บทที่ 4 4
“แต่...” หญิงสาวอยากจะเอ่ยค้านแต่คุณนายปภาสวนกลับเสียก่อน “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ไหนลองเรียกสิคุณแม่”
“เอ่อ... ค่ะคุณแม่” หญิงสาวอึกอักเล็กน้อยก่อนจะเรียกสรรพนามใหม่ตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ สองสาวต่างวัยช่วยกันล้างจานจนเรียบร้อยระหว่างที่กำลังทำก็ชวนกันคุยไปมาจนมาถึงคำถามนี้
“วันนี้หนูจะออกไปไหนไหมลูก”
“วันนี้วันลาค่ะ ภัคว่าจะไปหายายที่โรงพยาบาล” หญิงสาวตอบไปตามความจริง วันนี้เป็นวันลาอีกวันของเธอเพราะเธอนั้นลามาเพื่อแต่งงานกับ ปริภัทร์และจะไปหายายเพื่ออยู่เป็นเพื่อนของยายระหว่างรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
“แล้วหนูไปยังไงลูก” นางถามด้วยความใคร่รู้ว่าเด็กน้อยกตัญญูนั้นเดินทางไปอย่างไร
“ภัคไปแท็กซี่ค่ะ สะดวกดีค่ะ”
“ไม่ได้แท็กซี่สมัยนี้มันอันตรายจะตาย เดี๋ยวแม่ไปด้วยอยากไปเยี่ยมยายของหนูพอดี”
“งั้นก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยเสียงอ่อนหวานพร้อมกับความนอบน้อมเกรงใจที่มีเพราะบุคคลตรงหน้านี้นั้นช่วยเหลือเธอมามากแล้วเทียบกับที่เธอเคยช่วยท่านทั้งสองมันน้อยนิดเหลือเกิน จากนั้นทั้งสามก็พากันเดินทางไปยังโรงพยาบาลที่รักษาตัวของยายภัคพิญาทันที แต่ก่อนจะออกจากบ้านั้นก็เจอกับปริภัทรที่ท่าทางไม่พอใจกับเมียแต่งคนที่นางหามองหญิงสาวด้วยแววตาเกลียดชังคนตรงหน้าเหลือเกิน
“แล้วนั่นจะไปไหนหรือเจ้าปัท”แต่ถ้าหากผู้เป็นพ่อไม่ถามเขาคงไม่ตอบอะไรและออกจากบ้านไป
“ไปทำงานสิครับคุณพ่อ ผมไม่ได้ว่างนักหน้าเหมือนใครบางคน”
ตอบคำถามบิดดาแต่ก็ไม่วายที่จะเหน็บแนม
“นี่ตาปัทพูดจาให้มันดี ๆ หน่อย” ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไรยกมือไหว้บิดามารดาแล้วออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วทันใจ
“ไม่ต้องไปคิดมากกับคำพูดของตาปัทนะลูก” หญิงสาวพยักหน้าและส่งยิ้มให้คุณนายปภาราวกับว่าเธอไม่เป็นอะไรสบายมากอีกไม่นานคงหมด
ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“ฮัลโหล ว่ายังไง ฉันกำลังไปรอฉันก่อน” เสียงโทรศัพท์มือถือกำลังส่งสัญญาณสั่นไหวแจ้งเตือนบอกว่ากำลังมีสายเข้าแทนการเปิดเสียง ภัคพิญาเปิดกระเป๋าสะพายใบน้อยสีขาวออกแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมารับสายในขณะที่กำลังขึ้นบันไดเลื่อนของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
เท้าเรียวบางสวมรองเท้าส้นเตี้ยเดินไปตามทางสายตาก็สอดส่องมองหาร้านอาหารที่เป็นที่นัดหมายสำหรับวันนี้ วันนี้เป็นวันแรกที่เธอนั้นออกมาพบปะกับเพื่อนหลังจากที่ไม่ได้พบหน้าท่าตามาร่วม ๆ สองเดือนแต่ว่าก็ได้เจอกันในวันแต่งงานของเธอกับปริภัทร์เมื่อสองวันที่ผ่านมา ไม่นานภัคพิญาก็เดินตามหาร้านอาหารไทย-อิตาเลียนที่นัดกับกลุ่มเพื่อนสนิทเธอเอาไว้จนพบ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในร้านทันที
“สวัสดีค่ะ คุณลูกค้าได้จองโต๊ะไว้ไหมคะ” พนักงานต้อนรับถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสุภาพ ภัคพิญาส่งยิ้มให้พนักงานคนดังกล่าวแล้วตอบคำถามเธอกลับไป
“จองไว้ชื่อคุณบุญญาวีร์ค่ะ” บอกกับพนักงานเสียงหวานท่าทาง
นอบน้อม
“เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานสาวพยักหน้ารับก่อนจะผายมือเดินนำ
หญิงสาวไปยังโต๊ะที่ได้จองเอาไว้ แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าเพื่อนของเธอนั้นยังไม่มีใครมาเลยสักคนไม่ว่าจะเป็น กรรณิการ์ อธิกร หรือ บุญญาวีร์ ที่เป็นคนจองโต๊ะอาหารก็ตาม ภัคพิญาจึงเลื่อนเก้าอี้แล้วหย่อนกายนั่งลงมองไปยังรอบ ๆ ร้านอาหาร ไม่นานนักพนักงานบริการของร้านเดินเข้ามาหาเธอที่โต๊ะพร้อมหันถามเธอว่า
“คุณลูกค้าจะสั่งอาหารเลยไหมครับ”
“อ๋อสักครู่นะคะ พอดีเพื่อนขอองฉันยังไม่มา เดี๋ยวเรียกใหม่นะคะ”
หญิงสาวตอบกลับพนักงานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ได้ครับ” พนักงานชายคนนั้นค้อมศีรษะลงเล็กน้อยให้กับลูกค้าสาว คล้อยหลังพนักงานเดินออกห่างจากโต๊ะของเธอไป มือเรียวเปิดกระเป๋าของตนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นเปิดเข้าแอปพลิเคชันยอดฮิตเพื่อที่จะส่งข้อความถามเพื่อนของเธอว่าถึงไหนแล้วแต่ยังไม่ทันที่จะได้พิมพ์ข้อความเพื่อนของเธอก็โทรเข้ามาพอดี
“ฮัลโหลว่ายังไง”
“ฉันกำลังจะถึงร้านแล้วนะ แกอยู่ไหนยายภัค” ปลายสายบอกตอบกลับภัคพิญา
“ฉันถึงร้านแล้ว ฉันก็คิดว่าพวกแกจะมาถึงก่อนฉันนะยัยฝ้าย”
“รอฉันก่อน รถมันติดมาเลย ยัยบุญกับแม่เมนี่กำลังไป เสร็จธุระแล้วฉันจะรีบตามไป” กรรณิการ์บอกกับภัคพิญาเสียงอ้อน
“โอเคเดี๋ยวนั่งรอ” หญิงสาวตอบกลับเพื่อนเพื่อไม่ให้กรรณิการ์นั้นรู้สึกผิด พลันสายตามองไปยังภายในร้านเพื่อนของเธอเดินเข้ามาพอดี
“ขับรถดี ๆ แล้วกัน เมนี่กับบุญมาแล้ว”
“โอเคยายภัค สั่งอาหารไว้ให้ฝ้ายด้วยนะ” หญิงสาวตอบกลับก่อน
กดวางสายแล้วหันไปหาผู้มาใหม่
“กว่าจะมาได้นะ นึกว่าจะเทนัดกันซะแล้ว” ภัคพิญสาหันหน้าไปทางผู้มาใหม่ทั้งสองอย่างอธิกรกับบุญญาวีร์บอกอย่างไม่ติดใจพลางทำใบหน้า
บึ้งตึงใส่เล็กน้อย
“โอ๋ ๆ ไม่น้อยใจนะ ทำไมคนเพิ่งแต่งงานขี้ใจน้อยจัง” เสียงแซวของบุญญาวีร์วางของแล้วจับที่แก้มของเพื่อนทันที
“ไม่ต้องมาพูดเลย” ใบหน้าหวานใสตอบอย่างแสนงอนก่อนที่อธิกรที่นั่งตรงข้ามจะว่าสมทบอีกครั้ง
“แหม เมื่อคืนเจ้าบ่าวไม่จัดให้เหรอจ๊ะถึงได้หน้างอขนาดนี้” อธิกรหรือเมนี่สาวสองร่างเป็นชายใจเป็นหญิงสวยเชิดเอ่ยแซวอย่างเป็นจริตจะก้านของตัวเองแต่ผิดกับการแต่งตัวที่แสนจะมาดแมนของนาง
“นี่หยุดพูดเลยนะ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเสียหน่อย”
“ทำไมจะไม่เกี่ยวในเมื่อคุณปัทเขาเป็นสามีแกนี่ยะ”
