บทที่ 15 EP 03 เด็กขี้ลืม [5]

“ฮัลโหลพี่ไทม์” ผมรีบกรอกเสียงไปตามสายหลังจากกดรับ หัวใจเต้นตึกตักๆ ไปหมด มือไม้ก็สั่นราวกับเจ้าเข้า

[เรียนอยู่รึเปล่าคิม]

“ปะ เปล่าครับ พอดีว่าอาจารย์ยังไม่เข้าสอน พี่ไทม์มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมรีบถาม ปกติแล้วพี่ไทม์จะไม่โทรมาถ้าไม่มีเรื่องสำคัญนี่นา

[พี่เอาชีทมาให้น่ะ เมื่อวานคิมลืมไว้ที่ร้าน พี่ไม่แน่ใจว่าวันนี้คิมต้องใช้รึเปล่า พอดีพี่กำลังไปผ่านไปทางมหา’ ลัย ก็เลยลองโทรถามดู]

ผมว่าแล้วเชียวว่ามันหายไปไหน ที่แท้ผมก็ลืมไว้ที่ร้านนี่เอง

“ใช้ครับ ผมกำลังหาอยู่พอดี”

[อยู่ที่ตึกวิศวะใช่มั้ย]

“ครับ”

[งั้นเดี๋ยวคิมลงมารอพี่ที่หน้าตึกก็ได้ พี่จะวนรถเอาเข้าไปให้]

“ได้ครับ ขอบคุณมากครับพี่ไทม์” ผมบอกด้วยความดีใจ ก่อนจะหุนหันพลันแล่นวิ่งลงมารอพี่ไทม์ที่หน้าตึกตามที่พี่ไทม์บอก ซึ่งพอผมวิ่งลงมาถึงชั้นล่าง ก็เห็นว่ารถของพี่ไทม์กำลังขับเข้ามาจอดพอดี

ผมได้แต่ยืนรอพี่ไทม์อย่างใจจดใจจ่อ จ้องมองรถคันนั้นกระทั่งเห็นว่ารถจอดสนิทอยู่ตรงหน้า รอจนพี่ไทม์เปิดประตูรถแล้วเดินลงมา และทันทีที่ได้เห็นร่างสูงโปร่งก้าวเท้าลงจากรถพร้อมกับรอยยิ้มที่โปรยมาตั้งแต่ที่เขาเห็นหน้าผมๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวจะลอย

“เด็กขี้ลืม” พี่ไทม์ใช้ชีทในมือตีหัวผมเบาๆ ทันทีที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม และมันก็อดไม่ได้ที่ผมจะยิ้มแหยๆ เพราะไม่มีแม้แต่คำแก้ตัว ก็ผมลืมจริงๆ นี่

“ดีนะที่พี่เห็นเสียก่อน คราวหลังเช็กของให้ดีก่อนออกจากร้านด้วยล่ะ”

“แหม พี่ก็บ่นเป็นคนแก่ไปได้”

“พี่แก่ลงเพราะคิมนั่นแหละ ไปๆ รีบกลับไปเรียนได้แล้ว เดี๋ยวตอนเย็นเจอกันที่ร้าน” พี่ไทม์กำชับพลางยื่นมือหนาๆ มาวางบนหัวของผม ยีผมของผมเล่นเบาๆ แถมยังหัวเราะจนเห็นฟันซี่ขาวๆ เรียงอยู่เต็มปาก

“ขอบคุณนะครับพี่ไทม์”

“ตั้งใจเรียนให้สมกับที่พี่เสียเวลาเอามาให้ก็แล้วกัน”

“อ้าว ไหนพี่ไทม์บอกว่าขับรถผ่านมาพอดีไงครับ” ผมรีบย้อนถาม

“จริงๆ ก็มาทางนี้แหละ ไม่ถึงเสียทีเดียวหรอก แต่เลยมาแค่นิดเดียว ไม่เป็นไร” พี่ไทม์รีบบอก แล้วคำตอบของพี่ไทม์ก็ทำให้ผมรีบเม้มริมฝีปากแน่นๆ อีกครั้งเพราะกลัวจะยิ้มกว้างจนเกินไป

“เออ จริงสิ เมื่อเช้าคนแถวๆ ร้านโทรมาบอกพี่ว่าเมื่อคืนแถวร้านเรามีโจรกระชากกระเป๋าอีกแล้ว เรารู้เรื่องรึเปล่า เขาบอกว่าตำรวจมาจับไปตอนเกือบจะสี่ทุ่มไม่ใช่เหรอ พี่มัวแต่เก็บของอยู่หลังร้านก็เลยไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

เอ่อ..ผมจะตอบยังไงดีล่ะ?

“ก็พอจะทราบครับ เมื่อเช้าตอนผมเดินออกจากซอยมาได้ยินเขาว่าเป็นคนเดียวกันกับคราวก่อน เจ้าทุกข์รอชี้ตัวเพียบเลยครับ คราวนี้จะได้รู้สึกปลอดภัยขึ้นสักที” ผมแถกลบเกลื่อนไป ไม่ได้โกหกนะ ผมแค่พูดไม่หมดเท่านั้นเอง

“ก็ดีแล้ว พี่ตกใจแทบแย่คิดว่าเป็นเราที่โดนกระชากกระเป๋า”

“ไม่ใช่ครับ ขอบคุณสำหรับชีทอีกรอบครับพี่” ผมยกมือไหว้พร้อมกับส่งยิ้มให้ หัวใจเต้นตึกตักๆ ไปหมดราวกับว่ามันกำลังทำงานหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ

“ไม่เป็นไรน่า แล้วนี่วันนี้เราเลิกกี่โมง”

“สองโมงครึ่งครับ พี่ไทม์มีอะไรรึเปล่าครับ หรือจะให้ผมไปช่วยที่ร้านก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วผมตรงไปเลย” ผมรีบบอก แต่พี่ไทม์กลับรีบส่ายหัวปฏิเสธ แถมยังหัวเราะซะผมอาย

“อ้าว แล้วพี่ไทม์ถามทำไมล่ะครับ”

“ถามดูเฉยๆ พี่จะทำธุระแถวนี้น่ะ เอาเป็นว่าถ้าพี่เสร็จธุระแล้วจะโทรหาเราก็แล้วกัน เผื่อถ้าเราเลิกเรียนพอดีพี่จะได้แวะรับ”

เจ้านายดีๆ แบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วสินะ

“ว่าไง หรือว่าถ้าเรานัดกับเพื่อนไว้ก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวค่อยไปเจอกันที่ร้านตามเวลาปกติก็ได้”

“ปะ เปล่าครับ เอาเป็นว่าถ้าผมเลิกเรียนก่อนผมจะโทรหาพี่ไทม์ก่อนก็แล้วกันครับ”

“เอางั้นก็ได้ ใครเสร็จก่อนก็โทรก่อนนะ ไปๆ รีบไปขึ้นเรียนเถอะ เดี๋ยวอาจารย์จะเข้าสอนเสียก่อน”

“ครับ” ผมยิ้มกว้าง ก่อนจะต้องกลั้นยิ้มด้วยการเม้มริมฝีปากเข้าหากันอีกรอบเมื่อพี่ไทม์ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแกว่งไปมาเบาๆ แล้วถึงได้เดินกลับไปที่รถ

โอ๊ย ผมล่ะอยากจะบ้าตาย ใครก็ได้ตบหัวผมที ผมจะได้มั่นใจว่าผมไม่ได้ฝันไป

บทก่อนหน้า
บทถัดไป