บทที่ 5 5
“เขาเป็นสามีฉันก็จริง... แต่พวกแกก็รู้ว่าฉันแต่งงานกับเขาเพราะอะไร” เมนี่กำลังจะว่าต่อแต่ถูกบุญญาวีร์เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน “นี่เมนี่แกก็อย่าไปแซวมันสิ ฉันว่ามาสั่งข้าวกันดีกว่า” ทั้งสามพยักหน้าอย่างตกลงและ
สั่งอาหารรอกรรณิการ์และคุยกันไปพลาง จวบจนภัคพิญาที่เพิ่งจะมาสังเกตการณ์แต่งตัวของของเพื่อน
“เมนี่ ทำไมวันนี้แต่งตัวแมนจัง” ภัคพิญาเปิดประเด็นถามและ
บุญญาวีร์ก็เหมือนจะเห็นด้วยกับคำถามนี้
“นั่นสิแมนผิดสังเกต”
“วันนี้ฉันไปขายงานกับลูกค้าย่ะ เลยต้องเป็นทางการนิดหน่อย”
ไม่นานนักกรรณิการ์เดินเข้ามาภายในร้าน และอาหารที่ทั้งสามคนได้สั่งไว้ก่อนหน้านี้ก็มาถึง จากนั้นลงมือทานอาหารกันและพากันเดินซื้อของชอปปิงตามประสาสาว ๆ ผิดกับภัคพิญาที่เดินเฉย ๆ ไม่ได้ซื้ออะไรนอกจากของที่จำเป็นถึงแม้ว่าเธอจะมีงานประจำทำก็ตามแต่จะใช้เงินฟุ่มเฟือยไม่ได้ เธอต้องแบ่งเงินเพื่อไปรักษาอาการป่วยของยายเธอด้วย พลันสายตาหวานมองไปยังอีกฟากของร้านที่เธออยู่ สายตาสองคู่สบตากันเล็กน้อยแล้วเดินผ่านไปมองด้วยสายตายากที่จะอธิบายกับความรู้สึกที่เป็น
อีกฟากหนึ่ง ภายในร้านเสื้อผ้าแบรนด์หรูที่มือชื่อเสียงโด่งดังผู้คนมากมายต่างรู้จัก ชายหญิงคู่หนึ่งเดินควงคู่กันเข้าไปในร้านแห่งนี้ พนักงานต่างคอยดูแลลูกค้าที่เป็นนางแบบสาวแถวหน้าอย่างดีที่เดินควงคู่มากับ
ปริภัทร์ พรหมพิริยะ ที่เพิ่งแต่งานไปเมื่อไม่นาน เขามากับนางแบบสาวแน่นอนไม่วายที่จะมีคนติฉินนินทา
“ปัทคะ… ปัทว่าชุดนี้สวยเหมาะกับแพนไหมคะ” แพน กวิตา นางแบบสาวชื่อดังเอ่ยถามความคิดเห็นชายหนุ่ม
“สวยครับแพน ชุดไหนผมว่าก็เหมาะกับแพนทั้งนั้นแหละครับ” เขาว่าพลางสอดส่ายส่ายตาไปรอบ ๆ แต่พลันสายตาสะดุดกับร่างบอบบางของภัคพิญา เมียแต่งของเขาเดินเคียงคู่ควงแขนอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่เขาไม่รู้ว่าใคร สายตาของเขาและเธอสบประสานกันครู่หนึ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ชายหนุ่มมองตามสองร่างด้วยความสงสัย แล้วค่อยหันมาสนใจคนที่กำลังเลือกของ
“ชุดนี้สวยไหมคะ ปัท” เขามักจะได้ยินคำถามเหล่านี้เสมอเมื่อมาเลือกซื้อของกับเจ้าหล่อน
“สวยครับ ว่าแต่เลือกได้หรือยัง”
“ได้แล้วค่ะ แพนขอไปจ่ายเงินก่อนนะคะ”
“ไม่เป็นไรฉันจัดการให้” กวิตายิ้มพรายออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางแบบสาวว่าไปแบบนั้นเพราะหล่อนรู้เมื่อเธอจะจ่ายทีไรชายหนุ่มมัก
จะเป็นคนจัดการค่าใช้จ่ายให้เสมอ
“แต่ว่า” เจ้าหล่อนกำลังจะแย้งแต่ถูกเข้าตัดบทโดยการเดินไปจ่ายเงินและถือถุงเสื้อผ้าของเธอไว้ในมือก่อนจะเอ่ยถามเจ้าหล่อนว่าเวลานี้ก็ใกล้จะเย็นแล้วหิวหรืออยากหาอะไรทานหรือไม่ซึ่งเขาก็ตามใจหล่อนอยากจะกินหรือซื้ออะไรเขาพาเธอไปทุกที่หลังจากที่ทั้งสองรับประทานอาหารเย็นเรียบร้อย ปริภัทร์ขับรถไปส่งกวิตาที่คอนโดมิเนียมหรูของหล่อน
นางแบบสาวออดอ้อนให้ชายหนุ่มนอนค้างกับเธอเหมือนทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้เขาปฏิเสธหล่อนไปโดยอ้างเหตุผลว่าเขามีงานที่ต้องจัดการโดยให้ลูกน้องเอาไปให้ที่บ้าน แต่จริง ๆ แล้วเขาอยากจะไปจัดการอะไรบางอย่างเท่านั้น หล่อนจำต้องปล่อยชายหนุ่มไปด้วยความเสียดาย
แสงสีนวลของดวงจันทร์ที่ลอยเด่นดั่งราชินีเป็นสง่าท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิดส่องสว่างเหมือนดั่งเช่นทุกค่ำคืน รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นแล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าประตูเหล็กบานใหญ่ไม่นานร่างเล็กของภัคพิญาก้าวขาลงจากรถคันนั้น หญิงสาวเคาะกระจกรถสองถึงสามครั้งคนภายในรถก็ลดกระจกลงแล้วก้มตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกัน
“ขอบใจนะที่แวะไปรับที่โรงพยาบาลน่ะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างขอบคุณคนตรงหน้าหลังจากที่เธอนั้นนัดทานข้าวกับเพื่อนและชอปปิงแล้วภัคพิญาก็กลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงยาย
“ไม่เป็นไรหรอกย่ะ คราวหน้าคราวหลังก็อ้อนผัวให้ผัวซื้อรถให้สิยะ” เอ่ยออกไปอย่างหยอดเย้าเพื่อนของอธิกร
“หยุดพูดเลย ขอบใจที่มาส่งนะ”
“ไม่เป็นไร รีบเข้าบ้านไป เดี๋ยวผัวรอ” หญิงสาวพยักหน้าโบกมือขึ้นไปมาจากนั้นอธิกรเลื่อนกระจกรถขึ้นแล้วขับออกไป แน่นอนว่าเวลานี้สามีของเธอนั้นยังคงไม่กลับบ้านเพราะรถสปอร์ตคันหรูที่เขาใช้ขับประจำของนั้นไม่ได้จอดอยู่ภายในโรงจอดรถ ภัคพิญาเปิดประตูรั้วเหล็กบานเล็กที่อยู่ข้างบ้านออกและเดินเข้าไปโดยไม่ลืมตรวจตราล็อกให้เรียบร้อย
