บทที่ 18 EP 04 เข้าตาจน [3]

“มุกเหี้ยไรของมึง”

“ไม่ใช่มุก นี่เรียกว่าชีท”

“กวนตีนกูแล้วมึงสบายใจสินะ” ไอ้ติณย้อนถาม ก่อนที่ผมจะรู้สึกสบายใจสักทีเมื่อไอ้ติณยอมรับชีทในมือของผมไป ถึงแม้ว่ามันจะยังมองผมด้วยสายตาตื่นๆ ของมันก็เถอะ

“เราไม่ได้เห็นว่าชีทนายไม่สำคัญนะ แต่เพราะเรารู้ว่ามันสำคัญเราถึงอยากให้นายเก็บมันไว้เอง”

“พอๆๆ มึงเลิกพูดได้ละ เดี๋ยวน้ำตากูไหล กับอีแค่ชีทมึงก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปได้ กูไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้น” ไอ้ติณรีบบอกพลางม้วนชีทในมือซะกลมแบบไม่คิดจะเกรงใจผมเลยสักนิด

นั่นชีทผมนะ ถึงจะให้มันแล้วแต่ผมก็เป็นคนปริ้นท์มันมากับมือ ถนอมมันมาตั้งนานแต่ถึงมือไอ้ติณไม่ถึงสองนาทีมันม้วนซะหมดราคาเลย

“นายไม่คิดแต่เราคิด”

“คิดมากไปเดี๋ยวมึงก็แก่เร็วหรอก หรือมึงคิดว่าตัวเองเป็นโคนันที่แดกยาพิษเข้าไปแล้วกลายเป็นคนแก่ในร่างเด็กอยู่ตลอดเวลา” นี่ไอ้ติณมันโยงไปเรื่องโคนันได้ยังไง อีกอย่างคือเมื่อไหร่มันจะเลิกคิดว่าผมเด็กสักที

“เราก็แค่...”

“มึงเลิกก็แค่ๆ สักทีเถอะ กูอึดอัด ป่ะๆ หาไรแดกกัน กูหิวละ” ไอ้ติณชวนเปลี่ยนเรื่องพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาตบบ่าผมเบาๆ สองสามที

ไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าอะไรถึงได้สบายใจเวลาที่ได้ยินมันพูดหยาบๆ หรือไม่ผมก็คงเริ่มชิน เริ่มคิดแล้วว่าบางทีมีเพื่อนแบบมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

ผมแอบถอนหายใจเบาๆ แล้วหันไปยิ้มให้ไอ้ติณอีกนิดหน่อยเมื่อมันเดินเข้ามาคล้องคอผมเพื่อเดินไปด้วยกัน อย่างน้อยตอนนี้ผมก็มีเพื่อนเวลาที่เดินไปไหนต่อไหนแล้ว ไม่ต้องเดินคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน ไม่ต้องนั่งทำรายงานคนเดียว ซึ่งถึงแม้จะรู้ว่ามันคงช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่กลับรู้สึกว่ามันคงจะดีกว่านั่งทำทุกอย่างเพียงคนเดียวเหมือนที่ผ่านมา

“นายจะล็อกคอเราเดินทำไม เราเดินเองได้” ผมรีบบอกเมื่อรู้สึกว่าตั้งแต่เดินลงมาจากอัฒจันทร์พร้อมไอ้ติณ ก็มีแต่คนที่คอยมองตามเรามาตลอดทางที่เราเดินผ่าน

“ช่างหัวมันเถอะน่า ใครอยากมองก็ให้มองไปสิ หรือมึงรังเกียจที่มีเพื่อนพูดจาไม่เพราะแบบกู” ไอ้ติณถามเหมือนจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร แต่แทนที่มันรู้แล้วมันจะรีบปล่อย มันกลับล็อกคอผมแน่นกว่าเดิมจนหายใจเกือบไม่ออก

ไอ้ห่านี่แกล้งทีไร ผมรู้สึกเหมือนมันเห็นผมเป็นศัตรูมากกว่าเพื่อนทุกที จะโดนมันฆ่าแบบเนียนๆ วันไหนก็ไม่รู้

“เปล่าๆ แต่ไหนเมื่อเช้านายบอกว่า...เกลียด”

“เออ กูเกลียด แต่กูไม่ได้เกลียดมึง กับมึงกูโอเค แต่กูเกลียดสายตาคนที่เอาแต่มองโดยที่ไม่ได้รู้เหี้ยอะไรแล้วด่วนตัดสินคนอื่นเนี่ย ช่างแม่งเหอะน่า ไม่ได้ขอมันแดกนี่ มึงจะไปรู้สึกกับสายตาคนพวกนั้นทำไม มึงต้องรู้สึกกับกูนี่” ไอ้ติณยังคงพูดจาแบบไม่แคร์โลกเหมือนเคย ถ้าผมเอานิสัยนี้ของมันมาใช้ได้สักครึ่งหนึ่งก็คงดีสินะ แต่ไม่รู้ทำไมผมทำไม่เคยได้เลยสักที อีกอย่างมันอยากให้ผมรู้สึกอะไรกับมัน?

“เราแค่กลัวว่าคนอื่นจะมองนายไม่ดี”

“ไม่เคยมีใครกูมองดีอยู่แล้ว มึงก็ด้วย กูรู้”

อ้าว กลายเป็นมันย้อนมากัดผมซะอย่างนั้น

“ก็แค่เคยน่า”

“เหอะ ตอนนี้มึงเคลิ้มล่ะสิ บอกไว้ก่อนนะว่าเพื่อนก็คือเพื่อน กูไม่ได้รังเกียจเพื่อนแบบมึง แต่ว่าห้ามมึงคิดจะล้วงตูดกูเด็ดขาด ไม่งั้นกูจะชกให้ฟันมึงร่วงหมดปากเลย” ไอ้ติณรีบหันมาขู่ ผมแอบใจหายนิดหน่อยตอนคิดสภาพตัวเองฟันร่วงหมดปากแล้วเหลือแต่เหงือก บรื๋อออ ขนลุกเนอะ

“กูถามมึงจริงๆ นะไอ้คิม มึงเสร็จไอ้ตี๋หล่อนั่นหรือยัง”

มันเปลี่ยนเรื่องอีกละ แถมเรื่องนี้กวนตีนซะด้วย

“ตี๋หล่อ”

“เออ ที่มันมาหามึงเมื่อกี้นี้ไง นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นในมหา’ ลัยกูว่ามันขึ้นคร่อมมึงไปละ”

“นายจะบ้ารึไง นั่นพี่ไทม์ พี่เจ้าของร้านที่เราทำงานอยู่ต่างหาก เขาแค่แวะเอาชีทมาให้เพราะเราลืมไว้ที่ร้านเมื่อคืน” ผมรีบอธิบาย พูดเร็วจนลิ้นแทบพันกันแน่ะ

“อ้าว ใครจะรู้ ปกติแล้วผู้ชายเขาไม่เล่นลูบหัวกันนี่หว่า กูเลยนึกว่าคู่ (แหก) ขามึง”

“นายนี่ไม่เคยมีอะไรดีๆ ในสมองเลยหรือไง”

“ไอ้เวร กูถามดีๆ เสือกย้อนมาด่า กูพูดจริงนะ เพราะต่อให้กูจะไม่รู้ว่าไอ้ตี๋นั่นคิดยังไง แต่มึงเนี่ยคิดชัวร์ เมื่อกี้ถ้ามึงเลื้อยได้มึงคงเลื้อยไปแล้ว อายเหี้ยอะไรนักหนาถึงขนาดไม่หันมามองกูเลย”

“ติณ”

“ฮ่าๆๆ กูรู้นะมึงกำลังอ่อย”

“อะ...อะ...ไอ้ติณ”

“กูทันมึงทุกเรื่องนั่นแหละไอ้คิมน้อย พูดนิดพูดหน่อยทำของขึ้น งั้นเอางี้ ยกไอเดียให้กูก็แล้วกัน”

“O_O”

“ไหนๆ มึงก็ไม่ชอบผู้หญิงอยู่แล้ว และไอเดียก็เหมือนจะชอบๆ กูๆ ก็เลยไม่อยากให้เสียของ ตกลงนะมึง”

“ไหนนายบอกไม่สนใจไง”

“ตอนนี้กูเข้าตาจนว่ะ เอาไว้กูจะเล่าให้มึงฟังทีหลัง”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป