหรอครับ”
[ถ้ามาถึง เฟลมจะรู้เอง]
เขมราชยังไม่เข้าใจในตอนนั้น แต่เขาแอบหวั่นใจไม่น้อย จึงรีบออกเดินทางออกจากเกาะคล้อยหลังดนุไม่นาน
ตำรวจจับกุมตัวเก้าซึ่งนอกจากถูกออกหมายจับฐานชิงทรัพย์และพยายามฆ่าแล้ว ยังมีหมายจับเผยแพร่คลิปอนาจารอีกนับสิบได้ที่บ้านพักตากอากาศซึ่งชาร์ลส์เป็นผู้ถือครอง จนสามารถยึดหลักฐานได้กว่าห้าร้อยคลิป มีผู้เสียหายหลายสิบราย หนึ่งในนั้นคือมีนรญาผู้ล่วงลับ
นั่นเป็นเหตุให้คุณป้าแขไขกระดากที่จะพูดจนต้องให้หลานชายมาดูด้วยตัวเอง
เขมราชใจเหลวเป็นน้ำ เหมือนจะชินกับเรื่องชั่วร้ายของมีนรญาที่ค่อย ๆ เผยออกมา แต่ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนคนโง่น่ารังเกียจในสายตาผู้คน เขาบนหัวเริ่มงอกออกมาทีละน้อยอย่างรวดเร็ว งอโง้งจนทิ่มแทงเนื้อสมอง ไม่อาจทนดูคลิปเริงสวาทของหล่อนกับนายเก้าที่มีฉากหลังเป็นบ้านเขาที่อเมริกา ทั้งบนโซฟา บนเตียงและระเบียงห้อง
ตอนอยู่ที่นั่น เขาอยากหาประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด นอกจากเป็นช่างภาพอิสระ เขายังช่วยดูแลนักศึกษาในมหาวิทยาลัย แถมกลางคืนทำงานร้านอาหาร จึงกลับบ้านไม่ตรงเวลา คงเป็นโอกาสดีให้อีเลวที่ป่วยออด ๆ แอด ๆ แต่มีแรงจัดหนักกับไอ้ชั่วเก้าเข้ามาเอากันในบ้านเขา
ที่แย่ไปกว่านั้น มันไม่มีสัญญาณว่าหล่อนนอกใจให้ได้รู้ ไม่มีหลักฐานทิ้งเอาไว้ในบ้านเขา แม้กระทั่งถุงยางอนามัยที่ไม่ใช่ของเขา เว้นแต่ว่า... หล่อนกับไอ้เหี้ยนั่นจะไม่ได้ใช้มัน
เขมราชไม่รู้เลยว่าหลังจากหล่อน ‘เอา’ กับมันแล้ว ยังมานอนกับเขาต่อเลยกี่ครั้ง ผลักดันให้เขาอยากขย้อน ใช่เพราะรังเกียจที่ต้องซ้ำรอยใคร แต่เขารังเกียจร่างกาย พฤติกรรมและความคิดสกปรกของหล่อนที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘เมีย’ เขา
ดีแล้วที่มีนรญาตายไปเสียก่อน... ไม่อย่างนั้น เขานี่แหละจะฆ่าหล่อนให้ตายคามือแล้วสับเนื้อหล่อนเป็นชิ้น ๆ
“ผมขอตัวนะ”
ก่อนจะทนไม่ไหว และทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง เขาปลีกตัวออกจากห้องที่ครอบครัวมีนรญาก็ถูกเชิญมาดูเช่นกัน เนื่องเพราะพวกนั้นมีสิทธิ์ตัดสินใจแทนมีนรญามากกว่าสามีไร้ทะเบียน
ตอนนั้น เก้ากำลังถูกนำตัวจากห้องสอบสวนไปห้องขัง เขมราชเหลือบเห็นมัน โทสะดำมืดราวปีศาจที่กลืนกินหัวใจขับดันเขมราชให้พุ่งเข้าไปชกหน้ามันจนคอเกือบหลุด ตามด้วยถีบเข้ายอดอกของมัน
ตำรวจที่คุมตัวเก้าเข้ารั้งเขมราชไว้ แต่เขาแรงเยอะเกินไปแม้ยังบาดเจ็บทำให้ชายหนุ่มประเคนเท้ากระแทกหน้าไอ้ชู้ที่เสียหลักล้มได้อีกหน แต่ถึงอย่างนั้น น้ำตาของเขมราชก็ยังไหล
มันไหลออกมาสังเวยความโง่เง่าของเขาเอง...
“มึงเอากับเมียกูมานานเท่าไหร่แล้ว ไอ้เหี้ย”
เขาร้องถามเสียงสั่นตอนถูกนายตำรวจนายอื่น ๆ ลากออกไป เก้าเงยหน้าเปื้อนเลือดขึ้นมายิ้มขื่น
“ก็ตั้งแต่เรียนอยู่ไทย มีนไม่ใช่ผู้หญิงเอายากอะไร สบตานิดเดียวก็มาบริการถึงที่ แต่ตอนนั้นบ้านผมยังรวยอยู่ด้วยแหละ บอกให้ทำท่าไหนมันก็ทำหมดเลยด้วย ปากเนี่ยตอดโคตรดี”
เขมราชเหมือนถูกยกเท้าเหยียบหน้า นายเก้านอนกับมีนรญาก่อนเขามานาน อันที่จริงเขาหาใช่ผู้ชายที่จะสนใจอดีตของคนที่คบ เพียงแต่ถ้าคบแล้ว... ต้องมีเขาคนเดียว
“แล้วทำไมตอนมีนคบกับกู มึงถึงไม่เลิก ไอ้เวร”
“เลิกแล้วผมจะเอาอะไรกิน”
“มึงหมายความว่าไง”
“ก็นอกจากผมจะนอนกับเมียคุณแล้ว เธอยังให้เงินผมด้วยไง”
“ทำไมมีนต้องให้”
“ผมเด็ด”
“ไอ้ชาติหมา!!!”
เขมราชโผจะประทุษร้าย หากตำรวจรั้งสุดกำลัง ขายาวจึงหวดแก้วน้ำบนโต๊ะใกล้ ๆ กระแทกปากไอ้คนยียวน จนตำรวจต้องรีบพาเข้าห้องขัง กระนั้นเขมราชยังตามจะเอาเรื่อง โวยวายจนวุ่นทั้งโรงพัก สุดท้ายถูกจับขังเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่ยังคงแยกขังกับเก้าอยู่ดี
พอสงบสติอารมณ์ลงได้ เขมราชก็นั่งพิงลูกกรง จ้องมองหน้าไอ้สารเลวที่มันตีท้ายครัวเขาด้วยแววตาราวภูตผีปีศาจ เก้าคล้ายเห็นรัศมีสีดำแผ่กระจายออกมาจากร่างกายเขา
“มึงจะบอกกูมาได้หรือยัง”
เขมราชทำลายความเงียบ โชคดีที่เวลานี้ผู้ต้องหาคนอื่น ๆ ถูกส่งไปเรือนจำ เหลือเพียงเขากับมัน เก้าคิดว่าหากตนไม่ยอมพูดง่าย ๆ ไอ้หมาบ้าคงแหวกลูกกรงเข้ามาขย้ำเขาเป็นแน่
“มีนมันไม่ได้เป็นคนอย่างที่คุณรู้จักหรอกนะ ความจริงแล้วมันเหี้ยกว่าผมซะอีก”
“...”
“ที่มันตกบันได ผมเห็นเต็มสองตาว่าออยพยายามจะช่วยมัน แต่มันแกล้งปล่อยมือออยแล้วตกลงไปเอง”
“อะไรนะ”
“ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่ามันทำไปเพื่ออะไร แต่พอรู้ว่าคุณเลิกกับออยเพราะเรื่องนั้น ผมถึงได้รู้ว่ามันอยากให้คุณกับออยเลิกกัน”
“แล้วทำไมมึงไม่บอกกู”
“ไม่คิดว่าคุณจะเชื่อมันไง” เก้าสวน
“...” เขมราชเงียบ
“คุณควรเป็นคนที่รู้ดีกว่าผมว่าออยไม่ใช่คนแบบนั้น แต่อะไรทำให้คุณเชื่อยัยมีนเหรอ?”
“...”
“คุณเคยรู้สึกบ้างไหมว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่โง่ที่สุด”
ในอดีต เขมราชไม่คิดว่าจะมีใครโรคจิตพอที่จะทำให้ตัวเองเจ็บ จึงเมินเฉยต่อคำอธิบายของอมายาหรือดูกล้องวงจรปิดตามที่เธอท้าทายอย่างสิ้นเชิง
ทั้งปัญหาระหว่างเขากับอมายาก็สะสมอยู่มาก ความอดทนเริ่มเหลือน้อย จนเรื่องนั้นทำให้มันขาดสะบั้น เขาตัดสินเธอจากอดีต ทั้งที่เอาเข้าจริงเขายังไม่รู้จักอมายาดีพอด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น เขา... จับมือเธอไม่แน่นพอ
“แล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะถ้าผมบอกไป เพราะคนอย่างคุณไม่ควรได้รับโอกาสจากออยอีกแล้ว ดีเสียอีกที่ออยจะได้มองผมบ้าง แต่มันก็ไม่มีโอกาสสำหรับผมเลย เพราะออยไม่เคยลืมคุณ คุณทำให้ออยเจ็บมากเกินไปจนไม่ยอมเปิดใจให้ใครอีก เพราะฝังใจที่คุณนอกใจไปหายัยมีน”
สำหรับเก้า อมายาคือคนที่เขารักจริงหวังแต่ง เนื่องเพราะภายใต้เปลือกที่รุนแรงแข็งกระด้าง เขารู้ว่ามีดอกไม้หอมหวานรอคอยอยู่
เขาหมายใจจะอาศัยน้ำหวานนั้นหล่อเลี้ยงหัวใจไปอีกแสนนาน แต่เธอไม่เคยมองเขาในแง่ดี อคติของเธอเป็นเหมือนพิษร้าย ราดรดใจเขาให้พุพอง
ความเสียใจของเก้าในครานั้นดึงเอมมาลินเข้ามาวุ่นวาย เขาเผลอใจไปกับหล่อนจนรู้สึกผิดกับอมายา ถึงได้หายไปจากชีวิตเธอ
“ฉันไม่เคยนอกใจ ฉันกับออยเราจบกันไปนานก่อนที่ฉันจะเริ่มใหม่กับมีน”
“เหรอ” เก้าอดไม่ได้ที่จะยิ้มหยัน “แต่ออยไม่ได้เชื่อแบบนั้นไง”
ขอบตาเขมราชแสบร้อน เปลือกตาปิดลงกักเก็บน้ำตาที่คล้ายจะรินไหล ใจนึกถึงวันที่เขาบอกเลิกอมายา
‘พี่อยากจะเลิกกับออยเพื่อไปคบมันจนตัวสั่นสิท่า’
นั่นคือสิ่งที่เธอพูด และเขาปล่อยให้เธอเข้าใจแบบนั้น
เข้าใจว่าเขา...นอกใจ
ถึงตอนนี้ก็ไม่เคยอธิบาย เพราะไม่เคยคิดฝันว่าวันหนึ่งเส้นทางของเราจะมาบรรจบกันอีกครั้ง
“ที่มึงซ้อมกูแล้วบอกว่าเป็นของฝากจากแฟนเก่า ไม่เกี่ยวข้องกับออยเลยใช่ไหม”
เก้ากลืนน้ำลายลงคอ ก่อนก้มหน้าหลบสายตาเขมราชที่แม้มีน้ำตาเอ่อคลอแต่อาฆาตจนน่าขนลุก ค่อยบอกออกไปด้วยเสียงที่เบาลงว่า
“ออยไม่รู้เรื่องด้วยหรอก”
ข้อสันนิษฐานของดนุเป็นจริง ตรงข้ามกับเขาที่เชื่อสิ่งที่ผิดเพี้ยนมาโดยตลอด
“มีนเป็นคนวางแผนเหรอ” เขมราชถามเสียงเครือ
ความจริงที่เพิ่งได้รู้กอปรกับย้อนมองสถานการณ์นั้น ชัดเจนว่าเป็นฝีมือมีนรญา ผู้หญิงที่ใจดำอำมหิตและกลับกลอกที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาในชีวิต
แต่เขมราชก็ยังหวังให้เป็นฝีมือเก้าคนเดียว หากความจริงก็ยังเป็นความจริง ต่อให้ใครพยายามบิดเบือนเท่าไรมันยังคงอยู่ที่เดิม
“มีนมันอยากให้คุณตัดใจจากออย แล้วยอมคบกับมันเสียที มันเลยใช้วิธีสกปรก ๆ ใส่ร้ายออย สิ่งที่ออยฝากให้ผมไปคืนคุณก็แค่สมุดภาพกระจอก ๆ เล่มเดียว”
“แล้วมึงทำทำไม ทั้งที่มึงรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นวิธีสกปรก”
“ก็ผมต้องการเงิน”
เก้าเล่าอีกว่าที่บ้านเขาถังแตก จึงใช้เงินก้อนสุดท้ายบินไปเสี่ยงโชคที่อเมริกา วางแผนว่าเมื่อได้กำไรจะเข้าเรียนต่อที่นั่น อมายาจึงฝากของไป แต่เขาไม่พบเขมราช จึงฝากมีนรญาเอาไว้แล้วไปตามทาง ผลคือเขาเสียพนันหมดตัว เลยคิดจะแบล็กเมลมีนรญาด้วยความลับที่หล่อนตกบันได แต่หล่อนยื่นเงื่อนไขให้เขาทำตามที่หล่อนบอก แล้วหล่อนจะให้เงินเขาเป็นสองเท่าที่เขาต้องการ
ทั้งได้เงิน...
ทั้งได้หวดหน้าไอ้พี่เฟลมที่เขาหมั่นไส้
ใครมันจะไม่ยอมทำ
หลังจากนั้นเขาก็กลับเมืองไทย สมัครเข้าเรียนใหม่และวนเวียนอยู่ในชีวิตอมายาสักพักจนเผลอใจไปกับเอมมาลินจึงได้ปลีกตัวออกมา ไม่นานก็ต้องหยุดเรียน หันมาเอาดีกับการพนัน ปักหลักอยู่อเมริกาเสียส่วนใหญ่ เงินเกินครึ่งในแต่ละเดือนก็ได้มาจากการแบล็กเมลมีนรญา
แน่นอนว่าเขากับหล่อนคือถ่านไฟเก่า ไฟติดจนลุกโชนอย่างง่ายดาย อย่างเดียวที่เขาชอบในตัวหล่อนคือชั้นเชิง แค่นั้น... เพราะในสายตาและหัวใจเก้า ยังมีแต่ภาพของอมายาอยู่ทุกนาที
“มึงป้องกันไหม ตอนเอากัน”
เขมราชกลั้นใจถาม แม้ใจเขากำลังเจ็บเหมือนถูกเหยียบย่ำ เก้าเงยหน้าเล็กน้อย สบตากับเขา สายตาแบบนั้นทำให้เขมราชหวั่นใจ
แต่ความจริงที่จะได้รับรู้ มันร้อนแรงยิ่งกว่าไฟนรก
“แรก ๆ ก็ป้องกัน แต่พักหลังเราสดกันตลอด”
“ไอ้เหี้ย”
เขมราชโผเข้าใส่ลูกกรงเหมือนหมาบ้า เก้ากลัวขั้นต้องถอยเข้ามุมแม้มีกรงเหล็กขวางอยู่ กระนั้นเขมราชก็ถอดรองเท้าปาใส่ให้ได้เจ็บตัว
ชายทั้งสองต่างจดจ่ออยู่กับประเด็นหนึ่งที่ด้านเขมราชพลันนึกสงสัยขึ้นมา แต่เก้านั้นแคลงใจมาแสนนาน เก้าจึงกล่าวสืบไป เพื่อที่เขากับคนตรงหน้าจะหมดเรื่องคาใจกันเสียที
27
ประโยคสุดท้ายที่เราพูดกัน
“คุณมั่นใจได้ยังไงว่ามีนท้องกับคุณ”
“...”
“มีบางคืนที่ผมเอากับมีน แล้วมีนก็ไปเอากับคุณต่อ จนมีนท้อง... แต่น่าเสียดายนะที่เด็กนั่นเป็นลูกผม ไม่ใช่ลูกคุณ”
“...”
เขมราชกำลูกกรงแน่น เลิกหลอกตัวเองด้วยความหวัง เพราะความจริงปรากฏชัดเจนว่าเขาคือไอ้โง่ เขาเพียงอยากฆ่าไอ้เก้าให้ตายตกไปตามกันไปกับอีหญิงร่าน และสาบานว่าถ้ามันสองคนฟื้นขึ้นมา เขานี่แหละจะเป็นคนฆ่ามันซ้ำ ๆ จนกว่าเขาจะสาแก่ใจ
“เธอพยายามจะตั้งท้อง กับใครก็ได้ไม่เกี่ยงวิธี มีนไม่เสียใจเลยด้วยซ้ำที่ท้องกับคนอื่น แถมยังบอกอีกว่าถ้าผมเก็บเป็นความลับไปจนตาย เธอจะทำให้ผมสบายไปทั้งชาติ”
“พอ กูไม่อยากฟัง”
“ต้องฟังหน่อยสิครับ เราจะได้ไม่มีอะไรค้างคากัน ประเด็นก็คือ ขอแค่มีเด็กมาเกิดในท้อง มีนก็จะได้เป็นเจ้าของคุณอย่างสมบูรณ์ เธอกำลังจับคุณ จะใช้เด็กคนนั้น... ใช้ลูกของผมผูกคุณเอาไว้ตลอดชีวิต”
“ถ้าขืนมึงยังพูดอยู่กูจะฆ่ามึงให้ได้ ไม่ว่าทางใดก็ทางนึง”
น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมาต่อหน้าไอ้ชายชู้ ใจเขมราชภินท์พังจนไม่รู้จะกอบกู้มาต่อใหม่ได้อย่างไร เจ็บที่เคยรู้สึกดีด้วยว่าทรมานแล้ว แต่เจ็บเพราะตนหลงผิด เชื่อใจหล่อนจนทำร้ายอมายาเพื่อหล่อนมันทุเรศยิ่งกว่า
เพียงเพราะมีนรญาเป็นคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ใช่ว่าจะคู่ควรกับความไว้ใจที่เขามี แต่เขมราชกลับเชื่อใจหล่อนจากภาพลักษณ์ที่หล่อนเสแสร้งให้เป็นในแบบที่เขาพอใจ
มีนรญาเก่งเสียจนคนอย่างเขาตามไม่ทัน
เก่งเสียจนสุดท้าย... เขามันก็แค่ไอ้โง่ให้หล่อนสนตะพาย แต่ลำพองว่าตนอยู่เหนือใคร ๆ และที่เสียใจคือเขาหน้ามืดตามัว จิตใจมืดบอด เพราะโกรธแค้นแทนหล่อนกับเด็กที่เขาเคยเชื่อว่าเป็นลูกจนทำร้ายอมายา
ความจริงคือ... ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องแค้นเคืองอีกแล้ว
เขมราชรู้ตัวเองเสมอ ถ้าเพียงคนที่ตายไปมีแค่มีนรญา ไม่ได้พ่วงลูกในท้องที่เขาคิดว่าเป็นเลือดเนื้อของตน เขาคงใจอ่อนกับอมายาไปตั้งนานแล้ว
แต่เพราะเขาคิดว่าเด็กคนนั้นเป็นลูก ความแค้นในใจจึงโหมแรง
ทั้งที่ต่อให้อมายาจะฆ่ามีนรญาจริง แต่ผู้หญิงอย่างหล่อนก็ไม่สมควรได้รับความภักดีจากเขาเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามถ้าเขารู้มาก่อน... ถ้าเขาไม่โง่งม เขาจะช่วยอมายาให้พ้นคดีจนสุดความสามารถ
จะยอมรับกับใจตัวเองว่าเขายังรักเธอ
จะบอกกับเธอว่ายังอยากเดินด้วยกันไปจนสุดทาง
ทว่าตอนนี้เขาทำร้ายเธอไปแล้ว ทั้งร่างกายและหัวใจ ชนิดที่เขาคงไม่อาจรับผิดชอบความรู้สึกที่แตกสลายของเธอได้ไหว รวมถึงความผิดบาปในใจของตัวเอง
เขาทำให้เส้นขนานคู่นี้ยิ่งห่างไกลกันสุดสายตา ไกลจนไม่มีวันได้กลับมาบรรจบกัน
เก้าสารภาพกับตำรวจว่าชาร์ลส์จ้างให้ไปฆ่าอมายา โดยให้ทำเหมือนชิงทรัพย์ สาเหตุมาจากคลิปหลุดของเอมมาลินที่อมายามาข่มขู่จากเก้าเพื่อทำให้น้องสาวอับอาย ทำให้เขาถูกชาร์ลส์มาเล่นงานถึงบ้าน เก้าก้มกราบวิงวอน ยอมทำทุกอย่างแลกกับชีวิตตัวเอง
พอฝ่ายนั้นยื่นข้อเสนอให้ฆ่าคนที่เขาเคยรัก ชายหนุ่มเกิดลังเล ใจหนึ่งคิดว่าเธอทำให้ลูกเขาไม่ได้เกิดมาแต่อีกใจก็ไม่อยากเชื่อว่าเธอใจดำพอที่จะทำได้ และแม้จะตัดใจได้แล้ว ก็ไม่ปรารถนาให้อมายามีอันเป็นไป
ความลังเลนั้นส่งผลให้เขาทำงานไม่สำเร็จ ได้แต่คิดว่าถ้าวันนั้นเขาใจเด็ดกว่านี้อมายาคงไม่มีโอกาสรอดชีวิต เขาคงไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อกลับมาติดคุกโดยเปล่าประโยชน์แบบนี้
ฟังแล้วเขมราชทั้งแค้นทั้งเจ็บปวด ลาวาอารมณ์ที่ไม่เคยสงบเลยตลอดทั้งวันขับดันให้เขาเห็นภาพตัวเองตอนฉีกเนื้อไอ้ชาติชั่วตรงหน้า บรรจงเอาเกลือทาช้า ๆ เฝ้ามองมันกรีดร้อง รองเลือดที่ไหลจากตัวมันไปปลอบประโลมผิวของอมายา
เขมราชยอมรับกับหัวใจ ทุกครั้งที่เขารู้สึกอยากฆ่าเก้ากับผู้หญิงสารเลวนั่น เขากลับอยากกรีดเลือดตนออกมาสังเวยอมายามากกว่าเป็นพันเท่า เพราะคนที่ต้องเจ็บปวดกับความโลเลโง่งมของเขาที่สุดคือเธอ...
ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้องขัง หันหลังพิงลูกกรง ก่อนหน้านี้เขาอาละวาดแรงเหลือเฟือ แต่มาถึงตอนนี้... เขากลับไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะฝืนยืน
น้ำตาไหลเหมือนธารน้ำเมื่อภาพความทรงจำที่ตนทำร้ายอมายาย้อนเข้ามาในสมองทุกเหตุการณ์ หลังการตายของมีนรญา ทางที่เขาปูให้อมายาเดินเต็มไปด้วยเปลวเพลิง แต่ที่สุดแล้วไฟนั้นกลับแผดเผาเขาจนมอดไหม้ไม่ต่างจากเธอ
แต่เขาเจ็บเท่านี้อมายาคงเจ็บปวดกว่าเป็นล้านเท่า
เจ็บ... ที่คนที่ร้ายกับเธอที่สุดคือคนที่เธอยังรักและไม่อาจลืม
‘พี่ขอโทษ’
คำพูดนั้นดังก้องอยู่ในหัวใจที่ปริร้าว เขารู้ดีมันไม่มีน้ำหนักมากพอให้ใครรับฟัง
ในความรู้สึกอมายามันคงไร้ค่ายิ่งกว่าเศษฝุ่น แต่เขาก็อยากให้เธอได้ฟัง แม้เขาอาจแหลกสลายด้วยแววตาและความเฉยชาจากเธอก็ตาม
เมื่อคุณป้ามาประกันตัวออกไป เขมราชไม่คิดแม้จะเช็ดน้ำตาอันน่าอดสู ไม่สนอีกแล้วว่าสภาพตนจะน่าสมเพชเพียงใด ความรู้สึกผิดต่ออมายามีมากเกินไปจนเขาไม่คู่ควรกับความดูดีทั้งมวลในโลกใบนี้
เช่นกัน... เขาไม่มีทางปล่อยให้คนที่ทำร้ายเธอได้มีความสุข
“ความบันเทิงรอมึงอยู่ในคุก เตรียมตัวไว้เลย ไอ้เหี้ย”
เขมราชมองไปที่นายเก้าพร้อมทำท่าปาดคอ เก้าขนลุกอีกครั้งเหมือนหนุ่มรุ่นพี่เป็นภูติผีปีศาจ ดวงตาคู่นั้นคล้ายจะเรืองแสงสีแดงในความรู้สึกของเขา มันน่ากลัวจนต้องกลืนน้ำลายลงคอ ชะตากรรมเก้าต่อจากนี้คงยิ่งกว่าตกนรก
คุณแขไขอดสงสารเขมราชไม่ได้ ชะตากรรมพ่อลูกไม่ต่างกันนัก แต่ไม่ว่าท่านหรือใครต่างก็ถูกผู้หญิงที่ชื่อมีนรญาหลอกทั้งนั้น
ใช่ว่าท่านจะไม่เคยสืบประวัติหล่อน ท่านต้องมั่นใจในตัวผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาในชีวิตหลานอยู่แล้ว อีกทั้งมีนรญาไม่เหมือนอมายาที่ท่านรู้จักว่าเป็นลูกของคนใหญ่คนโตในบริษัท ณ ตอนนั้น
แต่มีนรญาขาวสะอาดและท่านประมาทเองที่ไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงธรรมดาจะซ่อนความชั่วร้ายไว้ขนาดนั้น แม้เรื่องเล็กน้อยที่ทุกคนมองข้ามอย่างพระเครื่องที่ดนุรายงานเข้ามาก่อนหน้านี้ หล่อนก็ไม่เว้น
ตอนนั้น สองป้าหลานเห็นครอบครัวมีนรญานั่งอยู่ที่เก้าอี้รับรองชั้นล่าง ก็เกิดความรู้สึกแปลก ๆ ในใจ เช่นกันกับฝ่ายนั้นที่คนเป็นแม่พูดกระแนะกระแหนว่า
“คงสบายใจแล้วสิที่จะได้ไปหาอีฆาตกรโดยที่ไม่มีใครประณาม แต่กลับเป็นลูกสาวฉันเองที่ต้องอับอาย ยินดีด้วยที่แผนของนายสำเร็จ”
เขมราชหันขวับไปจ้องมองด้วยสายตาน่ากลัว เป็นครั้งแรกที่เขาอยากบีบคอนังแก่คนนี้ให้แหลกคามือ ยิ่งไม่มีความผูกพันใดต่อกันแล้วมันยิ่งง่าย
เขาเดินเข้าไปหา จ้องวาดรวีไม่วางตา ก่อนทำสิ่งไม่คาดคิดคือคว้าลำคอหญิงวัยกลางคนตรงหน้าด้วยมือข้างที่ไม่เจ็บ ออกแรงบีบจนนางตาเหลือกท่ามกลางเสียงร้องห้ามของคนในครอบครัวหล่อน
สามีหล่อนช่วยแกะมือ มธุลินเป็นฝ่ายดึงตัวเขาออกแต่ก็โดนผลักออก ประชาชนที่มาติดต่อราชการที่อยู่โดยรอบก็ไม่กล้าห้าม
ด้านคุณแขไขนิ่งมองอยู่นาน ด้วยใจท่านก็นึกอยากสั่งสอนคนบ้านนี้ขึ้นมา
เขมราชเจ็บปวดปานนี้ คนพวกนี้คิดได้อย่างไรว่าเขาวางแผนฆ่าเมียตัวเอง แต่เมื่อตำรวจกรูกันเข้ามา มือบางของคนเป็นป้าก็จับข้อมือหลานชาย ราวเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้เขาหยุดการกระทำ
ในโลกนี้เรื่องเดียวที่เขมราชไม่ยอมให้ป้า มีเพียงเรื่องอมายา
“คุณรู้ไหมว่าผมทุ่มเทอะไรเพื่อลูกสาวตอแหลของคุณบ้าง แล้วรู้หรือเปล่าว่าลูกสาวคุณมันเป็นคนยังไง”
“แค่ก ๆ”
วาดรวีไอหนักเพื่อหอบเอาอากาศหายใจ เขมราชชี้หน้าท่าทางเกรี้ยวกราด แววตาเขาเหมือนแววตาสัตว์ร้ายที่เปล่งประกายอยู่ในเงามืด
“ถ้าไม่รู้ผมจะบอกให้ เผื่อคุณจะหุบปากและเก็บชีวิตเอาไว้มีความสุขกับลูกที่เหลืออยู่คนเดียว แล้วก็สอนเธอดี ๆ ด้วยว่าอย่าสำส่อนเหมือนพี่สาว”
“เขมราช!”
“หุบปากไปเลยมุก ไม่งั้นฉันจะฆ่าเธอ”
เขาชี้หน้ามธุลินที่ไม่ยอมให้พี่สาวถูกด่าอยู่ฝ่ายเดียวจนหล่อนต้องเงียบอย่างเสียไม่ได้ ก่อนสายตาคู่นั้นจะมองจ้องวาดรวี ที่ตอนนี้ขยับหนีเข้าสู่อ้อมกอดคนเป็นสามี ที่ทำไม่ได้แม้แต่จะปกป้องหล่อน
“พอพวกคุณห้ามไม่ให้ผมยุ่งกับคดี ผมลากออยไปที่เกาะ ตัดทางรอดของออยทุกทางเพื่อจะทำให้ออยติดคุก ผมเชื่อว่าออยเลว เป็นคนฆ่ามีนทั้งที่นั่นมันเป็นเรื่องโง่ที่สุดที่คนอย่างผมเคยทำ ในขณะที่อีกด้านนึง ความเลวที่ลูกสาวพวกคุณซ่อนไว้ก็ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ”
“เลวเหรอ เพราะลูกฉันเลวงั้นเหรอถึงได้ถูกนังออยมันฆ่าตาย”
“แล้วออยผิดอะไรมีนถึงต้องไปใส่ร้ายว่าออยทำให้ตกบันได ทั้งที่ออยพยายามช่วยแต่มีนก็แกล้งปล่อยมือ คิดออกไหมว่าคนอะไรทำไมถึงได้โรคจิตขนาดนั้น”
ทุกคนเงียบ สีหน้าสลดลงขณะที่เขาพูดต่อไป
“แถมยังจ้างไอ้เก้าชู้รักมาซ้อมผมกับตัวเองแล้วโยนความผิดให้ออย มีนจะได้ดูน่าเห็นใจในสายตาผม เพื่อที่ผมจะได้เกลียดออย”
“...”
“ยังไม่รวมที่จะให้คนฉุดออยไปขายชายแดน ไหนจะเรื่องโกหกตอแหลสารพัดที่สร้างขึ้นมาเอาดีเข้าตัวเอาชั่วเข้าคนอื่น แล้วยังนอกใจไปเอากับไอ้เก้า เอาในบ้านผม บนที่นอนผม ลูกในท้องก็ไม่ใช่ลูกผม”
“ไม่จริง ลูกฉันไม่ใช่คนแบบนั้น”
มีนรญาทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองชนะ... แต่ท่านไม่อยากเชื่อและไม่มีวันเชื่อว่าลูกสาวที่ฟูมฟักจะร้ายกาจขนาดนั้น หรือไม่... ก็สมควรแล้วที่อมายาจะโดนเสียบ้าง จากเหตุผลที่ทำให้ลูกท่านเจ็บปวด
ท่านเลี้ยงให้หล่อนแข็งแกร่งก็เพื่อไม่ให้ถูกใครเอาเปรียบ หากจะหาคนผิด... ก็คงเป็นผัวเฮงซวยอย่างเขมราชกับนังฆาตกรไร้สำนึกนั่น
“นายก็แค่หาความชอบธรรมให้ตัวเองได้กลับไปคบกับอีฆาตกรนั่น นายร่วมมือกับนังออยฆ่ามีน เขมราช อย่ามาใส่ร้ายมีนของฉันเป็นอันขาดเชียว”
“ผมเคยเชื่อว่ามีนเป็นคนดี เชื่อว่าออยจิตใจเหี้ยมโหด แต่จากเรื่องทั้งหมดที่ผมรู้มา ผมไม่เชื่ออีกแล้วว่าคนอย่างออยที่ขอร้องให้ผมไว้ชีวิตเด็กที่ทำให้เธอกับลูกเกือบตายจะเป็นคนทำ!!! ตรงข้ามถ้าสลับให้มีนเป็นออย มันก็ไม่แน่”
“คนเป็นจะพูดอะไรก็ได้ เพราะคนตายมันไม่ฟื้นขึ้นมาแล้วนี่”
วาดรวีเชิดหน้า แม้กลัวอดีตว่าที่ลูกเขยแต่พ่อแม่ที่ไหนจะยอมให้คนมายกย่องฆาตกรต่อหน้าคนเป็นร้อย แต่กลับประณามลูกสาวผู้ล่วงลับที่ไม่มีแม้แต่โอกาสแก้ตัว
“ผมมีหลักฐานนะ เดี๋ยวส่งให้ดู ถึงจะไม่แมตช์กับทุกเรื่องที่ผมพูดไป แต่มันชัดเจนว่าลูกคุณแม่งโคตรเลว อ้อ! แล้วไม่ต้องให้มีนฟื้นขึ้นมาหรอก เพราะถ้าฟื้นมาเมื่อไหร่ ผมจะฆ่าให้ตายเมื่อนั้น”
เขมราชกับวาดรวีจ้องกันอย่างไม่ยอมลง ก่อนชายหนุ่มจะขยับเข้าไปพูดด้วยความมั่นใจเหมือนสัตว์นักล่า พร้อมฝืนยิ้มเหี้ยมเกรียมแม้กำลังปวดร้าวไปจนถึงเนื้อใจ น่าหวาดหวั่นจนสามพ่อแม่ลูกถอยกรูด
“ผมสงสัยจริง ๆ นะว่าคุณสอนลูกยังไงให้ร่านขนาดนี้ หรือที่จริงแล้วคุณก็นิสัยแบบเดียวกันถึงสอนกันไม่ได้ว่าเรื่องไหนควรหรือไม่ควร แล้วถามจริงนะ ลูกสาวสองคนของคุณ ใช่ลูกของพ่อคนนี้หรือเปล่า”
เผียะ!
“ไอ้ระยำ”
วาดรวีตบเขาฉาดใหญ่พร้อมคำผรุสวาท เขมราชหน้าสะบัด ใช้มือข้างที่ไม่เจ็บแตะริมฝีปากตัวเอง โชคดีไม่มีเลือด ไม่งั้นเขาคงไม่ละเว้นหล่อนอีกเป็นแน่
“ผมยอมรับว่าผมระยำ และคนที่ผิดที่สุดก็คือผม”
ถ้าเขาจับมืออมายาแน่นพอ ต่อให้มีนรญาสักร้อยคนก็เข้ามาแทรกกลางไม่ได้ และเรื่องทั้งหมดคงไม่เป็นแบบนี้
“แต่ยังไงซะ พวกคุณก็เตรียมรับผลกระทบของสิ่งที่มีนก่อเอาไว้ได้เลย ผมไม่มีวันปล่อยคุณไว้แน่นอน”
“ไม่ยุติธรรมเลย” มธุลินโพล่งเสียงเครือ
“โลกนี้ไม่มีอะไรยุติธรรมทั้งนั้น มุก โดยเฉพาะกับออย คนที่ถูกพี่เธอกับฉันทำร้าย ไม่ว่าใครก็คงนึกไม่ออกว่าออยเจ็บแค่ไหน”
“แต่มันฆ่าพี่ฉัน มันต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่มันทำก็สาสมแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมฉันกับครอบครัวจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่เราก็สูญเสียเหมือนกัน”
“เพราะฉันไม่คิดว่าพวกเธอจะไม่รู้เรื่องที่มีนทำไง”
“...”
“เธอกับพ่อแม่เธอก็คงสนับสนุนพี่สาวเธอเต็มที่ และในเมื่อกฎหมายจัดการคนแบบพวกเธอไม่ได้ ก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของกรรม บังเอิญฉันถนัดซะด้วยสิ เพราะงั้น ต่อไปนี้ฉันจะทำให้เธอรู้ซึ้งถึงคำว่าคนที่เหลืออยู่มันทรมานกว่าคนตายจนอยากตายไปให้พ้น ๆ ว่ามันเป็นยังไง แล้วจนกว่าศาลจะตัดสิน ถ้าเธอพูดถึงออยแบบนี้อีก ฉันจะทำให้เธอฉิบหายเหมือนตายซ้ำตายซากไปทั้งชาติ ไม่เชื่อก็คอยดู”
ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองหญิงสาว มธุลินกลืนน้ำลายใจหายวับไปกับอก ก่อนขยับเข้าหลบหลังพ่อ เขมราชแสยะยิ้มสาแก่ใจแล้วเข้าไปกระชากคอเสื้อบิดาของหล่อน
“ถือเป็นเรื่องที่ดีนะครับที่คุณปกป้องลูก แต่ถามเมียคุณด้วยล่ะว่านี่ใช่ลูกของคุณหรือเปล่า”
เขมราชผละออกจากครอบครัวนั้น ก่อนตำรวจจะเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาทั้งสองฝ่ายฐานก่อเหตุทะเลาะวิวาทในสถานที่ราชการ
เขมราชต้องกลับเข้าไปห้องขัง หนนี้นายตำรวจที่พาตัวไปขังยังไม่รู้สถานการณ์ระหว่างเขากับเก้าจึงให้อยู่ห้องเดียวกัน
เขมราชจ้องหน้ามันพร้อมแสยะยิ้มเยือกเย็นยิ่งกว่าฆาตกรในหนังโรคจิตแต่แววตาเต้นเร่ามีชีวิตชีวา
พอเขมราชอาละวาดจนตำรวจต้องจับแยกห้องขัง คุณแขไขก็ทำเรื่องประกันตัวได้อีกครั้งพอดี เห็นสภาพเขมราชแล้วอ่อนใจ ความบ้าแบบนี้ที่ท่านเพียรกดไว้ แต่เขาได้ส่วนหนึ่งมาจากพ่อ หรืออาจจะได้จากแม่ด้วยเหมือนกัน
“พอแล้วนะเฟลม ป้าเหนื่อยที่จะต้องวนเวียนอยู่ที่นี่เต็มทน”
เขมราชไม่ตอบ แต่จากแววตาคู่นั้นท่านรู้ดีว่าหลานชายยอมจำนน ทว่าเรื่องไม่คาดฝันมักกระหน่ำมาซ้ำเมื่อชาร์ลส์ที่เพิ่งเข้ามามอบตัว
เขมราชสะกดอารมณ์ไว้ แต่สายตาที่จ้องมองแพทย์นิติเวชหนุ่มราวกับจะบอกว่า ‘กูไม่เอามึงไว้’ อีกฝ่ายหาได้เกรงกลัว กลับเหยียดยิ้มอย่างมั่นใจแล้วเดินผ่านเขาไป
เขมราชอยากฆ่ามันให้สมกับที่ทำอมายาเจ็บตัว หรือไม่ก็ขอบีบคอมันเพื่อปลดปล่อยความเกรี้ยวกราดที่ก่อตัวในอก แต่เขาอาละวาดทั้งวันจนอ่อนแรง ซ้ำยังไม่อาจขัดคำสั่งคุณป้า ทำได้เพียงขัดขาชาร์ลส์จนเกือบสะดุดล้ม หากนายแพทย์หนุ่มควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าจึงไม่ตอบโต้
“กูไม่ปล่อยมึงไว้หรอก ต่อให้มึงจะใหญ่แค่ไหน หรือพ่อแม่มึงจะเป็นเทวดามาเกิด กูก็จะเอาคนที่ทำร้ายเมียกูเข้าคุกให้ได้”
เขมราชเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน จนชาร์ลส์ต้องหยุดเท้าแล้วหันกลับไปแสยะยิ้มหยัน
“ตกลงมึงเลือกได้แล้วเหรอว่าเมียมึงคือคนเป็นหรือคนตาย อ้อ โทษทีนะ... พอดีเมียมึงเยอะจนกูสับสน” เห็นเขมราชกำหมัดแน่น หนุ่มรุ่นพี่ก็ยิ้มหยัน “แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้มึงทำสำเร็จแล้วกัน ไอ้น้อง”
สายตาที่เขมราชมองจ้องชายอายุมากกว่าซึ่งเดินผละไปแทบจะฆ่าคนให้ตายได้ คุณป้าส่ายหน้า ช่วงนี้ไม่ว่าตนหรือหลานชายต่างก็สูญเสียความเยือกเย็นให้แก่โทสะ หากไม่ประคองกันให้อยู่ในร่องในรอย ปัญหาคงบานปลาย
“ทุกอย่างมีทางของมันเฟลม เราแค่ต้องรอ”
เขมราชระงับอารมณ์ คิดจะสู้กับชาร์ลส์ต้องรอจนกว่ามันจะเผยจุดอ่อน ค่อยกระหน่ำโจมตีทีเดียวให้ร่วง พอสวนกับชาร์ลส์ไปแล้ว ยังเจอเอมมาลินซึ่งบังคับวีลแชร์เข้ามาในตัวอาคาร
เขาเห็นหล่อนอยู่ห่างออกไปราวสิบเมตร ตรงมาหาเขา พลันความคิดบางอย่างผุดในหัว จึงปลีกตัวออกไปกดน้ำใส่แก้วกระดาษมาสองใบให้เขาและป้า
“สวัสดีค่ะพี่เฟลม สวัสดีค่ะคุณป้าแข”
เอมมาลินมาหยุดตรงหน้า หล่อนทักทายเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงน่าฟังพร้อมแววตาเริงร่าอย่างคนที่เก็บความตื่นเต้นไม่ไหว
หล่อนถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ลามถึงเรื่องที่ได้ยินว่าเขากลับไปคบอมายา แต่เขมราชไม่ตอบ
ด้านแขไขเข้าใจหลานชายแม้เพียงสบตา จึงแสร้งหาของในกระเป๋า แล้วเทน้ำร้อนที่เขมราชจงใจกดมาให้ตนลงบนขาของเด็กสาวผู้เอาแต่มองหน้าเขา
เอมมาลินไม่ร้องสักแอะ แต่เขมราชสังเกตการตอบสนองของหล่อน อย่าว่าถึงขั้นต้องขยับให้เห็นเลย แค่สีหน้าที่เปลี่ยนไปตอนได้รับความร้อนต่อให้ฝึกมาอย่างดีก็ไม่มีทางซ่อนไหว
เขมราชมั่นใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้พิการอย่างที่ตบตาใคร ๆ เพียงเท่านั้นความรู้สึกรวดร้าวจนหัวใจแทบจะปริแตกก็ถาโถมเข้ามาในอกอีกครั้ง
ฆาตกรงั้นหรือ... เขาและทุกคนปรักปรำอมายาว่าเป็นฆาตกรทั้งที่หล่อนไม่ได้ทำ เท่าที่เห็นวันนี้มันก็เพียงพอไม่ต้องมีหลักฐานใดมาพิสูจน์อีกแล้ว
ชายหนุ่มขย้ำแก้วกระดาษปาลงพื้น ก่อนวิ่งพรวดไปที่รถยนต์ ขับออกไปพร้อมความจริงที่ว่าแม้จะชดใช้ให้อมายาด้วยชีวิตก็ไม่เพียงพอวนเวียนอยู่ในความคิด ราวกับมีใครจงใจตอกตรึงมันไว้
เขมราชขับรถไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่โกดังส่วนตัวคุณป้า นักบินส่งเขายังเกาะเล็ก ๆ ใกล้กันซึ่งเป็นลานจอด ฮ. ของธุรกิจโรงแรมอีกแห่งที่รู้จักเป็นการส่วนตัว ค่อยยืมเรือขับไปเกาะตัวเองด้วยความเร็วเกือบเต็มกำลัง
นานเหลือเกินที่เขาถูกไฟแค้นครอบงำ หลงทางในความสับสนไม่ชัดเจนของความรู้สึก บอบช้ำกับความเข้าใจผิดที่มีต่ออมายา แต่เมื่อไฟนั้นมอดลง เขากลับไม่กล้าพอจะบอกว่าตนแบกรับสิ่งที่หลงเหลืออยู่นี้ไหว
มันเจ็บปวดเหมือนเขาจะขาดใจ รู้สึกเหมือนใกล้จะตายทั้งเป็น แต่ความจริงมันมีอยู่ว่า ที่เขาเจ็บมันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่อมายาต้องเผชิญ...
เขาเห็นแสงไฟบนเกาะอยู่รำไร แต่บ้านที่เธออยู่กลับมืดทั้งที่ปกติเธอไม่ได้เข้านอนเวลานี้ ไหนจะการ์ดที่ไม่รายงานความเคลื่อนไหวมาหลายชั่วโมง
ใจเขมราชหายวับ...
กลัวเหลือเกินว่าจะเกิดเรื่องน่าหวั่นใจ
ความเร็วเรือถูกเพิ่มขึ้นอีกโดยไม่สนกระแสลมจนพาเขามาจอดเทียบท่า
การ์ดทุกคนมารอรับหากแต่ผิดวิสัย คล้ายเกิดปัญหาใหญ่ยากเกินกำลังจนต้องมาคอยรับหน้า สายตาเหมือนจะพูดกับนายว่า ‘ขอโทษ’
เขมราชหาได้สนใจ เขาวิ่งตรงไปยังบ้านหลังงาม พอแตะสวิตช์ไฟข้างประตูห้องที่เธออยู่จนสว่างไสว หัวใจเขากลับมืดหม่นเหมือนคนหลงทาง
อมายาไม่อยู่ตรงนี้ ห้องน้ำก็คงไม่มีเพราะเปิดประตูทิ้งไว้จนมองไปข้างในได้ เหลือเพียงเจ้าส้มที่นอนคุดคู้บนเตียง ซบหมอนของเจ้านายมันด้วยแววตาเซื่องซึม ลึกในใจเขายังหวังให้เธอแค่ออกไปเดินเล่นแถวนี้
เดี๋ยวเดียว... เธอก็คงกลับมาหากัน
ตอนนั้นเพลงเดินเข้ามาด้านหลัง ลำบากใจที่ต้องบอกข่าวร้าย รู้ดีว่ามันจะทำให้นายทรมานทุกลมหายใจ แต่เขาต้องยอมรับความจริง
“มีคนมารับคุณออยออกไปจากที่นี่แล้วค่ะ”
ความหวังริบหรี่ของเขาดับวูบลง เหลือเพียงความมืดที่รายรอบตัว แข้งขาที่มีแรงพลันอ่อนเปลี้ยพาให้ร่างใหญ่ทรุดลงคุกเข่ากับพื้น
“มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง”
เขาถามเสียงเครือ น้ำตาร่วงหล่นมิอาจกลั้น ไร้กะจิตกะใจจะเกรี้ยวกราดอาละวาด ไม่มีแรงเหลือแม้จะหายใจ มองรอบห้องนอนว่างเปล่า มันดูกว้างขึ้นเมื่อไม่มีเธอ
คิดถึงงั้นหรือ… เขารู้สึกมากกว่านั้นเสียอีก
เขมราชหลับตาลงอย่างกล้ำกลืน ทั้งห้องยังอบอวลไปด้วยกลิ่นอบอุ่นกับภาพแสนงามของเธอจนเขาปวดร้าวกับความรักและความโหยหาที่มากมายเหลือเกิน
แต่ประโยคสุดท้ายที่เราพูดกัน หาใช่คำบอกรัก หรือคำขอโทษที่ควรออกจากปากเขา กลับกลายเป็นคำว่า ‘เกลียด’ อันผลักดันให้เส้นขนานสองเส้นห่างจากกันทุกนาที
เพลงนั่งลงข้าง ๆ ทั้งสงสารและเห็นใจเขมราชอย่างสุดซึ้ง แต่หล่อนมองไม่ออกเลยว่าจะมีวิธีไหนที่ทำให้ทั้งสองอยู่กันได้ยั่งยืน
28
มิตรภาพกับคนแปลกหน้า
ไม่กี่ชั่วโมงก่อน...
จุดอ่อนของผู้มีอำนาจคือคิดว่าตนอยู่ค้ำฟ้า และจุดอ่อนของบุรุษคือหญิงงาม นิกรจึงพลาดแบบเข้าตำรา ทีแรก... เขาต้องการอมายาจนเสียหมากสำคัญอย่างขาลไป หนนี้... เขาหลงระเริงคิดว่าตนยิ่งใหญ่ ชะล่าใจจนถูกล้มกระดาน
ไม่แปลกถ้าวัดจากสิ่งที่เขาสร้างมาชั่วชีวิตกับที่เสียไปเพื่อขจัดคนขวางทาง แต่เขาผู้ควรเข้าใจมากกว่าใครว่ามิมีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้ หากผลประโยชน์สูงพอกลับไม่รู้
หลายวันมานี้มีคนขุดคุ้ยเรื่องขบวนการค้ามนุษย์ขบวนการใหญ่ได้แนบเนียนชนิดที่ไม่มีใครได้กลิ่น พบสถานที่ซึ่งผู้หญิงและเด็กถูกพักไว้รอส่งออกนอกประเทศนับพันคนแถวชายแดนภาคตะวันออก ทั้งเส้นทางการเงินทุกบาทถูกตามรอยเพื่อสาวหาผู้บงการในระดับสูงจนมาถึงตัวนิกร
แน่นอนว่าข้อมูลเส้นทางการเงิน พิกัดสถานที่ เวลาขนส่ง ไหนจะรายชื่อลูกค้า กระทั่งหมายเลขตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้ขนคนไปทางเรือข้ามมหาสมุทรถูกพิยดารวบรวมเอาไว้ก่อนตายเพื่อหล่อนจะเข้ามอบตัว
แต่เขากำจัดหล่อนไปก่อนจะทันได้ก๊อบปี้ข้อมูลแจกจ่ายด้วยซ้ำ หากต้นฉบับดันอยู่ที่ขาล คนที่หายสาบสูญราวกับไม่เคยมีตัวตน แม้เขาจะพลิกแผ่นดินหา ทว่าก็ไม่เจอ
แต่ตอนนี้... มันคงอยู่กับตำรวจพวกนั้น
“ท่านครับ เราจะเอายังไงกับโกดังที่ตำรวจยังตามไม่เจอดีครับ”
“ท่านครับ คนของท่านสุนทรแจ้งว่าศาลออกหมายจับท่าน กับท่านสุนทรแล้วครับ”
“เราต้องรีบหนีนะครับท่าน”
ท่ามกลางลูกน้องที่ตื่นกลัววิ่งพล่านและความวุ่นวายที่โถมมาอย่างรวดเร็ว นิกรนั่งกุมศีรษะอย่างคิดไม่ตกบนโซฟาหลุยส์กลางบ้าน เสียอาการคล้ายหมาจนมุม
ใช่ว่าเขาไม่เคยถูกขุดคุ้ย แต่พอตำรวจถูกกดดันจากระดับสูงที่พัวพันกับขบวนการเช่นเดียวกับเขา บ้างก็ถอดใจ บ้างก็ถูกกลั่นแกล้งจนไม่มีที่ยืนในสังคม บ้างก็ไม่อาจรักษาลมหายใจไว้ได้
แต่ครั้งนี้มันง่ายเกินไป
ง่ายเหมือนดีดนิ้วครั้งเดียวก็ลบสิ่งมีชีวิตออกไปได้ทั้งโลก คนที่ทำได้คงไม่ได้อยู่ในระดับที่เขาหรือคนระดับเดียวกับเขาจะจัดการได้
“ให้คนที่นั่นรีบขนผู้หญิงลงเรือให้หมด ที่ป่วยก็ฆ่าให้ตายแล้วโยนลงทะเลไปซะ อย่าให้สาวขึ้นไปหานายกู ไม่อย่างนั้นแม้แต่อยู่ในคุก พวกมึงก็ไม่ปลอดภัย”
“ครับท่าน” คนหนึ่งรับคำสั่ง แต่อีกคนก็วิ่งเข้ามา
“รีบหนีเถอะครับท่าน เราไม่มีเวลาแล้วนะครับ”
ลูกน้องส่วนหนึ่งเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เพียงแค่เขาก้าวออกจากบ้านเท่านั้น ชายสูงวัยเงยหน้ามองคฤหาสน์หลังใหญ่ของตนเป็นครั้งสุดท้าย แววตาอัดแน่นด้วยความเจ็บปวดและเสียดาย แล้วตัดใจในที่สุด ด้วยต้องรักษาชีวิตและอิสรภาพของตนเอง
เขาเคยเริ่มจากติดลบ เกิดในซ่อง แม่ติดโรคตาย แตกหนุ่มได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกบังคับขายตัวให้ฝรั่ง บางวันโดนซ้อมปางตาย ใช้ชีวิตวัยรุ่นวนเวียนอยู่อย่างนั้น
กระทั่งสบทางรอด เขาสมัครเป็นทหารเมื่ออายุถึงเกณฑ์ ใช้ความเจ้าเล่ห์แพรวพราวไต่เต้าขึ้นเป็นใหญ่ ใช้เส้นสายยึดซ่องที่ตนเกิดแม้ต้องฆ่าสองผัวเมียที่เป็นเจ้าของ เขาที่ตอนนั้นมีเพียงตำแหน่ง แต่เงินทองน้อยนิด เห็นโอกาสสำคัญในชีวิตจึงโดดมาจับธุรกิจมืด ทำเงินจากสิ่งที่เขาคุ้นเคย นั่นคือขายความเป็นคน เพียงแต่ไม่ใช่ของตัวเอง
อายุสี่สิบต้น ๆ เขาอ้างว่าอิ่มตัวเพื่อลาออกจากราชการ หันมาเอาดีทางการเมือง เพื่อเข้าหาคนใหญ่คนโตผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ คนที่ใครก็ตรวจสอบไม่ได้ แค่ขยิบตาหน่อยเดียวก็ปิดปากทุกคนได้แล้ว จะได้อำนวยความสะดวกให้กิจการ นับจากนั้นทั้งเงินทอง ทั้งอำนาจ ก็หลั่งไหลเข้ามาหา จนเขาก้าวขึ้นมาอยู่ในจุดนี้
ใครขวางเขาทำลาย
ใครไม่ถอย เขาไม่เกี่ยงที่จะต้องฆ่า
เขาไม่เคยเสียใจที่เลือกทางเดินนี้ ไม่รู้สึกผิดหรือสงสารเห็นใจ สิ่งที่เขามองเห็นมีเพียงเงินและอำนาจ
เป็นธรรมดาที่ขณะท้องหิว ผู้คนอาจปรารถนาเพียงข้าวสักชามมาเติมเต็มกระเพาะว่างเปล่า จวบจนท้องอิ่มจึงเริ่มแสวงหาอำนาจมาเติมห้องเก็บของในบ้าน ด้วยข้าวจากยุ้งฉางผู้อื่น ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารจากหยาดเหงื่อแรงงานของผู้อื่น โดยที่ไม่ต้องควักเหรียญทองสักเหรียญ
ไม่สนว่าต้องแลกด้วยความอดอยากหิวโหยของใครบ้าง ตราบใดที่ ‘อำนาจ’ ในกำมือยังสามารถเอื้อประโยชน์ให้เขาและพวกพ้องอิ่มท้องได้
แต่ทุกอย่างที่เพียรแสวงมา กำลังจะหายไปต่อหน้าต่อตา...
“เชิญครับท่าน”
จังหวะที่นิกรกำลังจะก้าวขาขึ้นรถที่ลูกน้องเปิดประตูให้ รถตำรวจก็พุ่งเข้ามาจอดลานหน้าบ้าน พลันใจที่ไม่เคยนึกกลัวก็กระตุกวูบ รู้ในวินาทีนั้นว่าสิ้นทาง
ขณะตำรวจแสดงหมายจับและเข้าจับกุมนิกร ดนุที่มาด้วยก็ยืนกอดอกมองความฉิบหายของมันด้วยรอยยิ้มเลือดเย็นอยู่ไม่ห่างออกไป เพราะเขาจะไม่พลาดวินาทีสำคัญที่เขารอมาทั้งชีวิต
“ยินดีด้วย ไอ้หนุ่ม” ก่อนถูกพาขึ้นรถตำรวจ นิกรหยุดเท้าเพื่อพูดกับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม หากดวงตาบรรจุความเย้ยหยันไว้เต็มแน่น “แต่ก็ต้องเสียใจด้วยที่ต้องบอกว่า ฉันไม่ได้ฆ่าพ่อแม่นาย”
“...” ดนุสะอึกอึ้ง คล้ายถูกหินก้อนใหญ่กระแทกหน้า
“คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่านายเป็นใคร เข้ามาทำงานที่คลับเพราะอะไร ที่พิยดายอมให้นายเข้ามาเพราะหล่อนกะจะยืมมือนายมาจัดการฉัน แต่ทำไมฉันถึงนิ่งรู้ไหม... เพราะฉันมั่นใจว่านายไม่มีทางล้มฉันได้ด้วยเรื่องนั้นไงล่ะ แต่นายก็เล่นงานฉันไม่เกี่ยงประเด็น ยอมรับเลยว่าสุดจริง”
“โกหก”
“มันคือความสัตย์จริง ไม่งั้นนายคงเจอหลักฐานไปนานแล้ว”
“ถ้าไม่ใช่แก แล้วมันจะเป็นใคร”
“เป็นใครกันนะ ฉันขอคิดก่อนแล้วกัน”
ชายสูงวัยแสร้งทำท่าครุ่นคิด เห็นสีหน้าคลั่งแค้นสับสนของดนุแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้
เสียงหัวเราะนั้นสะท้อนก้องอยู่ในใจของดนุจนแทบจะปริแตก มือเขากำแน่น ขณะมองชายผู้ที่เขาจงเกลียดจงชังก้าวขึ้นรถตำรวจไปหลังทิ้งระเบิดลูกใหญ่ลงมากลางใจ
นิกรจากไปพร้อมกับ ‘ความจริง’ ที่เขาต้องรู้ให้ได้ แม้ต้องเสียไปมากกว่าที่เคยก็ตาม
ในเวลาใกล้เคียงกับที่นิกรเจอปัญหา หัวหน้าการ์ดที่เกาะเขมราชก็ได้รับคำสั่งจากคุณแขไขว่าจะมีคนมารับอมายากลับกรุงเทพฯ แต่ห้ามไม่ให้รายงานเขมราชเด็ดขาด เพลงซึ่งตระเตรียมกับดนุอยู่ก่อนแล้วรีบเข้ามาแจ้งอมายาทันทีที่เรือผู้มาเยือนเทียบท่า อมายาตื่นเต้นเก็บอาการไม่ไหว แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของเธอสว่างขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เอาไงกับเจ้าส้มดีคะคุณออย”
พลันความเศร้าเข้ากุมหัวใจ หญิงสาวเหลือบมองเจ้าแมวที่เริ่มโตเป็นหนุ่ม กำลังเดินพันขาไปมา เอาศีรษะรูปตัว M ถูซ้ายถูขวา อ้อนหนักเหลือเกินราวกับรู้ว่าเราต้องจากกัน
“ให้อยู่ที่นี่แหละเพลง”
รอยยิ้มแสนเศร้าแต้มมุมปาก ทรมานเหมือนใครมากรีดเนื้อใจ แมวตัวนี้ผูกพันกับเธอ รักเทียบเท่าลูก ทุกครั้งที่เธอทุกข์ แค่ได้กอดได้หอมก็ดูเหมือนทุกข์นั้นถูกบรรเทา
“ชีวิตฉันไม่รู้ว่าต้องเจออะไร จะมีโอกาสได้เลี้ยงเขาจนหมดอายุขัยหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่นี่มีคนรักเขามากมาย เขาอาจจะเหงาที่ไม่มีฉัน แต่ฉันเชื่อว่าทุกคนจะดูแลเขาได้ดีกว่า จะไม่ทำให้เขาโดดเดี่ยว”
“คุณออย...” เพลงน้ำตาซึมเมื่อได้ฟัง
“มันดีกว่าไม่ใช่เหรอ ถ้าชีวิตเรามีแต่คนดี ๆ อยู่รอบตัว”
น้ำตาเธอไหลรินจนนองหน้า ส่วนลึกในใจอิจฉามันที่ได้รับในสิ่งที่เธอโหยหา จากทั้งเธอ และจากทุกคนในเกาะนี้ อีกส่วนหนึ่งก็เสียใจที่ต้องจากลา
ร่างที่เริ่มเทอะทะในชุดคลุมท้องด้วยท้องโตขึ้นมากแล้วย่อกายลงอุ้มมันขึ้นมา ลูบหัวเจ้าเหมียวเบา ๆ ก่อนจูบลงไป มันครางเสียงอ่อนคล้ายซึมซับความรู้สึกจากเรียวปากอุ่นนั้นได้ ก่อนซุกตัวเข้าอ้อมแขนเธอ ไม่อยากให้จากไป
“แม่ต้องไปแล้วครับ อยู่ที่นี่เป็นเด็กดี อย่าฝนเล็บกับข้าวของของคนอื่นนะรู้ไหม แล้วก็ช่วยพี่ ๆ ลุง ๆ จับหนูให้ได้เยอะ ๆ เขาจะได้ซื้อหนมให้ลูกกินแล้วก็รักลูกมาก ๆ เหมือนที่แม่รัก”
เธอสั่งเสียทั้งน้ำตา กอดมันให้แน่นเป็นครั้งสุดท้ายค่อยอุ้มไปใส่ในกรงขนาดพอเหมาะที่เขมราชซื้อมาให้ บอกเพลงว่าหากเธอไปแล้วให้เข้ามาปล่อยมันด้วย
ระหว่างออกมาก็ไม่ลืมถามว่าเพลงจะเอาอย่างไรกับชีวิต เพราะหลังจากไพน์ก่อเรื่อง เขมราชก็ให้ครอบครัวหล่อนไปอยู่ที่อื่น เหลือเพลงไว้เพื่อดูแลเธอกับลูกในท้อง ทั้งต้องจบความสัมพันธ์กับธาม เนื่องว่าฝ่ายนั้นรับไม่ได้ที่รู้ว่าหล่อนจงใจฆ่าลูก
“ไม่ต้องห่วงนะคะ เพลงจะไปหางานทำที่กรุงเทพฯ เราต้องมีโอกาสได้เจอกันแน่นอน”
อมายาพยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วกอดลาเพลง ก่อนพบว่าตรงท่าเรือมีคนงานมารอส่งหลายคน บางคนก็เพิ่งได้คุยเปิดใจกันจนมิตรภาพเพิ่งจะก่อตัว
“อยู่ต่อได้ไหมคะนายหญิง ถ้านายหญิงไป นายคงเสียใจมาก”
เด็กสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยเข้ามาหา สีหน้าเศร้าสร้อย อมายาส่ายหน้า ชัดเจนทั้งแววตาและในความรู้สึก
“เฟลมไม่เสียใจหรอก แล้วต่อให้ฆ่าฉันแล้วจับถ่วงน้ำ วิญญาณฉันก็ยังจะหนีออกจากที่นี่ให้ได้ เธอเข้าใจฉันใช่ไหม”
ทุกคนเข้าใจที่เธอพูดดีแม้จะแอบหวังให้เธอเปลี่ยนใจ จึงได้หลีกทางให้อมายาเดินไปขึ้นเรือ ทว่าคนที่รอรับเธออยู่ทำให้น้ำตาเธอร่วงหล่น สองเท้าออกวิ่งเข้าหาแล้วสวมกอดด้วยความรู้สึกดีใจและโล่งอกราวเพิ่งได้รับปาฏิหาริย์
“ขาล นายปลอดภัย ฮึก... ฉันคิดว่านายจะตายไปซะแล้ว ฉันขอโทษที่ตอนนั้นช่วยนายไม่ได้ ฮือ ๆ ฉันขอโทษ”
“ไม่เป็นไรเลยครับคุณหนู มันไม่ใช่ความผิดของคุณหนู คนที่ผิดคือไอ้นิกร”
ชายหนุ่มที่อายุมากกว่าเกือบหนึ่งรอบคลายอ้อมกอดแล้วใช้หลังมือเช็ดน้ำตาให้เบา ๆ
“ผมไม่ยอมตายถ้ายังทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของนายหญิงไม่สำเร็จ นั่นคือปกป้องคุณหนู... และผมอยู่ตรงนี้แล้ว คุณหนูไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนะครับ ไม่ว่าใครหน้าไหนที่มันคิดร้ายกับคุณหนู ผมจะฟาดฟันให้มันตายตกไปตามกัน”
“ขอบคุณนะ ฮือๆๆ”
อมายาสวมกอดเขาอีกครา เช็ดน้ำตากับอกกว้าง ชีวิตเคว้งคว้างว่างเปล่าที่ผ่านมาเริ่มมีหลักให้จับยึดอีกครั้ง
แม้ใครมองอมายาเป็นคนแข็งกระด้าง สำหรับขาล เธอเป็นเด็กสาวจิตใจอ่อนไหวพร้อมแหลกเหลวได้ทุกเมื่อ หากไม่ช่วยประคองไว้... สิ่งงดงามที่เขาเห็นจนชินตาคงกลายเป็นขยะเน่าเฟะ
ทุกครั้งที่นายสั่งให้ไปรับไปส่งเธอ อมายามักระบายความรู้สึกที่ต้องแบกรับให้เขาฟัง แม้เธอไม่สนใจถามชื่อเขาด้วยซ้ำ แต่พฤติกรรมนั้นผลักดันให้ขาลเห็นใจและรู้สึกสนิทสนมกับลูกสาวนายไม่ต่างจากพี่น้อง
เขาเข้าใจดี ไม่มีอะไรเจ็บปวดไปกว่าการที่ภายในจิตใจของเธอถูกทำร้ายโดยไม่มีใครเข้าใจ ใส่ใจ ให้ความช่วยเหลือหรือแม้แต่เหลียวแล
เวลาล่วงผ่านไปจนเธอโตเป็นสาว อมายาสังเกตได้ว่าเขาไม่เคยให้คนอื่นทำหน้าที่นี้เลย เขายังคงมาขับรถให้ ทำหน้าที่รับฟัง บางครั้งยังช่วยแนะทางแก้ไข แต่อมายากลับละเลยเขาอย่างเห็นแก่ตัว ขั้นที่ไม่เคยรู้จักชื่อเสียงเรียงนามเขาเลยด้วยซ้ำ
‘นายชื่ออะไรเหรอ’
‘ขาลครับ ขาลที่แปลว่าเสือ’
‘ชื่อน่ากลัว แต่ทำไมนายสุภาพจัง’
‘แล้วแต่ว่าผมปฏิบัติกับใครครับ’
อมายายิ้มขัน เขาตอบคำถามได้ดีเท่ากับความกวนประสาทแบบนุ่มนวล
‘ฉันจะจำชื่อนายไว้ ‘ขาล’ ฉันจะไม่มีวันลืมนาย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอบคุณสำหรับทุกอย่างตลอดเวลาที่เรารู้จักกัน ไม่สิ… ตลอดเวลาที่นายรู้จักฉัน’
ชายหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนเป็นมิตรให้สาวน้อยอมายาผ่านกระจกมองหลัง อย่างหนึ่งที่หล่อนไม่เคยรู้คือเขา... เอ็นดู
นับแต่นั้นทั้งคู่ก็รู้จักกันมากขึ้น ขาลเป็นทั้งเพื่อนและพี่ชาย บางครั้งก็เป็นเหมือนพ่อ เรื่องที่พ่อคนหนึ่งควรสอนลูกแต่พ่อเธอไม่เคยทำ ขาลกลับทำมันได้ดี
กระทั่งการเข้ามาของเขมราชทำให้เขาและเธอห่างหายกันไปช่วงหนึ่ง ถึงอย่างนั้นความปรารถนาดีและมิตรภาพก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ขาลพาอมายาขึ้นเรืออย่างระมัดระวัง ก่อนเธอจะพบว่าคนขับคือชาวี เล่นเอาชาไปทั้งร่าง ครั้งสุดท้ายที่ได้พบกันแววตาเขาซ่อนไว้ด้วยความเจ็บช้ำคับแค้น หากตอนนี้เปลี่ยนไป
“พี่แชมป์มาได้ยังไงคะ” เธอยังคงหวั่นใจกับแววตาคู่นั้น ที่ย้ำบาปเลว ๆ เข้ามาในใจ
“พี่อยากมาพาน้องออยออกจากขุมนรกนี้ด้วยตัวพี่เอง”
“หมายความว่าไงคะ”
เขาเดินเข้ามากุมมือเธอ มองจ้องเข้ามาในดวงตา เธอสัมผัสได้ว่าเขาเสียใจเพียงไรที่ลงเอยเช่นนี้
“พี่เข้าใจทุกอย่างแล้ว ขอโทษนะที่พี่ก็มีส่วนทำให้ออยต้องมาติดอยู่ที่นี่”
อมายาชะงักงัน ไม่คิดว่าจะได้ยินคำขอโทษจากเขาทั้งที่เธอเป็นฝ่ายผิด หญิงสาวตื้นตันจนน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง หากแต่พอชาวีจะกอด เธอกลับถอยหนี
ชาวีเองก็เข้าใจดี... เขาเพียงเผลอด้วยความเคยชิน ทั้งที่ควรรู้ว่าเราไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะทำได้ เขาอาจเคยชนะใครมาแล้วมากมาย แต่กับโชคชะตาที่ขวางเขาออกจากอมายา เขาไม่อาจพิชิตได้
ชายหนุ่มตัดความสนใจ ค่อยเล่าว่าคุณป้าแขไขอธิบายให้เข้าใจการกระทำของเธอซึ่งถูกเขมราชลักพาตัวแถมบังคับจนต้องตัดสัมพันธ์กับเขา นอกจากนั้นคุณป้ายังร่วมมือกับครอบครัวเขาเล่นงานนิกรจนถูกจับเข้าคุก
เขาไม่รู้รายละเอียดมากนักว่าผู้ใหญ่ทำข้อตกลงอะไรกัน เดาว่าต้องเป็นผลประโยชน์ที่น่าพอใจกับทั้งสองฝ่าย อมายานึกขอบคุณคุณป้าที่ช่วยเหลือเด็กตัวคนเดียวอย่างเธอ ทั้งที่ท่านควรโกรธเกลียดเธอด้วยซ้ำที่ทำให้มีนรญากับหลานท่านต้องตาย
ทั้งนี้ ชาวียังขอโทษเรื่องคืนปาร์ตี้ที่เขาพยายามล่วงเกินจนเธอหนีเตลิด
“ถ้าตอนนั้นพี่เชื่อใจน้องมากพอ น้องคงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้”
สายตาคู่คมหลุบมองหน้าท้องนูนโต พาให้อมายารู้สึกเหมือนทุกคนเอาแต่สงสารและสังเวชเธอ จริงอยู่เธอโล่งอกที่เขาเข้าใจทุกอย่าง แต่รอยยิ้มนั้นกลับจืดเจื่อน
“แค่พี่แชมป์ไม่โกรธออยแล้วออยก็ดีใจค่ะ”
“พี่อาจเคยโกรธน้องออยนะคะ แต่พี่ไม่เคยรักน้อยลงเลย”
“อย่าพูดแบบนี้เลยนะ ออยขอร้อง...”
เธอไม่เข้าใจ ตลอดหลายเดือนที่เขาแต่งงานกับภรรยา ไม่มีสิ่งใดช่วยให้เขารู้ใจตัวเองเลยหรือว่าเขาไม่ได้รักเธอ ระหว่างเราเป็นความผูกพันเกินกว่าพี่น้องแต่ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นจะมากกว่า ชาวีเพียงต้องการเอาชนะเพื่อนเก่าอย่างเขมราชตามนิสัยตนก็เท่านั้นเอง
ด้านชาวีสูดหายใจลึก ยิ้มเจื่อนปลอบใจตัวเองพลางพยักหน้ารับคำ ก่อนพาคนท้องโตไปหาที่นั่งขณะขาลเข้าประจำที่คนขับ แล้วเรือก็แล่นออกไป
อมายาเหลียวมองสถานที่จองจำเธอเป็นหนสุดท้าย แววตาว่างเปล่าไร้ซึ่งความอาวรณ์
ก่อนจะถูกขังอยู่ที่นั่น เธอนึกถึงเกาะนี้ด้วยความโหยหา มีความทรงจำดี ๆ ระหว่างเธอกับเขาอยู่มากมาย แต่ครานี้หญิงสาวจำความรู้สึกนั้นไม่ได้อีกแล้ว มันอัดแน่นไปด้วยสิ่งเลวร้ายที่เขมราชทำ จนต้องปล่อยโฮออกมาในนาทีที่บอกกับใจตัวเองว่าในที่สุด เธอ... ก็หลุดพ้นเสียที
ถ้าถามว่ายังรักเขาหรือเปล่า เธอไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่ค้นลึกลงไปในหัวใจก็เจอเพียงความหวาดกลัว เจ็บปวดและเกลียดชัง
* * *
เมื่อรู้ว่า ‘ขาล’ คือคนที่มารับอมายาออกไปจากเกาะจากคำบอกเล่าของเพลง เขมราชก็รู้ในตอนนั้นว่าดนุคงจัดการกับนิกรได้แล้ว แต่เขาพยายามนึกว่าเหตุใดคนของเขาถึงได้ยอมให้เข้ามาพาอมายาไปง่ายดาย เว้นแต่จะมีคนเปิดทางให้
อาจเป็นดนุ แต่ไม่ใช่!
เป็นคุณป้าเขานั่นเอง…
เขาควรรู้ว่าท่านจะขัดขวางในสิ่งที่ท่านคิดว่าผิด แต่เขายังชะล่าใจปล่อยให้ท่านพรากเธอไปจากอกได้ ต่อให้เขาอาละวาดฟาดฟันแทบตายก็ไม่มีวันได้เธอคืนมา
สำหรับเขมราชแล้ว เขาไม่คิดว่าทางที่ตัวเองเลือกเดินจะนำพาเขามาถึงวันที่ต้องผิดหวัง เจ็บปวด และเสียใจมากที่สุดในชีวิตจนอยากย้อนเวลากลับไปเลือกใหม่ทุกลมหายใจ
แต่มันเป็นจริงอย่างที่ดนุบอก...
คนเรามีทางเลือกเข้ามาเสมอ แต่กับบางเรื่องมันก็สายเกินกว่าจะเลือกใหม่ นั่นเองคือสิ่งที่เรียกว่าเสียดาย...
เขมราชไม่ได้นอนทั้งคืน ด้วยคิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไร จะออกตามหาอมายาอย่างบ้าคลั่งทั้งที่รู้ว่าเธอไม่เอา หรือควรออกจากชีวิตเธอทั้งที่ยังมีลูกเป็นสิ่งผูกใจ และทั้งที่รู้... ว่าใจยังรัก
แล้วเขาก็ตัดสินใจลากค้อนปอนจากห้องเก็บของ ตรงไปยังหน้าผาซึ่งมีเจดีย์อัฐิมีนรญาอยู่ เหมือนได้ยืนต่อหน้าหล่อน คนที่ทำให้เขาโง่เหมือนควายและเผชิญกับความรู้สึกตายทั้งเป็น
“นังสารเลวเอ๊ย”
แขนที่ยังใช้งานได้เหวี่ยงค้อนเหล็กทำลายเจดีย์สีขาวมุกอย่างไม่เหลือเยื่อใย ท่ามกลางสายตาของคนงานที่ผ่านมาเห็นแต่ไม่กล้าห้ามนาย จนสุดท้ายเขาอ่อนแรง น้ำหนักค้อนเหวี่ยงร่างเขาให้ล้มลง พร้อมกับที่ปลายยอดของสิ่งก่อสร้างที่หักเอียง
เขมราชร้องไห้ไม่เหลือลาย
เพราะเขาจำได้... ที่ตรงนี้เขาเคยกดหน้าอมายาลงไปให้ขอโทษผู้หญิงเลวร้ายอย่างมีนรญา ภาพใบหน้าเปื้อนน้ำตาของอมายาลอยวนอยู่ในความคิด ชวนให้เขาปวดใจคล้ายมันกำลังสลาย
นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เขาจมอยู่ตรงนั้น รู้ตัวอีกทีก็เย็นย่ำ สถานที่เดียวที่เขาจะสงบใจได้คือเกาะด้านทิศตะวันตก
เขมราชนั่ง bean bag ที่ครั้งหนึ่งมีอมายาแอบอิง ทอดสายตามองความหลากหลายของท้องฟ้าเบื้องหน้า สีสันน่ากลัวแบบนั้น... แบบที่เขาพยายามหนี แต่เขารู้ดีว่าเขาชื่นชอบมันยิ่งกว่าสิ่งใด
กว่าจะรู้... ทุกอย่างมันก็สายเกินไป และต่อให้เขาเดินลงทะเลไปตายตอนนี้แม้ควรทำมากแค่ไหน ก็ยังชดใช้สิ่งที่ทำไว้กับอมายาไม่ได้ อีกทั้งฆาตกรตัวจริงยังลอยนวลอยู่
เขาไม่มีทางปล่อยให้มันมีความสุข
ใช่เพราะมันฆ่ามีนรญากับลูกเหมือนอย่างเคย แต่เพราะมันทำให้อมายาต้องตกเป็นจำเลยทั้งที่เธอไม่ผิด
เพลงเห็นสภาพนายที่ไม่ได้นอนทั้งคืน เอาแต่นั่งเหม่อน้ำตาไหลแถมตอนนี้ก็ไม่ยอมแตะข้าวปลาเลย เขมราชไร้ชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อนแม้ตอนสูญเสียมีนรญาก็ตาม แต่เขาต้องยอมรับความสูญเสียครั้งนี้ให้ไหว แล้วข้ามผ่านให้ได้ด้วยตัวเขาเอง
“นายคะ เพลงมีเรื่องอยากจะบอกค่ะ”
“เรื่องคุณออยเหรอ” เขมราชหันมองลูกจ้างสาวที่เขาสนิทใจเหมือนญาติพี่น้องด้วยแววตาเปี่ยมหวัง
“เปล่าค่ะ” หล่อนดับฝันเขาด้วยความจริง เพราะหล่อนเพียงมาทำในสิ่งที่ควรทำ “เพลงจะเข้าไปหางานที่กรุงเทพฯ เลยอยากมาลานาย”
ดวงตาที่มีน้ำเอ่อคลอจ้องมองหล่อน
“ยังไม่ต้องรีบไปหรอก”
สายตาคู่นั้นหันกลับไปมองทางเดิม ทะเลเวิ้งว้างกว้างใหญ่เหลือเกินเมื่อไม่มีอมายา เพลงแปลกใจแต่เขาก็ไม่ปล่อยให้สงสัยนาน
“ค่อยไปพร้อมกัน ฉันก็จะไปหาคุณออยพอดี”
เพลงตกใจจนเริ่มโมโห และแทบจะสะกดไว้ไม่อยู่
“นาย ทำไมนายไม่ปล่อยคุณออยไปเสียที นายจะทรมานเธอไปถึงไหน”
“…”
เขาเงียบ เจ็บปวดเกินกว่าจะเอ่ยคำอธิบายเหล่านั้นโดยไม่มีน้ำตา แต่เพลงไม่อาจเข้าใจ ในสายตาหล่อนเขาคือผู้ชายเลวร้ายเห็นแก่ตัวที่ไม่คู่ควรกับนายหญิงของหล่อน
“ปล่อยคุณออยเขาไปเถอะนาย อยู่กับนายเธอจะเอาอะไรมามีความสุข ในความทรงจำของเธอมีแต่เรื่องร้าย ๆ ที่นายทำ”
“…”
“จริงอยู่ที่นายกับเธอกำลังจะมีลูกด้วยกัน นายจะเสียใจที่เธอไม่อยู่แล้วก็ไม่แปลก นายจะลงโทษตัวเองยังไงก็ได้เพราะนายสมควรโดนแล้ว แต่แค่นายอย่าลงโทษคุณออยที่ไม่ผิดอะไรด้วยการใช้ลูกเป็นข้ออ้างในการรั้งเธอให้อยู่กับนายที่ยอมรับความเจ็บปวดไม่ได้แบบนี้ได้ไหมคะ เพราะต่อให้อยู่ได้ ก็คงต้องหวาดระแวงไปชั่วชีวิต”
“พอได้แล้วเพลง ฉันเป็นเจ้านายเธอ ไม่ใช่ลูกน้องที่ต้องมาฟังเธอสอนปาว ๆ” เขมราชเอ่ยผ่านความเจ็บจุกในอกซ้าย หากเพลงยังคงดื้อดึงคล้ายหล่อนก็เหลืออดเช่นกัน
“เพลงพูดในฐานะเพื่อนที่อยากให้เพื่อนปล่อยวาง เพื่อนที่รู้ว่าเพื่อนกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้วถึงได้อยากให้เพื่อนก้าวต่อไป เพราะเพลงยังอยากเห็นพวกเขามีความสุข ต่อให้เขาจะทำเรื่องผิดบาปมามากแค่ไหนก็เถอะ”
เขาหลับตา กลืนก้อนสะอื้น ค่อยพูดกับหล่อนด้วยเสียงสั่นเครือสะเทือนหัวใจคนฟัง
“ฉันแค่อยากไปขอโทษเขา”
“...”
“ฉันอยากให้เขาได้ยินคำนั้นจากปากฉัน ถึงเขาจะไม่ให้ค่ามัน แต่ฉันก็อยากให้เขาได้รู้ว่าฉันเสียใจกับสิ่งที่ฉันทำ”
เพลงถอนหายใจแล้วเดินไปนั่งบนพื้นทรายใกล้เท้านาย
“นายคิดว่าจะรับผิดชอบความรู้สึกทั้งหมดของเธอได้ด้วยคำว่าขอโทษเพียงคำเดียวเหรอคะ”
“ฉัน...” เขมราชพูดไม่ออก
รู้ดีว่าไม่มีทาง
คำว่า ‘ขอโทษ’ เพียงช่วยปลดเปลื้องความรู้สึกผิดลงจากใจเขาได้เพียงเล็กน้อย ตรงข้าม... ถ้าเธอเห็นเขาอีกครั้ง อมายาก็มีแต่จะต้องเจ็บปวด และหวาดระแวง
“ฉันควรที่จะต้องทรมานแบบนี้เพื่อชดใช้ให้ออยใช่ไหม เพลง”
เขาหันมองเพลงแล้วปล่อยน้ำตาไหล ความอ่อนไหวเพียงชั่วครู่นั้นเหมือนหล่อนกับเขาได้ย้อนกลับไปในช่วงวัยเด็ก
เด็กชายเขมราชมักแอบมาร้องไห้เมื่อพ่อแม่ทะเลาะกัน แล้วก็เป็นเพลง... เด็กหญิงชาวเกาะหน้าตามอมแมมซึ่งอายุมากกว่าหนึ่งปีมาคอยปลอบและอยู่เป็นเพื่อนเขา
หล่อนมักพูดอย่างเด็กไม่ประสาว่าหล่อนลำบากกว่าเขาตั้งเยอะแต่ไม่เคยร้องไห้ เขาที่มีพร้อมมากกว่าทำไมถึงต้องอ่อนแอกว่าหล่อนกัน
“ไม่เป็นไรนะนาย”
หญิงสาวที่ตอนนี้อยู่ในฐานะเพื่อนหาใช่คนใต้บัญชาสวมกอดเขา ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเขมราชพาเธอปวดใจไม่แพ้กัน คนสองคนที่ควรได้รักกัน กลับต้องมาเกลียดชังด้วยหัวใจที่มีแต่รอยแผล
มันเพราะอะไรกันนะ...
“เดี๋ยวก็หายนะนาย หรือถ้าไม่หาย มันจะเจ็บน้อยลงเอง”
เขมราชซบหน้าลงกับไหล่มน จินตนาการว่าคนที่กอดตนอยู่นี้คืออมายา แต่ความจริงกลับไล่บี้หัวใจเขาให้แหลกลาญว่าหล่อนไม่ใช่... และไม่มีวันใช่
เมื่อคืนมีช่วงหนึ่งที่เขาเผลอหลับไป เขาฝันเห็นอมายามานอนเคียงข้าง เธอออดอ้อนและหยอกล้อเขาเหมือนตอนที่เคยรักกัน แต่พอเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้ว... กลับพบว่าไม่มี
คิดแล้วใจที่คิดถึงเธอก็หนักอึ้งจนน้ำตารินไหลไม่ขาดสายซบอยู่กับไหล่ของเพลง ไม่รู้เมื่อไหร่เขาจะชินกับความเจ็บปวดนี้เสียที หรือมันจะทำให้เขาแตกสลายก่อนจะชินชากันนะ...
29
ฉันเองก็เคย...
หลังนิกรถูกจับ และคุณป้าแขให้คำมั่นว่าจะไม่ให้เขมราชมาทำอะไรเธอได้อีก พร้อมเฉลยให้สบายใจว่าคลิปที่เขาเคยขู่ว่าจะปล่อย มันไม่เคยมีอยู่จริง ด้วยท่านเค้นจนมั่นใจ แม้ไม่อยากเชื่อใจท่าน แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม เธอจึงกดความหวาดระแวงเหมือนคนบ้าไว้ในใจ และกล้าใช้ชีวิตที่มันเป็นของเธอมากขึ้น
หญิงสาวเช่าอะพาร์ตเมนต์ใกล้โรงพยาบาลของชาวีเพื่อจะได้เดินทางมาหาย่าได้สะดวก ย้ายมาฝากครรภ์กับโรงพยาบาลที่เธอไว้ใจและน่าเชื่อถือ แม้ลึกลงไปเธออยากหนีเขมราชไปสุดหล้าฟ้าเขียว แต่เธอไม่อาจทอดทิ้งย่าไว้เพียงลำพัง ยิ่งอาการท่านทรุดลงอย่างน่าเป็นห่วงหลังการเข้าเยี่ยมของเอมมาลินตามคำบอกเล่าของพยาบาลอย่างนี้แล้ว ท่านก็ยิ่งรอความช่วยเหลือได้อีกไม่นาน คงไม่ดีนักหากพาท่านไประหกระเหินด้วยกัน นี่เธอก็ไม่ได้เข้าเยี่ยมท่านเลยตั้งแต่กลับมาเพราะหมอห้าม ทำได้เพียงมองใบหน้าซูบซีดของท่านผ่านกระจกห้องไอซียู
ไตที่เขมราชเสาะหาแทบพลิกแผ่นดินมันเกือบมาถึงแล้ว เป็นของชายคนหนึ่งที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ จึงมีความจำเป็นจะต้องเคลื่อนย้ายมาปลูกถ่ายในวันเดียวกัน แต่เนื้อเยื่อกลับเสียหายจากการขนส่งที่เจ้าหน้าที่ประมาทเลินเล่อ ทั้งเวลาเดินทางถูกเลื่อนออกด้วยเหตุจราจรก่อนจะทันได้ขึ้น ฮ. ของคุณป้าแขไขมาที่โรงพยาบาลด้วยซ้ำ
ส่วนโดเนอร์ในระบบงั้นหรือ... เหมือนย่ากำลังเข้าคิวรอความตายมากกว่าความหวัง
ระหว่างนี้หมอจึงทำให้ย่าหลับ เพื่อไม่ต้องเจ็บปวดกับอาการแทรกซ้อน นึกถึงตรงนี้แล้วอมายาก็ต้องยกมือปาดน้ำตา ด้วยสงสารย่าจนอยากรับความทรมานเหล่านั้นมาเก็บไว้เสียเอง
“กลับไปพักก่อนดีไหมคะ พี่เดินไปส่ง” ชาวีที่มายืนเป็นเพื่อนเธอกล่าวอย่างห่วงใย
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวขาลจะเดินมารับ เขาไปทำธุระที่ห้างใกล้ ๆ นี่เอง” ด้วยสถานภาพของเขาในตอนนี้ เธอจำต้องปฏิเสธด้วยคำลวง ทั้งที่ความจริงขาลคงต่อแถวสมัครงานอยู่ที่ไหนสักแห่ง คนลืมตัวอย่างชาวีก็ไม่ดึงดัน ปล่อยให้หญิงสาวเดินกลับที่พักเพียงลำพัง
พอเดินเข้าล็อบบี้ ด้วยความไม่ระวังก็เกือบล้มตามแรงกระชากของคนที่อมายาไม่คิดฝันว่าจะได้เจอที่นี่
“กลับมาแล้วเหรอนังตัวดี”
“พ่อ”
เธอรวบข้อมือพ่อที่กำคอเสื้อเธอไม่ปล่อย อุตส่าห์ไปหาย่าโดยเลือกเวลาที่คิดว่าจะไม่เจอท่าน แต่เวรกรรมคงหนุนนำให้ท่านมาดักรอ
“กลับมารับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองก่อได้แล้วเหรอ หา?”
“พ่อพูดอะไร” ไหนจะโทสะที่ท่านสาดใส่กัน ผลักดันให้เธอไม่เข้าใจเลยสักนิด
“แกกำลังจะฆ่าย่าแก ชัดเจนพอให้แกเข้าใจได้หรือยัง อีเลว”
เธอน่ะหรือจะฆ่าย่า...
คนที่ท่านควรกล่าวหาคือเอมมาลิน หล่อนมาเยี่ยมย่า จากนั้นอาการท่านก็ทรุดอย่างไม่มีสัญญาณ ควรถามว่าพูดอะไรให้ย่าไม่สบายใจ ควรประณามหล่อนที่ไม่ระมัดระวัง ใช่จะมายืนด่าเธอแบบนี้
“พ่อไม่ได้ถามเอมเหรอ ว่ามันทำอะไรให้ย่าไม่สบายใจ”
“เพราะฉันถามไง ถึงได้รู้ว่าแกชั่วขนาดไหนที่ปฏิเสธจะกลับมาหาท่านแบบไม่ดูดำดูดีทั้งที่ท่านรักแกยิ่งกว่าอะไร แล้วนี่แกกลับมาทำไม กลับมาใส่ร้ายน้องอีกตามเคยสินะ”
“ถึงขั้นนี้แล้วพ่อยังคิดว่าหนูใส่ร้ายมันเหรอ ที่มันรวมหัวกับพี่ชาร์ลส์สั่งฆ่าหนู พ่อคิดว่าลูกรักของพ่อมันเป็นคนดีงั้นเหรอ”
“ตำรวจบอกแล้วว่าเอมไม่เกี่ยว ชาร์ลส์ทำคนเดียว ฉันก็ถามน้องแล้ว น้องไม่ได้ทำ แกอย่ามาปั่นหัวฉันซะให้ยาก”
อมายาผิดหวัง ทั้งที่แทบไม่ได้หวัง คงเป็นเพราะมันยังหลงเหลือเพียงนิดในหัวใจ แต่เป็นนิด… ที่สร้างความเจ็บปวดได้มากโข
“แปลกเนอะ ทุกเรื่องที่คนอื่นว่าหนูเลว พ่อก็พร้อมเชื่อเสมอ แต่พ่อไม่เคยถามหนูเลยว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นยังไง”
“เพราะฉันรู้จักสันดานคนอย่างแกดีไง แกมันเลวเหมือนแม่”
ในสายตาคนเป็นพ่อแล้ว... เอมมาลินที่ท่านประคบประหงมมาตั้งแต่รู้ว่าถูกพี่สาวหมายจะผลักให้รถชนตายจนต้องพิการนั้นน่าสงสารเหลือเกิน อีกทั้งหล่อนและสารภีผู้เป็นแม่ยังถูกคุณอิงอรกดขี่สารพัด
ถ้าพ่ออย่างเขาไม่ปกป้องทั้งสอง ก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว
ที่สำคัญ หล่อนถูกอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดีในครอบครัวที่มีทั้งพ่อและแม่ ไม่เหมือนเด็กเหลือขอกู่ไม่กลับอย่างอมายาที่ฆ่าคนตายได้เพียงเพราะแย่งผู้ชาย
“โอเค” เธอสูดจมูกกลั้นน้ำตา แล้วแววตาที่จ้องพ่อก็กลับมาแข็งกร้าวดังเดิม “แล้วเอมมันบอกว่าหนูพูดตอนไหนเหรอ?”
แม้ไม่รู้รายละเอียดที่น้องสาวพูดกับพ่อมากนัก แต่อมายามั่นใจได้ว่าเอมมาลินคงโยนผิดให้กันอีกตามเคย
“วันก่อนน้องมาเยี่ยมย่าแล้วต่อสายโทร. หาแก อย่ามาไขสือทำเป็นไม่รู้หน่อย”
“...”
“จิตใจแกทำด้วยอะไรถึงทำแบบนั้นกับย่าได้ แกไม่กตัญญูฉันไม่ว่า เพราะฉันก็ไม่ได้หวังมันจากคนอย่างแก แต่ทำไมต้องทำให้มันแย่ลง ทำไมไม่หายไปเงียบ ๆ แล้วไม่ต้องกลับมาอีกเลย”
อมายาถอนหายใจบรรเทาความเหนื่อยที่มีอยู่เต็มอก สายตาจ้องมองพ่ออย่างปวดร้าว หลายครั้งหลายหนเธอรู้ว่าตนไม่เป็นที่ต้องการ ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุกับเอมมาลิน พ่อก็อยากลบเธอออกจากโลกใบนี้อยู่ทุกวินาที
แต่ท่านไม่เคยเอ่ยปาก แม้จะทำร้ายทุบตีและทำเหมือนเธอเป็นอากาศธาตุยามมีความสุขกับลูกเมียใหม่ มันไม่มีครั้งใดชัดเจนเท่านี้ เพราะต่อให้เธอถูกพาตัวไปโดยผู้ชายที่แสดงออกต่อหน้าท่านว่าเกลียดเธอ แต่พ่อกลับไม่เคยตามหา ไม่เคยติดต่อหรือเดือดเนื้อร้อนใจ
แล้วเธอต้องอ้อนวอนให้พ่อรัก กราบกรานให้เห็นใจและมองกันในแง่ดีบ้างทั้งที่รู้ว่าไม่มีวันอย่างนั้นใช่ไหม
เปล่าประโยชน์... ไม่สู้ต่างคนต่างอยู่ เพราะในเมื่อไม่รัก ในเมื่อไม่เห็นใจ ก็ไม่ควรอยู่ในชีวิตของกันและกัน รังแต่จะเกลียดกันเสียเปล่า
อมายาจึงตัดสินใจเดินหนีโดยไม่โต้เถียง คร้านจะสนใจเรื่องหยุมหยิม หากท่านก็เดินตามมากระชากข้อแขนเธอไว้ พร้อมด่ากราดไม่คำนึงถึงความรู้สึกกัน
“อย่ามาเดินหนีฉันนะ อีนังลูกเลว ทำตัวเป็นสวะต่ำตมเหมือนไม่มีใครอบรมสั่งสอนแบบนี้สินะ ทุกคนถึงได้เกลียดแก”
“ถ้าพ่อเกลียดออยพ่อก็อย่ามายุ่งกับออยสิ”
อมายาตวาดลั่นด้วยทนไม่ไหว เจ็บแขนตรงที่ท่านบีบจนหน้าเหยเก แต่กลับโหมไฟเกรี้ยวกราดของพ่อให้ลุกโชน เธอมั่นใจว่าถ้าเป็นที่บ้าน ท่านคงทำให้เธอสลบอยู่แทบเท้า
แล้วลูกของเธอ... พ่อคงจะกระทืบให้ตายอย่างไร้เยื่อใย
“แกมันไม่เคยสำนึกอะไรเลย ทำไมไม่ตายตามแม่แกไปซะ จะมาถ่วงชีวิตฉันทำไม เพราะการกระทำโง่ ๆ ของแกที่ทำให้ชีวิตฉันตกต่ำ”
“ถึงชีวิตออยจะต่ำ แต่ออยไม่เคยดึงให้ใครมาต่ำด้วย ที่พ่อเป็นแบบนี้เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อทำตัวเอง”
“นังออย” โทสะที่ยังไม่คลายถูกโหมแรง คุณอธิปเงื้อมือขึ้นหมายใจจะทำร้ายลูก ไม่สนว่าลูกกำลังท้องกำลังไส้ แต่เพียงเสี้ยวลมหายใจ มือนั้นถูกรั้ง ก่อนถูกกระชากไปข้างหลังจนไหล่แทบหลุด แล้วทั้งร่างก็ถูกเหวี่ยงลงพื้นจนหงายหลัง
เขมราช...
แม้แขนมันจะเจ็บแต่แรงกับลูกบ้ายังเหลือล้น แถมสายตาที่จ้องมองกันผลักดันให้อธิปเย็นสันหลังคล้ายถูกน้ำแข็งลากผ่าน หากไม่ใช่พ่ออมายา เขาคงตามไปเหยียบหน้ามันให้หายแค้น
จริงอยู่ที่เขาควรออกจากชีวิตอมายา แต่ใช่ว่าเขาต้องปล่อยให้เธอกับลูกอยู่ท่ามกลางคนเลว ที่ผ่านมาเขาเพียงอดทน ไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเธอตามคำแนะนำคุณป้า หวังใจว่าเวลาจะช่วยให้ดีขึ้น แม้เขาต้องตัดขาดจากเธอกับลูกก็ตาม
แต่เพราะไอ้แก่นี่ไม่สนใจคำที่เคยเตือน เขาถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้
“ถ้าเกลียดออยนัก ทำไมไม่ย้อนเวลากลับไปแก้ไขความมักง่ายของตัวเองที่ทำให้เธอเกิดมาล่ะ ถ้าทำไม่ได้ก็ไปตายซะ แต่อย่ามาแตะต้องออย”
ทั้งการปรากฏตัวและคำพูดเขา พาให้อมายาตกใจจนยืนนิ่งไปพักหนึ่ง
“ฉันเป็นพ่อมันนะ ทำไมฉันจะแตะมันไม่ได้”
“ถ้างั้นคุณก็ลองเดินเข้ามาแตะอีกสิ” เขมราชท้าท้ายเสียงเฉียบ ก่อนขยับออกข้างเล็กน้อย เชิงหลีกทางให้ แต่คนเป็นพ่อกลับไม่กล้า ด้วยเดาว่าทันทีที่ตนก้าวเท้าเข้าไป ไอ้หนุ่มนี่เอาเขาตาย
“อย่าคิดว่าจะขวางมันจากฉันที่เป็นพ่อมันได้ตลอดนะ เพราะฉันเป็นพ่อ ฉันจะสั่งสอนมันเมื่อไหร่ก็ได้”
“ครับ ผมรู้ แต่ตอนนี้คุณคงอยากกลับบ้านแล้วใช่ไหม”
“...”
“เชิญครับ”
เขมราชผายมือไปทางออก อธิปจ้องหน้าไอ้เด็กจองหองกับนังลูกไม่รักดีสลับกันด้วยชังเต็มอก เขมราชจึงแกล้งเดินเข้าไปท่าทางเอาเรื่อง ท่านจึงยอมจากไป
คงเหลือแต่เขากับอมายา...
เธอรู้ดีว่าวันนี้ต้องมาถึงไม่ช้าก็เร็วถึงได้เตรียมใจไว้แล้ว ทว่าสถานการณ์ระหว่างเรามันเปลี่ยนไปมากหลังจากนิกรโดนจับ เธอมีคุณป้าแขไขคอยคุ้มหัว มองว่าท่านมีสิทธิ์ทำเพื่อหลานในท้อง เธอเองก็จะได้ไม่ต้องหวาดกลัวจนต้องวิ่งไปหลบใบบุญใครอีก แต่ไม่คิดว่าเขมราชจะมาให้เจอโต้ง ๆ อย่างนี้
ทั้งหมดผลักดันให้เธอรู้สึก... กลัว
กลัว... ว่าเขมราชจะไม่ได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งที่ผ่านมา
กลัว... ว่าเขาจะดึงดัน
และกลัว... ว่าเขาจะฉุดรั้งกันกลับไปที่นรกขุมนั้นแล้วกักขังเธอจนสิ้นลมหายใจ
“นึกว่าเธอจะหนีฉันไปไกลมากซะอีก ที่แท้ก็แค่เนี้ย... ยอมรับมาเถอะว่าใจจริงเธอยังรอฉัน อยากให้ฉันมาตามง้อเหมือนผู้ชายขี้แพ้ใช่ไหม ฝันไปเถอะ”
“จำเป็นด้วยเหรอ?” ที่เธอยังอยู่ตรงนี้ ก็ด้วยยังต้องดูแลคนที่รัก ก็อยากเห็นแก่ตัวเอาแต่ตัวเองรอดเหมือนกัน แต่หากทำเช่นนั้นเธอคงต้องหนีจนวันตาย “เวลาในชีวิตฉันมีค่ามากกว่าจะใช้หนีคนอย่างคุณ”
“โควตใหม่เพื่อชีวิตใหม่สินะ”
หญิงสาวจ้องเขาตาแข็ง อยากข่วนหน้าเขา ระบายความเกลียดแค้นออกไปให้หายคับใจ หากยังหวังว่าคนระดับเขาที่การศึกษาสูง หน้าที่การงานดีอย่างนี้น่าจะพอคุยกันด้วยเหตุและผลได้อยู่
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเข้าใจอะไรแค่ไหน แต่ฉันขอให้เราไม่เจอกันอีก ต่อไปนี้ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้า ถึงเราจะมีลูกด้วยกัน ฉันก็ขอคุยเรื่องของเขาผ่านทนาย”
เขมราชหันมองเธอด้วยหัวใจรวดร้าว สองมือเล็กกำเกร็งอยู่ข้างตัวคงเพราะทั้งกลัวและกดดัน แววตาแบบนั้นยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดจนอยากตายไปให้พ้น ๆ มาถึงตอนนี้หากเธอจะเดินหนีกันไปเขาก็เข้าใจ
แต่เธอกลับไม่ทำ...
เธอเข้มแข็งและกล้าหาญเกินกว่าที่คนอย่างเขาจะจินตนาการ ทั้งที่เขาทำร้ายเธอจนใจเหลว หากเธอพุ่งเข้ามาด่าทอหรือตบตีกัน เขาคงรู้สึกดีมากกว่า
“พี่... เอ่อ” ต้องกลืนคำแทนตัวเองแบบนั้นลงคอ เพราะเขา... ไม่คู่ควร “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาหาเธอ แค่ผ่านมาทางนี้ แล้วเห็นเธอโดนทำร้าย เลยเข้ามาช่วย ไม่อยากให้ลูกเป็นอันตราย”
อมายาจ้องเขานิ่ง ไม่เชื่อแม้แต่น้อยว่าเขาบังเอิญผ่านมา แต่เธอเชื่อว่าเขาเป็นห่วงลูก แววตานั้นเล่นเอาเขมราชเขินตัวเองพอสมควร
“เอาเป็นว่าฉันจะให้ทนายติดต่อมาแล้วกัน”
“อืม”
อมายาตอบเสียงเรียบ หากเหมือนยกหินหนักออกจากหัวใจ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเขาเองก็เข้าใจสถานการณ์ไม่น้อยเลย
“ส่วนพ่อเธอ ไว้ฉันจะจัดการให้”
“จัดการเหรอ? หมายความว่าไง”
“ก็จัดการ” เขายักไหล่ อมายาเข้าใจแล้วว่าหมายถึง ‘เอาเลือดหัวพ่อออก’ ในแบบของเขาเขา
“อย่ายุ่งกับเขาเชียวนะ”
“แล้วเธอจะทำไง ปกป้องตัวเองจากเขาได้เหรอ แค่วันนี้ยังเอาตัวไม่รอดเลย”
“ฉัน…”
เธอคิดเพียงว่าต่างคนต่างอยู่ แต่เมื่อเขมราชพูดแบบนี้ ชักห่วงความปลอดภัยของท่านขึ้นมาเสียแล้ว ควรทำอะไรสักอย่างให้เขาเห็นว่าเธอเอาอยู่ และไม่จำเป็นต้องพึ่งวิธีของเขาแล้ว
“ฉันจะไปแจ้งตำรวจ ไม่ต้องยื่นจมูกเข้ามายุ่งเรื่องนี้”
“ถ้าทำแบบนั้นคนที่เธอรักจะกลายเป็นคนเลวน่ะสิ”
“...”
“ต่อให้เขาทำร้ายเธอมากแค่ไหน เธอก็ยังเห็นเขาเป็นพ่ออยู่ไม่ใช่เหรอ หรือจะปฏิเสธล่ะว่าเธอไม่เคยมีความทรงจำดี ๆ กับเขา เธอแค่ต้องการอยู่ให้ห่างจากเขา ฉันก็แค่จะทำให้มันเร็วขึ้น”
“…”
ความทรงจำดี ๆ กับคุณอธิปในฐานะพ่อกับลูกงั้นหรือ…
แม้จะเลือนรางแต่เธอยังจำได้ ก่อนเกิดเรื่องร้ายกับเอมมาลิน ท่านก็เป็นพ่อปกติคนหนึ่ง ที่บ้างาน ติดเที่ยวบ้างแต่ไม่เคยลืมเธอ
พ่อจะหยุดงานตรงวันเกิดเธอเสมอเพื่อได้ใช้เวลาร่วมกัน งานโรงเรียนก็ไปไม่เคยขาด แม้กระทั่งหลังจากท่านเกลียดเธอ จริงอยู่ที่ท่านไม่ดูดำดูดี ให้เธอเห็นความแตกต่างของสิ่งที่เธอเคยเรียกว่า ‘รักจากพ่อ’ ที่ท่านเคยมีต่อเธอ ว่ามันเทียบไม่ได้กับที่ท่านมีให้เอมมาลิน
แต่เมื่อเธอป่วยหนักจนคิดว่าพ่อคงปล่อยให้เธอตายด้วยนั่นเป็นสิ่งที่ท่านต้องการ ทว่าพอย่าขอร้องกอปรกับพ่อยังพอมีเมตตา ท่านยังอุ้มเธอไปขึ้นรถที่คนรถเตรียมไว้แล้วนั่งไปเป็นเพื่อนจนสุดทางเลย
แบบนั้น... นับว่าเป็นช่วงเวลาดี ๆ ของเธอกับพ่อได้หรือเปล่า
“ฉันเองก็เคยทำให้คนที่ฉันคิดว่าเป็นพ่อกลายเป็นคนร้ายไปคนหนึ่งแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องทำอะไรผิดพลาดแบบนั้น”
เป็นไม่กี่ครั้งที่คนฟังสัมผัสความจริงใจได้จากคำพูดเขา กระนั้นเจ้าหล่อนก็ไม่เคยไว้ใจเขมราช
“อย่าให้รู้ว่าพ่อฉันเป็นอะไรเพราะคุณแล้วกัน ไม่อย่างนั้น… ฉันจะทำแบบเดียวกันกับลูกของคุณ”
ดูเหมือนเธอกลายเป็นแม่เลวใช้ลูกเป็นเครื่องต่อรอง แต่อมายาไม่มีทางเลือก เมื่อต้องสู้กับคนอย่างเขมราช เด็กคนนี้เป็นหลักประกันที่ดีที่สุดอย่างไม่อาจปฏิเสธ
“ฉันไม่ทำอะไรที่มันเสี่ยงกับลูกหรอก เธอก็รู้ แต่เธอควรระวังตัวมากกว่านี้ ไม่ใช่ยอมให้ใครเข้าถึงตัวง่าย ๆ”
เขารู้ไม่ควรเอาลูกมาอ้าง แต่มันคงเป็นสิ่งเดียวที่มีเหตุผลพอให้คนไร้เหตุผลอย่างเขายังมีตัวตนในสายตาเธอ
“รู้แล้ว”
“รู้แล้ว ๆ แต่ไม่เห็นจะทำได้” เสียงนั้นเข้มขึ้น สองเท้าก้าวเข้าหาแม่ของลูกจนเมื่อเห็นเธอเกร็งตัวมากขึ้นก็ไว้ระยะแค่นั้น “หรือเธอแค่เรียกร้องความสนใจ เพราะอยากให้ฉันมาดูแลเธอเหมือนเมื่อก่อน รอบนี้ฉันสัญญาจะเอาให้ถึงพริกถึงขิงไปเลย แต่ก็เท่ากับที่เธอหนีมาก็ไม่มีประโยชน์นะ”
อมายาไม่เข้าใจ ทำไมเขาถึงหน้าด้านพูดแบบนี้กับเธออยู่ ที่เคยคิดว่าเขาคงได้เรียนรู้อะไรบ้าง มันกลับไม่ใช่เลย
“เอาสิ แต่บอกก่อนนะ ต่อให้คุณจับฉันไปอีกสิบครั้ง ฉันก็จะหนีสิบครั้ง หรือถ้าคุณจับฉันถ่วงน้ำ วิญญาณฉันก็จะหนีออกมาให้ได้ เพราะคุณคือคนสุดท้ายบนโลกใบนี้ที่ฉันอยากอยู่ด้วยไง”
ทุกคำที่เธอพูด ใช่แค่ประชด แต่เป็นสิ่งที่ออกมาจากใจ เขมราชนึกเสียดายที่มาฆ่าตัวตายซ้ำ ๆ ด้วยการมาเจอเธอ
ชายหนุ่มจ้องมองความว่างเปล่าในแววตาเธอ มันยิ่งตอกย้ำว่าเธอเกลียดเขา ก่อนความทรมานเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกแต่ไปเกิดกับหัวใจจะบอกให้เขาเหยียดยิ้มแล้วพูดกับเธอไปว่า
“คิดว่าจะหนีได้เป็นครั้งที่สองจริง ๆ เหรอ”
อมายากำหมัดแน่น บอกตัวเองว่าความรุนแรงไม่ใช่ทางออก แต่กับเขา… เธอไม่อาจทนได้อีกต่อไป
เผียะ!!!
ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดตามแรงมือ และถ้าเธอสังเกตบ้างจะเห็นว่าเขาน้ำตาคลอ เพราะเขมราชทั้งเสียใจและโมโหตัวเองที่งี่เง่า เอาแต่ทำเรื่องโง่ ๆ และพูดแต่คำทุเรศให้เธอระคายหู
“ไปตายซะ” เธอเค้นเสียงลอดไรฟันอย่างโกรธแค้น แม้เธอเป็นคนหยาบคาย ก็ไม่เคยไล่ให้ใครไปตาย แต่วันนี้... เขาคือคนแรกที่ได้สิทธิ์นั้น และเขมราชก็คิดว่าตัวเองสมควรโดน
อมายาไม่ออกจากบ้านถึงสองวันเพราะคำพูดของเขมราช เธอหวาดระแวงจนแทบไม่กล้าเปิดประตูให้ขาล แต่เมื่อใจเอนไปหาความคิดที่ว่าหากมัวแต่กลัว ก็คงก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ จึงตัดสินใจไปตามนัดสัมภาษณ์งานที่ยื่นไว้เมื่อวันก่อน แม้เงินทองที่แม่ทิ้งไว้ให้จะมีพอใช้ไปหลายชาติ แต่หากอยู่เฉย ๆ คงอกแตกตายเพราะฟุ้งซ่าน
งานที่เรียกวันนี้เป็นตำแหน่งผู้จัดการร้านเบเกอรี่เจ้าดัง ทำงานในสาขาใกล้โรงพยาบาลที่ย่าพักรักษาตัวซึ่งหมอยังไม่ให้เยี่ยม คิดว่าต่อให้เฝ้าหน้าห้องทั้งวันไม่ไปไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้ แถมก่อนมีคดี เธอก็ทำงานด้านนี้อยู่สองสามปีจนชำนาญอยู่แล้ว
ทว่าหนนี้อมายาไม่ได้ตอบรับด้วยสถานการณ์เป็นใจ แต่เพราะ ‘โอกาส’ ที่ไม่คิดว่าจะมีใครมอบให้ต่างหากที่สำคัญ
ผลการสัมภาษณ์เป็นดังหวัง อมายาเดินออกจากร้านเบเกอรี่ดังด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปิดไม่มิด ขาลซึ่งมารอรับก็พลอยหัวใจพองโต
“ข่าวดีใช่ไหมครับ”
“อื้ม” หญิงสาวพยักหน้าแววตาเป็นประกาย “เขาให้ฉันเลิกงานก่อนเวลาได้จนกว่าจะคลอดด้วยนะ ฉันก็จะมีเวลาอยู่กับย่ามากขึ้น”
“เจ้าของใจดีจังเลยนะครับ”
ความกังวลวิ่งผ่านแววตาเธอแวบหนึ่ง เจ้านายคนนี้ถามเพียงคำถามพื้นฐานทั้งไม่สนใจคำตอบของเธอ กอปรกับประวัติเธอแล้ว อมายาหมดหวังตั้งแต่สัมภาษณ์เสร็จ แต่กลับได้งานเสียอย่างนั้น ถึงมันแปลกไปหน่อยแต่ขาลก็สนับสนุนให้ทำ เขาไม่อยากเห็นเธอนั่งเศร้าในห้องสี่เหลี่ยมอีกแล้ว
อมายาเห็นด้วยกับเขา ที่เธออยากมีงานทำก็ด้วยเหตุผลนี้ ก่อนยอมให้เขาประคองเดินกลับอะพาร์ตเมนต์ ทั้งคู่ไม่รู้ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนตัวสูงหลังม่านมู่ลี่ของสำนักงานชั้นสองของร้านเบเกอรี่
เขมราชเฝ้ามองเธอด้วยสายตาชื่นชมระคนอาวรณ์ ยิ่งนานวันเขายิ่งอยากมีสิทธิ์มากกว่าแอบมอง แต่เพราะแบบนั้น อมายาถึงได้ไม่กล้าออกจากบ้าน สภาพอารมณ์ของเธอคงเป็นอันตรายต่อทั้งแม่และลูก
เขาคิดอยู่เป็นวันว่าจะทำอย่างไรให้เธอกล้าใช้ชีวิต พอดีวันก่อนมาตรวจงานที่ K Holdings รับทำให้บริษัท ‘บราลี’ พี่สาวที่รู้จักซึ่งหล่อนเป็นพวกมองโลกในแบบที่คนอย่างเขาเข้าไม่ถึง
กระนั้นยังเกรงใจเขาอยู่มากด้วยรู้ปัญหาและสนิทชิดเชื้อกับเขมราชพอสมควร จึงได้ถามก่อนว่าหากหล่อนต้องการอมายาเข้ามาทำงานในร้าน เขาจะว่าอย่างไร
ชายหนุ่มเพิ่งรู้ในตอนนั้นว่าแม่ของลูกกำลังหางานทำ ก็พอเข้าใจสถานการณ์ของอมายาอยู่บ้าง
เธอเครียด และคงฟุ้งซ่าน… ทั้งหมดเป็นเพราะเขา หากได้มีอะไรทำ คงช่วยให้หญิงสาวไม่หมกมุ่นจนเกินไป จึงเล่าเรื่องระหว่างเขาและความจริงที่พอเล่าได้ให้บราลีฟัง พร้อมขอร้องให้รับอมายาเข้าทำงานโดยไม่พิจารณาตัวเลือกอื่น เขาจะรับผิดชอบในส่วนของค่าใช้จ่ายเอง
“ขอบคุณพี่มากนะที่ช่วยผม”
“ใจนี่ก็อยากได้น้องเขาอยู่แล้ว ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
“…” เขาหันมองหญิงสาวร่างเพรียวบางที่ยืนข้างกัน
“ถึงน้องเขาจะสอบตกเรื่องมนุษย์สัมพันธ์กับพนักงานสาว ๆ ก็เถอะ ก็ทำไงได้ล่ะวะ ขนาดบางคนอยู่เฉย ๆ คนก็ยังหมั่นไส้ได้เลย แถมน้องก็สวยอีกต่างหาก สวยเหมือนไม่มีอยู่จริง แต่ถึงจะสวยจะขี้เหร่จะเป็นคนยังไง ก็ต้องการโอกาสอยู่ดี”
ถ้าให้พูดในมุมตน ตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินว่าอมายาผิด บราลีก็อยากให้โอกาส หรือต่อให้อมายาเป็นขี้คุกมาของานทำจริง ๆ อย่างไรหล่อนก็รับ เนื่องเพราะอยากเห็นว่าวิธีคิดแบบไหนที่ผลักดันพวกเขามาสู่จุดที่เรียกว่าอาชญากร แล้วจะดีกว่าเดิมได้หรือเปล่า หล่อนเชื่อว่าบางครั้งเขาก็ต้องการโอกาสมากกว่าความเห็นใจ หากไร้ซึ่งคนหยิบยื่น มันอาจบีบคั้นให้พวกเขากลับไปเส้นทางเดิม
ด้านเขมราชกลืนน้ำลาย ที่ว่าเคยเข้าไม่ถึงความคิดบราลีก็เข้าใจขึ้นมาเสียอย่างนั้นว่าหล่อนไม่ได้มองคนด้วยอคติแถมยังใจกว้าง หากก่อนนี้เขาคิดได้แบบหล่อนบ้าง เขากับอมายาก็คงไม่เดินมาถึงทางตัน
“พี่คิดว่าน้องจะสงสัยเราไหม”
บราลีหรี่ตามองคนที่นับถือเหมือนพี่น้องทำนองว่า ‘ถามจริง?’
“น้องเขาดูไม่ใช่คนโง่นะ อีกไม่นานก็คงรู้”
เขมราชถอนหายใจหนักหน่วง เขาอยากถ่วงเวลาก่อนเธอจะรู้ให้ได้มากที่สุด จึงขออนุญาตพี่สาวติดกล้อง CCTV แบบ realtime ให้เขาได้เห็นหน้าอมายาแทนการมาแอบดู
“สุดเลยว่ะน้องพี่” บราลีตบบ่าน้องชายพร้อมทำหน้าอึ้ง ๆ กึ่งขำ ตั้งแต่เกิดมาหล่อนเพิ่งเข้าใจว่าอาการ ‘คลั่งรัก’ เป็นอย่างไรก็วันนี้
30
ทฤษฎี 7-38-55
คุณอิงอรอาการดีขึ้นราวปาฏิหาริย์ หมออนุญาตให้เยี่ยมวันละครั้ง อมายาจึงเลือกมาในวันที่ไม่ได้เจอพ่อเพื่อเลี่ยงการปะทะ ทันทีที่ย่าเห็นหน้ากัน น้ำตาท่านก็ไหลราวกับธารน้ำ ด้วยสภาพหลานสาวทรุดโทรม ไม่น่าตกใจเท่าท้องที่กำลังโต หลายเดือนที่ไม่ได้เจอ อมายาเปลี่ยนไปเยอะเหลือเกิน ในแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยริ้วแผลและความเจ็บปวด
จากเรื่องทั้งหมด คดีความ สูญเสียแม่คนที่ปกป้องเจ้าหล่อนในมุมมืดมาตลอด ไปจนถึงความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับเขมราช ไหนจะเด็กในท้องที่เดาว่าเป็นลูกเขา อมายาแข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึงที่ผ่านมาได้
แต่ใครจะรู้ว่าข้างในหัวใจเธอ… มันแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี
หญิงสาวไม่รู้ควรเริ่มอธิบายสภาพตนเองจากตรงไหน รู้เพียงเธอเสียใจที่ทำย่าผิดหวัง ท่านกำชับเสมอไม่ให้ชิงสุกก่อนห่ามกลัวซ้ำรอยพ่อแม่ แต่เธอกลับ ‘ท้อง’ ทั้งที่ไม่พร้อม ถึงไม่ได้ตั้งใจแต่ด้วยเหตุนั้นเองมันจึงไม่ถูกไม่ควร
“เหนื่อยใช่ไหมลูก” คำแรกที่ย่าพูดได้ละลายกำแพงความหวาดหวั่นในหัวใจ อมายาโผเข้ากอดท่านด้วยความรักและคิดถึงตลอดมา
ตอนอยู่บนเกาะ เธอฝันว่าได้อยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นนี้ แต่พอตื่นขึ้นมากลับต้องเจ็บปวดที่มันไม่มีจริง มันอ้างว้างเดียวดายพอ ๆ กับที่จินตนาการได้ว่าจะไม่มีท่านอยู่
“มาให้ย่ากอดให้หายเหนื่อยดีกว่าเนอะ”
อมายาพยักหน้าซุกอกย่า คุณอิงอรไม่ได้พูดสิ่งใดต่อจากนั้น ยังไม่อยากถามหาความจริง เพียงอยากกอดหลานแน่น ๆ และหากแบ่งเบาความเจ็บปวดเหล่านั้นมาเก็บไว้เองได้ท่านก็จะทำ
“ขอโทษนะคะที่ไม่ได้มาหาเลย พอดีออย… ออยติดงาน แล้วก็กลัวย่าจะโกรธที่ออยท้องก่อนแต่ง”
ใจจริงเธออยากบอกเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเสีย แต่คงทำให้ย่าเจ็บปวด ท่านมีเหตุผลมากพอจะเข้าใจก็จริง เธอเพียงอยากถนอมหัวใจท่านให้มากเข้าไว้
“เลิกโกหกย่าได้แล้วนะลูก”
“ออยไม่เข้าใจ” เธอผละออก
“เรื่องคดีความของออยไง ย่ารู้หมดแล้ว”
คำตอบพาใจชาวาบ จ้องมองดวงตาท่านจึงได้เข้าใจว่าย่าคงรู้ทุกอย่างแล้ว พาให้น้ำตาที่กักเก็บไว้ไหลมาสำทับของเดิม
“ใครบอกคุณย่าคะ”
“เอม” คุณอิงอรปวดใจเมื่อนึกถึงเด็กนั่น
คนฟังยกมือปิดหน้าร้องไห้ เป็นไม่กี่ครั้งที่แสดงอารมณ์หนักหน่วงให้ย่าเห็นเพราะกักเก็บอีกไม่ไหว ด้วยคงไม่ผิดจากที่พ่อพูดนักว่าเธอเป็นสาเหตุทำให้ย่าอาการแย่ลง
เธอเองที่กำลังจะฆ่าย่า...
“ออยขอโทษนะย่า ออยแค่ไม่อยากให้ย่าเสียใจ”
หญิงชรายิ้มทั้งน้ำตาซึม มือเหี่ยวย่นมีรอยเจาะเข็มเต็มไปหมดประคองใบหน้าเปื้อนน้ำตา ใช้ข้อนิ้วไล้มันออกไปอย่างที่ท่านเคยทำ
“เรื่องมันเป็นยังไงเหรอลูก”
“วันนั้นออยเมาค่ะ ออยก็เกือบเชื่อแล้วเหมือนกันว่าตัวเองเป็นคนทำ เพราะออยเกลียดอีผู้หญิงคนนั้นยิ่งกว่าพยาธิ แต่ถ้าออยบอกว่าคนที่ขับรถคันนั้นไม่ใช่ออย” อมายารู้ดีว่าที่จะบอก มันไม่น่าเป็นไปได้แต่หากจะหาความจริงมากกว่านี้เธอคงไม่มีให้ “ถ้าออยจะบอกว่าเอมขับ… ย่าจะเชื่อออยไหม”
“เชื่อสิ ย่าเชื่อออยเสมอนั่นแหละ”
“ย่าไม่คิดเหมือนพ่อ เหมือนน้าสารภี เหมือนเฟลม เหมือนคนอื่น ๆ ว่าออยทำเลย ย่าไม่คิดจริง ๆ เหรอคะ”
แม้แต่ชาวีที่ก่อนนั้นแสดงออกว่าเชื่อมั่นและอยู่เคียงข้างกัน เธอยังสัมผัสได้ว่าลึกลงไป เขา… ยังเคลือบแคลง
แต่สำหรับย่าคำพูดมีน้ำหนักเพียงนิดเมื่อเทียบกับความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของตนกับอมายา ต่อให้หลานไม่แก้ตัวสักคำ เพียงได้สบตา ท่านก็พร้อมเชื่อสุดหัวใจ
“ย่าเลี้ยงของย่ามา ย่ารู้ว่าออยไม่ใช่คนแบบนั้น แต่… แต่ย่าไม่รู้ว่าทำไมตำรวจถึงจับออย ไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง”
ท่านร้องไห้อย่างจนใจ อมายาถูกเอมมาลินกดขี่มาตั้งแต่เล็กจนโต หนนี้… ยังต้องรับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ และหากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนไม่ได้ เด็กในท้องจะมีชะตากรรมอย่างไร
ความอ่อนไหวน่าอันตรายของย่าผลักดันให้อมายาตัวสั่น คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องของเธอมีอิทธิพลกับอาการของย่า
“คุณย่าคะ ทำใจดี ๆ นะ สูดหายใจลึก ๆ แล้วฟังออย”
หญิงชราทำตามหลานบอกอย่างว่าง่าย
“ออยไม่เป็นไรหรอกค่ะ ออยไหว ออยกำลังหาทางอยู่ ทุกอย่างมาไกลเกินกว่าจะยอมแพ้ แล้วออยจะไม่แพ้ ขอแค่ย่าอยู่เป็นกำลังใจให้ออยแบบนี้ก็พอนะคะ”
“ย่าไม่มีวันทิ้งออยไปไหนหรอกลูก”
“ย่าสัญญาแล้วนะคะ”
คุณอิงอรพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มฝืน ช่วงเวลาที่แย่ที่สุดมันคงไม่แย่ไปอีกหากเราจะฝืนยิ้มให้กัน อมายาก็รู้สึกอย่างนั้น หญิงสาวสวมกอดคนที่เป็น ‘รอยยิ้ม’ ของตนอย่างแสนรัก
หลายครั้งหลายหน เธอคิดจะปล่อยให้ท่านจากไปเพื่อตัดวงจรความทรมาน แต่จินตนาการไม่ออกเลยว่าตัวเองจะเป็นเช่นไรเมื่อวันนั้นมาถึง หากเลือกได้ก็คงจะขอให้ท่านอยู่กับเธอตลอดไป
ร้านเบเกอรี่ของบราลีขายขนมหวานสไตลญี่ปุ่นซึ่งอมายามีความสนใจอยู่แล้ว ด้วยเคยไปแลกเปลี่ยนสมัย ม. ปลายจนหลงใหลในรสชาติและความใส่ใจยากหาใดเหมือน ดังนั้นพอว่างจากงานตนจึงไปเรียนรู้งานส่วนอื่นของร้านด้วย หวังใจว่าสักวันคงมีโอกาสได้เปิดร้านเป็นของตัวเอง
เขมราชซึ่งพักเบรกจากประชุมมาสูบบุหรี่บนดาดฟ้าของตึก K Holdings อันทันสมัยเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดจากงานและปัญหาชีวิต ก้มมองหน้าจอพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า อมายากำลังคุยอย่างออกรสกับพนักงานสาวคนหนึ่ง ทำให้นึกถึงที่บราลีบอกว่าเธอสอบตกเรื่องมนุษย์สัมพันธ์กับผู้หญิง
มันเป็นความจริงและเขาเคยพิสูจน์มาแล้ว แต่ดูเหมือนอมายากำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดี เป็นมิตรและอ่อนหวานกับคนรอบข้างมากกว่าที่เคย ความพยายามของเธอพาเขายิ้มกว้าง ในดวงตามีแต่แววชื่นชม คิดว่าลูกโชคดีที่มีแม่อย่างเธอ… แต่อาจจะโชคร้ายที่มีเขาเป็นพ่อ
เขมราชบรรจงจูบหน้าจอก่อนแนบมันใกล้หัวใจ หลับตาลงเพื่อจินตนาการว่าที่ริมฝีปากแตะลงไปคือ ‘เธอ’ จริง ๆ ใช่เพียงแค่วัตถุ ก่อนต้องกลับไปเคร่งเครียดกับวาระประชุม
กว่าจะออกมาก็บ่ายคล้อย เขาคิดจะตรงกลับบ้าน ด้วยไม่เหลืองานให้สะสางในวันนี้ หากรู้ตัวอีกที รถซีดานหรูก็มาจอดหน้าร้านบราลีเสียแล้ว
แน่นอนเขารู้ไม่ควรมา แต่ใจเขามันคิดถึงเธอจนแทบบ้า
ตอนนี้ อมายางีบอยู่ที่โซนเฉพาะซึ่งทางบริษัทจัดไว้ให้พนักงานได้พักสายตาระหว่างวัน ตามผลวิจัยที่บราลีอ้างว่าศึกษามาอย่างดี เขมราชอยากไปหาเธอ คิดว่าแค่เพียงไม่กี่นาทีคงไม่เป็นไร
เดินเข้าหลังร้านผ่านทางเข้าที่ใช้ขนวัตถุดิบ ตอนมาติดกล้องเขาจำได้ว่ามีประตูหนึ่งทะลุไปถึงที่อมายาอยู่ ไม่รู้โชคเข้าข้างเขาหรือไรที่บริเวณนั้นมีคนใช้งานเพียงไม่กี่คน
เขามองเห็นอมายาเอนหลังบนเก้าอี้ริมหน้าต่างกระจกสูง มีที่ปิดตากันแสงรบกวน ท้องโตขึ้นมากจนคนไม่ชอบใส่ชุดคุลมท้องหันมาพึ่งมันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดูแล้วก็น่ารักเหมือนตุ๊กตาที่ถ้าเขาได้เป็นเจ้าของคงยกให้เป็นตุ๊กตาตัวโปรด
เช่นเดียวกับเจ้าตุ๊กตาน้อยในท้อง...
เขมราชจ้องมองหน้าท้องนูนด้วยแววตาแสนรัก พอเห็นผิวผ้าขยับตามแรงเขาคิดไปเองว่าลูกกำลังทักทายก็ถึงกับยิ้มแก้มปริ
เมื่อไม่นานอมายาเพิ่งไปตรวจเพศลูก เธอไม่บอกเขาและไม่คิดจะบอก แต่เพราะคนที่ถามคือคุณป้าแขไข ความเกรงใจจึงอยู่เหนือทิฐิทั้งมวล เขาจึงรู้จากท่านอีกทีว่าเด็กคนนี้... เป็นผู้หญิง จนให้ผู้ช่วยหาข้อมูลเนิร์สเซอรี โรงเรียนประถมศึกษา มัธยมศึกษา ตลอดจนมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในและต่างประเทศรวมถึงโปรแกรมตรวจยีนพรสวรรค์ให้ลูกสาวไว้รอ
แต่นั่นคงเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณป้าจะเข้าไปก้าวก่ายสร้างความยุ่งยากใจให้อมายาเพื่อเขา ด้วยท่านมองออกว่าอมายาไม่ใช่คนที่จะทนให้ท่านหรือเขาทำแบบนี้กับตนได้นาน แล้วจะเป็นเขาเสียเองที่ต้องเสียใจเจ็บหนัก
“ออย”
เสียงที่ใช้เรียกนั้นเบาเกือบเท่าเสียงหายใจ ทว่าอมายาไม่ตอบสนอง ลมหายใจก็ราบเรียบสม่ำเสมอ คงเพราะเธอสวมหูฟังซึ่งเชื่อมกับมือถือเครื่องใหม่ เธอซื้อมันหลังออกมาจากเกาะได้ไม่กี่วัน เพราะของเดิมเขายังไม่ได้คืนให้ แต่เพื่อความแน่ใจจึงใช้มือปัดผ่านเหนือใบหน้าเธอไปมา
นิ่ง…
มุมปากหยักยกยิ้ม ค่อยโน้มใบหน้าลงไป ไม่ได้หมายจะล่วงเกินแต่แค่ได้สูดดมกลิ่นหอมเขาก็ชื่นใจ ทว่าปลายสายตาเหลือบเห็นบางคนยืนใกล้ ทำเขาชะงัก ยืดตัวตรงโดยอัตโนมัติแต่ดวงตาเลิ่กลั่กมีพิรุธ
ป้าแม่บ้านจ้องเขานิ่งเหมือนด่าทอด้วยสายตา เขมราชทำตัวไม่ถูก จะวิ่งหนีก็กลัวนางโวยวาย ยืนตรงนี้แต่ถ้าอมายาตื่นมาเจอคงเป็นเรื่อง เลยขยับเข้าไปกระซิบนางว่า
“ผมเห็นตัวอะไรไม่รู้บินเข้าไปในเสื้อน้องเขาอะครับ ป้าลองเข้าไปดูหน่อยสิ ผมไม่กล้า กลัวน้องเขาหาว่าเป็นโรคจิต”
เขมราชเป็นเพื่อนผู้บริหารและนางคุ้นหน้าค่าตา ความคิดที่ว่าเขาเป็นโรคจิตก็อันตรธาน แถมยังพาซื่อเดินเข้าไปดูตามเนื้อตัวอมายา เขาจึงหลบออกไปก่อนนางจะทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำ
“มีอะไรเหรอป้า” คนถูกรบกวนก็ตื่นในที่สุด ความหงุดหงิดออกทางสีหน้า หากครู่เดียวก็ปรับให้เป็นปกติ
“เมื่อกี้คุณที่เป็นเพื่อนคุณบราลีผ่านมา เขาบอกเห็นตัวอะไรไม่รู้เข้าไปในเสื้อของหนูน่ะ เลยให้ป้ามาดูให้แต่ป้าก็ไม่เห็นมีอะไรนะ”
อมายาก้มมองในเสื้อตัวเองก็ไม่เห็นเจอ ก่อนจะต้องถอนใจเมื่อคิดว่าคงถูกแกล้ง นี่เป็นองค์กรที่รับแต่คนแปลก ๆ แถมประหลาดตั้งแต่ผู้บริหารยันพนักงานรักษาความปลอดภัยก็จริง แต่ใช่จะไม่มีคนปกติ และคนปกติไม่น้อยเลยที่ไม่ปรารถนาร่วมงานกับฆาตกร
ยิ่งใกล้วันนัดศาลอมายายิ่งต้องคุยกับทีมทนายถี่ขึ้น เขมราชก็ไม่นิ่งนอนใจ เขาทำทุกทางเพื่อไม่ให้ชาร์ลส์ถูกประกันตัว เพราะเชื่อหมดใจว่าฝ่ายนั้นมีส่วนเกี่ยวข้อง แม้จะให้การว่าแค้นที่อมายาปล่อยคลิปคนที่มันรัก แต่ดูออกว่าทำเพื่อตัดตอนมากกว่า หมายยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
แต่จะทำอย่างไรให้คนแบบนั้นสารภาพออกมาได้
ไหนจะครอบครัวมันที่ไม่มีทีท่าจะยอมง่าย ทว่าเขมราชก็พร้อมดับเครื่องชนเพื่อปกป้องเมียกับลูก
ในเรื่องคดีความ พอขุดลึกก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบมาพากล ก่อนหน้านี้มีตำรวจถูกย้ายเพราะสังเกตได้ว่า ‘อมายา’ ในกล้องวงจรปิดคืนนั้นดูแปลก ๆ
ก่อนก่อเหตุราวครึ่งชั่วโมง ‘อมายา’ แวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊ม แต่เสียเวลาหาที่จอดรถอยู่นานแม้มีหลายช่องยังว่างอยู่ บางช่องก็พยายามขับเข้าแต่ไม่สำเร็จ คล้ายว่ายังขับไม่คล่อง ทั้งที่อมายาขับรถเป็นตั้งแต่อายุสิบหก กอปรกับขับไปทำงานทุกวัน มันคงไม่แปลกเนื่องเพราะคืนนั้นเธอดื่มหนัก ทว่าลักษณะการเดินกลับไม่ใช่คน ‘เมา’
แต่แม้ผู้ก่อเหตุจะเหมือนน้องสาวราวฝาแฝด ทั้งพูดตลอดเวลาว่าไม่ได้ทำ เขาก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์สลับซับซ้อนขึ้น จึงเพียงพูดติดตลกกับเพื่อนว่าน้องสาวพิการอาจโยนความผิดให้พี่
ทว่ามันทำให้เขาถูกย้าย
เมื่อทบทวนถึงได้ปักใจว่าคนที่จับได้ไม่ใช้ผู้ก่อเหตุ และมั่นใจว่ามีคนระดับสูงอยู่เบื้องหลังถึงได้เมินเฉยต่อการตรวจสอบประเด็นนั้น ซึ่งมันจะทำให้อมายามีข้อได้เปรียบ แม้ไม่พอให้พลิกคดี หากเพียงพอให้มีการตรวจสอบหลักฐานใหม่อีกครั้ง
เขมราชให้ข้อมูลผ่านทนาย ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะได้คุยกับเธอโดยตรง หากความคิดถึงมีพิษกัดกร่อนใจร้ายแรง บางครั้งก็คล้ายมีใครกำลังบิหัวใจเขาออกเป็นชิ้น ๆ
ไม่มีทางเลยที่เขาจะอยู่ได้โดยไม่เห็นเธอ
เมื่อเธอไม่ไปทำงาน จึงอยากไปดูให้รู้แน่ว่าเธอเกิดปัญหาอะไร ก่อนพบว่าเธอไม่สบาย ขาลก็เพิ่งได้งานใหม่จึงไม่มีเวลาดูแลเท่าที่ควร
ถ้าเป็นเขา… คงไม่ยอมให้คนท้องแก่เดินไปซื้อยาตามลำพังค่ำมืด ทั้งยังประมาทเลือกใช้ทางลัดที่เปลี่ยวพอควรอย่างนี้หรอก
เขมราชต้องข่มใจที่อยากตำหนิไว้ ขณะเดินตามเธอกลับอะพาร์ตเมนต์โดยไม่ให้เธอรู้ตัว แต่ดูเหมือนอมายาจะชำนาญเส้นทางมากกว่า เธอเดินเร็วมากและลัดเลาะที่แคบจนคลาดสายตา
เขมราชยืนงง ไม่ทันสังเกตว่าแม่ของลูกโผล่มาด้านหลังพร้อมไม้ในมือ เธอหวดสุดแรง เขาคงสมองไหลหากไม่ไวพอจะหลบทัน
“เป็นบ้าหรือไง นี่มันพยายามฆ่าชัด ๆ นะ”
“เฟลม…”
อมายาเสียงสั่น ตกใจจนตัวชา รู้สึกมาสักครู่แล้วว่ามีคนตาม เห็นในกระจกส่องทางโค้งตรงหัวซอยที่เดินผ่าน แต่ไม่ชัดว่าเป็นใคร ไม่คิดว่าจะเป็นเขา
ชายหนุ่มเห็นเธอหวาดกลัวแล้วปวดใจ เขาไม่ใช่ผีห่าซาตาน เป็นเพียงผู้ชายที่รักและรู้สึกผิดกับเธอจากใจจริง แต่เขา… ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร หลังจากที่เขาเลือกจะพังทุกอย่างระหว่างเราไปหมดแล้ว
“คุณจะมาจับฉันเหรอ อย่าเข้ามานะ”
“เปล่า”
“งั้นสะกดรอยตามมาทำไม”
เธอน้ำตาร่วงผล็อย ไม่ควรเลยที่เขาต้องมาอยู่ในที่ที่เธออยู่ ไม่ควรกลับมาสร้างความหวาดกลัวให้เธออีก
“เปลี่ยนคำด้วย”
“???”
“ฉันไม่ได้สะกดรอยตาม ผู้หญิงอย่างเธอมีอะไรให้ฉันอยากตาม สำคัญตัวมากไปละ มีแต่เธอมากกว่าที่คิดอยากกลับไปอยู่กับฉันทุกลมหายใจ”
“กวนตีน”
“เหอะ” เขมราชหัวเราะแห้ง อมายาก็ยังเป็นอมายา เหมือนที่เขามองไปบนท้องฟ้าแล้วเจอดวงอาทิตย์นั่นแล้ว
“บอกมานะ คุณมาเพื่ออะไร ฉันเบื่อจะเล่นสงครามประสาทเต็มทนแล้ว?”
“มาคุยเรื่องลูกสาวเราไง ระหว่างเรามันจะมีอะไรมากกว่านั้น นอกจากเรื่องลูก”
“...”
ไม่แปลกใจที่เขาจะรู้เรื่องนี้ อย่างไรเสียเด็กในท้องก็ลูกเขา คุณป้าแขไขคงไม่ใจร้ายใจดำปิดบังหลานชายเพียงคนเดียวของตัวเองหรอก
“ฉันลิสต์ข้อมูลเนิร์สเซอรีมาหลายที่เลยนะ อยากให้เธอช่วยกันเลือกน่ะ”
“เหอะ เห่อเหมือนเพิ่งจะเคยมีลูก แต่อย่าหวังว่าจะเอาข้อมูลที่คุณกับอีมีนเตรียมด้วยกันมาใช้กับลูกฉันเลย เด็กคนนี้ยังเป็นสิทธิ์ของฉันอยู่ ตราบใดที่ฉันยังไม่เข้าซังเต ฉันจะวางแผนชีวิตเขาด้วยตัวเอง”
“อย่าโยงหาคนอื่น นี่มันเรื่องของเรา แล้วข้อมูลพวกนั้นฉันก็ทิ้งไปนานแล้วด้วย” เขมราชพูดเหมือนไม่มีเยื่อใยกับอีสารเลวนั่นอีกแล้ว แต่เขารักมีนรญาแค่ไหนเธอรู้ดี ที่ทำอยู่นี้ก็เพียงแค่หลอกให้เธอตายใจ ตอนนั้นเขมราชขยับเข้ามาใกล้เธอจึงถอยหนี ชี้ปลายไม้ใส่หน้าเขา
“อย่านะ ฉันฟาดจริง ๆ ด้วย”
“ถ้าเธอฟาด ฉันจะจับไปอยู่ด้วยกันซะเลย ฉันเคยบอกว่าไง”
“…”
“เธอต้องอยู่กับฉัน ต้องเป็นของฉันทั้งแม่ทั้งลูก ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป แต่ความคิดฉันก็ยังไม่เปลี่ยนนะบอกเลย ต่อให้มีคุณป้าสักร้อยคนเหอะ เธอก็รู้ว่าหยุดฉันไม่ได้”
“ฉันจะแจ้งความว่าคุณเคยลักพาตัวฉัน จะขอศาลคุ้มครองฉัน ถ้าคุณคิดจะทำอะไรฉันอีก คุณจะต้องอับอายถึงโคตรเหง้า ภาพลักษณ์บริษัทคุณจะต้องล่มจมฉิบหาย เพราะมีคนชั่ว ๆ อย่างคุณอยู่เป็นตัวถ่วง”
“หลักฐาน พยาน มีไหม”
“…”
“ไม่มีใครกล้ามาเป็นพยานให้เธอหรอก เพราะถ้ามันกล้า มันจะได้เห็นดีกับฉัน”
เขมราช… เขาช่างเลือดเย็นเหลือเกิน ไม่รู้หรือไรว่าเธอใกล้จะเสียสติเพราะ ‘กลัว’ เขามากเพียงไร ถึงตั้งการ์ดจะสู้แต่พอเขาขยับเข้ามาสองเท้าก็ถอยหนีฉับพลัน ด้วยรู้ได้โดยสำนึกว่าตนไม่มีทางสู้เขาไหว
“ไอ้โรคจิต!!!”
“คำก็โรคจิต สองคำก็โรคจิต ไม่สำนึกเลยใช่ไหมว่าที่ได้ยืนด่าฉันฉอด ๆ เนี่ยเป็นเพราะฉันเมตตาเธอหรอก ไม่อย่างนั้น…”
สายตาคู่นั้นมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า พลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากล่าง เจตนาเขาเพียงยั่วยุ แต่หญิงสาวหวั่นใจจนบันดาลโทสะ ปาไม้ใส่จนเฉียดศีรษะเขาไป
เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาเผลอ เธอก็สับเท้าวิ่งอย่างไวพลางร้องให้คนช่วย เขาต้องตามไปคว้าตัวมาปิดปากกลัวถูกรุมประชาทัณฑ์
“อื้อ” คนท้องโตดิ้นสุดแรง แหงนหน้ามองเขาที่มือข้างหนึ่งกอดเธอจากด้านหลัง อีกข้างปิดปากเธอไว้ แสงโคมไฟถนนเหนือศีรษะที่ย้อนเข้าดวงตาพาให้เขมราชยิ่งเหมือนผี
เธอต้องตกใจจนรู้สึกเหมือนว่าวิญญาณถูกกระชากจากร่างกายนี้ อย่าว่าแต่จะตอบโต้… แค่ขัดขืนยังไม่มีแรง ความน้อยเนื้อต่ำใจที่เกิดมาแรงน้อยประท้วงออกมาเป็นน้ำตา
นึกว่าเขาจะเสียใจกับความเลวทรามบ้าระห่ำที่ทำกับเธอ ถึงไม่มากแต่ควรจะมีบ้าง แต่จากการกระทำที่ผ่านมา อมายาไม่อาจเชื่อว่าเขารู้สึก ความเกลียดชังในใจเขาคงมากเกินไปจนไม่ยอมปล่อยให้เธอมีชีวิตเป็นของตัวเอง
เขมราชกอดเธอแน่น ใจกำลังวิ่งหนีความจริงไม่ต่างจากเธอที่วิ่งหนีเขา อมายาไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของเขาแม้เพียงเศษเสี้ยวหัวใจทั้งที่ไม่ควรหวังอะไร ควรเป็นคนที่ตายไปจากชีวิตเธอเลยด้วยซ้ำ แต่เขามันหน้าด้าน กล้าฝันว่าสักวัน เธอ… จะให้โอกาสกัน
“อย่าดิ้นเลยนะ”
อมายาสะดุดกับน้ำเสียงที่เขา… ขอร้อง
หากก็สลัดทิ้งไปเมื่อคิดว่าเขมราชไม่รู้จักคำนั้นด้วยซ้ำ เขามีแต่จะกลั่นแกล้ง ปั่นหัวและหลอกหลอนเธอด้วยการฉุดรั้งให้อยู่ในวงโคจรของตัวเอง
เพราะเขามันโรคจิต!
ตอนนั้น อาการแปลก ๆ ที่หายไปพักหนึ่งก็กลับมา อมายาปวดศีรษะเฉียบพลันจนชะงักไปครู่หนึ่ง กล้ามเนื้ออ่อนแรงผลักดันให้เอนซบในอ้อมกอดเขา ครั้นจะอาเจียนแต่โดนปิดปากอยู่ ลมหายใจจึงสะดุดอย่างน่ากลัว
เขมราชชรีบปล่อยมือ ของที่เธอทานเข้าไปตอนเย็นถูกขย้อนเลอะแขนเขา แต่ไม่อาจปล่อยให้เธอร่วงจากอ้อมแขน
“อุ๊แหวะ”
“เธอควรจะเลิกแพ้ท้องได้แล้วไม่ใช่เหรอ”
ควรเป็นเช่นนั้น… แต่นี่ไม่ใช่การแพ้ท้อง อาการนี้เธอเป็นก่อนท้องอยู่หลายปี ไม่นานมานี้มันหายไปพักหนึ่งแล้วก็กลับมาอีกจนกระทบการดำเนินชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ
“กินไอติม สีเทา” อมายาอยากบอกเขาว่า ‘ฉันไม่รู้’ เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ คำที่เอ่ยออกไปเหมือนไม่ได้มาจากสมอง เธอมีปัญหาในการสื่อสารกับผู้อื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“เธอว่าไงนะ”
“ฉันไม่รู้” อมายาสับสน เธอส่ายหน้าทั้งน้ำหูน้ำตา จิกนิ้วกับเสื้อสูทเรียบกริบเพื่อไม่ให้ตนทรุดลงกับพื้น
“เป็นแบบนี้บ่อยเลยเหรอ ทำไมไม่บอกฉัน แล้วได้กินยาตามที่หมอสั่งหรือเปล่า”
เขากลัวว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้เธอกับลูกต้องเสี่ยง ตอนมีนรญาท้อง เขาเคยศึกษาเรื่องพวกนี้มาระดับหนึ่งหากก็ไม่มั่นใจด้วยหลายโรคในปัจจุบันแสดงอาการเบื้องต้นคล้ายกัน คงต้องถามคนมีความรู้ให้แน่ใจ แต่ถึงอย่างนั้นใจเขาก็ยังหวังว่าเธอจะไม่เป็นอะไร
“อย่าถามมากได้ไหม” อมายาใกล้จะหมดสติอยู่รอมร่อ
เขมราชตัดสินใจอุ้มร่างนุ่มนิ่มขึ้นในที่สุด ความกลัวแล่นจับขั้วหัวใจจนอมายาเสียความควบคุมตน เธอร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็กน้อยเวลากลัวสุดขีด
“คุณจะพาฉันไปไหน ฮือ… ฉันไม่ไปกับคุณนะ ฉันไม่ไป ไอ้สารเลว ปล่อยฉันนะ”
“จะพากลับห้อง ฉันสาบานด้วยชีวิตว่าจะไม่ทำร้ายเธอ โอเค้?”
เธอไม่อยากเชื่อเขาเลย หากไม่มีทางเลือก เนื่องเพราะร่างกายนั้นอ่อนแรงไปครึ่งซีก ได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไป แต่ปฏิญาณกับหัวใจว่าหากตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองถูกขังอยู่ที่ไหนสักที่
เธอจะขอจบชีวิตตัวเองกับลูกไปพร้อม ๆ กัน
นั่นเป็นสิ่งที่เขมราชกลัว ถึงอยากลักอมายาไปซ่อนไว้อย่างไรก็ต้องหักใจ แล้วพาไปอะพาร์ตเมนต์ของเธอตามที่สัญญา ก่อนเขมราชพบว่าเธอมีไข้อ่อน ๆ จึงพาไปนอนและให้ทานยา
ระหว่างนั้นอาการปวดศีรษะของเธอกำเริบหนัก หญิงสาวนอนคุดคู้อยู่บนเตียง มีเสียงครางน้อย ๆ บ่งบอกความทรมาน ราวกับในโลกนี้มีเพียงเธอกับความปวดร้าวใต้กะโหลก
“ออย ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลดีไหม”
“ไม่”
“ทำไมล่ะ เธอดูจะไม่ไหวแล้วนะ ฉันเป็นห่วง”
“อย่ามาพูดว่าเป็นห่วงฉัน คนที่คุณห่วงก็คือลูก ลืมไปแล้วเหรอว่าเราเกลียดกันแค่ไหน”
คำพูดของเธอทำให้เขาปวดใจอยู่ลึก ๆ หากก็ยังเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าออกให้อย่างเบามือ
“ก็เพราะฉันห่วงลูก ถึงได้อยากให้เธอไปหาหมอ”
“ฉันปวดหัวเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว มันไม่เกี่ยวกับลูกหรอก แล้วคุณควรรู้ไว้ว่าช่วงเวลาที่ลูกอยู่ในท้อง เขาเป็นสิทธิ์ของฉัน ถ้าฉันบอกว่าไม่ ก็คือไม่”
แน่นอนเธอจะไปหาหมอหลังจากนี้... หลังจากที่ไม่มีเขาอยู่ด้วยเพราะเธอกลัวหากให้เขาพาไปแล้วพอเธอตื่นขึ้นมาจะเจอว่ามันไม่ใช่โรงพยาบาลแต่เป็นที่อื่น ทั้งไม่ยอมให้เขาเรียกหมอเข้ามา ด้วยไม่ไว้ใจสิ่งที่มาจากเขาทั้งสิ้น หากก็ผล็อยหลับไปพร้อมใจที่เต็มไปด้วยความกลัว
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ค่อยนั่งลงบนเตียง ดึงมือสวยมากุมไว้แล้วจุมพิตแผ่วเบา เก็บความหอมสดชื่นจากเธอได้เท่านี้ก็พอใจ
“พี่ขอโทษนะ คราวหลังพี่จะไม่ทำให้น้องออยกลัวอีกแล้วค่ะ”
เขมราชใช้เวลาอยู่เงียบ ๆ กับเธอจนเผลอหลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็ต่อเมื่อสัมผัสถึงความเย็นจากโลหะที่ข้างขมับ
ปืน…
“ขยับออกมาจากคุณหนูเดี๋ยวนี้”
ขาลพูดด้วยเสียงโทนต่ำแต่ชัดเจนทุกคำ เขมราชยกมือขึ้นเหนือศีรษะแต่หางตาเหลือบมองอีกฝ่ายเพื่อหาช่องโจมตี ทันทีที่เขาจะหมุนตัวไปตบปืน กลับถูกถีบเข้ายอดอกจนหงายหลัง ตามด้วยเท้าหนัก ๆ หมายเหยียบเข้ากลางอก แต่ด้วยขนาดร่างกายและความไวที่สูสี เขมราชพลิกหลบพร้อมควักปืนหลังเอวมาจ่อขาลเช่นกัน
“มึงเป็นแค่ขี้ข้า อย่ามาเสือก”
ขาลแสยะยิ้ม
“คิดว่าผมจะกลัวจนยอมให้คุณล้ำเส้นคุณหนูเหรอ”
“กูเป็นผัวออย บอกไว้เผื่อมึงไม่รู้ว่ากูเคย ‘ล้ำเส้น’ ไรไปบ้าง”
“ผัวที่ไหนเอาปืนจ่อหัวเมีย”
ช่วงที่อมายาหวาดระแวงจนไม่ออกจากบ้าน เธอกลัวกระทั่งปืนที่เหน็บเอวเขาทั้งที่เห็นอยู่ออกบ่อย หญิงสาวบอกเหตุผลเขาทั้งน้ำตาว่า เคยยืนอยู่ต่อหน้าปลายปืนของคนตรงหน้า แม้ไม่จำเป็นต้องใช้ปืน แต่ขาลเจ็บแค้นแทนคุณหนูอยู่ลึก ๆ
นึกถึงเรื่องนี้แล้วเขมราชแทบไม่อยากหายใจ
ลมทุกลูกบาศก์เซนติเมตรที่หล่อเลี้ยงปอดและหัวใจ เหมือนรวมตัวกลายเป็นผลึกแข็งคม กรีดเฉือนเครื่องในเขาจนเหวอะหวะ
“แบบนั้นเขาเรียกโจร”
“แต่กูรักออย” จ้องมองดวงตาของขาลที่แสยะยิ้มทันทีที่ได้ฟัง
“เมียตายไม่ถึงปีก็มาบอกรักผู้หญิงคนอื่น อย่าว่าแต่คุณหนูไม่เชื่อเลย คนนอกอย่างผมก็ไม่คิดจะให้ค่า”
คำที่พูดไม่สำคัญเท่ากับใครพูด คนโลเลอย่างเขมราชต่อให้ควักหัวใจออกมาให้อมายาเหยียบบี้มันก็ยังดูไร้น้ำหนักอยู่ดี
“กลับไปซะดีกว่า ผมไม่อยากมีเรื่องกับคุณ คุณจะมาแอบดูแอบมองหรือจะแอบจ้างงานเธอยังไงก็ได้ แต่อย่ามาทำให้เธอกลัว คุณคิดไม่ออกหรอกว่าตอนเธอดาวน์ เธอเหมือนคนที่พร้อมจะแตกสลายแค่ไหน ถ้ารักเธอ ก็ทำเพื่อเธอบ้างแล้วกัน แค่นิดเดียวผมก็จะขอบคุณ” ขาลรู้ทุกอย่างงั้นสินะ สมแล้วที่คุณพิยดาไว้ใจให้ทำเรื่องใหญ่
แต่สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดคือความรู้สึกของอมายา การปรากฏตัวของเขากระตุ้นให้เธอหวาดระแวง ไม่มีทางอื่นแล้วนอกจากเขาต้องหายไปจากชีวิตเธอตลอดกาล
และเขาหวังว่าเขาจะทำได้…
