บทที่ 11 EP 03 เด็กขี้ลืม [1]

“รอผมแป๊บนึงนะครับ” ผมบอกลุงคนขับแท็กซี่อย่างสุภาพ ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวเท้าลงมาหาไอ้ติณที่ยืนรอผมอยู่ที่หน้าคอนโดฯพอดี

ใจหนึ่งก็อยากจะนั่งรถเมล์มานะ แต่กลัวว่าจะไม่ทันเอากุญแจรถมาคืนให้มัน เดี๋ยวจะทำให้มันต้องไปมหา’ ลัยสายแล้วพาลมาโทษผมอีก เพราะฉะนั้นกันเอาไว้ดีกว่าแก้ ผมไม่อยากเสี่ยงกับคนประสาทอย่างมันหรอก

“อ่ะ นี่กุญแจรถนาย”

“ตกลงเมื่อคืนมึงไม่ขับรถกูกลับจริงดิ”

“อืม เราบอกแล้วไงว่าเราจะกลับแท็กซี่” ผมยื่นกุญแจรถในมือคืนให้ซึ่งมันก็รับไปแบบงงๆ

“แล้วนี่มึงจะไปไหน”

“ไปมหา’ ลัย”

“ก็ไปพร้อมกูดิ กูก็กำลังจะไป”

“ไม่เป็นไร นายไปเถอะ เราบอกคนขับไปแล้วว่าให้รอ เดี๋ยวเขาจะว่าเอา” ผมบอกด้วยความเกรงใจ แอบดักทางเอาไว้แล้วเพราะว่าผมไม่อยากไปมหา’ ลัยพร้อมกับมัน ใจหนึ่งก็อยากจะแนะนำว่าให้มันเอารถไปซ่อมกระจกเสียก่อนแต่ก็พอรู้ว่ามันคงจะด่าผมว่าเสือกกลับมาแน่ๆ เพราะงั้นไม่พูดดีกว่า

“งั้นมึงรอกูแป๊บ”

“รอทำไม”

“กูจะไปแท็กซี่พร้อมมึงไง” ไอ้ติณบอกแล้ววิ่งไปที่รถของมัน

เสียงปลดล็อกรถของมันดังขึ้นก่อนที่มันจะเปิดประตูแล้วก้มหยิบบางอย่างออกมา ซึ่งความจริงแล้วกระจกรถมันเองก็แตกไปแล้วทั้งบานนะ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าระบบล็อคจะทำให้ข้าวของในรถของมันปลอดภัยดีรึเปล่า แต่ช่างหัวมันอีกเหมือนกัน

หลังจากที่ไอ้ติณได้ของที่ต้องการ มันก็วิ่งกลับมาราวกับว่าทำเวลาอยู่ ผมก็ได้แต่มองมันแบบงงๆ ตั้งแต่มันวิ่งไปจนมันวิ่งกลับมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า อยากจะรู้ว่ามันจะไปแท็กซี่พร้อมกับผมทำไมในเมื่อมันมีรถยนต์ใช้

“ไปดิ มองเหี้ยอะไรอยู่ล่ะ”

“แล้วทำไมนายต้องไปแท็กซี่”

“คำถามมึงนี่หมดยากจังนะ ไปเร็ว ให้แท็กซี่จอดรถนานๆ เดี๋ยวมึงจ่ายค่าแท็กซี่หมดตัวหรอก” ไอ้ติณพูดเร็วๆ พลางล็อกคอผมแล้ววิ่งไปขึ้นแท็กซี่พร้อมๆ กับมัน แต่ที่มันพูดเมื่อกี้หมายความว่าผมต้องเป็นคนจ่ายค่าแท็กซี่เหรอ?

ไอ้ติณเปิดประตูรถแล้วมุดตัวเข้าไปนั่งชิดใน จากนั้นผมก็รีบตามมันเข้ามาติดๆ สายตาของโชว์เฟอร์มองมาที่เราอย่างมีนัยยะสำคัญจนผมต้องรีบขยับตัวถอยห่างจากไอ้ติณนิดหน่อยเพื่อเว้นช่องว่างระหว่างเราเอาไว้

“ไปตึกวิศวะเลยลุง หล่อเทพฯ ขนาดนี้ไม่ต้องบอกเนอะว่าวิศวะมหา'ลัยไหน” ไอ้ติณพูดเหมือนสนิทกับโชว์เฟอร์มานมนาน เอาเถอะ ผมว่าผมเองก็ควรจะปรับตัวและเริ่มจะชินกับนิสัยของมันได้นิดหน่อยแล้วหละ

ผมได้แต่นั่งเงียบๆ แล้วมองออกไปนอกกระจกรถ แต่ไหนแต่ไรมาผมเป็นคนเงียบๆ แบบนี้อยู่แล้ว ไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไรเพราะเวลาส่วนมากของผมหมดไปกับการอ่านหนังสือและทำงานพาร์ทไทม์ เพื่อนที่มีก็แค่มีไว้สำหรับเวลาทำงานกลุ่มส่งอาจารย์เท่านั้น แต่โดยส่วนมากผมจะรับมาทำคนเดียว ผมไม่สนิทกับใครเป็นพิเศษเพราะว่าผมไม่ค่อยได้เอาใจใส่เพื่อนเท่าไรนัก เกรงใจพวกมันเวลาที่นัดรวมตัวกันแล้วผมไม่ว่าง และที่สำคัญผมไม่ใช่คนพูดคุยเก่ง อึดอัดเวลาอยู่กับคนหมู่มาก มักรู้สึกว่าตัวเองเข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่คิดหรอกว่านั่นจะกลายเป็นปัญหา เพราะผมพิสูจน์แล้วว่าผมก็ยังสามารถใช้ชีวิตมาได้อย่างดี กระทั่งมาเจอไอ้ติณนี่แหละ นิสัยของมันแตกต่างกับผมแทบทุกอย่าง แต่ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้พยายามพาตัวเองมาวนเวียนในชีวิตผมนักหนาทั้งที่คนอย่ามันก็ดูไม่น่าจะขาดเพื่อน

“มึงได้ข่าวไอ้โจรห่านั่นบ้างมั้ยได้คิม”

มัวแต่นึกถึงเรื่องของมันจนเกือบลืมเรื่องนั้นไปแล้ว

“เมื่อเช้าตอนเดินออกมาได้ยินคนแถวนั้นบอกว่าโดนตำรวจรวบไปแล้ว มีเจ้าทุกข์หลายคนเพราะว่ามันคงจะวิ่งราวแถวนั้นเป็นอาชีพ” ผมเล่าอย่างไม่ใส่ใจ ไอ้ติณพยักหน้าเออออเมื่อผมพูดจบ

“แล้วแขนนายล่ะ ตกลงจะไม่ไปหาหมอจริงๆ เหรอ”

รีบถามเมื่อนึกขึ้นได้อีกเรื่อง พอถามแล้วก็อดจะยื่นหน้าไปมองแขนของมันสักหน่อยไม่ได้ แต่ว่านอกจากแขนของไอ้ติณแล้ว ผมยังแอบเห็นสายตาของโชว์เฟอร์ที่กำลังแอบมองผมผ่านทางกระจกมองหลังเป็นระยะๆ

ผมรู้นะว่าลุงคิดอะไร แต่ตราบใดที่ลุงคิดเงียบๆ ผมก้จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็แล้วกัน อย่างไรเสียผมก็ห้ามความคิดลุงไม่ได้ แต่ในใจผมก็แค่อยากเตือนให้ลุงดูหน้าไอ้คนข้างๆ ผมไว้สักนิด เพราะถ้าลุงยังรักชีวิตลุงแค่นั่งคิดไปเงียบๆ อย่ามีความกล้าพูดออกมาเชียว ไม่งั้นตัวใครตัวมัน ผมไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น

บทก่อนหน้า
บทถัดไป