บทที่ 3 หนี้ 5ล้านบาท
ใยบัว
ฉันเดินเข้าบ้านมาในเวลาเย็นของวันเหมือนทุก ๆ วัน แต่วันนี้มันกลับ่ทำให้เท้าฉันชักไปเมื่อเห็นว่าหน้าบ้านมีรถยนต์จอดอยู่หลายคัน แล้วถ้าเป็นปกติฉันอาจจะหลบอยู่แถวนี้เพื่อรอดูสถานการณ์ไปก่อน แต่ครั้งนี้นมันหลายคันเกินไป ฉันจะแอบอยู่ตรงนี้ไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าข้างในตอนนี้เป็นยังไงบ้างและเกิดอะไรขึ้น
ฉันค่อย ๆ เดินแอบ ๆ เข้ามาในบริเวณบ้านของตัวเองอย่างแผ่วเบา ก่อนจะไปด้านหลังแล้วเข้าประตูหลังบ้านมาโดยไม่ลืมหยิบอะไรติดมือมาด้วย แม้จะรู้ว่าทำอะไรได้ไม่มากแต่อย่างน้อยก็เผื่อยามฉุกเฉินดีกว่ามามือเปล่านั่นแหละ
“ถ้าคุณปราบต้องการแบบนั้นทางเราก็ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ” เสียงพ่อเลี้ยงของฉันพูดขึ้นประจบประแจงอย่างอารมณ์ดีราวกับไม่ได้ถูกทวงหนี้จนฉันอดขมวดคิ้วแปลกใจไม่ได้
พวกเขาไม่ใช่เจ้าหนี้เหรอ แล้วทำไมถึงได้ฟังน้ำเสียงแล้วเหมือนกับเจรจาเรื่องที่ตัวเองทำได้แบบนั้นล่ะ
“แต่...” เสียงของแม่ฉันดังขึ้นก่อนจะเงียบไป
“มีปัญหาเหรอ?” แล้วเสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันไม่เคยได้ยินก็ดังขึ้นถาม เป็นเสียงที่เหมือนไม่มีอะไรแต่กลับทำให้รู้สึกกลัวได้ง่าย ๆ
“ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ ภรรยาของผมเขาไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้อยู่แล้ว” เป็นพ่อเลี้ยงของฉันที่เป็นฝ่ายตอบกลับออกไปด้วยน้ำเสียงประจบประแจงเหมือนเดิม
แต่มันเรื่องอะไรกันนะที่ทำไมพ่อเลี้ยงฉันถึงได้ดูอารมณ์ดีผิดปกติ ส่วนแม่ฉันถึงได้เงียบเหมือนลำบากใจแบบนี้ หรือว่าพวกเจ้าหนี้มันกำลังบังคับอะไรแม่ฉัน
“แม่” ฉันตัดสินใจเดินออกจากครัวแล้วเรียกแม่ขึ้นทันที ทำให้ทุกคนหันมามองที่ฉัน แต่ฉันโฟกัสแค่แม่ที่ตอนนี้สีหน้าตกตะลึงเหมือนกับตกใจกับอะไรสักอย่างแบบที่ฉันก็ไม่เข้าใจ
“ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะบัว” แม่รีบลุกมาหาฉันแล้วถามขึ้น แต่ทำไมแม่ดูแปลก ๆ นะ แม่ไม่เคยสนใจเลยว่าฉันจะกลับตอนไหนเวลาใด
“วันนี้บัวไม่ได้อยู่ทำโอน่ะ” ฉันตอบให้แม่เข้าใจ เพราะที่ร้านฉันปิดดึกแต่จะแบ่งกันว่าวันไหนใครจะอยู่โอจนร้านปิด
“ระ...เหรอ” แม่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักและสีหน้ากระอักกระอ่วนไปหมด
“แม่เป็นอะไรหรือเปล่า หรือมีใครทำอะไรแม่” ฉันถามแม่ก่อนจะหันไปมองพ่อเลี้ยงของฉัน และผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งจ้องมองฉันอยู่ด้วยรอยยิ้มร้าย ๆ แปลก ๆ
ซึ่งมันกลับทำให้ฉันรู้สึกไม่ชอบหน้าเขาเลยสักนิด ถึงแม้ว่าเขาจะดูหล่อมาก ๆ แต่ท่าทางเหมือนคนเลวไม่น่าเข้าใกล้ยังไงก็ไม่รู้
แต่มีเจ้าหนี้ที่ไหนเป็นคนดีด้วยเหรอ อย่างนั้นลูกหนี้จะกลัวได้ยังไง
“นี่ลูกสาวพวกนายใช่ไหม” แล้วเสียงของผู้ชายคนนั้นก็ดังขึ้นถามโดยไม่ละสายตาออกไปจากฉัน
“ใช่ครับ นี่ใยบัวลูกสาวของผมกับกชเอง...” พ่อเลี้ยงฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้มทันที “กชพาลูกมานี่สิ”
แล้วพ่อเลี้ยงฉันก็พูดกับแม่ขึ้นอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เคยคิดยอมรับว่าฉันเป็นลูกสาวผู้ชายคนนี้ แต่ฉันก็ขี้เกียจจะเถียงออกไปต่อหน้าคนอื่นในเวลาแบบนี้ ฉันเลยหันกลับมามองหน้าแม่อีกรอบ และแม่ก็ยังสีหน้าไม่สู้ดีอยู่เหมือนเดิมจนฉันแปลกใจ
“แม่เป็นอะไร บอกบัวมาสิ” ฉันถามแม่ออกไปทันทีด้วยความเป็นห่วง คนพวกนี้มันทำอะไรกับแม่ของฉันกันแน่ ทำไมแม่ฉันถึงได้สีหน้าไม่ดีแบบนี้ล่ะ
“กช” แล้วเสียงพ่อเลี้ยงฉันก็ดังขึ้นอีกครั้งและเหมือนจะแข็งกว่าเดิมทั้งสายตาที่มองแม่
“ไปรู้จักกับคุณกองปราบหน่อยนะลูก” แล้วแม่ก็หันมาพูดกับฉันก่อนจะจูงมือฉันเดินไปทางโซฟาที่ทุกคนกำลังนั่งอยู่
“ไหว้คุณปราบสิบัว” แล้วพ่อเลี้ยงฉันก็พูดขึ้นเมื่อฉันเดินมาถึงที่พวกเขากำลังนั่งกันอยู่
ฉันยกมือไหว้ผู้ชายคนนั้นไปนิ่ง ๆ อย่างไม่ไว้ใจและไม่เต็มใจเท่าไหร่ แต่ที่ฉันไหว้เพราะฉันยังไม่รู้ว่าตกลงแล้วผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่และมีความสำคัญยังไงถึงทำให้สถานการณ์ในบ้านแปลกไป
ถึงแม้ว่าหน้าตาเขาจะดูร้ายก็เถอะ แต่เผื่อเขาเป็นแขกที่มาทำเรื่องดี ๆ แล้วฉันเสียมารยาทไปจะแย่
“ตัวจริงสวยกว่าที่คิดไว้อีกนะ มีแฟนหรือยังล่ะ” ผู้ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเหมือนพอใจ สายตาก็ยังคงจับจ้องราวทำการสำรวจฉันไม่เปลี่ยน มุมปากยังคงยกยิ้มขึ้นอยู่เหมือนเดิมราวกับตัวร้าย
“เรื่องส่วนตัวค่ะ” ฉันตอบกลับเสียงห้วนกับคนเสียมารยาท แต่คนไม่รู้จักกันมาพูดแบบนี้ใครจะไปชอบกันล่ะ
“หึ!” แต่เขากลับไม่รู้สึกเสียหน้าเลยสักนิด กลับแค่นขำขึ้นเหมือนเป็นเรื่องปกติและชอบใจเสียมากกว่า
“เอ่อ อย่าถือสาแกเลยนะครับ แกยังเด็ก” พ่อเลี้ยงฉันหันไปพูดขึ้นเหมือนกลัวและเกรงใจไม่น้อย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วบัวขอตัวก่อนนะแม่” ฉันไม่อยากสนใจคนอื่น ๆ และไม่อยากฟังเรื่องที่พวกเขาคุยกันด้วย เลือกจะหันไปบอกแม่แล้วจะเดินออกจากห้อง
“อยู่ก่อนนะบัว” แต่แม่กลับจับแขนฉันไว้แล้วพูดขึ้น
หรือว่าแม่กลัว?
“อืม” ฉันตอบกลับไปพร้อมกับนั่งที่เดิม
ถึงแม้ว่าไม่อยากอยู่เท่าไหร่แต่พอเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของแม่แล้ว ฉันก็อยากรู้ไม่ได้เหมือนกันว่าตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เรียนใกล้จบแล้วใช่ไหม” แล้วอยู่ ๆ ผู้ชายคนนั้นก็ถามฉันขึ้นอีกครั้ง
ไม่รู้จะสนใจเรื่องของฉันไปทำไมนักหนา
“.....” ฉันไม่ได้ตอบแต่จ้องมองหน้าเขาด้วยความไม่ไว้ใจทันที เขารู้เรื่องของฉันได้ยังไง ต่อให้พ่อเลี้ยงหรือแม่ฉันบอกก็ตาม แต่มีเหตุผลอะไรที่ต้องรู้เรื่องของฉันด้วย
“อย่าเสียมารยาทกับคุณปราบสิบัว” พ่อเลี้ยงฉันพูดขึ้นอย่างเก้อ ๆ เกร็ง ๆ
“เธอรู้ไหมว่าพ่อแม่เธอติดหนี้ฉันอยู่ห้าล้าน ไม่รวมดอก” แล้วอยู่ ๆ ผู้ชายคนนั้นก็พูดขึ้นอีกครั้ง แล้วมันก็ทำให้ฉันมั่นใจได้แล้วว่าผู้ชายตรงหน้านี้ที่แท้แล้วก็คือเจ้าหนี้จริง ๆ อย่างที่สงสัยไปในตอนแรก
แต่เดี๋ยวนะ ห้าล้านไม่รวมดอกเหรอ? นี่พ่อเลี้ยงกับแม่ของฉันไปเล่นการพนันจนติดหนี้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริง ๆ ที่ผ่าน ๆ มาฉันคิดว่ามากสุดก็แค่หมื่นหลักแสนต้น ๆ ฉันไม่เคยคิดและไม่อยากเชื่อว่าจะถึงล้าน อีกทั้งยังไม่คิดว่าจะถึงห้าล้านด้วย
“แม่!?” ฉันหันไปเรียกแม่ขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง และต้องการคำตอบจากแม่ว่าที่ผู้ชายคนนั้นพูดเป็นเรื่องจริงแค่ไหน หรือเขาคิดเกินจริงแล้วบีบบังคับแม่ฉันให้ยอมรับ
“แม่ขอโทษ” แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือแม่ที่ก้มหน้าแล้วขอโทษออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบารู้สึกผิดต่างจากทุกครั้ง
แต่ไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงแปลก ห้าล้านกับฐานะอย่างเรา แล้วยังเป็นห้าล้านของการติดหนี้พนัน มองยังไงก็มองไม่ออกถึงการปลดหนี้หมดได้เลย
“แล้วตอนนี้พ่อแม่ของเธอก็ค้างจ่ายดอกฉันมาหลายงวดแล้ว ถ้าให้ฉันคิดเฉพาะดอกรวมกับค่าติดตามเฉพาะงวดที่พ่อแม่เธอค้าง รวม ๆ แล้วก็ประมาณ...” ผู้ชายคนนั้นพูดออกมาด้วยความใจเย็นพร้อมทำท่าคิดคำนวน แล้วพูดต่อ “สามแสน”
“สามแสน!” นี่แม่ฉันไปค้างจ่ายกี่งวดเนี่ย แล้วยอดที่เขาบอกว่าแค่ค่าดอกเบี้ยกับค่าติดตามอย่างนั้นเหรอ
“ใช่ สามแสน ที่พ่อกับแม่ของเธอต้องจ่ายให้ฉันวันนี้” เขาพูดขึ้นด้วยความใจเย็นเหมือนเดิม
“มันไม่มากไปหน่อยเหรอ หนี้นอกระบบคิดดอกก็แพงกว่าที่กฎหมายกำหนดอยู่แล้ว แล้วยังกล้ามาคิดค่าติดตามอีกเหรอ” คิดว่าตัวเองเป็นธนาคารหรือไงที่มีค่าติดตาม แต่อย่างน้อยดอกเบี้ยธนาคารก็ไม่บานเหมือนกับดอกนอกระบบแบบนี้ไหมล่ะ
“พ่อเธอไม่จ่ายเองนะเธอจะโทษใครได้ ลูกน้องฉันมาทวงก็ต้องเสียเวลาเสียน้ำมันเสียค่าโทรศัพท์ มันก็ต้องมีค่าติดตามกันอยู่แล้วสาวน้อย” คนตรงหน้าพูดด้วยรอยยิ้มกว้างกว่าเดิม แต่ทำไมเขาถึงทำเหมือนกับเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าขำนักละ
“ตอนนี้ฉันไม่มีถ้าอยากได้ก็รอไปก่อน ถ้ามีเมื่อไหร่ฉันจะรีบคืนให้” ฉันตอบออกไปตามตรง ก็ตอนนี้ฉันไม่มีเงินขนาดนั้นนี่ ฉันมีติดบัญชีไม่ถึงสามหมื่นด้วยซ้ำ แล้วครึ่งหนึ่งก็คือค่าเทอมที่จะเปิดในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้านี้แล้ว
“ผลัดไปอีก ดอกเบี้ยก็ขึ้นไปอีกนะ” เขาพูดอย่างใจเย็นออกมา แต่สายตาเขากลับไม่ได้รู้สึกว่าเขาใจเย็นเลยสักนิด
“แล้วคุณจะให้พวกเราทำยังไง ไม่มีก็คือไม่มี ต่อให้คุณจะยิงพวกเราทิ้งก็ไม่ได้เงินหรอกนะ แถมไม่ได้ทั้งต้นทั้งดอกด้วย” ฉันไม่ได้ท้าเขานะ แต่ฉันแค่พูดไปตามที่เป็น อย่างน้อยถ้าเขาให้โอกาสและเวลา เขาก็ยังจะได้เงินดอกเรื่อย ๆ อาจจะครบบ้างขาดบ้าง แต่ถ้าหากว่าเขาเลือกจะฆ่าพวกฉันทิ้งนอกจากต้นไม่ได้แล้ว ดอกสักบาทก็ไม่ได้ด้วย แล้วถ้ามีใครรู้เข้าก็จะกลายเป็นนักโทษอีก
“หึ! ช่างพูดดีนี่ แต่มันมีวิธีที่ง่ายมากแลกกับเงินสามแสน” เขาสบถขำขึ้นก่อนจะพูดขึ้นราวกับมีข้อเสนอให้เธอ
“อะไร?” ฉันถามออกไปอย่างไม่ใจเขามากกว่าเดิม ก็ดูสายตาเขาสิ มันไม่น่าไว้ใจเลยตั้งแต่แรกเห็น
แล้วยิ่งเงินสามแสนกับคำว่าทางออก อะไรจะง่ายขนาดแลกกับเงินสามแสนได้
“เธอก็แค่ มาขัดดอกแทนพ่อกับแม่ของเธอไง” เขาไขความสงสัยของฉันออกมาอย่างเป็นเรื่องเล็กน้อย
ต่างจากคนฟังอย่างฉัน
“ไม่มีทาง!” ฉันลุกขึ้นปฏิเสธออกไปเสียงแข็งทันที จ้องมองเขาอย่างไม่พอใจก่อนจะรีบเดินหนีออกจากห้องนั้นขึ้นห้องตัวเองไป
ให้ตายก็ไม่มีทางทำเด็ดขาด ทำไมฉันต้องเอาตัวไปแลกกับดอกเบี้ยบ้า ๆ นั่นด้วย แล้วอีกอย่างนอกจากเสียศักดิ์ศรีแล้วหนี้ก็ไม่หมด ใช้ได้แค่ดอกให้เขาส่วนหนึ่งก็เท่านั้นเอง และสุดท้ายฉันก็ยังต้องเหนื่อยหาเงินไปใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อต่อจนไม่รู้ว่าชาตินี้จะหมดหรือเปล่า
