บทที่ 2 บทที่ 1 อัลเฟรโด้ เอสเต (50%)
บทที่ 1 อัลเฟรโด้ เอสเต
ร่างเล็กเหม่อมองควันสีดำพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยแววตาเศร้าหมอง ดวงตากลมโตที่เคยสดใสแดงก่ำ ขอบตาดำคล้ำคล้ายคนไม่ได้นอนมาหลายคืน ร่างกายผ่ายผอมลงอย่างเห็นได้ชัด มือประกองกอดภาพของมารดาเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนจะหนีหายจากไปไหนไกล
“หนูบัวไปทานข้าวหน่อยนะ” เสียงของมาลัยดังแทรกเข้ามาแล้วผ่านเลยไปเหมือนทุกวัน ไม่มีเสียงตอบรับ ไม่ปฏิกิริยาอะไรเลยนอกจากความเงียบ หญิงวัยกลางคนยกมือปาดน้ำตาที่ทำท่าจะไหลอีกแล้ว สงสารเด็กสาวจับหัวใจ ใครกันที่เขียนชะตาชีวิตให้เด็กดีที่น่ารักอย่างบัวสวรรค์ต้องทุกข์ทรมานถึงปานนี้
“หนูบัวทานอะไรเสียหน่อยนะลูก หนูไม่ยอมทานอะไรมาสามวันแล้วนะ”
สามวันแล้วหลังจากอุบัติเหตุใหญ่ที่พรากลมหายใจของมารดาไป บัวสวรรค์ช็อกหมดสติและฟื้นขึ้นมาอีกทีก็ต้องหัวใจสลายเมื่อรับรู้ข่าวร้ายที่สุดในชีวิต มารดาของเธอเสียชีวิตขณะเดินทางมาที่โรงพยาบาล บัวสวรรค์ร้องไห้แทบขาดใจ ร้องจนทุกคนกลัวว่าน้ำตาของหญิงสาวจะกลายเป็นสายเลือด
“แม่ขา แม่อยู่ไหน หนูบัวคิดถึงแม่ ฮึก”
“โธ่ หนูบัวของพี่” มาลัยเอื้อมมือไปโอบกอดหญิงสาวเอาไว้ ลูบผมปลอบประโลมอีกฝ่ายอย่างทุกวัน
บัวสวรรค์กลายเป็นคนไม่พูดไม่จาไม่หือไม่อือกับใครหรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น ไม่กินข้าวยังดีหน่อยที่ยังทานขนมนมเนยที่เพื่อนๆ ที่มหาลัยของอีกฝ่ายนำมาป้อนถึงที่ รพินท์เป็นอีกคนที่ไม่เคยไปไหนห่างไกลจากตัวหญิงสาวเลย เธอคอยเฝ้าดูแลบัวสวรรค์ รวมถึงไปนอนค้างที่บ้านของอีกฝ่าย ดูแลเป็นแม่งานในการจัดงานศพเล็กๆ นี้ขึ้นมา
“พี่มาลัยคะ เดี๋ยวหนูจัดการเองค่ะ” รพินท์เดินเข้ามารับร่างเล็กบางที่ดูเล็กลงไปทุกวันเข้ามากอดไว้เอง ลูบไหล่ปลอบใจเพื่อนเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน แววตาอ่อนล้าทอดมองร่างแน่งน้อยที่เคยมีรอยยิ้มเนิ่นนาน ชีวิตต่อจากนี้ของเพื่อนจะเป็นเช่นไรหนอ มันเป็นคำถามที่เธอเฝ้าถามตัวเองมาตลอดสามวัน บัวสวรรค์ไร้ที่พึ่งพิงแล้ว ขาดมารดาไปหญิงสาวก็คงอ้างว้างหนทางมืดมนจนเดินต่อไม่ไหว
“บัวทานขนมหน่อยนะ จะได้มีแรง” รพินท์เอื้อมมืออีกข้างขึ้นมาแกะซองขนมปังไส้หมูหย็องที่เพื่อนรักชอบทาน บิดมันออกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วป้อนใส่ปากจิ้มลิ้มที่เผยอขึ้นรับราวหุ่นยนต์ อีกนานกว่าขนมปังก้อนเล็กๆ ในมือจะหมดลง
“ทานน้ำหน่อยนะ” หลอดถูกยื่นจ่อไปที่ริมฝีปากจิ้มลิ้ม บัวสวรรค์อ้าปากงับหลอดแล้วกลืนนมในกล่องลงคอไปด้วยความยากลำบาก ปวดร้าวหัวใจจนไม่มีแรงแม้กระทั่งยืนทรงตัว ชีวิตตอนนี้เหมือนลมไร้ทิศทาง ล่องลอยไปเรื่อยไร้จุดหมาย อดคิดไม่ได้ว่าอยาก… หายไปจากโลกอันโหดร้ายใบนี้เพื่อไปพบมารดา
ทว่า… คำสั่งสอนของผู้ให้กำเนิดก็ยังคงดังชัดเจนในห้วงคำนึง
“ลูกต้องเข้มแข็ง หากลูกอ่อนแอมันจะกลายเป็นจุดอ่อนให้คนใจร้ายใช้มันทำลายเรา สัญญากับแม่ว่าบัวจะต้องมีชีวิตที่ดี ก้าวหน้า ที่สำคัญลูกต้องเข้มแข็ง และเดินไปข้างหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“คืนนี้ไปนอนหอเรานะ” ไม่มีเสียงตอบรับมีเพียงคำยืนยันด้วยการพยักหน้าเบาๆ รับทราบเท่านั้น รพินท์ไม่ได้พูดอะไรต่อแต่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ตั้งแต่เล็กจนโตบัวสวรรค์ไม่เคยห่างอกมารดา
ชีวิตของทั้งคู่ต่อสู้ดิ้นรนกันเพียงลำพัง ไม่มีความช่วยเหลือหรือความรับผิดชอบจากบิดาของหญิงสาวเลย นี่ก็เรียกว่าอาภัพแล้วยังจะยิ่งอาภัพมากขึ้นไปอีกเมื่อมารดาจากไปอย่างไม่มีวันกลับแถมคนที่ขับรถชนยังไม่ยอมมาขอขมาศพด้วยซ้ำ ส่งเพียงพวงหรีดมาให้กับเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าทำศพ ทว่ารพินท์เพิ่งได้รู้ข่าวใหม่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือชายหนุ่มไปมอบตัวที่โรงพักไม่ใช่คนร้ายตัวจริง มีหลายเสียงจากคนที่เห็นเหตุการณ์ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่พอถูกตำรวจสอบปากคำพยานกลับพูดตรงข้าม หญิงสาวเริ่มเอะใจว่าเรื่องนี้คงมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ใหญ่โตพอสมควร รถคันที่ถูกนำมามอบว่าเป็นคันที่ชนกลับมีรอยยุบแปลกๆ เหมือนตั้งใจไปชนมากกว่า แม้จะเป็นชื่อของคนขับที่ไปมอบตัว แต่สัญชาติญาณของเธอก็บอกว่ามันไม่ใช่ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมันผิดปกติ ทว่ารพินท์ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากจากคำตักเตือนของรุ่นพี่ในมูลนิธิที่เป็นห่วงบัวสวรรค์
“เอ็งอย่าพูดมากนักเลยไอ้หวาน ข้าได้ยินมาว่าคนร้ายตัวจริงมีอิทธิพลมาก ลองคิดดูว่าถึงขนาดปิดปากคนได้ครึ่งร้อย มันจะรวยแค่ไหน ขืนเอ็งพูดมากไปจะพาลทำให้น้องบัวลำบากไปด้วย เหลือตัวคนเดียวถ้ามันสั่งฆ่าปิดปากจะทำยังไง”
นั่นทำให้รพินท์กลัวจนไม่กล้ากระโตกกระตากโวยวายอะไรมาก เพราะห่วงคนที่กำลังสะอื้นเบาๆ ในอ้อมแขน
“ไอ้หนูเห็นบัวสวรรค์ไหม” เสียงแหบโหยที่เอ่ยถามใครสักคนดังมาจากด้านหลัง ก่อนที่รพินท์จะชะงักเมื่อถูกสะกิดเรียกจากน้องชายคนเล็กของปราณณ
“พี่หวานมีคนมาหาพี่บัว”
คำพูดเจื้อยแจ้วของเด็กชายทำให้บัวสวรรค์ผละตัวออกจากอ้อมกอดของเพื่อนมองตามมือซึ่งชี้ไปยังคนที่ถูกกล่าวถึง ใบหน้าอิดโรยหนวดเครารกครึ้มในชุดสูทเก่าๆ สีดำที่ยืนส่งยิ้มบางๆ มาให้กระตุกหัวใจดวงน้อยที่ห่อเหี่ยวอับเฉาให้เต้นแรงขึ้น บัวสวรรค์ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอเขาที่นี่ ความจริงเธอเกือบลืมไปแล้วว่ายังมีผู้ชายคนนี้อยู่บนโลกใบนี้อีกคน ที่พึงสุดท้ายในชีวิตของเธอ!
“คุณพ่อ!”
ร่างเล็กที่ดูซูบกว่าเคยวิ่งถลาไปหาอ้อมกอดของบิดาโดยมีรูปภาพของมารดาอยู่ในมือ หัวใจของลูกไม่ว่าจะนานแค่ไหน และพยายามเฝ้าบอกตนเองว่าไม่ต้องการอ้อมกอดของบิดาที่ทิ้งร้างมารดาและเธอไปไม่ใยดีก็ตาม แต่ลูกก็ยังคงเป็นลูก พ่อก็ยังคงเป็นพ่อ สายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวไม่อาจตัดขาดได้
อ้อมกอดอบอุ่นในเวลาที่หัวใจแตกสลายช่วยขจัดความเดียวดายอ้างว้างที่เกาะกินหัวใจออกไปจนหมด บัวสวรรค์กอดบิดแน่นจนเหมือนจะรัดร่างของบุพการีให้รวมเข้ามาอยู่ในหัวใจของเธอเอาไว้ ไม่ให้หนีหายไปไหนได้ ดีใจ ตื้นตัน ที่ในวันที่หมดสิ้นทุกอย่างในชีวิตบิดายังเดินกลับมาหา และมอบอ้อมกอดที่ในใจลึกๆ เธอโหยหามาตลอดให้ชีวิตที่ไร้จุดหมายได้อบอุ่นขึ้น
“พ่อมารับลูก บัวไปอยู่กับพ่อนะ” อ้อมกอดที่กระชับแน่นตอบกลับมา มือหนาที่ลูบผมปลอบประโลมยังผลให้คนหัวใจอ่อนแอขาดที่พึ่งพยักหน้าตอบรับในทันทีโดยไม่ต้องไตร่ตรองสิ่งใดอีก
“ต่อไปนี้พ่อจะปกป้องดูแลลูกแทนแม่เองนะ”
นี่คือผู้ชายที่เธอคิดว่าเขาจะเข้ามาปกป้องและดูแลเธอไปตลอดชีวิตแทนแม่ ผู้หญิงที่เสียสละทุกอย่างเพื่อเธอ บัวสวรรค์กอดกระชับบิดาแน่นไปพร้อมรูปถ่ายของมารดาที่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนอีกข้าง เวลานี้สิ่งเดียวที่เธอต้องการคืออ้อมกอดของผู้ให้กำเนิด อ้อมกอดอบอุ่นที่มาจากหัวใจ และเธอก็ได้รับมันแล้วจากพ่อ…
ผู้ที่เธอตัดสินใจจะฝากชีวิตไว้อย่างไร้ความกังวล…
โดยไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นอ้อมกอดของซาตาน…
2 ปีผ่านไป
“อ้า ซี๊ด คะ คุณอัลขา” เสียงครางกระเส่าในยามที่ร่างเปลือยเปล่าถูกขยับแยกขาผลักดันร่างอวบอิ่มเข้าหาผนังห้อง มือหนาดึงรั้งสะโพกกลมกลึงเข้าหาตัว บีบเค้นรุนแรงตามไฟพิศวาสที่กำลังโหมกระพือ
“อย่าเรียกชื่อเล่นของฉัน” ในจังหวะที่ต่อว่าอีกฝ่ายที่บังอาจเอ่ยเรียกชื่อเล่นของตนออกไป ร่างกำยำก็กระแทกตัวตนใหญ่โตที่ห่อหุ้มเครื่องป้องกันโรคอย่างดีตามวิสัยของคนรอบคอบเข้าหาช่องทางรักในคราเดียว
เสียงหวีดร้องเร้าอารมณ์เปล่งออกมาพร้อมกับที่สะโพกสอบเคลื่อนกายรุนแรงเข้าหาอย่างไร้ความอ่อนโยน
เพียะ ตับ ตับ
จังหวะการเคลื่อนกายเร็วรี่พร้อมเสียงตะปบสะโพกกลมกลึงดังสลับกันไปมา เสียงเนื้อกระทับเนื้อดังประสานเสียงครางรัญจวนคล้ายอีกฝ่ายใกล้ถึงฝั่งฝัน ทว่าร่างสูงที่ยังไม่ไปถึงกลางทางกลับดับฝันด้วยการถอนตัวตนใหญ่โตออกมา แล้วผลักร่างอวบอิ่มลงบนโซฟา เคลื่อนกายขึ้นคร่อมทับ
“ฉันสั่งให้เรียกนามสกุลของฉัน!”
ตวาดดังพร้อมกับการส่งตัวตนใหญ่โตเข้าหาคนใต้ร่างที่เอาแต่ครางกระเส่าไม่ยอมทำตามคำสั่งเสียที ชายหนุ่มบดเบียดเข้าไปในช่องรักที่หลวมโพกแต่ก็เร้าอารมณ์จากการเล้าโลมของคนช่ำชองมากฝีมือในเรื่องอย่างว่า สตรีที่เขากำลังปรนเปรอรสสวาทให้เป็นนางแบบอิตาลีคู่ขาคนใหม่ที่เพิ่งพบกันเมื่อสองสัปดาห์ก่อนนามว่าโมนิก้า ซึ่งเขาจำไม่ได้แม้กระทั่งนามสกุลของหล่อน จำได้แต่เพียงสะโพกกลมกลึง หน้าอกอวบอิ่มนุ่มมือที่จับบีบตรงไหนก็ชวนให้อยากพาขึ้นเตียง แถมท่าทีไร้ประสบการณ์แตกต่างจากร่างกายที่บ่งบอกว่าผ่านศึกมานักต่อนักยังช่วยกระตุ้นอารมณ์ดิบให้ชายหนุ่มคงสถานะหล่อนไว้ได้นานถึงสองสัปดาห์ ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยควงใครเกินสามวันสักคน
“อ่า อ๊ะ คะ คุณเอสเตขา แรงอีกนิดนะคะ”
คุณเอสเต หรือที่คนในวงการธุรกิจรู้จักกันดีในชื่อ อัลเฟรโด้ เอสเต นักธุรกิจหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่กำลังรุ่งเรืองทั้งด้านธุรกิจและผู้หญิง เจ้าของโรงแรมมากกว่าห้าดาวระดับวีวีไอพีอย่าง The Royal ที่เธอและเขากำลังใช้ร่วมรักกันอยู่ รวมไปถึงกิจการท่าเรือทั่วยุโรปอีกด้วย ไม่ใช่แค่เพียงฐานะและอิทธิพล ทว่าชายหนุ่มผู้มีใบหล่อเหลาทรงเสน่ห์ รูปร่างกำยำ แผงอกแกร่งเต็มไปด้วยหมัดกล้ามเนื้อ แผ่นหลังหนั่นแน่น และสิ่งที่ใช้ดึงดูดสาวๆ ก็คือดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลที่สุกใสสว่างวาบในยามราตรีนั่นเองทำให้โมนิก้ายอมทำตามคำสั่งของเขาได้ทุกอย่าง ไม่เรียกร้อง ไม่ต่อรอง เมื่อเขาเรียกมาที่ห้องพักส่วนตัวในโรงแรมที่มีชื่อเขาเป็นเจ้าของ หญิงสาวก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าเปลือยกายรอรับความสุขที่อีกฝ่ายจะปรนเปรอให้ทันที หากยังอยากมีเงินใช้ไม่ขาดมือ มีงานในวงการนางแบบต่อไป มีเซ็กส์เร่าร้อนที่สุขสม เธอก็ต้องยอมรับเงื่อนไขและข้อเสนอของเขาอย่างไร้ข้อสงสัย
“อ๊า ดีมาก เธอทำได้ดีมาก”
อัลเฟรโด้รู้สึกถึงแรงตอดรัดจากด้านในที่บีบรัดรุนแรง ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะกระชากตัวคนใต้ร่างขึ้นมานั่งบนตัว ริมฝีปากหยักตวัดลิ้นโลมเลียอกอวบคู่ใหญ่ที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า มือหนาขย้ำสะโพกกลมกลึงออกแรงยกให้เธอเป็นฝ่ายคุมเกมเอง เพียงไม่นานโมนิก้าก็ขยับเร่งจังหวะสะโพกรุนแรงเพื่อส่งตัวเองขึ้นสวรรค์อย่างคนรู้งาน อัลเฟรโด้ชอบให้แม่สาวนักรักมากฝีมือที่เขาควงปลดปล่อยตัวเองต่อหน้าเขา ชายหนุ่มจึงเลือกให้โมนิก้าขึ้นเป็นจ้อกกี้สาวควบขี่เขาในเวลาที่เธอใกล้ถึงสวรรค์ ส่วนเขายังคงห่างจากคำว่าสวรรค์อีกไกลโข ความกำหนัดเริ่มลดลงจากการร่วมรักกับเธอ เขาเริ่มมั่นใจว่ากำลัง ‘เบื่อ’ แม่นางแบบสาวอกสะบึมที่แกล้งอ่อนประสบการณ์คนนี้แล้ว
“อ๊า ซี๊ด เสียวจังค่ะ” โมนิก้าเร่งจังหวะเร็วขึ้นอีก มือเรียวขยับขึ้นไปประคองแก้มสากที่มีไรหนวดชวนหลงใหล ก้มหน้าลงไปหมายจะมอบจูบอันดูดดื่มให้เขาในเวลาที่ตัวเองจะถึงฝั่งฝัน
ทว่า… อัลเฟรโด้กลับสะบัดหน้าหนี แล้วหันกลับมาจ้องแม่สาวจ็อกกี้ที่กำลังควบขี่เขารุนแรงเขม็ง
“ไม่มีใครบอกเธอเหรอว่าฉันไม่ชอบให้จูบ!”
