บทที่ 3 บทที่ 2 อาจารย์โดเบอร์แมน
บทที่ 2 อาจารย์โดเบอร์แมน
วันต่อมา
ขนมตื่นเช้ามาราวน์กับพี่เอ็กซ์เทิร์นตั้งแต่หกโมงเช้า กว่าจะราวน์เสร็จก็ตอนเก้าโมงกว่า พอมีเวลาว่างนิดหน่อยเธอก็เลยหยิบไอแพดขึ้นมาอ่าน สายตาจดจ้องจอไอแพดและปากก็กัดขนมปังไส้แยมส้มคำโต
“นี่”
“หือ อ้าวอาโป”
“กินไม่ห่วงสวยเลยนะ”
“พอมีเวลาก็ต้องรีบกินอะ ว่าแต่โปไปไหนมาเหรอ”
“เพิ่งราวน์เสร็จเหมือนกัน”
“อ๋อ กินไรยัง”
“แล้ว แล้วนี่มานั่งทำไมตรงนี้อะ ไม่ไปพักห้องพักนักศึกษา”
“หนมอยากอ่านสไลด์น่ะ ตรงนี้เงียบดีเลยมานั่งอ่าน”
“ว่าแต่หนมได้เจอกับอาจารย์คนนั้นแล้วใช่ปะ”
“หือ?” เธอไม่เข้าใจว่าเพื่อนหมายถึงอาจารย์คนไหน ในวอน์ดมีอาจารย์ตั้งหลายคนแน่ะ “ใครเหรอ”
“ก็อาจารย์โดเบอร์แมนไง”
“อาจารย์โดเบอร์แมน เอ่อ…คนที่ดุๆ ปะ”
“อืม”
“ยังหรอก” ไม่ได้พิศวาสอยากเจออาจารย์ขนาดนั้น หากแต่เธอเลี่ยงไม่ได้เลยต่างหาก ไม่เจอวันนี้พรุ่งนี้ก็ต้องเจออยู่ดี ได้ข่าวมาว่าอาจารย์เข้าติดเคสเลยไม่ว่างมาสอนสักที “แล้ว…อาจารย์โหดมากเหรอ”
“ไม่รู้สิ เราไม่เคยเจอน่ะ แต่เห็นพี่เอ็กซ์เทิร์นพูดมางั้นนะ” อาโปทำหน้าสยดสยองจนขนมขนลุกตามไปด้วย “ล้อเล่นหรอกยายขนม นี่เราขี้กลัวเกินไปหรือเปล่า อย่าลืมว่าเรียนให้รู้เรื่องน่ากลัวกว่าถูกอาจารย์ด่านะ”
“อืม” ทำไงได้ล่ะ คนมันมีปมในใจนี่นา เวลาโดนด่าทีหนึ่งก็เลยกลัวจนหางตกน่ะสิ “ขอบใจนะที่มานั่งเล่าอะไรให้เครียดกว่าเดิม” เธอเย้าหยอกอาโป
“อืม แล้วยิ้มเป็นไงอะ ไม่ได้เจอหน้าเลย” ด้วยยิ้มกับเธออยู่คนละกลุ่มกันเลยไม่ค่อยได้เจอกันหรอก
“เห็นว่าอาทิตย์หน้าออกหน่วยกับอาจารย์อะ เออว่างปะอาทิตย์หน้าน่ะ”
“ไม่น่าจะว่างนะ”
“อ๋อย...อดเลย”
“อะไร ทำหน้าเสียดายทำไม”
“ก็ว่าจะชวนโปมานอนทำงานที่ห้องอะ”
“หืม...”
“อะไรเล่า ไม่ได้กลัวผีนะ แต่มันเหงาๆ ไม่อยากอยู่คนเดียวน่ะ อยากมีเพื่อนคุย”
“ไม่คุยแล้ว โปมีงานต้องทำ ไปก่อนนะ”
“อืมๆ” ขนมโบกมือลาเพื่อนสนิทแล้วรีบกัดขนมปังกินจนหมดแล้วหอบงานไปที่ห้องพักนักศึกษาแพทย์ ในห้องว่างและเงียบอย่างน่าแปลกใจ “ก็ดี จะได้อ่านสไลด์”
ผ่านไปหลายนาที รุ่นพี่ก็เดินเข้ามาในห้อง ทั้งสองชะงักใส่กันเล็กน้อย
“ทำไมมาอยู่นี่คนเดียว พี่นึกว่าเราพักแล้ว”
“หนมอ่านสไลด์อยู่ค่ะ”
“อ๋อ ได้ข่าวว่าอินเทิร์นจะได้ราวน์กับอาจารย์ศิวกรเหรอ”
“ค่ะ”
“ระวังนะ...”
“เนี่ย พี่เอ็มมาพูดแบบนี้หนมใจเสียแล้วเนี่ย” ไม่รู้ว่าในสายตาคนอื่นเธอดูน่าแกล้งมากหรือไงนะ ถึงได้มีแต่คนมาพูดให้ขวัญหนีดีฝ่อแบบนี้น่ะ “อย่ามาแกล้งน้องเลยค่ะ น้องคนนี้ใจบางมาก”
“หึหึ พี่ล้อเล่น”
“สรุปยังไงเหรอคะ อาจารย์ศิวกรดุจริงๆ ไหม”
“เดี๋ยวก็รู้เองว่าดุไหม”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ไม่ได้ช่วยให้เบาใจเลยน่ะ” พี่เอ็มหัวเราะแล้วเดินไปทิ้งตัวนอนบนโซฟา สงสัยเพิ่งออกจากโออาร์มามั้ง หน้าถึงได้ดูเพลียๆ ขนาดนั้นน่ะ แต่ก็ยังมีแรงมาแกล้งกันให้กลัวนะพี่เอ็ม
หลังจากอ่านสไลด์เสร็จขนมก็เดินออกมาจากห้องพักนักศึกษาแพทย์เพราะไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของรุ่นพี่
“น้องหนมๆ มานี่ค่ะ”
“ขาพี่แก้ม”
“พี่ทำขนมใส่ไส้มา เอาไปชิมให้หน่อย”
“อ๋อ ขอบคุณนะคะ”
“รสชาติเป็นไงแล้วมาบอกด้วยนะ พอดีว่าพี่จะรับจ็อบทำขายในโรงพยาบาลน่ะ”
“พี่แก้มนี่มีเวลาเหลือเยอะจัง แบ่งมาให้หนมบ้างสิคะ”
“เปล่าหรอก พี่สาวพี่มาเยี่ยมน่ะ เลยจะหารายได้เสริมหน่อย”
“อ๋อค่ะ” ก็นั่นแหละ เดี๋ยวนี้พี่พยาบาลชอบทำกับข้าวมาขายในวอร์ดกันเยอะ แต่ต้องรับออร์เดอร์ก่อน ทำตามออร์เดอร์ที่สั่งน่ะ ก็เป็นรายได้เล็กๆ น้อยๆ เธอยังคิดอยากจะทำขนมขายเลย แต่ยังจัดการกับเวลาไม่ค่อยได้เท่าไร ก็เลยพับเรื่องนี้ไปก่อน
ขนมเดินมาตามทางเดินเชื่อมต่อกับอาคาร เธอสอดสายตามองไปโดยรอบ
ฟึบ!
“หือ...” เหมือนมีอะไรวิ่งผ่านเร็วมาก จนเธอมองแทบไม่ทันแน่ะ “โห วิ่งไวขนาดนั้นต้องเคสหนักแน่”
@ในห้องคลอด
“อาจารย์คะ คนไข้ตกเลือดมากค่ะ ชีพจรต่ำมากด้วย”
“เตรียมอุปกรณ์เปิดช่องคลอดครับ”
“ค่ะ”
คนไข้หญิงอายุสิบห้าปีมาโรงพยาบาลด้วยภาวะตกเลือดและอ่อนเพลียจากการเสียเลือดมากจนเกิดภาวะช็อกระหว่างช่วยชีวิต
ผ่านไปหลายชั่วโมง ศิวกรเดินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขามองหน้าพยาบาลสาวที่เดินตามออกมา
“พ่อแม่เด็กอยู่ไหนครับ”
“พ่อแม่เด็กไม่มีใครมาเลยคะอาจารย์”
“แล้วน้องมากับใคร”
“มากับแฟนค่ะ”
“งั้นขอเบอร์โทร. ติดต่อพ่อแม่น้องไว้หน่อยนะ”
“ค่ะ”
ศิวกรมองไปยังม้านั่งหน้าห้องผ่าตัด เขาเลยเดินไปหาเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งรอแฟนอยู่
“ไงเรา”
“ครับ แฟนผมเป็นยังไงบ้างครับ”
“อยากฟังเหรอ แล้วจะรับได้ไหมล่ะ”
“ผม...”
นายแพทย์หนุ่มยกแขนขึ้นไปกอดคอเด็กหนุ่ม
“พี่รู้นะว่าวัยเรากำลังอยากรู้อยากลอง พี่ก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาก่อน แต่ว่าพี่จะเตือนอะไรเราอย่างหนึ่ง”
“ครับ” เด็กหนุ่มหน้าสลดแล้วก้มหน้ารับฟัง
“จะทำอะไรก็คิดให้ดีๆ นึกถึงอนาคตให้เยอะๆ พี่ไม่รู้หรอกว่าน้องสองคนจะยังรักกันจนถึงวันแต่งงานไหม แต่ถ้าเลิกกันระหว่างทางมันก็เป็นความเสียหายที่เอากลับมาไม่ได้แล้ว เพราะงั้นจะทำอะไรก็อย่าลืมป้องกัน ป้องกันดีที่สุดนะ”
“ครับ ผมขอโทษครับ”
“ไม่ต้องขอโทษพี่หรอก เดี๋ยวแฟนเราก็ออกมาจากห้องผ่าตัด แต่ต้องอยู่ดูอาการในไอซียูก่อน เพราะเสียเลือดมาก”
“ลูกผม...”
“เสียใจด้วย ลูกเราเขาไปดีแล้ว แต่เราควรจะดีใจที่แฟนเรายังอยู่นะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
นายแพทย์หนุ่มตบบ่าเด็กหนุ่มสองครั้งก่อนจะเดินออกมา
“อาจารย์เนี่ยสุดยอดเลยนะคะ เก่งรอบด้านจริงๆ”
“หึหึ วันนี้ผมเลี้ยงพิซซ่านะ สั่งได้เลยเดี๋ยวให้ตัดบัตรผม”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์กร”
ชายหนุ่มมานั่งในห้องพักอาจารย์แพทย์ พลางเหลือบมองเวลาที่ข้อมือ วันนี้คงไม่ได้ไปหาหลานสาว แต่น่าจะได้เข้าคลินิกเลยเพราะเวลาไม่พอ
17:20
ขนมนั่งเท้าคางมองจอไอแพดอยู่ในห้องพัก วันนี้รูมเมตกลับดึกหน่อย ยิ้มเพิ่งไลน์มาบอกว่าจะแวะกินข้าวก่อนกลับด้วย ก็แปลว่าเธอต้องกินข้าวคนเดียวน่ะสิ
“เฮ้อ...อยากกลับบ้านจัง” ด้วยบ้านอยู่ไกลกว่าเพื่อน ก็เลยไม่ค่อยได้กลับ ป้าก็บ่นคิดถึงทุกวัน อยากให้กลับไปเยี่ยมบ้างเพราะช่วงนี้ที่บ้านเธอเพิ่งลงแขกเกี่ยวข้าวไปน่ะ ป้าเลยอยากให้กลับไปกินข้าวใหม่ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของเราสองคนป้าหลานแหละ “ปิดเทอมนี้หนมจะกลับไปกอดนะคะป้า คิดถึงมากเลย”
เสียงถอนหายใจดังขึ้นภายในรถหรูขณะจอดติดไฟจราจรอยู่ทางแยกจะเลี้ยวไปคลินิก ศิวกรมองดูเวลาบนข้อมือ
“วันอะไรว้า รถติดเป็นบ้าเลย” ปกติรถก็ติดเช่นนี้ แต่วันนี้เขาเข้าคลินิกช้ากว่าปกติเพราะติดเคสผู้ป่วยตกเลือดนั่นแหละ ป่านนี้คนไข้ที่นัดเอาไว้คงบ่นแย่แล้ว
พอสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวเขาก็รีบเหยียบคันเร่งไปทันที มาถึงคลินิกผู้ช่วยถึงกับยิ้มหน้าบ้าน ทั้งคนไข้เก่าและคนไข้ใหม่ที่มารอตรวจด้วย
“ขอโทษที่มาสายนะครับคนสวย พอดีหมอติดเคสฉุกเฉินอยู่น่ะครับ” เขารีบหยิบเสื้อกาวน์มาสวมแล้วเข้าห้องตรวจทันที กว่าคนไข้จะบางตาก็ปาไปสองทุ่มกว่า เหลือคนสุดท้ายที่รอตรวจ ศิวกรก็เลยให้ผู้ช่วยกลับไปก่อนและให้ค่าเสียเวลาเธอด้วย “ขอบคุณมากนะครับ ไม่ทราบว่ามีคนแนะนำมาไหมครับ หรือว่ามาเอง”
“มีคนแนะนำมาค่ะ หลานสาวบอกว่าหมอหล่อและพูดเพราะ ก็เลยอยากมาตรวจบ้าง”
“อ๋อครับ ถ้าอย่างนั้นหมอไม่นัดแล้วนะครับ อาการดีขึ้นมากแล้ว กินยาตามที่หมอให้ให้หมดเลยนะ อย่าคิดว่ามันหายนะครับ ต้องกินให้หมดเลยนะ”
“ค่ะๆ”
เมื่อคนไข้คนสุดท้ายออกไปแล้ว เขาก็เปิดคลินิกทันที ตอนนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ออกจากโออาร์มาว่าจะแวะไปกินข้าวเสียหน่อย แต่ผู้ช่วยก็ไลน์มาตามก่อนจึงต้องรีบเข้าคลินิก
ศิวกรจอดรถชิดฟุตพาทแล้วลงไปสั่งบะหมี่ปูกับเกี๊ยวแห้งปู นึกอยากกินมาหลายวัน ขับมาเจอร้านก็เลยแวะกินก่อนกลับคอนโดฯ ร้านอาหารแถวโรงพยาบาลมหา'ลัยค่อนข้างเยอะ เยอะจนไม่รู้จะกินอะไรดี ตัวเลือกเยอะก็ปวดหัว
“ป้าขา เอาบะหมี่หมูแดงหนึ่ง หมี่ขาวแห้งเพิ่มกระเทียมเจียวเยอะๆ หนึ่ง ขอน้ำซุปหอมๆ ด้วยนะคะ”
“ได้เลยลูก ไปนั่งรอๆ เดี๋ยวป้าทำให้ลูกค้าคนนั้นแป๊บหนึ่ง”
“อ๋อค่ะ”
ขนมเหลียวมองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มในชุดสครับ เธอพยักพเยิดหน้าเบาๆ แล้วหาโต๊ะนั่ง วันนี้นึกอยากกินก๋วยเตี๋ยวแล้วซดน้ำร้อนๆ เลยลงมาหาของกินหน้าโรงพยาบาลมา'ลัย แล้วร้านนี้ก็เป็นร้านประจำของเธอกับรูมเมตด้วย
“มาแล้วค่า ทานให้อร่อยนะคะ”
“ครับ”
ขนมชะเง้อมองชายหนุ่ม อยากเห็นหน้าเขาเหลือเกิน คอยาวยางกับยีราฟแต่ก็ต้องหดคอเพราะป้าเอาของมาเสิร์ฟพอดี พอออกมาข้างนอกก็ได้เมาท์มอยแก้เหงาบ้าง กินเสร็จก็ไม่เห็นผู้ชายคนนั้นแล้ว ด้วยเพราะเธอนั่งอยู่หลังโต๊ะวางกระติกน้ำด้วยแหละ เลยไม่ค่อยเห็นอะไร
“ทำไมวันนี้ยิ้มไม่มาล่ะลูก”
“ยิ้มออกงานค่ะ หนมนอนคนเดียวเลยลงมาหาอะไรกินก่อน”
“อ๋อ หาแฟนสักคนสิลูกจะได้ไม่เหงา”
ขนมหัวเราะคิกๆ เธอยิ้มหวานแล้วส่งตาหวานวิบ ๆ ให้ป้า
“ป้า ถ้าหนูมีแฟนนะ หนูจะพาแฟนมาเปิดตัวกับป้าคนแรกเลย”
“หึหึ ป้าจะรอดูหน้าแฟนเรา”
“สาธุค่ะ ขอให้มีแฟนเร็วๆ เถอะ” พอจ่ายเงินแล้วขนมก็เดินออกมาจากร้านป้า เธอแวะซื้อข้าวโพดหวานต้มติดมือมาด้วย แต่ระหว่างทางอดใจไม่ไหวเลยหยิบออกมากัดกินซะเลย
กึก!
เท้าเรียวหยุดชะงักค้างตรงประตูด้านหลังหอพัก
“อะ อ้าว…” ประตูล็อกเรียบร้อยแล้วเธอก็ต้องเดินอ้อมไปเข้าอีกทางหนึ่ง ซึ่งไกลมากด้วย ความอร่อยของข้าวโพดในมือเธอลดลงนิดหน่อย แต่ก็ยอมเดินไปได้เพราะวันนี้ซิล ๆ ไม่รีบเท่าไร เดินมาได้สักพักก็เพิ่งจะรู้สึกว่าทางเปลี่ยวและเงียบมาก ขนมจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดเพลงกลบบรรยากาศแสนน่ากลัวนี้
หญิงสาวเดินฮัมเพลงมาจนถึงลานจอดรถ ยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่ เธอก็เลยเปิดไฟฉายในโทรศัพท์ส่องทางเดิน
หมับ!
“กรี๊ด!!!”
ยิ้มรีบเอามือปิดปากขนมไว้แน่นพร้อมส่งเสียงให้ขนมหยุดกรี๊ดแล้วลืมตาดูเธอ
“หนม! นี่ยิ้มเอง”
“ยิ้ม! ไอบ้า!” ขนมตีแขนรูมเมตไปทีหนึ่ง “ทำอะไรเนี่ย ข้าวโพดหลุดมือเลย”
“ตกลงจะเสียดายข้าวโพดหรือตกใจเรา”
“ก็ทั้งสอง เล่นอะไรของแกฮะ”
“เห็นเดินเปิดเพลงมาคนเดียวอะ”
“ไม่ต้องเลย แล้วไหนบอกจะกลับดึกไง”
“เปลี่ยนใจ กลัวหนมนอนไม่ได้เลยรีบกลับมา แล้วกินข้าวยังเราซื่อกระเพาะปลามาฝาก” ยิ้มยกถุงกระเพาะปลาให้ขนมดู
“เรียบร้อย เพิ่งเดินไปกินบะหมี่มาเนี่ย หิวเลยเบิ้ลสองชามเลย”
“กินเก่งนะเรา ปะขึ้นห้อง” ยิ้มกอดคอขนมเดินขึ้นห้องพัก พอเข้ามาในห้องพักแล้วทั้งสองก็นอนเมาท์มอยกันก่อนจะไปอาบน้ำ “เจอยังอาจารย์กร”
“ไม่ ยังไม่เจอนะ แต่ไม่ช้าก็เร็วอะ”
“อย่าไปกลัว อาจารย์ไม่ได้ดุเราคนเดียวหรอกเชื่อสิ คนถูกอาจารย์วอร์ดไหนด่า แสดงว่าอาจารย์รักมาก”
“รักมากมั้ง เกิดแต่กับกูเนี่ย”
“หึหึ” ยิ้มหัวเราะร่วน “ก็หนมน่ารักอะ”
“ไม่ต้องมาปลอบใจเลย ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ” ยิ้มเอาไหล่มาชนกับไหล่ขนม“อะไร ยิ้มแปลกๆ”
“หยุดนี้ไปเที่ยวไหม”
“เที่ยวไหนก่อน”
“ก็แถวๆ นี้แหละ ไปหาคาเฟนั่งถ่ายรูปเล่นไง”
“ก็ดีนะ ไปหาอะไรหวานๆ กินหน่อย หนมรู้สึกช่วงนี้น้ำตาลตก” ไม่ได้กินของหวานหรือน้ำหวานนานแล้วอะ เป็นเพราะช่วงนี้นอนดึกแล้วต้องขึ้นเวรด้วย เลยติดกินกาแฟดำทุกวัน “งั้นเย็นนี้ไปนั่งร้านน้ำเต้าหู้ปะ อยากกินเต้าทึงน้ำลำไย”
“อืม ถ้าเราสองคนว่างน่ะนะ”
“เฮ้อ” คุยกันพอหอมปากหอมคอ เพราะต้องนอนให้เต็มอิ่ม พรุ่งนี้ราวน์เช้ากับอาจารย์ เรียนทุกวันเหมือนสุ่มกล่องอาร์ตทอยอาจารย์เลย ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะได้ราวน์กับคนไหน เพื่อนในกลุ่มก็ยังไม่มีใครว่าอะไรด้วย
วันต่อมา
ขนมหอบกระเป๋าผ้าใบโปรดเดินเข้าวอร์ดตั้งแต่หกโมงเช้า ดีหน่อยที่ตื่นเช้าเลยมีเวลาเดินไปซื้อกาแฟมาจิบระหว่างรอเพื่อนด้วย
“ขอกินด้วยสิ” อาโปเดินลากเท้ามานั่งแหมะลงข้างๆ อ้อนกันด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ คล้ายคนหมดแรง
“กินจริงปะ”
“คำหนึ่ง”
ขนมเลยยื่นแก้วกาแฟให้เพื่อนจิบเสียหน่อย จะได้ตื่นเต็มตา
“เวรดึกเหรอ”
“อืม”
“ตาโบ๋เชียว” นอกจากนอนไม่เป็นเวลาแล้วนั้น เรื่องขอบตาก็น่าเป็นห่วงเช่นกัน หากมีเวลาว่างก็อยากเข้าคลินิกเสริมความงามเหมือนกัน จะเป็นหมีแพนด้ากันหมดแล้ว
“อืม แล้วทำไมมาเช้าจัง เพื่อนคนอื่นยังไม่มาสักคนเลย”
“ตื่นเต้น เลยออกมาเช้าหน่อย”
“อ๋อ”
“กินขนมปะ หนมซื้อโรลส้มมาสองอัน”
“ไม่ล่ะ กลัวอิ่มก่อนออกไปกินข้าวน่ะ”
“อืม”
“ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีนะหนม ขอให้เพื่อนไม่โดนอาจารย์ไล่ออกจากวอร์ด”
“อาโป!”
“ล้อเล่นจ้า ไปละ”
“เพื่อนบ้า” ยังมีคำด่าให้ได้ยินแม้อาโปจะเดินออกมาไกลพอสมควรแล้ว
ขนมถอนหายใจพรืดใหญ่ มองขนมในมือตัวเองก่อนจะวางลงบนกระเป๋าผ้า กินไม่ลงเลยทีนี้
“เรามันน่าแกล้งขนาดนั้นเหรอวะ” เพื่อเช็กความมั่นใจเลยหยิบกระจกพกพาเล็กๆ ออกมาส่องหน้าตัวเอง “อ๋อ เราน่ารักทุกคนเลยอยากแกล้งนี่เอง”
“อะไรนะ ใครน่ารักนะ”
“ก็หนมไงคะ ขนมคนน่ารัก” เธอทำหน้าแบ๊วๆ ใส่รุ่นพี่ที่เพิ่งเดินมานั่งลงข้างกัน “แล้วน่ารักไหม ถ้าหนมไว้หน้าม้าจะเป็นไง”
“ก็น่ารักดี แต่ว่านะ”
“อะไรคะ”
“เรามันน่าแกล้งว่ะ”
“อ้าวพี่เอ็ม”
“จริงนะ หน้าเล็กๆ ตาโตๆ เวลาโดนแกล้งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้น่าเอ็นดูเชียว”
“อ๋อ ถึงว่าทุกคนอยากแกล้งหนมกันจัง” ขนมทำหน้าแบ๊วใส่รุ่นพี่อีกครั้ง “พี่เอ็ม หนมถามจริงๆ เถอะ”
“ว่า”
“พี่เอ็มเคยสนใจคนในสายงานเดียวกับตัวเองบ้างปะ”
“ไม่อะ ไม่พิศวาสขนาดนั้น เวลาเจอหน้ากันในที่ทำงานพี่ทำตัวไม่ถูก”
“ก็จริง” ขนมพยักหน้าเออออตามความคิดเห็นรุ่นพี่ เป็นเธอคงอยู่ไม่สุขแน่ ยิ่งเจอหน้ากันทุกวันด้วยนะ คงน่าเบื่อแย่เลย “หนมไปเตรียมตัวก่อน วันนี้มีราวน์กับอาจารย์”
“อืม ขอให้เป็นวันที่ดีนะน้อง”
“ขอบคุณค่า เอาไว้จะเลี้ยงกาแฟนะคะ”
“อืม ดีลเลย”
“หึหึ”
แยกจากพี่เอ็กซ์เทิร์นสุดหล่อแล้วขนมก็มารอเพื่อนอยู่ห้องพักนักศึกษาแพทย์ ไม่นานเพื่อนๆ ก็ทยอยมาจนครบคน
ขนมถือชาร์ตคนไข้เดินตามกลุ่มเพื่อนมารออาจารย์หมออยู่หน้าวอร์ด ขนมก้มมองชาร์ตคนไข้อยู่ครู่หนึ่ง ศอกของเพื่อนคนข้างๆ ก็สะกิดแขนเธอให้มองอาจารย์
“อาจารย์มาแล้วๆ”
“อืม” ขนมเงยหน้ามองอาจารย์
ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจคล้ายจะหลุดออกมาเต้นนอกเบ้า ใบหน้าผ่าวร้อนแดงปลั่ง คำพูด น้ำเสียง แววตา ใบหน้าคมสันของผู้ชายในคืนนั้นหลั่งไหลเข้ามาในหัวอีกครั้ง
'เหี้ยแล้ว เหี้ยสุดๆ เลย'
“สวัสดีครับนักศึกษา ผมอาจารย์ศิวกรครับ” นักศึกษาคนอื่นต่างกล่าวคำทักทายและไหว้สวัสดีอาจารย์ผู้มาใหม่ “จากนี้อีกหนึ่งเดือนเราคงได้เจอหน้ากันทุกเช้า” ทว่าขนมกลับยืนอึ้งอ้าปากค้างเติ่ง
คุณเค อาจารย์ศิวกร อาจารย์กร เคย่อมาจาก…กร ขะ เขา…คือคนคนเดียวกันเหรอ!
“เหี้ย….”
