บทที่ 5 โคตรชัง

เธอจ้องมองคนตรงหน้าที่ยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงเหมือนผู้ชนะก็ไม่ปานแล้วยิ่งหมั่นไส้

“เห็นไหมผมบอกคุณแล้ว คุณรินดา เราสองคนมาคุยกันต่อได้เลยนะครับ” เขาทำท่าจะเข้าไปนั่งที่โซฟารับแขกในห้องนั้น

“หึ...” เธอทำเสียงขึ้นจมูก ทำหน้าเบื่อหน่ายแบบสุดๆ เจ้านายเล่นมัดมือชกกับเธอแบบนี้เลยเหรอ

“ไปที่ออฟฟิศของคุณค่ะ ฉันอึดอัดที่ต้องอยู่กับคุณโดยลำพัง อีกอย่างมันรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก ในห้องนี้อากาศมันก็ไม่ค่อยบริสุทธิ์ซะด้วย” เธอพูดจบหมุนตัวก้าวขาไปยังประตูทันที ป้องณวัฒน์มองตามแบบขัดใจ เขาจะทำอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ดี

ในหัวใจของรินดามันบอกว่าเจ็บ แต่อีกใจหนึ่งก็เต้นตึกๆ เหมือนวันแรกที่ได้เจอกับเขา

‘เจ็บแล้วต้องจำ’ เธอย้ำกับตัวเอง ตอนนี้อยากจะกรี๊ดมากๆ ทำไมโลกมันช่างกลมแบบนี้ ทำไมเธอไม่เช็กเสียก่อนว่าที่นี่มันเป็นของใคร ทั้งๆ ที่รู้สึกทะแม่งๆ ตั้งแต่ได้ยินชื่อโครงการนี้แล้ว

‘บอสเนี่ยไม่รู้อะไรเลยจริงๆ จะงกไปไหน เฮ้อ... แล้วเนี่ยมันเรื่องอะไรกัน ทำไมฉันต้องกลับมาเจอไอ้สารเลวป้องคนนี้อีก สวรรค์ทำไมต้องแกล้งลูกแบบนี้ด้วย เจ็บมาแล้วเจ็ดปีเนี่ยยังไม่พอใช่ไหมคะ หรือว่าต้องให้ฆ่ามันให้ตายไปเลย’ เธอเดินหน้าตั้ง โมโหขึ้นมาเต็มอารมณ์ แต่สกัดกั้นความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้

ป้องณวัฒน์แทบถลาตามเธอลงมาในทันที เขาแค่อยากจะเอ่ยปากขอโทษเธอสักคำ ยังจดจำใบหน้าของเธอตอนที่เขาไปส่งที่บ้านในคืนนั้น รินดามีน้ำตาคลอๆ เธอเสียความบริสุทธิ์ เขาเป็นคนฉวยโอกาส ในตอนนั้นยังคิดว่าจะสานสัมพันธ์ต่อ แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นมาในชีวิตของเขาเสียก่อน เพียงแต่ตอนนี้คงไม่ใช่โอกาสที่ดีแน่ๆ ที่เขาจะเอ่ยคำขอโทษที่เก็บมาตลอดเจ็ดปีนั้น

พนักงานขับรถกอล์ฟนั่งประจำที่นั่งคนขับรออยู่แล้ว รินดาก้าวขึ้นไปนั่งเบาะด้านหลัง ป้องณวัฒน์วิ่งลงมาและขึ้นไปนั่งข้างๆ เธอ หญิงสาวขยับตัวให้ออกห่างจากเขาอย่างรังเกียจ

“กลับออฟฟิศเลย” เขาออกคำสั่ง ตอนนี้หันหน้ามามองใบหน้าของรินดาที่เปลี่ยนไปใกล้ๆ เธอดูสวยขึ้น สะดุดตามากๆ และน่ามองขึ้น พอหันมาสบตา เธอก็หันหน้าหันสีข้างให้ทันที

“ชิ...” มีเสียงขึ้นจมูกและกิริยารังเกียจออกมาอย่างชัดเจน

ติ๊งๆ มีเสียงสัญญาณว่าข้อความเข้า รินดาหยิบมันออกมาดู และเผลอกดฟังข้อความเสียงที่ส่งมา

“แม่ฮับ คิดถึง” มีเสียงเด็กชายดังขึ้นทันทีที่เธอกดเข้าไปฟัง เสียงเด็กชายที่ทำงอแงเง้างอดดังออกมา รินดาทำคอแข็งขึ้นมาทันที ในใจเจ็บวูบ

คำว่า ...แม่ฮับ... ทำให้คนที่ได้ยินหูผึ่ง

‘รินแต่งงานแล้วเหรอ มีลูกแล้วเหรอ กี่ขวบ พูดได้แล้วด้วย’ ป้องณวัฒน์สงสัย สังเกตเห็นรินดาพิมพ์ข้อความตอบกลับ ใช้ตัวเองบังไม่ให้เขาเห็นว่าเธอเขียนอะไร

เมื่อเจ็ดปีก่อน

โอ้ก... เสียงโอ้กอ้ากดังมาจากห้องน้ำของห้างดัง

‘ริน แกเป็นอะไร’ อายเดินเข้ามาลูบหลังเพื่อน เพิ่งไปกินข้าวเที่ยงมาด้วยกันแท้ๆ

“ไม่รู้เหมือนกันแก แต่เวียนหัวจัง ฉันคลื่นไส้มาก”

“กินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า ก็กินเหมือนกันนี่นาเมื่อกี้ แต่ว่าหน้าแกซีดๆ แกปวดท้อง ปวดหัว ปวดตัว แล้วมีปวดบิดๆ มวนๆ ในท้องมั่งไหมแก” อายแสดงออกด้วยความเป็นห่วงมากมาย

"หึ...ไม่ปวดตรงไหนทั้งนั้นแหละ โอ๊ะ... แค่เวียนหัว คลื่นไส้อะแก เอาะ..."

รินดาวิ่งเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งโก่งคออ้วกอย่างเอาเป็นเอาตาย อายเดินเข้าไปลูบหลังให้อย่างเดียว มองใบหน้าซีดเซียวของเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง

"อาย...ฉันไม่ตรวจได้ไหม"

"แกได้ไง ไม่ตรวจไม่ได้ ฉันเป็นห่วง ดูสิ...หน้าของแกไม่มีสีเลือดเลยนะ ไม่เอาๆ แม่แกก็ไม่อยู่บ้านด้วย”

แต่งขวัญเอ่ยไปถึงแม่ของรินดาที่ย้ายไปอยู่เชียงใหม่กับพี่ชายของเธอเป็นเดือนแล้ว เพราะพี่สะใภ้คลอดลูก

“คืนนี้...กว่าฉันจะเลิกงานก็ตีสอง แกจะอยู่คนเดียวอย่างน้อยให้ฉันรู้ว่าแกเป็นอะไร ไหนๆ ก็มาแล้ว อย่าดื้อน่า ไปๆ พยาบาลเรียกชื่อแกแล้ว" อายหนุนหลังเพื่อนให้เข้าห้องตรวจ

รินดายกมือขึ้นกุมที่หน้าท้อง น้ำตาเริ่มไหล

'อย่านะ คงไม่นะ' เธอพูดกับตัวเอง

"เชิญนั่งก่อนค่ะ คุณรินดา" พยาบาลเลื่อนเก้าอี้ให้ เธอค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่ง ยกมือไหว้คุณหมอที่นั่งหน้าขรึมอยู่ตรงหน้า

"ตามอาการที่แจ้งในนี้ เดี๋ยวหมอว่า...คุณต้องตรวจปัสสาวะนะครับเพื่อความมั่นใจ ไม่รู้ว่าตั้งแต่แต่งงานมาได้คุมกำเนิดแบบไหน หรือว่าตั้งใจจะมีบุตรเลยครับ" คุณหมอหนุ่มถามไม่มองหน้า

"เออ...แต่อายุยี่สิบปีแล้วก็มีลูกได้ ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายวันไหนครับ..." และคำถามอีกมากมายที่พรั่งพรูออกมา รินดาตอบออกไปตามคำถามตามความเป็นจริง แต่ในหัวมึนๆ งงๆ ไปหมด เธอไม่เถียงหมอสักคำ หลังจากที่ผลตรวจปัสสาวะออกมา มันเป็นเครื่องยืนยันว่า รินดาตั้งครรภ์จริงๆ

"หมอว่าไง" แค่ได้ยินคำถามของเพื่อน รินดาก็น้ำตาไหล

"อาย.." หญิงสาวจับมือของเพื่อนรักเอาไว้แน่น แต่งขวัญเห็นรินดาตัวสั่นก็สวมกอดเพื่อนเอาไว้ทั้งตัว

"เป็นอะไรร้ายแรงหรือเปล่าแก" เธอดันตัวเพื่อนออก

รินดาถอนหายใจออกมา มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่มันเป็นเรื่องที่หนักหนามากๆ ต่างหาก หญิงสาวยกมือขึ้นลูบท้องแบบตั้งใจ แต่ต่อไปเธอก็ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วสิ เธอกำลังจะมีลูก

"รับยาแล้วกลับบ้านนะ ฉันไปส่งแกเอง เดี๋ยวถึงบ้านแล้ว ถ้าอยากจะเล่าก็เล่า แต่ถ้าแกไม่พร้อมก็ไม่เป็นไรนะ" ที่แต่งขวัญพูดแบบนั้น เพราะเธอเองเริ่มมั่นใจว่า เพื่อนรักอาจจะท้อง เพราะเธอเคยเห็นพี่สาวที่แต่งงานไปแล้วก็เป็นแบบนี้

"ริน...แกนั่งรอนะ เดี๋ยวฉันจัดการทุกอย่างเอง"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป