บทที่ 5 บทที่ 2 รับสินค้า 100%
“รีบไปรับเด็กคนนั้นซะ เพราะนายทำให้เธอลำบาก”
อัลเฟรโด้ย่นคิ้วหรี่ตามองชายผู้เย็นราวน้ำแข็งขั้วโลกอย่างคเณศร์เจ้าของฉายา ‘เจ้าชายอสูร’ อย่างจับผิด คำพูดที่แสดงความเป็นห่วงเด็กคนนั้นมันชัดเจนในความหมายจนคนเป็น ‘เจ้าของ’ สินค้าพิเศษเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล แต่ก็เก็บอาการแล้วสรรหาคำตอบที่น่าจะเป็นกลางออกไปแทน
“ไม่เกินอาทิตย์หน้า นายรอแนะนำตัวกับเธอได้เลย”
“ก่อนวันเกิดอายุครบ 22 ปีเหรอ”
“อืม แต่ก่อนอื่นฉันคงต้องหาเวลาไปดูความประพฤติของเด็กดีที่นายห่วงนักห่วงหนาเสียก่อนถึงจะตัดสินใจอีกทีว่าจะไปรับสินค้าเมื่อไหร่”
“หึ พูดแบบนั้นออกมาทั้งๆ ที่สายตาตอบตรงกันข้ามนะเหรอ”
อัลเฟรโด้เบือนหน้าหนีสายตาจับผิดกว่าของคเณศร์เมื่อเริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเพ่งเล็งความรู้สึก และสิ่งที่เขาต้องการลึกๆ ซึ่งเก็บซ่อนเอาไว้ ยิ่งได้ยินว่าเพื่อนเอ็นดูสงสารเด็กคนนั้นยิ่งทำให้ความหวงเพิ่มมากขึ้น ชายหนุ่มไม่ต้องการให้เพื่อนจับความรู้สึกที่กำลังปั่นป่วนตัวเองในเวลาแบบนี้ หากเกิดคเณศร์เสนอตัวรับเด็กคนนั้นไปดูแลเสียเอง หลังจากที่แอบดูแลห่างๆ มาเขาจะทำเช่นไร คงยอมไม่ได้ ไม่ได้แน่นอน!
“หึ นายรู้เรื่องคนอื่นดีมากกว่าเรื่องตัวเองเสียอีกนะเค ระวังแม่นกน้อยของนายเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
“เรากลับก่อนนะใบสน” เสียงหวานใสดังแว่วๆ มาจากประตูหลังร้าน ก่อนที่ร่างเล็กบางจะเดินตามเข้ามา หญิงสาวผู้มาใหม่อยู่ในชุดกระโปรงยาวเสมอเข่าสีชมพูซีด สวมเสื้อคลุมสีขาวเก่าๆ ตัวโปรดที่ได้รับจากพี่สาวต่างมารดา ใบหน้าจิ้มลิ้มส่งยิ้มพร้อมคำพูดกล่าวลาเพื่อนรวมงานที่สนิทสนมกันดี
“จะกลับแล้วเหรอ วันนี้ใครมารับเด็กมอปลายหรือว่าเพื่อนสาวจอมห้าวล่ะ”
“มอปลายอะไรล่ะ หนึ่งเข้าปีหนึ่งแล้วนะ”
“จ้า แม่คนมีแฟนเด็ก อยากเป็นอมตะแบบหนูบัวบ้างจัง”
“ไม่ใช่แฟน บอกกี่ครั้งแล้วว่าเป็นน้อง ใบสนอ่ะ ชอบพูดให้คนอื่นเข้าใจเราผิด”
“ค่า ไม่พูดแล้ว เดี๋ยวหนูบัวคนสวยจะขายไม่ออก”
บทสนทนาน่ารักๆ กับรอยยิ้มสดใสของ ‘บัวสวรรค์’ และเพื่อนสาวในร้านเค้กที่ทั้งคู่ทำงานอยู่กำลังถูกใครบางคนจับตามองอย่างใกล้ชิด ไม่มีคำไหนในประโยคขาดหายไป ทุกถ้อยคำชัดเจนดังก้องอยู่ในหัวคนเป็นเจ้าของสินค้าพิเศษจนเผลอขบกรามแน่นอยู่ในรถตู้คันหรูที่ติดกระจกนิรภัยอย่างดี เพราะเขาสั่งให้คนของคเณศร์ไปติดเครื่องดักฟัง รวมไปถึงเครื่องติดตามตัวของบัวสวรรค์ไว้กับเจ้ากระเป๋าที่เขาส่งมาให้เป็นของขวัญเรียนจบหลังจากได้รับข่าวดีว่าบัวสวรรค์เรียนเก่งจนได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง โดยเขาสั่งให้คเณศร์เป็นคนจัดส่งและขอความร่วมมือกับเจ้าของร้านเป็นผู้มอบให้อีกทอด ซึ่งมันค่อนข้างวุ่นวายและดูไม่ใช่ตัวตนของคนอย่างอัลเฟรโด้ เอสเตเลย
เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ รวมไปถึงการตามเฝ้าเด็กมหาลัยแบบนี้ด้วย!
“บอสครับ นี่จะสี่ทุ่มแล้วนะครับ”
“ทำไม?”
“เอ่อ” เอ่อ ผมง่วงและหิวครับ
แต่ก็ได้แค่พูดในใจเมื่อคำถามกลับมาห้วนสั้นและสีหน้าที่บ่งบอกอารมณ์ขุ่นมัวของเจ้านายทำให้คำพูดที่เตรียมเอาไว้รายงานกลืนหายลงไปในลำคออย่างจำยอม แววตาที่แข็งกร้าวเต็มไปด้วยความไม่พอใจชนิดที่แค่ได้เห็นก็ทำให้ขนในกายลุกชันเตือนให้ลูกน้องที่เข็ดขยาดกับความเกรี้ยวกราดของเจ้านายสงบนิ่งไปอีกครั้ง
อัลเฟรโด้เลิกสนใจลูกน้องของตัวเองแล้วหันไปสนใจร่างเล็กที่กำลังเดินออกมาจากหลังร้านด้วยใบหน้าอิ่มเอมยิ้มแย้มสดใส มันชวนให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวก่อนหน้าจางหายไป เวลาที่บัวสวรรค์ยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มใสซื่อที่ไร้พิษสง และเข้ากับนิสัยใจคอที่เขาได้พบเจอในเวลาหนึ่งวันเต็มๆ ที่แอบเฝ้าตามดูหญิงสาวอย่างใกล้ชิดโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว สำหรับนักธุรกิจใหญ่ที่ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นมาเฟียเช่นเขาไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
“หนึ่ง!”
“พี่บัว” เสียงแว่วหวานหูดังขึ้นใกล้จนเรียกอาการสะดุ้งของคนตัวใหญ่ที่หงุดหงิดแล้วออกมายืนแอบอยู่ใกล้ๆ รถ ร่างเล็กบางกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปหาเด็กหนุ่ม ไม่สิ ต้องเรียกว่าชายหนุ่มมากกว่า เพราะไอ้หมอนี่มันโตจนเข้ามหาลัยได้แล้ว อายุไล่กับบัวสวรรค์และเขาจำได้ว่ามัน… เด็กคนนั้นอายุห่างบัวสวรรค์ 3 ปีเห็นจะได้ ทว่าช่วงอายุที่ห่างกันไม่มากเมื่อเทียบกับเขาทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันมากเกินควร และสายตาที่ไอ้เด็กเล่นของสูงทอดมอง ‘สินค้าพิเศษ’ ของเขามันยิ่งทำให้ผู้ชายที่เป็นเจ้าของสินค้าอดรนทนแทบไม่ไหว อยากจะไปรับ ไปพายัยตัวเล็กมาอยู่ในการดูแลเร็วขึ้น
“เอเดรียน”
“ครับบอส”
“เลื่อนวันรับสินค้าพิเศษให้เร็วขึ้น ฉันจะไปรับบัวสวรรค์ในอีกสามวัน นายโทรไปแจ้งบิดาของเด็กคนนั้นให้เรียบร้อย แล้วอย่าลืม…”
อัลเฟรโด้ตีสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อต้องเอ่ยเรื่องสำคัญที่เขาต้องจัดการให้เด็ดขาด
“จำเอาไว้ว่าสัญญาที่จะให้คนโสมมพวกนั้นเซ็นจะต้องเด็ดขาดห้ามมีช่องโหว่ใดๆ ทั้งสิ้น หากมีใครคิดเล่นอะไรตุกติกจัดการได้เลย ที่สำคัญจำเอาไว้ว่าจะต้องไม่ให้พวกมันเข้ามาวุ่นวายในชีวิตของฉัน… และบัวสวรรค์อีกตลอดไป”
“ครับบอส” เอเดรียนโค้งลาและขับรถอีกคันพร้อมบอดี้การ์ดส่วนนึงของเขาออกไปแล้ว การรับสินค้าพิเศษที่เคยถูกกำหนดไว้ก่อนวันเกิดครบอายุ 22 ปีของบัวสวรรค์ 2 วันถูกเลื่อนเข้ามาเป็นอีกสามวันข้างหน้า ส่วนนึงมาจากไอ้เด็กหนุ่มเล่นของสูงนามว่าปราณณนั้นด้วย ทว่าส่วนสำคัญไปกว่านั้นคือข่าวเกี่ยวกับครอบครัวโสมมที่ค้าขายแม้กระทั่งบุตรธิดาในอุทรเพื่อเงินพวกนั้น
“คนอย่างฉันถ้าใช้คำว่า ซื้อ หมายความถึงตลอดไป”
“พี่บัวใส่หมวกด้วยครับ”
“ขอบใจจ๊ะ” บัวสวรรค์รับหมวกนิรภัยสีชมพูน่ารักที่สวมใส่เป็นประจำเวลาต้องกลับบ้านพร้อมปราณณ เด็กหนุ่มมักจะสลับวันมารับเธอกับรพินท์ วันไหนที่เพื่อนสาวติดงานที่มูลนิธิปราณณก็จะอาสามารับเธอแทน เพราะบ้านและร้านขนมที่บัวสวรรค์ทำงานอยู่ไกลกันพอสมควร แต่อยู่ใกล้มหาลัยทำให้การเดินทางค่อนข้างนานและอันตรายในสายตาของคน ‘เป็นห่วง’ อย่างเขา
รถจักรยานยนต์เวสป้าคันเก่ามรดกตกทอดจากบิดาพาสองหนุ่มสาวเดินทางไปบนท้องถนนช้าๆ ไม่เร่งรีบกับการจราจรที่เบาบางลงบ้างเนื่องจากเป็นช่วงดึกของวัน
บัวสวรรค์เลือกทำงานที่ร้านขนมแถวมหาลัยที่มีพี่สาวเจ้าของร้านใจดี เธอชอบทำงาน ชอบเก็บเงิน แม้จะมักถูกพี่สาวและพี่ชายต่างมารดา รวมไปถึงภรรยาหลวงของบิดารีดไถอยู่เสมอ ทว่ามันก็เป็นแรงฮึดให้เธอขยันมากขึ้น และสามารถส่งเสียตัวเองเรียนจนจบได้ แม้บิดาจะอุปการะให้ที่อยู่อาศัยแต่ก็ไม่ได้มีเงินมกมายมาส่งเสียเธอเรียนสูงขนาดนี้ ชีวิตที่ขาดมารดาไปอย่างกะทันหันโดดเดี่ยว และอ้างว่างเสียจนหัวใจเหงาๆ ชินชา แต่บัวสวรรค์ยังคิดเสมอว่าเธอยังโชคดีที่มีรพินท์ ปราณณ น้ามาลัย และใบสน คอยช่วยเหลือ ชีวิตที่ต้องดิ้นรนจึงยังพอมีกำลังแรงใจให้มีความหวังต่อไปได้
“วันนี้ที่ร้านคนเยอะไหมครับ”
“คนไม่เยอะหรอกหนึ่ง วันนี้คุณแก้วตาใจดีแจกกระเป๋าให้พี่กับใบสนด้วยนะ”
ปราณณพยักหน้ารับฟังด้วยรอยยิ้ม ทุกๆ วันบัวสวรรค์จะมีเรื่องราวน่ารักๆ มาเล่าให้เขาฟังเสมอ หญิงสาวเป็นผู้หญิงใสซื่อและค่อนข้างหัวอ่อน ยอมคน นั่นเป็นเหตุผลให้ทุกๆ คนเป็นห่วงโดยเฉพาะเขา น้องชายที่กำลังคิดไม่ซื่อกับพี่สาวข้างบ้านคนนี้มาตั้งแต่แปดขวบ ช่วงเวลาแสนวิเศษของคนแอบรักมันช่างแสนสั้นนัก ไม่นานรถเวสป้าคันเก่าก็แล่นมาเทียบจอดที่หน้าบ้านหลังปานกลางในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนึง บ้านของบิดาที่บัวสวรรค์มาพักอาศัยได้ 2 ปีแล้วหลังจากมารดาจากไป
“หลับฝันดีนะครับพี่บัว”
“ฝันดีเหมือนกันนะ ขับรถกลับบ้านดีๆ นะหนึ่ง ฝากความคิดถึงหาพี่มาลัยด้วย”
“วันเสาร์ไปกินส้มตำที่บ้านนะพี่บัว แม่ฝากมาชวน”
“ได้สิ หนึ่งกลับได้แล้ว เดี๋ยวจะดึก”
บัวสวรรค์ส่งยิ้มพร้อมโบกมือลาปราณณจนกระทั่งรถเวสป้าคันเก่าแล่นหายไปจากสายตาจึงหันกลับมาควานหากุญแจบ้านในกระเป๋าสะพายหลังใบโปรด ล้วงอยู่นานแต่ก็ไม่เจอจนกระทั่งต้องเอียง และเทออกมา
กริ้ง
พวกกุญแจตุ๊กตาเหล็กที่รพินท์ทำให้ร่วงหล่นกระทบพื้นเสียงดังกริ้ง บัวสวรรค์ก้มลงเอื้อมมือไปหมายจะหยิบกุญแจเพื่อเปิดประตูเข้าบ้านเสียที ทว่าอยู่ๆ ก็มีใหญ่ของใครบางคนเอื้อมมาหยิบมันไปเสียก่อน หญิงสาวผงะตกใจกับการมาของชายแปลกหน้าก่อนจะถอยหลังห่างออกมายกมือขึ้นกอดตัวเองและกระเป๋าสะพานหลังเอาไว้แนบอก
ร่างสูงใหญ่ใบหน้าบ่งบอกเชื้อชาติยุโรปชัดเจน จมูกโด่งเป็นสัน ตาคมดุสีฟ้าทรงเสน่ห์ที่มองสบมากำลังเขย่าหัวใจดวงน้อยบางใสให้สั่นคลอน ใบหน้าหล่อเหลามีหนวดเครารกครึ้มช่วยเสริมให้อีกฝ่ายดูดุดันน่าเกรงขาม และสูงวัย!
หล่อจัง! หัวใจสาวน้อยวัยกระเต๊าะเต้นตึกตักจนแทบระเบิด ใบหน้าเข้มดุที่กำลังจ้องมองเธอเหมือนคาดโทษทว่าทรงเสน่ห์เหลือเกิน เกิดมาจะอายุครบ 22 อีกไม่กี่วันยังไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนหล่อ เข้ม ดุดัน น่าเกรงขามแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบนี้มาก่อน สาวน้อยวัยใสที่ไม่เคยพาลพบชายใดอย่างใกล้ชิดถึงกับตะลึงค้างกลางอากาศ
ทำไมเขาหล่อจัง!
“เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมให้ผู้ชายมาส่งถึงบ้าน”
เอ๋ เอ๊ะ?
อารมณ์เคลิบเคลิ้มชวนฝันกับใบหน้าหล่อเหลาของคนมาใหม่หายไปทันที บัวสวรรค์เบ้ปากเล็กน้อย เสียงห้วนสั้นและคำถามชวนหาเรื่องของผู้ชายตรงหน้าทำให้เธอขุ่นเคือง ทว่ากลับแปลกใจกับภาษาไทยที่เขาเอ่ย มันชัดเจนไม่มีผิดเพี้ยนหรือสำเหนียงแปลกหูแต่กลับพูดออกมาราวกับเป็นคนไทยแท้ๆ หากไม่นับหน้าตาฝรั่งแท้ๆ ของเขา
“ฉันถามได้ยินไหม?”
อัลเฟรโด้ยืนจ้องร่างเล็กบางที่กำลังทำหน้ามุ่ยใส่ด้วยท่าทางเคร่งขรึม ความหงุดหงิดกับภาพความสนิทสนมของเธอและผู้ชายคนนั้นมันวนเวียนสร้างความปั่นป่วนหัวใจเขาจนถึงตอนนี้ถ้าทำได้เขาอยากจะจับยัยตัวจ้อยตรงหน้าอุ้มพาดบ่าพากลับไปตีก้นให้หายหมั่นเขี้ยวที่คโรงแรมเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่เพราะคำว่ายังไม่พร้อม มันยังเร็วเกินไปที่จะแสดงตัวหรือพูดอะไรในเวลานี้ รอ… เขาต้องรอ แต่เป็นการรออีกอึดใจเดียว
“อะ เอ่อ คือ?”
คืออะไรล่ะ? บัวสวรรค์ย่นจมูกเชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อยเมื่อคิดได้ว่าผู้ชายต่างชาติ ‘สูงวัย’ คนนี้ไม่ใช่คนที่เธอรู้จักหรือครอบครัวมักคุ้น เขาเป็นใครก็ไม่รู้ อยู่ๆ ก็เข้ามาถามคำถามบ้าบอชวนหาเรื่องกับเธอ
“ดึกดื่นป่านนี้ทำไมออกไปไหนมาไหนกับผู้ชาย กลับก็ดึก แถมยังให้ผู้ชายมาส่งถึงหน้าบ้าน”
ทั้งๆ ที่รู้ความจริงทุกอย่าง และรู้มาตลอดว่าบัวสวรรค์ทำงานขยันขันแข็ง กลับบ้านดึกดื่นเพื่ออะไร แต่คนแกล้งตีหน้าดุที่กำลังกลั้นยิ้มเมื่อคำถามชวนหาเรื่องของตัวเองกำลังส่งผลให้แม่ตัวจ้อยไม่พอใจขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักบูดบึ้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เขากลับมองว่ามันน่ารัก และ… น่าแกล้ง ในที่สุดรอยยิ้มกว้างที่สุดที่เขาเคยมีก็ปรากฏขึ้นบนในหน้าหล่อเหลา อัลเฟรโด้ไม่แน่ใจว่าที่ตัวเองยิ้มเพราะขำสีหน้าตลกของยัยตัวจ้อยหรือเพราะว่ากำลังดีใจที่ได้พูดคุยกับคนตรงหน้ากันแน่ เขาชักจะเริ่มสับสนกับตัวเองแล้ว
บัวสวรรค์ตาโตกับรอยยิ้มหวานที่สะกดหัวใจสั่นไหวให้เต้นระทึก รอยยิ้มของเขาดูเหมือนรอยยิ้มเล็กๆ แต่กลับมีอำนาจทำให้หัวใจของเด็กผู้หญิงคนนึงเต้นดังจนแทบระเบิด
ยิ่งยิ้มยิ่งหล่อ โอ๊ย ทำไมเขาแซ่บขนาดนี้!
“ว่ายังไงยัยเด็กลามก น้ำลายเธอไหลยืดจนจะย้อยลงมาถึงคอแล้ว”
